บทที่ 1
ทุกเย็นวันศุกร์ห้องนอนสีฟ้าครามจะเป็ที่พักผ่อนอันเงียบสงบ ทว่าตอนนี้เสียงดังต๊อกแต๊กที่เกิดจากการพรมนิ้วไปบนแป้นพิมพ์อย่างไม่ปรานีกำลังขับไล่ความเงียบออกไปจากห้องนอนแสนรัก
เขากำลังเร่งทำงานวิชาภาษาอังกฤษที่อาจารย์สั่งมาเมื่อเช้า ทั้งที่อาจารย์กำหนดส่งตั้งอาทิตย์หน้า หากแต่เขาเป็พวกไม่ชอบค้างคา ถ้ามีเวลาว่างมากพอก็จะรีบเคลียร์ให้เสร็จ
ที่รักขะมักเขม้นอยู่หน้าโน้ตบุ๊กั้แ่กลับมาจากมหา’ ลัย จนในที่สุดมือเรียวข้างหนึ่งก็ละออกจากแป้นพิมพ์เพื่อไปจับเมาส์กดปิดโปรแกรมเวิร์ดก่อนที่รอยยิ้มสดใสจะปรากฏเพราะความโล่งใจ
เสร็จจนได้…นึกว่าวันนี้จะไม่เสร็จซะแล้ว
Rrrrr
เสียงสั่นครืดของโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ เรียกความสนใจจากเขาได้เป็อย่างดี ที่รักหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นชื่อที่ระบุอยู่บนหน้าจอก่อนจะรับสาย
“ว่าไงครับคุณพันลี้ ~” เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสดใส ปลายสายคงเดาได้ว่าเขากำลังอารมณ์ดีอยู่ถึงได้หัวเราะหึ ๆ ตอบกลับมา
(อารมณ์ดีอย่างนี้ กูเดาว่ามึงเคลียร์งานเสร็จหมดแล้วแน่ ๆ)
“ไม่มีใครแสนรู้เท่ามึงละ”
(แน่นอน ไม่มีใครขยันเกินเพื่อนกูไง)
“กูไม่ชอบค้างคามึงก็รู้”
(ผิดกับกูเลยเนี่ย…ไม่ค้างงานแล้วจะขาดใจตาย)
“ฮ่า ๆ ” ที่รักหัวเราะร่าจนตาหยีพลางยกมืออีกข้างถอดแว่นสายตาออกแล้วเอาไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน
(ว่าแต่คืนนี้ลืมหรือเปล่า? หรือมึงจะไม่ไปก็ได้นะ เดี๋ยวพวกกูรับหน้าแทนเอง)
“ใจก็ไม่อยากไปหรอก อยากพักอะ แม่ก็เป็ห่วงด้วย แต่พี่โอ้มาตื๊อหลายรอบมากเลยว่ะ มึงก็เห็นใช่ไหม? ...อาทิตย์ที่ผ่านมากูไม่เคยใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเลย ถ้าไม่ไปกูคิดว่าหลังจากวันนี้เป็ต้นไป ชีวิตกูคงวุ่นวายเพราะพี่เขาแน่ ๆ ” พูดพลางถอนหายใจ และเพื่อนสนิทก็ตอบกลับด้วยการถอนหายใจเช่นกัน เราสองคนต่างเอือมระอากับรุ่นพี่คนนี้
(ไอ้ฉิบหาย เสือกเกิดมาหน้าตาน่ารักดีนัก คนแม่งก็ตามตื๊องี้แหละ)
“สรุปชมหรือด่า?”
(ชม ๆ …เออ แล้วบอกแม่หรือยังว่ากูไปด้วย เขาจะได้ไม่ห่วงมาก)
“บอกแล้ว เขาถึงให้ไปไง”
(แล้วพ่อมึงอะ รู้หรือเปล่า?)
“รู้ครับ ~”
(ไม่ใช่พ่อมึงพาลูกน้องไปลงร้านพี่กูนะเว้ย!)
“บ้าไง พ่อกูประจำอยู่นครปฐมโน่น…จะไปได้ไงล่ะ”
(ใครจะไปรู้ ขึ้นชื่อว่าตำรวจ หวงลูกทั้งนั้นแหละ)
“คิดมาก…แล้วมึงจะไปงานกี่โมง กูคงต้องไปก่อนอะ เดี๋ยวออกช้ากว่านี้แม่กูเปลี่ยนใจขึ้นมายุ่งเลยนะ” ที่รักพูดปนหัวเราะ
(คงไปถึง่สี่ทุ่มอะ ตอนนี้กำลังเตรียมออกจากระยองแล้ว)
“โอเค ~ ไว้เจอกัน” เขาเตรียมวางสายจากเพื่อนสนิท ทว่าถูกปลายสายรั้งไว้ด้วยเสียงดุ ๆ
(ไอ้แก้มย้อย มึงจำที่กูสั่งได้หรือเปล่า?)
และ แก้มย้อย ก็เป็สรรพนามที่พันลี้ชอบใช้เรียกแทนชื่อจริง ๆ ของเขา
“อะไรอะ?”
(ไอ้รัก!!)
คนขี้แกล้งหลุดขำพรืดเพราะยั่วอารมณ์เพื่อนได้สำเร็จ “ห้ามดื่มจนกว่ามึงจะมาถึงร้าน”
(เออ จำให้ขึ้นใจ…อย่าให้ฉายาเมาแล้วขี้อ้อนกลับมาดังตอนปีสองอีก กูจำได้ว่าตอนปีหนึ่งมึงโดนรุ่นพี่ล้อหนักมากจนแทบมุดแผ่นดินหนี)
“อย่ารื้อฟื้นดิ ขุดเก่งเหรอเราอะ”
(ฮ่า ๆ จอยชอบบอกว่ากูเป็ลูกอีช่างขุด)
“ก็จริง…เออ ๆ ไว้เจอกันนะ กูรีบไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน”
(โอเช)
ทันทีที่วางสายจากเพื่อน ที่รักก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนฝาผนังเพื่อคำนวณเวลา เข็มนาฬิกาตีบอกเวลาว่าอีกห้านาทีหนึ่งทุ่ม เขาเหลือเวลาอาบน้ำแต่งตัวแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นเพราะอยากจะไปถึงที่งานวันเกิดของรุ่นพี่ภายในสามทุ่ม จะได้หนีกลับเร็ว ๆ
แต่พอเหลือบไปเห็นเสื้อเชิ้ตสีกรมในซองพลาสติกสีใสที่ยังไม่ได้บรรจุลงกล่องเพื่อห่อกระดาษและติดโบว์เป็ของขวัญให้เ้าภาพ คนตัวเล็กก็ยกแขนทั้งสองข้างชูสูงเหนือหัวก่อนจะบิดกายไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อขับไล่ความี้เี
ไม่มีเวลาแล้วไอ้รัก…รีบ ๆ ไปอาบน้ำได้แล้วจะได้มาห่อของขวัญต่อ
ที่รักเตือนตัวเองในใจ รีบหยัดกายลุกออกจากเก้าอี้ เดินตรงไปที่ราวตากผ้าหน้าระเบียงเพื่อหยิบผ้าขนหนูก่อนจะเข้าห้องน้ำ
ไม่นานนักร่างบางเ้าของส่วนสูง 171 ซม. ก็ออกมาพร้อมกลิ่นหอมฟุ้ง ที่รักคว้าเสื้อยืดแขนยาวสีแดงออกมาจากตู้เสื้อผ้า เขาได้เสื้อแล้ว เหลือแต่เลือกกางเกงที่มีสีเหมาะกับเ้าเสื้อตัวนี้
ก๊อก ๆ
คนที่อยู่ด้านนอกกำลังขออนุญาตเ้าของห้องอย่างเขาอยู่ เสียงเคาะประตูไม่สามารถทำให้เขาละสายตาออกจากเสื้อผ้าในตู้ได้ ที่รักจึงเลือกขานตอบทั้งที่จ้องมองกางเกงของตัวเองที่แขวนเรียงรายอยู่ตรงหน้า
“เข้ามาได้เลย ไม่ได้ล็อก…”
“ให้ไปส่งไหม?”
เสียงเล็ก ๆ ที่แสนเรียบนิ่งและฝีเท้าหนัก ๆ ที่ดังขึ้นภายในห้องทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าผู้มาเยือนคือใครโดยไม่ต้องหันไปมอง
“ไม่เป็ไร เดี๋ยวรักไปเอง”
“เด๋อ ๆ แบบแกฉันไม่กล้าปล่อยให้เดินทางคนเดียวตอนกลางคืนหรอก เดี๋ยวไปส่ง”
“ห่วงก็บอกว่าห่วง ~ กับน้องยังปากหนักนะ” พูดหยอกอีกฝ่ายเสร็จ ที่รักก็คว้ากางเกงยีนส์ขายาวสีดำที่พ่อซื้อให้เป็ของขวัญวันเกิดออกมาจากตู้ “พี่เบบว่ารักใส่กางเกงตัวนี้ดีปะ?”
“แกจะไปงานวันเกิดไอ้โอ้จริง ๆ เหรอ?” นอกจากตอบไม่ตรงคำถามแล้วยังย้อนถามอีก
หากพี่โอ้ได้ยินรุ่นน้องปีสามในสาขาที่เป็เพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ พูดถึงตัวเองโดยปราศจากการเคารพนับถือเช่นนี้ เขาคิดว่ารุ่นพี่ที่ได้รับฉายานามว่า ‘โอ้คนจริง’ คงหัวเสียไม่น้อย แต่ตอนนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน ประโยคคำพูดนี้จึงกลายเป็ที่น่าขำขันมากกว่าการหยามเกียรติรุ่นพี่
เบบนั่งกอดอกมองน้องชายดึงผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มท่อนล่างออกเมื่อเ้าตัวสวมเสื้อและกางเกงเสร็จ ที่รักตอบเธอด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ นั่นยิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ไม่เข้าใจว่าที่รักไปขนนิสัยมองโลกในแง่ดีมาจากไหนเยอะแยะ ทั้งที่เธอคอยพร่ำพูดกรอกหูน้องมาตลอดว่าโลกนี้หาคนไว้ใจได้ยาก แต่ดูเหมือนว่าน้องชายนิสัยต่างขั้วจะไม่สนใจเลย เอาแต่มองโลกในแง่ดีและเด๋อไปวัน ๆ
โดยปกติแล้วเธอไม่ชอบยุ่งเื่ของคนอื่น แม้กระทั่งคนในครอบครัว แต่ทว่าครั้งนี้ที่ต้องยื่นมือเข้ามาเพราะประวัติของไอ้โอ้ไม่ใช่เล่น ๆ แฟนของเธอบอกว่ารุ่นพี่คนนี้ชอบหลอกฟันรุ่นน้อง พอได้เสพสุขจนสมใจแล้วก็ทิ้ง เบบไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีคนพวกนี้อยู่บนโลก และยิ่งไม่อยากเชื่อเข้าไปใหญ่ว่าเหยื่อรายล่าสุดที่ไอ้โอ้หมายตาจะเป็น้องตัวเอง
“รักจะรีบกลับ…ไม่ดื่มเยอะ อีกอย่างนะ ลี้ก็ไปด้วยไม่ต้องห่วงหรอก”
“ได้ข่าวว่าลี้ต้องขับรถมาจากระยองไม่ใช่หรือไง ไม่ได้อยู่ตัวติดกันตลอด แล้วจะไม่ให้เป็ห่วงได้ยังไง”
“ดีใจนะที่พี่เบบเป็ห่วงกัน”
“ก็แกเป็น้องฉันนะ”
เบบตอบก่อนจะพรูลมหายใจ เธอนั่งมองคนตัวผอมกับเสื้อแขนยาวสีแดงที่เธอเป็คนช่วยเลือกสีให้ตอนไปซื้อมันด้วยกันเดินไปหยิบอุปกรณ์ต่าง ๆ เตรียมห่อของขวัญให้ไอ้เ้าภาพหน้าหม้อ ที่รักทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น ยอมเสียสละให้เธอได้นั่งสบาย ๆ บนโต๊ะโดยไม่ทวงสิทธิ์ความเป็เ้าของห้องเลยสักนิด
กระดาษห่อของขวัญสีฟ้าลายดอกไม้ถูกมือเรียวกางออกจนสุดความกว้างก่อนที่กล่องกระดาษสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลจะวางแนบลงเพื่อวัดสัดส่วนให้พอดี น้องชายเงยหน้าขึ้นมองเธอเป็ระยะ บ้างก็ส่งยิ้มหวานให้เพื่อเอาใจ เธอเป็คนใจแข็งชนิดก้อนหินเรียกพี่ แต่ถ้าเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของน้องชายเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะหงุดหงิดหรือโมโหแค่ไหนก็ใจอ่อนให้ทุกที
นิสัยของเราสองคนต่างกันราวฟ้ากับเหว
เธอเืร้อน ห้าว ๆ และลุย ๆ คล้ายผู้ชาย
แต่ที่รักนั้น…ขี้อ้อน อ่อนโยน และสดใสสุด ๆ
จนบางทีพ่อกับแม่ยังคิดว่าเราสองคนควรสลับร่างกัน…
“ไม่ต้องห่วงนะพี่เบบ รักจะระวังตัวดี ๆ เลย”
“…” หากว่าสิ่งที่ไอ้โอ้พูดคือความจริง เธอคิดว่าการไปงานวันเกิดของมันในครั้งนี้คุ้มค่า มันจะได้ไม่มายุ่งกับน้องเขาอีก แต่ถ้ามันไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้…คิดแล้วลมหายใจก็ถูกปล่อยมาอย่างแรงอีกครั้ง “ถ้าแม่งไม่เลิกยุ่งกับแกนะ ฉันจะไปต่อยหน้ามัน”
“ฮ่า ๆ พี่เบบ เป็ผู้หญิงจะไปต่อยผู้ชายได้ไง ให้รักจัดการเองไม่ต้องยุ่งหรอก นั่งสวย ๆ อยู่บ้านรอพี่ดอมนั้นแหละดีแล้ว”
“ผู้หญิงก็ต่อยได้เว้ย…ทำไมจะทำไม่ได้ แล้วที่ให้นั่งรอสวย ๆ แกเลิกคิดไปเลย พี่แกเคยมีมุมนี้กับเขาด้วยเหรอไง…”
ที่รักหัวเราะชอบใจก่อนพยักหน้าเห็นด้วย พี่สาวของเขาต่างจากผู้หญิงทั่ว ๆ ไป ไม่เคยแสดงมุมอ่อนหวานหรืออ่อนโยนเลย แม้กระทั่งกับแฟนตัวเองก็ยังทำตัวแข็งกระด้างใส่ แต่ที่พี่ดอมคบกับพี่สาวของเขามาได้นานถึงสามปีคงเป็เพราะความแตกต่างข้อนี้ละมั้ง ถึงพี่เบบจะทำตัวเ็า ปากหนัก ไร้ความรู้สึกอย่างไร แต่ลึก ๆ แล้วก็ยังมีมุมอ่อนไหวและอ่อนแออยู่บ้าง แค่ไม่แสดงออกให้คนอื่นเห็น คนที่สนิทเท่านั้นถึงจะรับรู้ได้ และอาจจะเป็เพราะนาน ๆ ครั้งคนประเภทนี้จะพูดคำว่า รักหรือเป็ห่วง มันเลยทำให้คนฟังอย่างเขาและพี่ดอมรู้สึกชื่นใจ
เรียกว่าเป็เสน่ห์ของคนซึนดีกว่า…ทำเป็ไม่สนใจ…ที่แท้ก็รักและเป็ห่วงแทบแย่
“รีบ ๆ ห่อให้เสร็จล่ะ เดี๋ยวฉันลงไปรอข้างล่าง”
“อ่าฮะ เดี๋ยวรักรีบตามลงไป”
กรรไกรด้ามคมบรรจงตัดตามเส้นตรงที่ถูกขีดไว้ ระหว่างทางที่โลหะมันวาวตัดแบ่งกระดาษออกเป็สองส่วน ที่รักภาวนาในใจขอไม่ให้เกิดเื่วุ่นวายกับเขาและเพื่อน แต่คำขอจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเมตตา
#กี่หมื่นฟ้า
ก่อนจะก้าวเท้าออกจากบ้าน ที่รักได้ไปขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านแล้ว ซึ่งก็คือแม่และปู่ ส่วนพ่อที่อยู่ต่างจังหวัดทำได้เพียงแค่โทรไปบอกว่าจะรีบกลับ ท่านจะได้ไม่ต้องห่วงมาก การจะออกจากบ้านของที่รักหลังพระอาทิตย์ตกดินในแต่ละครั้งยากเย็นเสียยิ่งกว่านักโทษแหกคุก หากเป็คนอื่นคงรู้สึกอึดอัดและขัดใจ แต่สำหรับเขาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ที่รักเข้าใจว่าทั้งหมดเป็เพราะพ่อแม่รักและเป็ห่วงมาก แล้วมันอาจจะดูแปลก ๆ ที่โตจนป่านนี้แถมเป็ลูกผู้ชาย แต่พ่อแม่หวงราวกับเป็ลูกสาว
ที่รักอยากจะบอกว่า…ลูกบ้านนี้ไม่ว่าจะโตแค่ไหน จะเป็ผู้หญิงหรือผู้ชาย
โดนหวงยิ่งกว่าไข่ในหินทุกคนโดยไม่แบ่งเพศและอายุ…
ที่รักมาถึงร้านที่นัดหมายในเวลาสองทุ่มกว่าเพราะรถติด เขาเลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานกว้างด้านหลังร้าน ทันทีที่รถจอดสนิทเขาก็เอื้อมมือเปิดไฟในรถเพื่อหากล่องของขวัญที่อยู่ด้านหลัง เสียงไลน์ที่ดังแจ้งเตือนตลอดเวลาทำให้เขาเริ่มลนลาน ที่รักเดาว่าเพื่อน ๆ ในกลุ่มคงกระหน่ำทักมาตามเพราะคิดว่าเขาจะชิ่งงานวันเกิดพี่โอ้
“รัก แกหาอะไร?”
“กล่องของขวัญไงพี่เบบ”
“เดี๋ยวก็เขกหัวให้เลย แกฝากฉันถือเนี่ย ไปหาข้างหลังทำไม?”
“อ้าว! เหรอ…นึกว่าโยนไว้เบาะหลัง” ที่รักรีบหันกลับไปมองที่เบาะข้าง ๆ คนขับ พี่สาวยกกล่องขึ้นสูงเตรียมจะทุ่มใส่หัวเขาอย่างที่เ้าตัวขู่ นับวันเขายิ่งเด๋ออย่างที่พี่เบบว่าจริง ๆ
“ไหวไหมวะรัก? วันนี้แกจะรอดกลับบ้านไหม?”
“ไหว ๆ เดี๋ยวรักไปก่อนพี่เบบ เพื่อนไลน์กันมาไม่หยุดเลยเนี่ย…”
“เข็มขัด ๆ …โว้ยยยยย ไอ้รัก มันยังไงวะ” เบบร้องทักเสียงดังเมื่อเห็นน้องชายเปิดประตูทำท่าจะลงจากรถทั้งที่ยังไม่ได้ปลดเข็มขัดนิรภัย ตอนแรกคิดว่าน้องจะเล่นมุก แต่คนอย่างที่รักคงจะเด๋อจริง ๆ นั่นแหละ
“เออ ๆ ลืมเลย แหะ ๆ ” คนโดนดุยิ้มแห้งรีบปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะลงจากรถ คนตัวเล็กเตรียมจะโกยเท้าวิ่งเข้าร้าน แต่โดนเสียงแตรรถรั้งไว้จนหัวแทบทิ่มลงพื้น
ที่รักหันขวับไปมองที่รถพี่สาว กระจกรถที่ถูกติดฟิล์มสีเข้มค่อย ๆ เลื่อนลงช้า ๆ เผยให้เห็นคนที่อยู่หลังพวงมาลัย ในตอนนี้พี่เบบเปลี่ยนมาประจำฝั่งคนขับแล้ว มือเรียวกวักเรียกเขา สายตาดุดันของพี่เบบทำให้รู้ว่า…ร่างพี่สาวจอมโหดกลับมาเต็มตัวแล้ว
คนตัวเล็กเดินกลับไปที่รถตามคำร้องเรียกของพี่สาว พี่เบบก้มหน้าหาอะไรสักอย่างก่อนที่ธนบัตรสีเทาจะถูกยื่นมาให้เขา ที่รักนิ่งเงียบก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เป็ไรพี่เบบ รักมีเงินติดตัวอยู่”
“เท่าไหร่?”
“พันกว่าบาทอะ ไม่ได้ใช้อะไรไง งานนี้พี่โอ้จ่าย รักไม่ต้องออกหรอก”
“เอาไปเผื่อ ถ้าไม่ได้ใช้ก็เอามาคืน”
“ไม่เป็ไรจริง ๆ ”
“รัก แค่เด๋อก็พอแล้ว แกอย่ามาขี้เถียงกับฉันได้ไหม เอาไป ๆ ” พี่เบบรีบยัดเงินใส่มือก่อนที่นิ้วเรียวจะยกขึ้นชี้หน้าเขา
“ห้ามเมาเละกลับมานะ ถ้ารู้ว่าไม่ไหวให้หยุดเข้าใจหรือเปล่า?”
“อ่าฮะ”
“ต่อให้รุ่นพี่ยัดเยียดให้ดื่มแค่ไหนก็เอาตามกำลังพอ…”
“อ่าฮะ”
“แล้วถ้ากลับไม่ไหวจริง ๆ ก็รออยู่ที่ร้าน แล้วโทรมาหาฉัน เดี๋ยวฉันมารับ บอกลี้ด้วยว่าไม่ต้องขับกลับถ้าเมาอะ…แต่ลี้มันก็นอนนี่ได้อยู่มั้ง ร้านพี่มันนิ”
“ใช่ ๆ ”
“เออ อีกกรณี…ถ้าเกิดมีเื่”
ที่รักหลุดหัวเราะออกมาเพราะความขี้คิดมากของพี่สาว พี่เบบไม่ต่างจากแม่นักหรอก แต่ก็ต้องหุบยิ้มฉับและตั้งใจฟังเพราะอีกฝ่ายถลึงตาใส่
“ไม่ตลกนะรัก เื่แบบนี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถ้าแกโดนตีนขึ้นมาฉันจะมาช่วยทันได้ไง”
“พี่เบบเป็ผู้หญิง มีเื่กันจริง ๆ ก็ช่วยไม่ได้อยู่แล้ว”
“ผู้หญิงนะไม่ใช่เด็กทารก อย่าดูถูกกันให้มาก… เข้าเื่ ถ้ามีเื่ให้รีบไปหาคนชื่อฟ้า เข้าใจปะ?”
“ฟ้า?”
“เออ หมื่นฟ้า พี่ชายไอ้พันลี้อะ”
“อ้าว ร้านนี้เป็ของพี่หมื่นฟ้าเหรอ?”
“โอ๊ย…ที่รัก แกมันเป็คนยังไง? รู้อะไรบ้างนอกจากไซซ์กางเกงในของตัวเอง”
“ไม่ ๆ อันนี้ไม่รู้จริง ๆ นะ เพราะว่าลี้เคยบอกว่าเ้าของร้านเหล้าแถวลาดพร้าวเป็ลูกพี่ลูกน้องของมัน ไม่เคยบอกว่าเป็ของพี่ชายแท้ ๆ นิ รักก็นึกว่าเป็ร้านของญาติมัน ไอ้ลี้นี่นะบอกไม่ละเอียดเลย”
“บอกไม่ละเอียดไม่พอ แกก็ไม่เคยจะสงสัยอะไรกับเขาเลย…ร้านของลูกพี่ลูกน้องมันก็อยู่แถวนี้จริง แต่ร้านนี้เป็ของฟ้า…สรุปฉันรู้เยอะกว่าแกอะ แกเป็เพื่อนกันประสาอะไร”
ที่รักหัวเราะร่า เขายอมรับว่าไม่ค่อยรู้เื่ของเพื่อนมากนัก นอกจากรู้ว่าพันลี้มีพี่ชายหนึ่งคนชื่อว่า หมื่นฟ้า พ่อกับแม่ของมันไม่ค่อยอยู่ประเทศไทย เพราะส่วนมากทำธุรกิจอยู่ที่ฮ่องกง มันอยู่บ้านคนเดียวบ่อย ๆ เพราะพี่ชายชอบไปนอนคอนโด แล้วทุกครั้งที่มันอยู่คนเดียวก็จะโทรมาบ่นกับเขาตลอด และก็รู้ว่าบ้านมันรวยมาก ๆ แต่เ้าตัวไม่ชอบอวด มักจะทำตัวติดดินมากกว่า คบกันมาตั้งหนึ่งปีรู้แค่นี้แหละ
ก็ไม่ชอบซักไซ้นิ…ถ้าเขาไม่เล่าให้ฟังก็ไม่อยากไปถาม
“โอเค ๆ จะไม่ดื่มเยอะจนเมาเละ และถ้ามีเื่จะไปหาคนชื่อฟ้า สบายใจยังพี่เบบ”
“อือ เข้าไปในร้านได้แล้ว”
“อื้อ”
พอที่รักหมุนตัวก้าวห่างจากรถของพี่สาว พวกบรรดาเพื่อน ๆ ก็เหมือนรู้ดั่งตาเห็น กระหน่ำทักไลน์กันมาไม่หยุดจนเสียงแจ้งเตือนดังระงม แต่เขาไม่ล้วงโทรศัพท์ออกมาดูหรอก อยากแกล้งให้พวกนั้นร้อนใจ คิดว่าเขาเบี้ยวนัด
เขาหยุดยืนอยู่กลางร้านเพื่อกวาดสายตามองหาคนรู้จัก ระหว่างนั้นก็ทำให้ที่รักได้เก็บภาพบรรยากาศภายในร้านไปด้วย ที่นี่ไม่สามารถเรียกว่าผับได้เต็มปาก เนื่องจากไม่ได้แออัดไปด้วยผู้คน ไม่มีกลิ่นบุหรี่ที่ฉุนจนแสบจมูก และไม่ได้มืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไร แถมเสียงดนตรีสดที่กำลังบรรเลงอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ดังเร้าก้อนเนื้อในอกให้เต้นตามจังหวะเพลง
ที่นี่มีโต๊ะให้ลูกค้านั่งเป็กิจจะลักษณะ โดยส่วนมากจะเป็โซนเอาท์ดอร์เกือบทั้งร้าน ไร้หลังคาบดบังผืนฟ้าสีหม่นในตอนกลางคืน ทำให้ภายในร้านไม่มืดและสว่างจนเกินไป มองเห็นภาพบรรยากาศได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องพยายาม และยังมีบาร์เหล้าให้สำหรับลูกค้าที่มาคนเดียวได้นั่งจิบเบียร์ฟังดนตรีสดไปเพลิน ๆ
ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง…
ก่อนจะชอบไปมากกว่านี้ เขาขอหาโต๊ะของเพื่อนให้เจอก่อน ดวงตาเรียวหรี่ลงเพื่อเพ่งมองระยะไกล
ใช่…สายตาสั้น แต่ดันลืมเอาแว่นมา -_-
แต่แขนยาว ๆ ของใครบางคนที่โบกไปมากลางอากาศทำให้เขารู้สึกชื้นใจ ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัด ทว่าที่รักมั่นใจว่าต้องเป็เพื่อนของตัวเองแน่นอน
“ไอ้รัก…ทางนี้โว้ย…”
เสียงะโของไทป์ที่ดังแข่งกับดนตรีทำให้เขายิ้มแก้มแทบปริ ท่อนขาเรียวก้าวฉับ ๆ มุ่งตรงไปที่โต๊ะด้านในที่เป็พื้นที่ส่วนตัวของลูกค้าวีไอพี ทันทีที่ไปถึงรุ่นพี่ปีสี่หลายคนที่เขารู้จักและไม่รู้จักต่างหันมามองเป็ตาเดียว ไทป์ที่นั่งอยู่จึงเอ่ยถามกับเขาเสียงแ่เบา
“ไอ้รัก หันหน้ามาสิ อะไรติดหน้ามึงหรือเปล่า?”
ยังไม่ทันจะหันหน้าไปหาไทป์ จอยก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็ห่วง “มึงอะไรติดหน้า มาให้กูเอาออกให้…ทำไมพวกพี่ต้องมองแก้มย้อยของกูขนาดนี้”
ที่รักกะพริบตาปริบ ๆ ไม่ได้หันหน้าไปหาเพื่อน เขารู้สึกเหมือนเป็ตัวประหลาดจึงก้มหน้าสังเกตความผิดปกติบนร่างกายของตัวเอง พลางยกมือลูบบนใบหน้าไปด้วย ทว่าไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากเดิม…แล้วทำไมเขาถึงโดนรุ่นพี่ทุกคนจ้องแบบนั้นล่ะ?
แต่ดีที่พี่โอ้เ้าของวันเกิดลุกขึ้นทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดนั้นเสียก่อน ถ้าหากโดนจ้องนานกว่านี้ ที่รักคิดว่าเขาคงวิ่งหนีออกนอกร้านแล้ว
“ที่รัก…พี่นึกว่าเราจะไม่มาแล้ว”
“นี่ครับ…ของขวัญพี่โอ้”
“ขอบคุณนะ ทีหลังไม่ต้องเอาของมาหรอก แค่เรามาพี่ก็ดีใจแล้ว”
“คะ ครับ”
ที่รักส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้รุ่นพี่ปีสี่ที่ไม่ค่อยสนิทสักเท่าไหร่ พี่โอ้รับกล่องของขวัญไปและขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้น ก่อนจะโน้มหน้าหล่อ ๆ มากระซิบเสียงแ่ที่ข้างหู
“ของขวัญที่มีค่าที่สุดในวันเกิดปีนี้คือการที่ที่รักมาหาพี่นะครับ”
คนตัวเล็กกว่าก้าวถอยหลัง สร้างระยะห่างระหว่างกันให้มากขึ้น พี่โอ้ทำเอาขนลุกชันไปทั้งตัวยิ่งกว่าตอนเข้าบ้านผีสิงซะอีก ไม่ใช่เพราะเป็เพศเดียวกันถึงทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างนี้ ที่รักโดนผู้ชายด้วยกันจีบั้แ่มัธยมปลายจนชินแล้ว และไม่เคยคิดรังเกียจคนที่รักเพศเดียวกันด้วย แต่เพราะประโยคคำพูดและน้ำเสียงแหบพร่าของพี่โอ้ต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกขนลุกขนพอง
“คะ ครับ ผมขอไปนั่งกับเพื่อนก่อนนะครับ”
“ไปนั่งกับพี่ที่หัวโต๊ะไหม? สนุกนะ”
“ไม่ดีกว่าครับ” ที่รักยิ้มตอบเป็มารยาททั้งที่อยากวิ่งหนีกลับบ้านใจจะขาด ถ้าไม่ติดว่าอยากให้รุ่นพี่น่ากลัวคนนี้ออกไปจากชีวิต เขาไม่มีทางพาตัวเองมาอยู่ในที่แบบนี้แน่ ๆ
คนตัวเล็กทิ้งตัวนั่งลงตรงกลางระหว่างไทป์และจอย ส่วนพี่โอ้กลับไปนั่งที่หัวโต๊ะซึ่งห่างจากเขาอยู่พอสมควร ดวงตาเรียวรีกวาดมองเพียงรอบเดียวก็พอจะรู้ว่ามีแค่พวกเขาเท่านั้นที่เป็รุ่นน้อง นอกนั้นแขกในโต๊ะราว ๆ ยี่สิบกว่าคนเป็รุ่นพี่หมดเลย ทั้งที่พี่โอ้บอกกับเขาว่าชวนรุ่นน้องปีสองแทบจะทุกคน แต่ทำไมถึงได้มีเพียงแค่กลุ่มเขาที่มาร่วมงาน ถึงจะเป็คนเด๋อ ๆ ไม่ค่อยคิดอะไรอย่างที่พี่เบบบอก แต่ครั้งนี้มันดูแปลกเกินกว่าจะปล่อยผ่าน
“กูกับจอยทั้งโทรทั้งไลน์หา เป็ห่าอะไรไม่อ่านไม่รับสายฮะ?”
ยังไม่ทันได้ตั้งสติดี ๆ ไทป์ก็เริ่มสวดทันที
“โธ่…ก็อยากแกล้งเล่นให้ร้อนใจไง อยากให้พวกมึงคิดว่ากูจะชิ่งหนีไม่มา”
“โอ๊ย อีแก้มย้อยของกูโคตรจะใสซื่อ…”
จอยว่าพลางเอื้อมมือไปหยิกแก้มนุ่ม ๆ ของเพื่อนตัวผอมที่ดันมีแก้มเยอะ ที่รักรู้สึกเจ็บจนจะทนไม่ไหว แต่เพราะว่ารักจอยมากถึงได้ยอมให้ดึงแก้มเล่นทุกวัน
“ก็ถ้ามึงอ่านไลน์หน่อยนะไอ้รัก มึงจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วพวกกูกะจะให้มึงชิ่งจริง ๆ ”
“จะ จริงเหรอ? แสดงว่ากูพลาดแล้วอะดิ”
จอยยิ้มเจื่อน ค่อย ๆ โน้มหน้าลงมากระซิบเสียงแ่ที่ข้างหูเขา “ใช่จ้ะ แก้มย้อย พวกเราพลาดท่าให้ไอ้พี่โอ้แล้ว”
ไทป์จ้องมองคนตัวเล็กกว่านั่งนิ่งเหมือนิญญาหลุดออกจากร่างไปแล้ว จอยก็ได้แต่ตบที่ไหล่แคบเบา ๆ เพื่อปลอบใจ
ที่รักไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะหลงกลพี่โอ้จริง ๆ ที่เขากล้ามาวันนี้เพราะคิดว่าเพื่อนรุ่นเดียวคงจะมาเยอะ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธคำชวนของพี่โอ้หรอก แต่แล้วทั้งหมดก็เป็เพียงคำโกหกของรุ่นพี่เท่านั้น
พี่โอ้โคตรเ้าเล่ห์เลย…
“กูกับจอยจะให้มึงชิ่งแล้วพวกกูจะนั่งกินเหล้าฟรีต่อสักหน่อย แต่ก็ต้องนั่งเปรี้ยวปากต่อไป เพราะถ้ามึงมาแล้ว ไอ้ลี้สั่งห้ามพวกกูดื่มเด็ดขาด”
“ทะ ทำไมวะ?”
“ก็จะไม่มีใครมีสติพอจะดูแลมึงไง” จอยช่วยอธิบายแทนไทป์
“กูว่าพวกเราไม่ต้องรอลี้มาหรอก กลับกันเลยดีกว่า มันดูแปลก ๆ แล้วอะ ขนาดเื่ชวนไม่ชวนรุ่นน้องมาพี่โอ้ยังโกหกเราได้ กูคิดว่าไอ้คำสัญญาที่บอกจะเลิกยุ่งกับกูคงไม่จริงแล้วแหละ”
ตอนนี้ที่รักรู้สึกกังวลปนขุ่นเคือง เขาอยากจะเดินไปตบหัวรุ่นพี่แรง ๆ สักทีที่กล้าเอาความไว้ใจของเขาไปเป็เครื่องมือล่อให้ออกมาหากัน แถมยังทำให้เขากลายเป็คนโง่อีก สมแล้วที่พี่โอ้โดนรุ่นน้องเกลียดแทบทั้งคณะ คงจะเว้นเขาอยู่คนหนึ่งที่ไม่มีอคติ ทว่าตอนนี้ที่รักเริ่มจะรู้สึกเหมือนคนอื่นแล้วสิ
“งั้นกูโทรบอกลี้เลยนะว่าไม่ต้องมาที่ร้านแล้ว”
“อื้อ…จอยลุกออกไปหาที่เงียบ ๆ โทรบอกลี้เลย มันจะได้ขับรถช้า ๆ ไม่ต้องรีบด้วย”
“โอเค” จอยพยักหน้ารับตามคำบอกของเพื่อนแก้มย้อย ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ
ไทป์กวาดสายตามองไปโดยรอบก็สะดุดกับสายตาเ้าเล่ห์ของไอ้พี่โอ้ที่จ้องมองที่รัก ไอ้หื่นนั่นมองราวกับอยากจะกลืนกินเพื่อนเขาไปทั้งตัว เห็นท่าไม่ดีเขาจึงกระแอมกระไอเสียงดังให้คนโดนลวนลามทางสายตารู้สึกตัว แต่ที่รักมันดันใสซื่อเกินกว่าจะเข้าใจสัญญาณเตือนภัยของเขา เ้าตัวกลับยื่นแก้วน้ำเปล่ามาให้เพราะคิดว่าเขาคอแห้ง ก่อนที่มันจะก้มหน้ากดโทรศัพท์ต่อ
โธ่…ไอ้แก้มย้อยเอ๊ย ไม่เคยรู้อะไรเลยจริง ๆ
“ไอ้รัก!” ไทป์ไม่ลดละความพยายาม เค้นเสียงลอดไรฟันเรียกเพื่อนอีกครั้ง
“ว่าไงไทป์ พูดมาเลย กูกำลังไลน์บอกพี่เบบอยู่ว่าจะกลับแล้ว”
“เงยหน้ามองกูไอ้หอกหัก”
ใบหน้าจิ้มลิ้มเกินกว่าจะเป็รูปหน้าของผู้ชายเงยขึ้นสบตากัน ในวินาทีนี้ไทป์ไม่คิดแปลกใจเลยที่ไอ้พี่โอ้จะชอบเพื่อนตัวเองเสียมากมาย คลั่งมันมากขนาดป่าวประกาศกับรุ่นน้องทั้งสามชั้นปีไปทั่วว่าชอบที่รักและกำลังตามจีบอยู่โดยไม่แคร์สายตาใคร กระทั่งไม่สนใจด้วยว่าเพื่อนเขาจะตอบรับคำสารภาพรักหรือเปล่า
คงเพราะไอ้แก้มย้อยของใคร ๆ น่ารักซะขนาดนี้…ที่รักก็เลยโดนรุมรักเป็ธรรมดา
“เงยหน้าแล้วไง ว่ายังไงไทป์?”
“ไอ้เหี้ยโอ้จ้องมึงจนจะท้องได้แล้วมั้ง”
ดวงตาเรียวรีค่อย ๆ ปรายตามองไปทางหัวโต๊ะ สังเกตอย่างที่เพื่อนบอก และแน่นอนว่าสายตาของใครบางคนที่อยู่ตรงนั้นกำลังจ้องมองเขาอยู่จริง ๆ ที่รักกลืนน้ำลายลงคอดังอึก รู้สึกปั่นป่วนในท้องอย่างบอกไม่ถูก เขาพยักหน้าส่งสัญญาณให้เพื่อนก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะ
อยู่ต่อไม่ไหวแล้ว…
“ไปหาจอยกัน”
“เออ ๆ ”
ขวับ!!
แต่ในจังหวะที่เขาและไทป์กำลังลุกออกจากโต๊ะ แขนข้างหนึ่งก็ถูกรั้งเอาไว้ ที่รักสะดุ้งด้วยความใก่อนหันไปมองว่าคนที่ออกแรงบีบแขนเขาในตอนนี้เป็ใคร
“พะ พี่โอ้”
“จะกลับแล้วเหรอครับ? ที่รักยังไม่ได้ดื่มอะไรเลยนะ มาแค่แป๊บเดียวเอง…อีกอย่างพี่ยังไม่ได้คุยกับรักเลยนะ”
“ก็…คุยกันไปแล้วไงครับ ตอนให้ของขวัญน่ะ”
“แค่นั้นเหรอ? ...เพื่อน ๆ พี่อยากคุยกับรักด้วยนะ ใช่ปะพวกมึง? …” พี่โอ้ว่าพลางหันไปหาบรรดาเพื่อน ของเขา
รุ่นพี่ทุกคนพร้อมใจกันผสานเสียงตอบรับ พร้อมร้องขอให้เขาอยู่ต่อ แต่พอเขาปฏิเสธทุกคนก็โห่ร้องเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ทว่าไทป์ไม่สนใจกับเสียงเร้าที่อยู่รอบกาย เพื่อนคว้าแขนอีกข้างของเขาและออกแรงดึงเล็กน้อยเพื่อให้หลุดจากการฉุดรั้งของพี่โอ้
“พี่สาวมันโทรตามแล้วพี่โอ้ ปล่อยมันกลับบ้านไปก่อนเหอะ ถ้าอยากคุยกับมันก็ค่อยคุยพรุ่งนี้แล้วกัน”
“ใช่ครับ พี่เบบโทรตามรักแล้วอะ”
“งั้นน้องรักดื่มวอดก้าแก้วนี้ให้หมดก่อน เดี๋ยวพี่ให้ไปเลย ถือว่าให้เกียรติเ้าของวันเกิดอย่างพี่”
ที่รักมองตามมือหนาที่คว้าแก้วช็อตเล็ก ๆ จากใครบางคนมายื่นให้ตนเอง เขาหลุบตามองน้ำสีใสที่มีกลิ่นฉุนตรงหน้า ที่รักพอจะรู้ว่ามันมีฤทธิ์ร้ายแรงแค่ไหน เพราะคนคอทองแดงอย่างพันลี้ยังสลบคาวงเหล้ามาแล้วเพราะวอดก้าขวดเดียว ไม่ต้องพูดถึงคนไม่ดื่มและแสนคออ่อนอย่างเขาหรอก
แค่ช็อตเดียว…ตื่นอีกทีพรุ่งนี้เลยหรือเปล่า
“ผมดื่มแทนมันเอง ไอ้รักมันไม่ดื่มแอลกอฮอล์”
“เสือกจังวะไทป์…” พี่โอ้พูดปนขำ แต่หากจับน้ำเสียงดี ๆ จะััได้ถึงความไม่พอใจ และเมื่อที่รักช้อนสายตามองอีกฝ่าย ทุกอย่างชัดเจนว่ารุ่นพี่กำลังโมโหเพราะแววตาดุดันที่จ้องเพื่อนเขาอยู่
“ก็ต้องเสือกดิพี่ มันเพื่อนผมอะ”
“งั้นเพื่อนกูก็คงอยากเสือกบ้างอะ…”
ทันทีที่พี่โอ้พูดจบ รุ่นพี่ปีสี่หลายคนก็ลุกจากเก้าอี้ตัวเองเดินมาประกบที่ด้านหลังของไทป์ ที่รักเห็นเพื่อนของพี่โอ้เอื้อมมือตบไหล่เพื่อนเป็เชิงบอกให้นั่งลง เขาเห็นท่าไม่ดีเลยสะบัดแขนออกจากรุ่นพี่อย่างแรง
“ผมไม่โอเค…ผมจะกลับ ให้เพื่อนพี่ออกห่างเพื่อนผมด้วย”
“พวกมึงออกไป…ออกห่าง ๆ น้องไทป์หน่อย ที่รักไม่ชอบ…แต่ที่รักอยู่คุยกับพี่อีกสักแป๊บได้ไหมครับ”
เขากำลังจะปฏิเสธอีกฝ่าย ทว่าไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอะไรพี่โอ้ก็ถือวิสาสะฉุดกระชากให้ไปนั่งที่หัวโต๊ะด้วยกัน และเป็เพราะว่าพี่โอ้เอาวอดก้าแก้วนั้นมาจ่อที่ปาก พร้อมพูดว่าไทป์จะปลอดภัย ถ้าเขาดื่มมันเข้าไป ที่รักเลยจำใจดื่มมันจนหมดแก้ว ที่เขายอมดื่มเพราะอยากยื้อเวลาให้พันลี้มาถึง ดีกว่าไทป์โดนลากไปทำอะไร
ถ้าเขายังพอมีบุญเก่าหลงเหลืออยู่บ้าง…เพื่อนคงมาช่วยทัน
เขารู้สึกขมจนแสบคอ แต่พี่โอ้ไม่ยอมส่งน้ำเปล่าให้ดื่ม กลับยื่นน้ำสีฟ้า ๆ ที่พอจะมีรสหวานให้แทน ที่รักก็จำใจดื่มไปอีกนิดเพื่อล้างคอ แต่มันไม่ได้ช่วยมากนัก เพราะไอ้น้ำหลากสีนี่ก็มีแอลกอฮอล์ปนอยู่เหมือนกัน
ในระหว่างนั้น…คำพูดของพี่เบบและพันลี้ก็วนเข้ามาในหัวตลอดเวลา ทั้งรู้สึกกลัวและรู้สึกผิดในคราวเดียวกัน ไม่นานนักสมองของเขาก็เริ่มมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขาเห็นไทป์พยายามลุกมาหาแต่โดนเพื่อนพี่โอ้นั่งล้อมไว้
ที่รักคิดหาวิธีเอาตัวรอดแทบจะทุกวินาที พี่โอ้ก็พูดบางอย่างกรอกหูรบกวนสมาธิตลอดเวลา เท่าที่เขาจับใจความได้ พี่โอ้พร่ำพูดแต่คำว่ารัก และพยายามเอาใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ แก้มของเขา มือเรียวยกขึ้นดันจมูกของอีกฝ่ายให้ออกห่าง พร้อมขยับเก้าอี้ของตัวเองให้เว้นระยะจากรุ่นพี่มากขึ้นด้วย
เหมือนทำสติหล่นหายตอนโดนฉุดกระชากมา ในตอนนี้เขาถึงได้คิดฟุ้งซ่านไปหมด จินตนาการภาพเพื่อนโดนซ้อมเพราะช่วยเขา ในสมองของที่รักคิดอะไรอีกมากมาย ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็สิ่งไม่ดี ซึ่งเขาไม่เคยคิดเื่แง่ลบพวกนี้เลยสักครั้ง มันจึงทำให้รู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก
ที่รักไม่สามารถห้ามจินตนาการที่พุ่งพล่านอยู่ในหัวได้ แถมยังคิดโทษตัวเองว่าที่เพื่อนต้องมาเดือดร้อนและเสี่ยงตายเป็เพราะความคิดน้อยและมองโลกในแง่ดีของเขา ใครจะไปคิดว่าพี่โอ้จะหัวหมอได้ขนาดนี้
คิดไปเรื่อย ๆ อย่างหยุดไม่ได้ และจินตนาการไปไกลถึงขอบฟ้า พลันน้ำตาสีใสก็หยดแหมะลงบนแก้มย้อยที่เพื่อน ๆ ชอบดึงเล่นด้วยความกลัว ที่รักยกมือขึ้นทุบหัวของตัวเองแรง ๆ เพื่อเรียกสติ เพราะเหมือนมันจะจากเขาไปในไม่ช้า
และภาพสุดท้ายที่ที่รักจำได้ตอนที่มีสติที่สุดก็คือ…รอยยิ้มร้าย ๆ ของพี่โอ้
ไทป์ได้แต่นั่งมองเพื่อนตัวเองขาดสติเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ที่รักนั่งร้องไห้ฟูมฟายโดยมีไอ้พี่โอ้กอดปลอบ แม้จะเมาจนไม่เหลือความเป็ตัวเองแค่ไหน แต่คงเป็เพราะจิตใต้สำนึกลึก ๆ ที่เริ่มเกลียดรุ่นพี่จนเข้าไส้เ้าตัวถึงได้ปฏิเสธทุกััจากอีกฝ่าย
“เฮ้ย ๆ!! พี่โอ้อย่าทำแบบนั้นดิ มันเมาพี่จะลวนลามมันเหรอ?” ไทป์ไม่สนใจรุ่นพี่ตัวโตที่นั่งล้อมตัวเองอยู่ เขายกนิ้วชี้หน้าไอ้พี่โอ้พอเห็นมันหอมแก้มเพื่อนจนดังฟอด
“เสือกว่ะไอ้เหี้ยไทป์ กูหมั่นไส้มึงมานานแล้ว ไอ้เหี้ยลี้อีกคน รอแม่งมาก่อน จะกระทืบกลางร้านพี่มันนี่แหละ”
“มึงน่ะหุบปากไปถ้าไม่อยากโดนตีน เพื่อนกูกำลังมีความสุข”
“กูไม่หยุด กูจะพาเพื่อนกูกลับบ้าน”
ผัวะ!
มือหนา ๆ ฟาดที่ศีรษะของเขาอย่างแรง ไทป์ลุกพรวดเพราะหมดความอดทน พวกรุ่นพี่ที่ทำร้ายร่างกายเขาก็ลุกตาม ไทป์เงื้อมือจะสวนกลับบ้าง แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นจอยที่ยืนอยู่ไกล ๆ เพื่อนส่ายหน้าก่อนจะยกโทรศัพท์โบกไปมาเพื่อส่งสัญญาณให้เขา จอยคงหาวิธีช่วยพวกเขาอยู่ รู้เช่นนั้นไทป์จึงสงบสติอารมณ์และยอมนั่งลงตามเดิม คอยช่วยยื้อเวลาไม่ให้ที่รักโดนล่วงเกินไปมากกว่านี้
มันอาจจะดูแปลก ๆ ที่พวกเขาต้องมาคอยดูแลและหวงที่รักราวกับเพื่อนเป็ผู้หญิง แต่ถ้าใครได้รักมันแล้วจะรู้ว่าที่รักสมควรได้รับการปกป้องจากคนพวกนี้มากแค่ไหน
ไอ้ที่รักไม่เคยทันใครเลย ชอบมองโลกในแง่ดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร มักจะโดนเอาเปรียบบ่อย ๆ และมันก็ใสซื่อเกินกว่าจะปล่อยให้โดนไอ้พี่โอ้แดก…แค่ลวนลามก็ไม่ควรแล้ว
ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย…ไม่มีใครอยากโดนล่วงเกินหรอก
เห็นไหมว่าขนาดมันเมาไม่ได้สติยังพยายามต่อต้านไอ้พี่โอ้เลย…
จอยที่เพิ่งโทรหาพันลี้ไปไม่ถึงชั่วโมงและแอบไปถ่ายรูปเล่นในห้องน้ำกลับออกมาเจอเพื่อนสองคนตกอยู่ในที่นั่งลำบากก็ลนลานตัวสั่นเทาไปหมด เธอล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพาย มือไม้สั่นระหว่างกดโทรหาเพื่อนพลางภาวนาให้ไทป์อดทนอดกลั้นไว้เยอะ ๆ
และภาวนาให้ไอ้แก้มย้อยประคองสติตัวเองไว้ด้วย…
“รับสายหน่อยเถอะลี้ กูไหว้ล่ะ”
(ไง)
“อีเหี้ย กว่าจะรับสายนะ”
(ว่าไง ด่าอยู่นั่น)
“อะ ไอ้ไทป์ ๆ เมื่อกี้มันจะต่อยพวกเพื่อนพี่โอ้อะ”
(มีเื่แล้วเหรอ? ไอ้รักอะ)
“กูเห็นรักนั่งร้องไห้อยู่กับพี่โอ้อะ…ฮือ มึงอย่าโกรธกูนะ กูแค่มาถ่ายรูปเล่นในห้องน้ำเองอะ”
(ไปหาพนักงาน ให้เรียกพี่ฟ้ามา…เร็วๆ เลย)
“ฮะ!! เรียกพี่ฟ้าเนี่ยนะ กูกลัวอะ ไม่กล้าไปสั่งให้คนเรียกเขาหรอก”
(จอย! มีสติหน่อย ไปเรียกพี่กูเร็วๆ …เมื่อกี้กูโทรหาแล้วเขาไม่รับ มึงต้องไปเรียกเอง)
“งั้น ๆ มึงอยู่ในสายกับกูก่อนนะ”
(เออ)
จอยลดมือลง วางโทรศัพท์ไว้แนบกาย กวาดสายตาหาพนักงานในร้าน คงเป็เพราะสีหน้าเป็กังวลของเธอหรืออะไรสักอย่างถึงทำให้พนักงานผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาโดยไม่ได้เอ่ยเรียก
“คุณผู้หญิงมีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ?”
“ช่วยคุยกับพันลี้หน่อยได้ไหมคะ?”
“อ๋อ ได้ครับ” จอยส่งโทรศัพท์ให้พนักงานคนนั้นพลางหันมองที่โต๊ะเพื่อน ไทป์ยังนั่งอยู่ที่เดิม ส่วนที่รักก็ดูร่อแร่ คออ่อนคอพับแล้ว
“คุยกันเร็ว ๆ หน่อยค่ะ เพื่อนหนูจะโดนแดกแล้วพี่”
“ครับ ๆ สวัสดีครับคุณพันลี้”
“…”
“เอ่อ คุณฟ้ายังไม่เข้ามาเลยนะครับ อยู่แต่คุณเรียวครับ”
“…” จอยยืนนิ่งตั้งใจฟังบทสนทนา
“ได้ครับ ๆ เดี๋ยวผมจะไปแจ้งคุณเรียวให้เดี๋ยวนี้เลย…คุณผู้หญิงครับ คุณพันลี้จะคุยด้วยครับ”
จอยรีบรับโทรศัพท์มาแนบหูขณะมองพนักงานคนนั้นวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสอง เธอละล่ำละลักถามเพื่อนที่ยังอยู่ในสายอย่างร้อนใจ
“พี่ฟ้าไม่อยู่เหรอมึง? แล้วคนชื่อเรียวจะช่วยได้ไหม? ไอ้โอ้มันหมาหมู่นะเว้ย เอาเพื่อนมาเต็มเลยอะ”
“พี่เรียวเป็หุ้นส่วนพี่ฟ้า คงช่วยได้แหละ เขาก็เด็ดขาดเหมือนกัน”
“แล้วพี่มึงไปไหน ~ กูกลัวขี้จะแตกแล้วไอ้ลี้”
“ใครจะไปคิดว่าแม่งจะโกหกวะ กูไปถามคนอื่นก็บอกว่าไอ้โอ้ชวนเหมือนกัน กูก็คิดว่าปีสองคนอื่นก็ไป ถ้ารู้ว่ามีแค่กลุ่มเราคงไม่ให้พวกมึงไปหรอก”
“ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก…” จอยถอนหายใจก่อนจะเบิกตาโพลงเพราะเห็นเ้าของร้านตัวจริงเพิ่งเดินเข้ามาในร้าน
หมื่นฟ้า หรือ พี่ฟ้า ของไอ้ลี้และคนอื่น ๆ ที่มหา’ ลัยเดินเข้ามาภายในร้านด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พยักหน้ารับให้พนักงานที่ก้มหัวให้ตัวเองบ้าง จอยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อตั้งสติ ที่ใคร ๆ เขาพูดกันว่า…
หมื่นฟ้า หล่อนรกแตกคงจะเป็เื่จริง…
เธอเพิ่งเคยเห็นพี่ฟ้ารุ่นพี่ในคณะเต็มตาก็คราวนี้ แถมไม่ได้สวมชุดนักศึกษาอย่างที่เคยเห็นด้วย ไม่ใช่ภาพที่จะเห็นกันได้ง่าย ๆ เลย พี่ฟ้าไม่คอยปรากฏตัวให้ใครเห็นเท่าไหร่ การบังเอิญเจอคนหล่ออย่างพี่ฟ้าแทบจะเป็ไปไม่ได้เลย แต่ที่จอยเคยเจอเพราะพี่ฟ้ามาหาพันลี้ในคลาสเรียน ส่วนคนอื่นที่ได้เห็นหน้าหล่อ ๆ ของพี่ฟ้าคงไปตามเฝ้าเอาเอง
และวันนี้จอยคิดว่าพี่ฟ้าโคตรจะหล่อ อาจจะเป็เพราะเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีกรมตัวโคร่งที่ทับข้างในกางเกงสแล็กขายาวสีดำจึงทำให้รุ่นพี่ดูดีเข้าไปใหญ่ รอยสักอักษรภาษาจีนที่อยู่ใต้ท้องแขนข้างขวายิ่งเพิ่มความกร้าวใจเข้าไปอีก เพราะความสอดรู้แท้ ๆ จอยถึงได้เพ่งที่รอยสักนั้นขณะคนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้
ทำให้รู้ว่า…
ตัวอักษรนั้นคือ 爱 ที่แปลว่า รัก
พอคนตัวสูงหยุดยืนตรงหน้า จอยก็ลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แล้วเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลา เธอแอบประเมินความสูงของอีกฝ่ายด้วยตาเปล่า พี่ฟ้าน่าจะสูงราว ๆ 185 ซม.
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาชื่นชมพี่ชายเพื่อน จอยต้องรวบรวมความกล้าขอความช่วยเหลือจากพี่ฟ้าก่อน เธอกำลังจะเอ่ยประโยคขอร้อง แต่อีกฝ่ายดันเริ่มบทสนทนาซะเอง
“ลี้บอกให้พี่มาหาจอย…มีอะไรหรือเปล่า?”
“มะ มีค่ะ…เื่ใหญ่ด้วย”
“ไม่เอา!!!! ฮือ รักจะกลับบ้าน!!”
เสียงร้องไห้โวยวายของใครบางคนเรียกความสนใจจากคนตัวสูงได้เป็อย่างดี หมื่นฟ้าละสายตาจากเพื่อนน้องชายเพื่อหันมองทางต้นเสียงแทน ที่โต๊ะวีไอพีตรงมุมร้านดูชุลมุนวุ่นวาย เขาเห็นรุ่นพี่ปีสี่คณะตัวเองกำลังฉุดกระชากใครบางคนอยู่
และคนที่ร้องโวยวายก็คงเป็…ที่รัก
“ใช่เื่ที่โต๊ะพี่โอ้หรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ คือไอ้พี่โอ้…เอ๊ย พี่โอ้นั่นแหละค่ะ พี่โอ้ชอบรักแล้วก็…”
“จอยรอตรงนี้แหละ…เดี๋ยวพี่มา”
“ค่ะ ๆ ” จอยได้แต่พยักหน้ารับ ยืนมองแผ่นหลังกว้างที่มุ่งตรงไปยังโต๊ะของลูกค้าวีไอพี พนักงานในร้านอีกสามคนเดินตามเ้านายไปโดยไม่ต้องเอ่ยเรียก จอยส่ายหน้ายกมือทาบอกพลางคิดว่า…งานนี้เละแน่ๆ
ทันทีที่หมื่นฟ้าไปถึงที่โต๊ะ รุ่นพี่ที่เป็ลูกค้าประจำที่ร้านก็หันมายิ้มให้เขาพร้อมกล่าวทักทายด้วยถ้อยคำเป็กันเองอย่างที่ไม่ควรจะใช้กับเขา
“ว่าไงไอ้ฟ้า จะมาร่วมงานวันเกิดพี่เหรอวะ? เอา ๆ นั่งเลย แต่เดี๋ยวพี่ต้องขอตัวกลับก่อนนะ พอดีแฟนพี่อยากกลับบ้านแล้ว”
“แฟนพ่อง!!” ไทป์โพล่งขึ้น
“ไอ้เหี้ยนี่!!”
หมื่นฟ้าเหลือบมองรุ่นพี่อีกคนที่เตรียมเงื้อมือจะทำร้ายไทป์ ไม่รู้เป็เพราะสายตาของเขาหรือกลัวจะโดนไล่ออกจากร้านกันแน่ รุ่นพี่คนนั้นถึงได้ลดมือลงและด่าทอแทนใช้กำลัง
เขาไม่สนใจสายตาหรือคำพูดของใครทั้งนั้น หมื่นฟ้าก้าวเท้าเข้าไปประชิดคนตัวเล็กกว่าที่เมาไม่ได้สติ มือหนาคว้าแขนขาวที่ว่างอยู่ก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างบางมาอยู่กับตัวเอง เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจปล่อยให้รุ่นน้องคนนี้มาอยู่ในอ้อมกอดเขา แต่พี่โอ้คงไม่คาดว่าเขาจะทำแบบนี้ ถึงได้ชะล่าใจปล่อยคนตัวเล็กยืนนิ่ง ๆ โดยไม่รั้งไว้
“มึงจะทำอะไรไอ้ฟ้า?”
“ครั้งนี้ถือว่าผมเสียมารยาทกับพี่มาก…วันนี้ผมเลี้ยงพี่กับเพื่อนทั้งโต๊ะ”
“กูไม่เอา กูมาแดกร้านมึงประจำ กูมีจ่าย ไม่งั้นกูจะเป็ถึงลูกค้าวีไอพีเหรอไง…อย่ามายุ่งกับเด็กกูด้วย”
หมื่นฟ้านิ่งเงียบ ยืนมองรุ่นพี่โวยวายเสียงดัง ก่อนจะหลุบตามองคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด เ้าคนเมาก็วาดสองแขนกอดเอวเขาไว้แน่นพร้อมหลับตาพริ้มเตรียมจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
“เอาที่รักคืนมาไอ้ฟ้า!”
แปะ!!
“0_0”
“0_0”
ทุกคนบนโต๊ะพากันเลิกตาโตเพราะใพฤติกรรมของเ้าของร้านที่ปฏิบัติกับลูกค้าวีไอพี ไทป์เห็นพี่ฟ้าปัดมือของพี่โอ้อย่างแรงจนเกิดเสียงดังแปะ นั่นทำให้เขารู้ว่าพี่โอ้ต้องรู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ ที่ผิวบ้างแหละ
“มึงจะเอาเหรอไอ้ฟ้า!”
“ผมจะไปส่งน้องเอง”
“กูไม่ให้…นั่นแฟนกู กูจัดการเองได้”
“ไทป์…ที่รักเป็แฟนพี่โอ้เหรอ?”
ไทป์ละล่ำละลักรีบตอบเ้าของใบหน้าเรียบนิ่ง “ไม่ใช่ครับพี่ฟ้า…รักมันเมา คงตอบตกลงไปโดยไม่รู้ตัว”
“มึงอย่ามามั่วนะไอ้ไทป์ ที่รักตกลงเป็แฟนกับกูแล้ว น้องรู้ตัวด้วย”
“งั้นเอาไว้ตอนเขามีสติแล้วพี่ค่อยมาถามเขาอีกที ตอนนี้ผมขอพาเขากลับไปส่งที่บ้านก่อน”
“มึงมีสิทธิ์อะไรวะไอ้ฟ้า คิดว่าเป็เ้าของที่นี่แล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นดิ…ทุกคนดูนะครับ เ้าของร้านนี้ทำตัวกร่างมาก ชอบรังแกลูกค้า คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ”
หมื่นฟ้าไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ขณะมองรุ่นพี่ะโใส่ร้ายป้ายสีตัวเองอยู่ พฤติกรรมของรุ่นพี่คนนี้กำลังทำให้เขาหมดความอดทน หมื่นฟ้านับหนึ่งถึงสิบในใจ หากมันยังไม่หยุดโวยวาย เขาสัญญากับตัวเองว่าจะซัดมันให้หมอบคาตีน
“อยู่มหา’ ลัยก็เก๊กฉิบหาย หล่อมากมายเป็ที่รู้จักไปทั่ว…ใครจะรู้ว่าแม่งโคตรหลงตัวเอง”
ดวงตาคู่คมเหลือบไปเห็นรุ่นน้องที่ชื่อจอยเดินเข้ามาในวงล้อมพอดี เขาจึงแกะแขนเล็กออกจากเอวและฝากร่างเมา ๆ ของคนตัวเล็กไว้กับเธอ ในขณะที่ไทป์เพื่อนของพันลี้ที่เขาเคยคุยด้วยบ่อย ๆ ก็วิ่งเข้าไปช่วยจอยประคองด้วย
“จนตอนนี้เลยครับ…ทุกคนดูนะครับ แม่งมาแย่ง…”
ผัวะ!!
“เหี้ย!!”
ไทป์กับจอยหลุดอุทานพร้อมกันทันทีที่เห็นพี่ฟ้าซัดหมัดเข้าที่หน้าไอ้พี่โอ้เต็มแรงจนล้มไปกองกับพื้น ซ้ำยังยกเท้าเสยคางไอ้หื่นโอ้ไปอีกทีจนสลบไป
เรียกว่าสลบคาตีนของจริง…
บรรดาเพื่อนพี่โอ้ที่เก่งนักหนาคราวนี้นิ่งเงียบไม่กล้าขยับ ได้แต่มองเพื่อนที่นอนไร้สติอยู่บนพื้น ไทป์แอบหัวเราะเบา ๆ พลางคิดว่า…คนอย่าไอ้โอ้ไม่มีเพื่อนแท้หรอก มีแต่เพื่อนกินนี่แหละวะ
“ของขวัญจากเ้าของร้านอย่างกู…” หมื่นฟ้าพูดกับรุ่นพี่ที่นอนแน่นิ่ง ก่อนจะเอ่ยกับผู้จัดการร้านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เอามันออกจากเป็ลูกค้าวีไอพีด้วยนะครับ ไม่ต้องให้เข้าร้านเลย”
“ดะ ได้ครับคุณฟ้า…แล้วเราจะจัดการกับลูกค้าท่านอื่นที่…เอ่อ ที่เห็นเหตุการณ์นี้ยังไงดีครับ”
“เดี๋ยวให้เรียวลงมาจัดการ…ผมมีธุระต้องไปทำต่อ ฝากด้วยนะครับ”
“ดะ ได้ครับ คุณเรียวลงมาพอดีเลย”
หมื่นฟ้าเดินเข้าไปหารุ่นน้องสองคนที่ประคองคนเมาอยู่ เขาพยักหน้าเป็เชิงขอดูแลที่รักต่อ ทั้งสองยอมปล่อยที่รักกลับมาสู่อ้อมกอดของเขาอย่างง่ายดาย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็เพราะไทป์และจอยไว้ใจเขามากกว่า
“พี่ฟ้าจะไปส่งไอ้รักที่บ้านใช่ไหมครับ?”
“อือ ลี้ส่งโลเคชั่นบ้านรักมาให้พี่แล้ว”
“ตอนแรกลี้บอกว่าโทรหาพี่ไม่ติด…” จอยเอ่ย
“โทรกระหน่ำแบบนั้น…ก็คงต้องรับ”
“งั้นพี่ฟ้ารีบไปเถอะครับ”
หมื่นฟ้าพยักหน้ารับ หิ้วร่างคนเมาออกมาจากร้านพร้อมสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมอง หากว่าเขาเป็พวกแคร์สายตาคนอื่น เมื่อกี้คงไม่มีเหตุการณ์ะเืขวัญเกิดขึ้น สิ่งใดที่หมื่นฟ้าตัดสินใจจะทำ เขามั่นใจว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้ว
และการช่วยคนเมาให้หลุดพ้นจากไอ้ชั่วหื่นกาม…เขาก็ตัดสินใจดีแล้วเช่นกัน
#กี่หมื่นฟ้า
รถเบนซ์สปอร์ตสีดำจอดเทียบที่หน้าบ้านหลังเดี่ยวตามโลเคชั่นที่น้องชายส่งมาให้ หมื่นฟ้าดับเครื่องยนต์พร้อมปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กกว่าที่นอนหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ
“รัก…”
“…”
“รัก…ถึงบ้านแล้ว”
“…”
หมื่นฟ้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ดูท่าแล้วรุ่นน้องจะไม่ตื่นง่าย ๆ คิดแบบนั้นแล้วดวงตาคู่คมก็เหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเอง
เที่ยงคืน…
เวลานี้ลูกค้าที่ร้านจะเยอะเป็พิเศษ หากเขาใจเย็นค่อย ๆ ปลุกที่รักอยู่แบบนี้ เดาว่าเรียวคงจะด่าลามไปถึงบรรพบุรุษเพราะถูกปล่อยให้วิ่งวุ่นดูแลร้านอยู่คนเดียว หมื่นฟ้าจึงตัดสินใจลงจากรถอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อจะอุ้มคนเมาจนหมดสติไปส่งในบ้าน
ทว่าประตูรถถูกเปิดออกโดยคนที่อยู่ด้านใน ที่รักหย่อนขาลงมาที่พื้นข้างหนึ่ง เตรียมจะลงจากรถ แต่ถูกเข็มขัดรั้งร่างไว้ เ้าตัวก็เริ่มโวยวายพยายามดึงเข็มขัดออก
“เดี๋ยวทำให้…” หมื่นฟ้าเอ่ยเสียงเบา โน้มตัวลงไปปลดเข็มขัดให้คนตัวเล็ก หลังจากนั้นจึงปล่อยให้ที่รักลงมาจากรถเอง
เขาอ้าแขนกว้างคอยประคองร่างบางที่เดินโงกเงกไม่เป็เส้นตรงอยู่ห่าง ๆ โดยไม่ได้ััร่างกายอีกฝ่าย หมื่นฟ้ามองที่รักที่เดินเตาะแตะพร้อมยิ้มหัวเราะจนเหมือนเด็ก ๆ
เพราะรอยยิ้มนี่ละมั้ง…ที่ทำให้ใคร ๆ เขาหลงรัก
ไอ้ลี้ถึงบอกว่าอยากจะได้ที่รักมาเป็ลูกมากกว่าเพื่อน…
แต่จู่ ๆ ที่รักก็หยุดชะงัก ไม่ยอมก้าวเท้าเดินต่อ เ้าตัวก้มมองที่กระเป๋ากางเกงก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาและยื่นให้เขา
“อะไร?”
“แฮ่ ~”
รอยยิ้มสดใสที่ไม่อาจถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ลบเลือนถูกส่งมาให้เขา ดวงตาเรียวรีฉ่ำน้ำจากการร้องไห้ทำให้เ้าตัวคล้ายลูกหมา หมื่นฟ้ารับโทรศัพท์มาจากที่รัก และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
หมับ!!
สองแขนเรียวตวัดรัดเอวเขาแน่น หมื่นฟ้าทั้งสับสนและใ ไม่เคยมีใครทำกับเขาแบบนี้มาก่อน และเขาก็ไม่ชอบให้ใครจู่โจมด้วยััแบบนี้ด้วย โทรศัพท์ในมือก็สั่นเร่งเร้าให้รีบรับสาย ประสิทธิภาพในการตัดสินใจทำสิ่งต่าง ๆ จึงลดลง
หมื่นฟ้าตัดสินใจกดรับโทรศัพท์ก่อน จากนั้นจึงเริ่มใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่แกะแขนเรียวที่เกาะเกี่ยวตัวเองออก
(ฮัลโหล ไอ้รัก มึงอยู่ไหน? ไอ้รัก)
“พี่พารักมาถึงบ้านแล้ว”
(อะ อ้าว พี่ฟ้าเหรอครับ ผมขอโทษ…ผมนึกว่าไอ้รักได้สติแล้วรับสายเอง)
“ไม่เป็ไร..”
(เมื่อกี้ผมเพิ่งคุยกับลี้ มันบอกโทรหาพี่ตลอดเลย พี่ไม่รับสาย)
“พี่ขับรถอยู่”
(แล้วตอนนี้ไอ้รักเป็ยังไงบ้างครับ?)
เพราะประโยคคำถามนั้นทำให้หมื่นฟ้าหลุบตามองคนตัวเล็กที่กอดตัวเองอยู่ ใบหน้าจิ้มลิ้มถูไปบนเสื้อของเขา และแก้มย้อย ๆ ที่น้องชายเขาแสนจะโปรดปรานก็กำลังแนบอยู่บนหน้าอกเขาด้วย
“รัก…”
“หอมหัวหน่อย…”
(ฮะ? อะไรนะครับพี่ฟ้า)
หมื่นฟ้าก็ได้ยินไม่ชัดพอ ๆ กับรุ่นน้องนั้นแหละ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย หยุดต่อต้านอ้อมกอดจากคนตัวเล็กและเอ่ยถามอีกรอบ
“ว่าอะไรนะ?”
“หอมหัวรักหน่อย…”
“…”
ทั้งเขาและปลายสายต่างพากันเงียบ ประโยคขอร้องนี้มันทำให้กระอักกระอ่วนใจเกินกว่าจะทำตามได้ หมื่นฟ้าเลยขอวางสายจากรุ่นน้องเพื่อมาจัดการกับคนเมาก่อน
“ปล่อยได้แล้ว จะพาเข้าบ้าน”
“ก็หอมหัวก่อนสิ!! ไม่งั้นไม่ปล่อย”
“มาดื้อด้านอะไรตอนนี้วะ…”
“ฮือ…ไม่รักรักแล้วสิ รักแต่พี่เบบ…แค่หอมหัวก็ไม่หอม ฮือ…”
เสียงร้องไห้งอแงเริ่มไล่ระดับดังมากขึ้นเรื่อย ๆ หมื่นฟ้ากลัวว่ามันจะดังไปจนถึงหน้าป้อมยามก็เลยแกล้งตบปากรับคำ
“เออ ๆ ”
“…”
หมื่นฟ้าเอาหลังมือตัวเองแตะลงเบา ๆ ที่เรือนผมสีดำนิล พยายามทำให้รู้สึกคล้ายการ หอมมากที่สุด คนเมาควบคุมสติตัวเองไม่ได้ขนาดนี้ จะไปแยกััจากปลายจมูกและฝ่ามือได้ยังไงกัน
“ไม่ได้หอมอ่า…ฮือ ~ โกหก!”
แต่ที่รักดันแยกได้…
“หอมแล้ว…ไม่ได้หอมได้ไง”
“ไม่ได้หอม! หอมหน่อยตรงนี้…ฮือ หอมหน่อย…” มือเรียวยกขึ้นก่อนจะชี้ที่กลางกระหม่อมของตัวเองโดยที่เ้าตัวยังคงเอาหน้าซุกอยู่ที่หน้าอกของเขา
หมื่นฟ้าเริ่มสงสัยในตัวเด็กคนนี้แล้ว ที่รักเมาจริง ๆ หรือแค่แกล้งเขาเล่น เ้าตัวสามารถแยกััได้ ทั้งยังชี้ที่กลางกระหม่อมได้ตรงเป๊ะ ๆ อีก
“หอมแล้ว ได้คืบจะเอาศอกเหรอ?”
“แม่!!! ที่รักโดนหลอก ฮือ แม่!!!”
“เฮ้ย!! เรียกแม่ทำไมเนี่ย…”
“บอกให้หอมไง!!”
“เอาแต่ใจจังว่ะ! เออ หอมก็หอม…” หมื่นฟ้าพรูลมออกจากปาก จ้องมองที่เรือนผมสีดำนิลพลางคิดต่อว่าตัวเองที่ยอมทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้
เขาโน้มหน้าลงเล็กน้อย…กดปลายจมูกของตัวเองลงบนกลุ่มผมนุ่ม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งไม่รู้แน่ชัดว่าเป็กลิ่นอะไรหอมฟุ้งอยู่ในโพรงจมูก หมื่นฟ้าเหมือนโดนมอมเมาให้ขาดสติพอ ๆ กับคนตัวเล็ก ในตอนแรกคิดแค่ให้ปลายจมูกัักับเส้นผมเท่านั้น…
รู้ตัวอีกที…จมูกของเขาก็จมไปกับหัวทุยแล้ว
TBC
#กี่หมื่นฟ้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้