ปัง! ปัง! ปัง!
เย่ชิงหานใช้ดาบสังหารเทพฟันกวาดเผ่าปีศาจแถวหน้าที่ถูกเนตรสยบิญญาทำให้มึนงงกระเด็นถอยกลับไป ทำให้เผ่าคนเถื่อนและคนของนครแห่งเทพสะดุ้งใจนหยุดชะงักอยู่กับที่ จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เื่ราวยังไม่จบทุกท่านอย่าเพิ่งเร่งรีบจากไปถึงเพียงนั้น อย่างน้อยทุกท่านก็อยู่ดูสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดของูเาสุสานทวยเทพก่อนจะเป็ไรไป?”
พูดเป็เล่น! เย่ชิงหานแน่นอนว่าไม่ใช่คนโง่ ถ้าปล่อยให้พวกเขากลับออกไปทั้งๆ อย่างนี้แล้วเมื่อตนเองออกไปคงถูกคนทั่วทั้งทวีปตามไล่ล่าแน่นอน เพราะเมื่อเขาออกไปคนทั่วทั้งทวีปจะต้องคิดว่าสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดถูกตนเองแล้ว แม้ตระกูลเย่จะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพคนหนึ่งและลู่ซีก็ตามคอยปกป้องคุ้มครองเขาอยู่ แต่การถูกคนหมายหัวคงไม่ดีเท่าไร ต้องมาคอยผวาตื่นขึ้นกลางดึกเพราะเดี๋ยวก็มีนักฆ่าโผล่ออกมาอยู่เนืองๆ เช่นนี้คงไม่ดีแน่ ดังนั้นเมื่อสักครู่เขาจึงทำการส่งกระแสเสียงพูดคุยกับลู่ซีปรึกษาหารือกันว่าจะแสดงละครขึ้นมาสักฉากหนึ่ง
“อ้อออ...เปิดหูเปิดตาสักหน่อยก็ไม่เลว!” หมันก้านเห็นเย่ชิงหานลงมืออีกครั้งคิดว่าเย่ชิงหานคงเปลี่ยนใจแน่แล้ว ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีขึ้นในทันที แต่เมื่อฟังจบจึงได้ยิ้มขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน
“นายน้อยหานพูดออกมาถึงเพียงนี้แล้วพวกข้าจะไม่ทำตามได้อย่างไร!” เผ่าปีศาจไม่อิดออดรีบรับคำขึ้น เพราะตอนนี้กำลังรบของพวกเขาอ่อนด้อยมากที่สุด
“ตกลง!” คนของนครแห่งเทพก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก ทำเพียงแค่เดินกลับไปอย่างจำใจ
.................................
ผ่านไปสักพักกำหนดเวลาครึ่งชั่วโมงก็สิ้นสุดลง ภายในห้องโถงใหญ่ััได้ถึงกลิ่นไอพลังที่แข็งแกร่งทรงพลังสายหนึ่ง มันคือกลิ่นไอพลังแห่งเทพ จากนั้นเสียงพูดที่ฟังดูสนุกสนานสายหนึ่งดังขึ้น “กำหนดเวลาสิ้นสุดลงแล้ว สมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดจะตกเป็ของผู้ที่แย่งชิงสมบัติของล้ำค่ามาได้มากที่สุด แต่แน่นอนว่าจะมีโอกาสได้รับหรือไม่นั้นคงต้องอยู่ที่โชคชะตาวาสนาด้วย! ฮ่าๆ ข้าผู้นี้ขอตัวจากไปก่อนละ...”
กระบี่สีขาวงดงามเล่มหนึ่งที่มีกลิ่นไอพลังัไหลเวียนวนรอบตัวกระบี่ลอยเข้ามาหาเย่ชิงหาน เย่ชิงหานสีหน้าแสดงความปีติยินดีรีบใช้ท่าเปลี่ยนรูปย้ายเงาเหาะลอยขึ้นไปกลางอากาศจับเอากระบี่ไว้ในมือแล้วกลับลงมา
มองดูกระบี่เทพที่ส่องแสงสว่างไสวลักษณะพลังอานุภาพยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดานั้น ผู้คนที่อยู่ภายในห้องโถงต่างมองด้วยสายตาละโมบอยากได้ นี่คือกระบี่เทพที่เล่าขานกันมาตลอด ต้องเข้าใจว่าทั่วทั้งทวีปัเพลิงนอกจากจ้าวเทวะของนครแห่งเทพและาาผู้ปกครองป่าดำมืดคนนั้นแล้ว นอกนั้นไม่มีใครมีของสิ่งนี้เลย มีของสิ่งนี้ไว้ในมือพลังโจมตีจะเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายเท่าตัว
แต่สีหน้าของเย่เชียงนั้นไม่ได้ละโมบอยากได้แต่กลับเต็มไปด้วยควยความปลื้มปีติยินดี ทั่วทั้งสรรพางค์กายสั่นเทิ้มรุนแรงขึ้นยิ่งกว่าเก่า ส่วนยอดฝีมือของตระกูลเย่ที่อยู่ด้านหลังล้วนปรากฏสีหน้าภาคภูมิใจออกมา สมบัติล้ำค่าระดับเทพชิ้นนี้เป็ของตระกูลเย่ ตระกูลเย่ของเรามีสมบัติล้ำค่าระดับเทพแล้ว!
ผ่านไปชั่วครู่สีหน้าของพวกเขาพลันต้องเปลี่ยนแปลงไปเพราะพวกเขาเห็นสีหน้าของเย่ชิงหานเปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนแปลงเป็ไม่น่าดูขึ้นมาพร้อมกับเหวี่ยงกระบี่เทพลงไปบนพื้นราวกับขยะแล้วร้องะโด่าขึ้น “ท่านผู้าุโ กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่ของจริง ท่านหลอกข้า!”
เอ่ออ...
มันเกิดอะไรขึ้น?
เย่ชิงหานเสียสติไปแล้วอย่างนั้นรึ? ทำไมเขาถึงโยนกระบี่เทพลงไปบนพื้น? ยังพูดอีกว่าเป็ของปลอม? กระบี่เทพมีของปลอมด้วยรึ? ดูแค่สี แค่แสง และลักษณะพลังที่แผ่ออกมาก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดาอยู่แล้ว!
“อ๊าาา...ชิงหาน เ้าทำอะไรน่ะ?” เย่เชียงเห็นดังนั้นร้องขึ้นด้วยความร้อนใจใบหน้าเปลี่ยนสีรีบเดินออกไปหยิบเอากระบี่เทพเล่มยาวที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างงุนงง
เย่ชิงหานยังไม่ได้ตอบกลับมายังคงชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับร้องคำรามด้วยความเดือดดาลออกมาอยู่เช่นนั้น เพียงแต่เทพผู้เฝ้ารักษาผู้นั้นไม่ได้ส่งเสียงกลับมาอีกแม้แต่น้อย คล้ายกับว่าได้จากไปแล้วฉันนั้น
ผ่านไปเนิ่นนานเย่ชิงหานถึงได้หันหน้ากลับมาด้วยความขุ่นเคืองแล้วพูดขึ้น “ท่านลุงสาม กระบี่เล่มนี้เป็ของปลอม ตอนที่ข้าอยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพก็เก็บได้เล่มหนึ่งเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อท่านลองใช้พลังปราณรบฟาดใส่กระบี่ดู!”
“หืม?” เย่เชียงกะพริบตาปริบๆ ยกมือซ้ายขึ้นอย่างไม่อยากที่จะเชื่อจากนั้นฟาดพลังปราณรบลงไปที่ตัวกระบี่เบาๆ
แชะ!
กระบี่เทพหักออกเป็สองท่อนในเวลาเดียวกันกับเสียงที่ดังขึ้น เผยให้เห็นแกนกลางดำมืดที่กลวงโบ๋
.................................
เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ พวกเขาไม่คาดคิดว่าสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดที่ต่อสู้แย่งชิงกันมาหลายพันปีท้ายที่สุดแล้วจะเป็ของปลอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังไม่ได้มีเล่มเดียวอีกด้วย?
“ผู้ที่ได้รับสมบัติของล้ำค่ามากที่สุดจะเป็ผู้ชนะและได้รับสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดไป ขอให้ทุกท่านโชคดี!”
“แต่แน่นอนว่าจะมีโอกาสได้หรือไม่นั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาวาสนาของคนผู้นั้นด้วย!”
มีโอกาส? โชคชะตาและวาสนา?
ในตอนนี้ทุกคนพลันนึกถึงคำพูดของเทพผู้เฝ้ารักษาที่พูดขึ้นมา ต่างล้วนคาดเดาอยู่ภายในใจว่า หรือว่ากระบี่เทพยังมีอีกหลายเล่ม? และเล่มจริงมีเพียงเล่มเดียว? แล้วเล่มที่เหลืออยู่ที่ใดกัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเล่มจริงๆ ล่ะอยู่ที่ใด?
แต่แน่นอนว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ส่งสายตามองมาที่เย่ชิงหาน ส่งสายตามองไปที่ดาบยาวเล่มสีดำมันขลับที่เขาสะพายเอาไว้ด้านหลังเล่มนั้น หรือว่านั่นถึงจะเป็กระบี่เทพที่แท้จริง?
“มองอะไรกัน? มารดามันเถอะดวงซวยจริงๆ...ทุกท่านข้าต้องขอโทษด้วยข้าอารมณ์ไม่ดี ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ดังนั้นทุกท่านไม่สามารถที่จะกลับไปทั้งๆ อย่างนี้ได้แล้วละ!”
เย่ชิงหานทำท่าทางะเิอารมณ์ขึ้นในทันที แต่ภายในใจนั้นอับจนปัญญาเป็อย่างยิ่ง เขาปรากฏตัวขึ้นภายในห้องโถงเอาดื้อๆ แล้วยังเล่นใหญ่เปิดเผยดาบสังหารเทพและแหวนมิติออกมาให้เห็นอีก คนอื่นไม่สงสัยสิถึงจะแปลก ตอนนี้จึงต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนสักหน่อยเพื่อไม่ให้พวกเขาเกิดความสงสัยขึ้นมามากกว่านี้
“ฮะ...!”
เมื่อเย่ชิงหานะเิอารมณ์เกรี้ยวกราดขึ้น หมันก้านสะดุ้งใขึ้นในทันที ไม่เล่นกันอย่างนี้ไม่ได้รึอย่างไร?
หมันก้านร้อนใจขึ้นคนแรก เขาไม่อยากจะถูกเย่ชิงหานตัดนิ้วกลางขาดไปอีกข้าง หรือถูกตัดขาที่สามทิ้งไปอะไรทำนองนั้น จึงรีบร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงโอญครวญ “นายน้อยเย่ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับข้า ท่านจะโกรธเดือดดาลแล้วมาระบายกับข้าไม่ได้ ข้ายังมีพ่อแม่มีลูกมีเมีย ถ้าหากข้าตายไปเมียอีกเป็ร้อยๆ ของข้าจะอยู่อย่างไร? พวกเขาจะอยู่โดยปราศจากพ่อปราศจากสามีไม่ได้เชียวนาาาา...”
“ใช่ๆๆ นายท่านเย่ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเป็ผู้ยิ่งใหญ่ก็ควรมีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับพวกข้าแม้แต่น้อย!”
“นายน้อยเย่ ท่านพูดแล้วจะกลับคำไม่ได้นา อีกอย่างพวกข้าล้วนไม่ได้ลงมือกับตระกูลเย่ของท่านเลย!”
“…”
ชั่วพริบตาเดียวผู้คนทั้งหมดมีทั้งประสานมือขึ้น มีทั้งโค้งคำนับลงและมีทั้งเช็ดน้ำตา ต่างล้วนทำการอ้อนวอนขอร้องขึ้นพร้อมๆ กัน
“ชิงหาน สิ่งใดผ่อนปรนได้ก็ควรผ่อนปรน เ้าคิดว่าอย่างไร...”
เย่เชียงก็ร้อนใจขึ้นเช่นกัน แม้จะไม่มีสมบัติล้ำค่าระดับเทพแต่อย่างน้อยเย่ชิงหานก็ปลอดภัยกลับมา อีกทั้งพลังฝีมือพัฒนาขึ้นมาจนแข็งแกร่งดุดันถึงเพียงนี้ หากคนของตระกูลเย่ได้รู้คงปีติยินดีโห่ร้องกันขึ้นก้องฟ้าเป็แน่ แต่ถ้าหากเย่ชิงหานสังหารเหล่ายอดฝีมือของขุมกำลังต่างๆ ตายทั้งหมด ต่อไปตระกูลเย่คงมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากแน่นอน...
“อืม...ในเมื่อท่านลุงสามเอ่ยปากพูดขอร้องออกมาเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้น...” เย่ชิงหานนิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงพูดขึ้น ทุกคนที่ได้ฟังพลันแสดงสีหน้ายินดีออกมา เพียงแต่วินาทีต่อมาสิ่งที่เย่ชิงหานพูดออกมานั้นทำให้จิตใจของทุกคนร่วงลงไปในก้นเหวลึกอีกครั้งหนึ่ง
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน...สมบัติล้ำค่าระดับวิเศษขึ้นไปที่มีอยู่บนตัวพวกเ้าโยนออกมาทางข้าให้หมด อย่าคิดที่จะแอบซุกซ่อนเอาไว้เพราะข้ายังอารมณ์ไม่ดีอยู่ ถ้าหากถูกข้าตรวจเจอละก็ ข้าคงจะต้องอารมณ์เสียขึ้นอีกแน่... สมบัติล้ำค่าเมื่อนำออกมาหมดแล้ว ทุกคนเอามือทั้งสองข้างวางไว้บนท้ายทอยแล้วเรียงเป็สามแถวเดินกันออกไป เดินกันดีๆ ให้เป็ระเบียบข้ายิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย พวกเ้าก็รู้ดี อย่าให้ข้าต้องคลั่งขึ้นมาอีก...”
ตึง ตึง!
เมื่อเย่ชิงหานพูดจบ ผู้คนจำนวนไม่น้อยในห้องโถงพลันต้องทรุดเข่าทั้งสองข้างลงไปที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ส่วนคนที่เหลือล้วนสีหน้าดำคล้ำ ทำกันเช่นนี้มันไม่ต่างจากการปล้นกันชัดๆ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้