เคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมนั้นเป็เคล็ดวิชาที่ใช้ฝึกฝนวรยุทธ์ แต่ไม่ใช่วิชายุทธ์ที่ใช้ต่อสู้
เหตุผลที่หลัวเลี่ยใช้เคล็ดวิชานี้ก็เพื่อใช้ประโยชน์จากความพิเศษของมัน นั่นก็คือเคล็ดวิชานี้สามารถซึมซับพลังจากสุริยันและจันทราได้
พลังจากสุริยันและจันทราคืออะไร?
แก่นพลังของสุริยันและจันทรานั้นไม่เพียงมาจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โดยตรง แต่มันยังอยู่ตามสิ่งต่างๆ อีกด้วย เช่นผลึกสุริยนที่มีแก่นพลังสุริยันบรรจุไว้อยู่
อสูรพิทักษ์เคียงตนก็ใช้หลักการนี้เช่นเดียวกัน
จากที่หลัวเลี่ยได้อ่านหนังสือมามากมายในหอสมุดของเรือนพเนจรที่ตั้งอยู่ในภพจิตั แม้เขาจะไม่กล้าพูดว่าตนเองรู้เื่ราวทุกเื่ที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้ั้แ่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่อย่างน้อยเขาก็คิดว่าตนเองคงพอจะมีความรู้เทียบได้กับผู้ที่มีพลังอยู่ในระดับทลายยุทธ์ เพราะดินแดงแห่งนี้ยังมีความลับอีกมากมาย และความลับนั้นส่วนมากก็ปรากฏอยู่ในหนังสือที่เขาอ่านมาแล้ว มันปรากฏอยู่ในหนังสือ แต่ไม่ได้เผยแพร่เป็ที่รู้จักโดยทั่วไป และความลับนั้นก็มีเนื้อหาเื่อสูรพิทักษ์เคียงตนบรรจุอยู่ด้วย
แม้ว่าอสูรพิทักษ์เคียงตนจะกำเนิดมาแล้ว แต่พวกมันก็ยังต้องพึ่งพลังจากระดับหยินหยางอยู่
เพราะสิ่งที่สำคัญมากข้อหนึ่งคือ อสูรพิทักษ์เคียงตน้าแก่นพลังธรรมชาติอันบริสุทธิ์มาหล่อเลี้ยงตนเอง และแน่นอนว่าพลังบริสุทธิ์ที่ว่าก็คือพลังจากแก่นสุริยันและจันทรา
แน่นอนว่าในอดีตก็มีผู้ฝึกวรยุทธ์หลายคนที่มีอสูรพิทักษ์เคียงตน และเลือกที่จะไม่ก้าวเข้าสู่ระดับหยินหยาง ผลคืออสูรพิทักษ์เคียงตนของพวกเขาก็จะค่อยๆ อ่อนแรงลงจนสามารถถูกผู้อื่นสังหารได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ไก้อู๋ซวงมีพลังวรยุทธ์อยู่ในระดับหยินหยางแล้ว และแน่นอนว่ามัจฉาัหนวดทองของนางก็ย่อม้าแก่นพลังของสุริยันและจันทรามาเป็รากฐานของชีวิต
ดังนั้นหลัวเลี่ยจึงใช้เคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิม
หลัวเลี่ยในตอนนี้กำลังอยู่ใน่ที่เพิ่งทะลวงระดับพลังได้สำเร็จ ดังนั้นจากเคล็ดวิชานี้และด้วยเขาใช้ผลึกสุริยนมาก่อน การดูดซับแก่นพลังแห่งสุริยันและจันทราของเขาจึงแข็งแกร่งมากกว่าปกติ
การเคลื่อนไหวนี้สั่นคลอนรากฐานชีวิตของมัจฉาัหนวดทองซึ่งเป็อสูรพิทักษ์ตนทันที
พรึ่บ!
ร่างของมัจฉาัหนวดทองสั่นอย่างรุนแรง จากนั้นแก่นพลังสุริยันและจันทราจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากร่างกายของมัน ตรงเข้าสู่ร่างของหลัวเลี่ยที่กำลังทำการดูดซับพลังอยู่
ผลจากเหตุการณ์นี้คือหลัวเลี่ยแข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่มัจฉาัหนวดทองอ่อนแอลง
ตูม!
พลังจากเคล็ดวิชามหาหลุนิของหลัวเลี่ยถูกทำลาย
เพล้ง!
อสูรพิทักษ์ตนตัวนี้เป็สิ่งที่อูอวิ๋นเซียนสร้างขึ้นให้ไก้อู๋ซวง มันยังไม่ทันได้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเองก็กลับถูกหลัวเลี่ยทำลายเสียแล้ว แต่ไก้อู๋ซวงตัวจริงก็ยังตอบโต้หลัวเลี่ยกลับอย่างเต็มกำลัง
ตูม!
คนหนึ่งถูกโจมตีจนร่างลอยออกมา
และคนคนนั้นก็คือหลัวเลี่ย
ตอนแรกเขาตั้งใจจะทำลายอสูรพิทักษ์ตนตัวนี้ให้สิ้น แต่มันก็เผาผลาญพลังของเขามากเกินไป จนทำให้เขาหมดแรงต่อต้านไก้อู๋ซวง
ตูม!
หลัวเลี่ยลอยออกไปและตกลงทีู่เาแห่งหนึ่ง ทำให้บริเวณที่เขาตกลงมานั้นเกิดหลุมที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แผ่นหลังของเขาได้รับาเ็ อวัยวะภายในได้รับแรงกระแทก บริเวณปากและจมูกของเขามีเืไหลซึมออกมา
“ข้าจะฉีกเ้าเป็ชิ้นๆ”
ไก้อู๋ซวงคลั่งแล้ว
นางย่อมเข้าใจถึงความสำคัญของอสูรพิทักษ์เคียงตน และนางก็รู้ว่าสิ่งนี้คือหน้าตาของนาง หากอสูรพิทักษ์เคียงตนถูกทำลายไปแล้ว ก็หมายความว่านางคือเป้าหมายต่อไปที่จะถูกทำลาย
ในฐานะหญิงสาวผู้เย่อหยิ่ง ไก้อู๋ซวงจะทนกับเื่ที่น่าอับอายเช่นนี้ได้อย่างไร
ดังนั้นไก้อู๋ซวงจึงใช้พลังทุกอย่างมาโจมตีหลัวเลี่ยอย่างบ้าคลั่ง
หลัวเลี่ยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบว่า “ยังไม่แน่ว่าใครจะสังหารใคร”
เขาส่งหมัดออกไป
พลังของไก้อู๋ซวงและหลัวเลี่ยแข็งแกร่งเท่ากัน พวกเขาล้วนมีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินเหมือนกัน พลังวรยุทธ์ก็เท่าๆ กัน สิ่งที่ทำให้แตกต่างกันมีเพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือถุงมือวิเศษของไก้อู๋ซวง ซึ่งเมื่อมีสมบัติวิเศษชิ้นนี้ แม้ภายนอกอาจไม่ค่อยเห็นความแตกต่างมากนัก แต่ความจริงแล้วมันทำให้ไก้อู๋ซวงเป็ฝ่ายได้เปรียบขึ้นมาโดยทันที
แต่การปะทะของไก้อู๋ซวงและหลัวเลี่ยที่คล้ายกับัปะทะกันในครั้งนี้ก็เผยให้เห็นช่องว่างแล้ว
ตอนแรกไก้อู๋ซวงจะใช้โอกาสที่หลัวเลี่ยกำลังกำจัดอสูรพิทักษ์เคียงตนของนาง เพิ่มพลังของตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นและโจมตีตลบกลับหลัวเลี่ย แต่หลังจากที่นางโจมตีติดต่อกันเกือบหนึ่งร้อยครั้ง หลัวเลี่ยกลับยังยืนหยัดอยู่ได้
พลังของทั้งสองปะทะกันโดยตรง ทั้งไก้อู๋ซวงและหลัวเลี่ยต่างใและได้รับาเ็ แต่หลัวเลี่ยดูจะได้รับาเ็มากกว่าไก้อู๋ซวง เมื่อเห็นเช่นนั้นไก้อู๋ซวงจึงออกแรงโจมตีมากขึ้น
แต่กลับกลายเป็ว่าหลัวเลี่ยซึ่งได้รับาเ็สาหัสกว่าไก้อู๋ซวง กลับฟื้นตัวได้ดีกว่า เขาไม่ได้สนใจาแที่ถูกโจมตีเลยแม้แต่น้อย
เป็เพราะตอนนี้ร่างกายของหลัวเลี่ยเปลี่ยนไปแล้ว
ในเวลานี้พลังของหลัวเลี่ยที่เกิดจากการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์และเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมได้สำแดงฤทธิ์เดชออกมาแล้ว
การต้านการโจมตีของหลัวเลี่ยนั้นแข็งแกร่งมาก
หากกล่าวว่าหลัวเลี่ยได้รับผลจากการโจมตีของไก้อู๋ซวงสามในสิบส่วน เช่นนั้นเขาก็สามารถต้านทานการโจมตีของนางได้สองส่วน และได้รับาเ็อย่างแท้จริงจากการโจมตีนั้นเพียงส่วนเดียวเท่านั้น
ซึ่งกลับกัน หากเปลี่ยนเป็ไก้อู๋ซวงที่ได้รับผลจากโจมตีของหลัวเลี่ยสามในสิบส่วน เช่นนั้นนางก็สามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้เพียงครึ่งส่วน และได้รับาเ็อย่างแท้จริงจากการโจมตีนั้นถึงสองส่วน
หากเปรียบเทียบเช่นนี้ เมื่อเวลาผ่านไปความได้เปรียบของหลัวเลี่ยก็ยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ส่งพลังปะทะกันมามากกว่าห้าร้อยครั้ง หลัวเลี่ยก็ค่อยๆ เริ่มเป็ฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งสองคนล้วนได้รับาเ็สาหัส
ใบหน้าของหลัวเลี่ยฟกช้ำ บริเวณปากและจมูกของเขามีเืไหลซึมออกมา บริเวณแขนและหน้าอกมีาแเกิดขึ้น
ส่วนไก้อู๋ซวงนั้น นางมีเืไหลซึมออกมาจากทวารทั้งเจ็ด แขนทั้งสองข้างของนางเต็มไปด้วยเื ที่สำคัญคืออวัยวะภายในของนางได้รับแรงกระแทกอยากหนัก จนทำให้นางต้องกัดฟันและอดทนทุกครั้งที่เริ่มเคลื่อนไหวร่างกาย
“พอแล้ว!”
“หยุดต่อสู้กันเถิด!”
มู่เจี้ยนเฟยะโเสียงดัง
เขาสังเกตเห็นว่าไก้อู๋ซวงใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว หากนางยังฝืนรับการโจมตีต่อไป นางอาจจะตายได้
ในฐานะที่มู่เจี้ยนเฟยก็เป็ชาวเหยียนหลง เขาย่อมไม่มีทางปล่อยให้ไก้อู๋ซวงล้มลงต่อหน้าต่อตาเขาได้
หลิวเย่เตาก็พูดขึ้นเสียงเย็นว่า “แพ้ชนะได้รับการตัดสินแล้ว หากท่านหลัวยังไม่ยอมรามือ ก็อย่ามาหาว่าพวกเราใช้กำลังส่วนมากรังแกคนส่วนน้อยล่ะ”
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่เป็คนจากแคว้นเหยียนหลงต่างก็ะโเสียงดังขึ้นมาเช่นกัน
แต่หลัวเลี่ยดูคล้ายจะไม่ได้ยินเสียงเ่าั้แม้แต่น้อย
เมื่อเขาเป็ฝ่ายที่กลับมาได้เปรียบอีกครั้ง เขาก็โจมตีอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ได้คิดเื่อื่นใดอีก สิ่งที่ทำมีเพียงส่งพลังจากเคล็ดวิชามหาหลุนิออกไปเท่านั้น เขาส่งพลังออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างบ้าคลั่ง
ปัง ปัง ปัง...
หลัวเลี่ยดุร้ายเหมือนหมาป่าตัวหนึ่งที่กำลังคลั่ง เขาส่งพลังออกไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดยั้ง ในขณะที่ไก้อู๋ซวงก็ถอยร่นลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน ทุกย่างก้าวที่นางถอยหลังออกไป เืของนางก็ยิ่งไหลซึมออกมาจากทวารทั้งเจ็ดมากขึ้น อวัยวะภายในก็ยิ่งได้รับการกระทบกระเทือนมากขึ้น ทำให้อาการาเ็ของนางย่ำแย่ลงอย่างมาก แม้ไก้อู๋ซวงจะพยายามตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง แต่นางก็ยังต้านทานการโจมตีของหลัวเลี่ยไม่ได้
บนพื้นดินมีร่องรอยเท้าสลักลึก มีรอยร้าว และรอยเืที่ไหลออกมาจากการปะทะกันของพวกเขา
“ฆ่า!”
หลังจากที่มู่เจี้ยนเฟยและหลิวเย่เตามองหน้ากัน พวกเขาก็ะโขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกันและมุ่งไปสังหารหลัวเลี่ย
ส่วนชายหนุ่มและหญิงสาวคนอื่นๆ จากแคว้นเหยียนหลงและแคว้นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแคว้นเหยียนหลง ต่างก็ะโขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นกัน พวกเขาชักดาบออกมาจากฟัก แล้วพุ่งตรงไปยังหลัวเลี่ย
พวกเขา้าช่วยไก้อู๋ซวง
แน่นอนว่าไก้อู๋ซวงผู้หยิ่งยโสเกลียดเหตุการณ์เช่นนี้มาก แต่นางก็ทำได้เพียงยอมรับมัน เพราะนางก็ไม่้าตายเช่นกัน ไก้อู๋ซวงออกแรงต้านการโจมตีจากหลัวเลี่ยมากขึ้น นางต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อฝึกฝนให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ จนสามารถกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้
“ไก้อู๋ซวง ข้าจะสังหารเ้า และไม่มีใครสามารถหยุดข้าได้”
“เ้ายังจำข่งเยวี่ยเจินที่ถูกเ้าสังหารอย่างโเี้ได้หรือไม่”
เสียงของหลัวเลี่ยสั่นะเืดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ในขณะเดียวกันบริเวณด้านหลังของเขาก็ค่อยๆ มีเปลวเพลิงปะทุขึ้นมา
เปลวเพลิงที่ลุกไหม้นั้นแผ่กระจายไปทุกทิศทาง ทำให้มู่เจี้ยนเฟยและคนอื่นๆ หยุดการกระทำลงทันที
พรึ่บๆ!
ปีก์เลี่ยหยางที่ยาวนับสามจั้งปรากฏขึ้นบริเวณแผ่นหลังของหลัวเลี่ย
สิ่งนี้ต่างหากคือความน่ากลัวที่แท้จริงของเขา
มันคือวิชายุทธ์ที่ข่งเซวียนสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
ด้วยความสามารถของข่งเซวียนซึ่งเป็ที่รู้จักในนามบรรพชนลำดับหนึ่ง ผู้มีพลังเป็รองเพียงเทพ แน่นอนว่าวิชายุทธ์ที่เขาสร้างขึ้นย่อมทรงพลังมาก แม้ว่าหลัวเลี่ยจะใช้ทักษะปีกของวิชายุทธ์นี้เพื่อบินมาโดยตลอด แต่เขาก็ไม่มีวันลืมสิ่งที่ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลข่งเน้นย้ำไว้ ข่งไท่โต้วเคยบอกไว้ว่าวิชาปีก์เลี่ยหยางนี้สามารถใช้สังหารคนได้เช่นกัน
ในตอนนี้หลัวเลี่ยกำลังปล่อยหมัดออกไปเพื่อโจมตีไก้อู๋ซวงอีกครั้ง
เดิมทีในสถานการณ์ตอนนี้เขาก็ได้เปรียบอยู่แล้ว ดังนั้นหากเขายังโจมตีอย่างต่อเนื่องไปเช่นนี้ ต่อให้ไก้อู๋ซวงจะแข็งแกร่งเพียงใด นางก็คงไม่อาจต้านทานได้อีก แต่ครั้งนี้เมื่อหมัดครั้งที่สี่หยุดลง เขาก็ใช้วิชาปีก์เลี่ยหยาง
ปีก์เลี่ยหยางของหลัวเลี่ยนั้นแข็งแกร่งจนแม้กระทั่งดาบ หอก หรือมีดก็ไม่อาจทำอะไรมันได้
ไก้อู๋ซวงต้านการโจมตีจากหลัวเลี่ยอีกครั้งและกระอักเืออกมา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความดื้อรั้นของนาง นางรวบรวมพลังทั้งหมดของตัวเองไปยังมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ปล่อยออกไปทางหลัวเลี่ย
ตูม! ตูม!
ไก้อู๋ซวงอาศัยพลังจากถุงมือวิเศษ มือทั้งสองข้างของนางคว้าไปที่ปีก์เลี่ยหยางของหลัวเลี่ย แต่ทันใดนั้นแขนของนางก็สั่น แล้วจากนั้นก็เกิดเสียง ‘กึก’ เป็เสียงแตกหักดังออกมา ที่บริเวณหน้าอกและช่องท้องของนางถูกแรงกระแทกที่รุนแรง ร่างของนางสั่นสะท้านในทันที และในขณะเดียวกันนั้นตาของนางก็เริ่มพร่าเลือน
ใน่เวลาเดียวกันนั้นหมัดของหลัวเลี่ยก็ได้มาถึงตัวไก้อู๋ซวงแล้ว
ตูม!
หมัดนั้นกระแทกเข้าไปที่กลางอกของไก้อู๋ซวง
ไม่มีอะไรหยุดยั้งหลัวเลี่ยได้ อวัยวะภายในของไก้อู๋ซวงแตกเป็เสี่ยงๆ แม้แต่กระดูกสันหลังของนางก็หักลงเช่นกัน แรงกระแทกจากหมัดนั้นทรงพลังจนทำให้ร่างของนางพุ่งทะลุูเาไป
“ข้าไม่ยอม” ดวงตาของไก้อู๋ซวงเบิกกว้างอย่างไม่เต็มใจที่จะตาย
พรึ่บ!
หลัวเลี่ยสะบัดปีก์เลี่ยงหยางให้กวาดไปทางไก้อู๋ซวง และตัดหัวของนางออกมา
จากนั้นหลัวเลี่ยก็ฉีกกระเป๋าเฉียนคุณของไก้อู๋ซวงทิ้ง ปีก์เลี่ยหยางที่อยู่บริเวณแผ่นหลังของเขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย และในขณะที่คนอื่นๆ กำลังมองมาที่เขาด้วยความตกตะลึง เขาก็ออกบินไปยังยอดเขาที่ห่างไกลเสียแล้ว
ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ลมหนาวมาเยือนแล้ว
ข่งเยวี่ยเจิน เ้าหลับให้สบายเถิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้