เมื่อสองเดือนก่อน ิอวี่เริ่มศึกษาเคล็ดลับการฝึกที่ิเฉินเหยียนมอบให้กับเขา โดยเริ่มเข้าใจมันได้แล้วบางส่วน และยังเริ่มชำนาญกับวิธีการหลักของมันแล้วด้วย
เพียงแต่ตลอดการเดินทางมันค่อนข้างขลุกขลัก หลังจากมาถึงสำนักเทพอัคคีแล้วิอวี่ก็เข้าร่วมการทดสอบทันที จึงทำให้เขาไม่ได้มีเวลาไปฝึกต่ออีก
แต่ิอวี่ก็แอบรู้สึกได้ว่าในหัวใจของเขานั้นเหมือนเริ่มมีลมปราณเคลื่อนไหว นั่นก็หมายความว่าร่างกายของเขากำลังมีการเปลี่ยนแปลงลอกคราบอีกครั้ง
หรือพูดง่ายๆ ว่า จากขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนไปจนถึงขอบเขตอมฤตมันเป็เส้นทางที่ยาวนาน บางคนหลายสิบปี บางคนตลอดชีวิตก็เข้าไม่ถึง ไม่สามารถทะลวงระดับได้เลย บางคนก็ประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาสิบปี คนมีพร์หน่อยก็อาจจะใช้เวลาแค่สามถึงห้าปี หรือคนที่มีพร์จริงๆ ก็อาจจะใช้เวลาแค่หนึ่งปีเท่านั้น
อย่างเิหยูเยียนที่ถูกขนานนามว่าปีศาจ สามารถใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปีก็สามารถทะลวงจากขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าไปถึงขอบเขตอมฤต ถือได้ว่าเป็เทพธิดาแห่งราชวงศ์หย่งเิ
หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนจะต้องฝึกอย่างเดียว ิอวี่จะยอมแพ้ไม่ได้
“เอาล่ะ เราจะมาประกาศรายชื่อคนที่จะได้เป็ศิษย์สายเลี่ยนเหยียนของเราล่ะนะ ... ”
เิเวยลุกขึ้นยืนและประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้ายสองร้อยคน ผู้าุโทั้งสี่ได้ไปคนละห้าสิบคน ความสามารถของศิษย์พวกนี้สมดุลกันมากเพื่อความยุติธรรม
ิอวี่ถูกจัดไปอยู่ในกลุ่มของเิเวย ส่วนเซินถูเจ๋อนั้นถูกจัดไปอยู่กับผู้าุโอีกคน
ทุกคนรู้ดีว่าเซินถูเจ๋อถูกจัดไปที่ไหนมันไม่สำคัญ เพราะก่อนหน้านี้ซ่งหยวนหยวนได้แอบส่งสัญญาณไว้ชัดเจนแล้วว่านางจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนให้เขาลงแข่งให้ดีๆ จากนั้นนางก็จะรับเขาเป็ศิษย์
ผู้าุโทั้งสี่มีประสบการณ์มานานหลายปี เื่พวกนี้พวกเขาจึงรู้ดีว่า ตอนนี้เซินถูเจ๋อจะไปอยู่กับใครพวกเขาก็ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรนัก เพราะหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนเซินถูเจ๋อก็ไม่ใช่คนของพวกเขาอีกแล้ว
แต่ตอนนี้ในใจของเิเวยสับสนมาก
พูดให้ตรงอีกหน่อยก็คือ เขาชื่นชอบความสามารถของิอวี่มาก แต่ิอวี่เป็หนุ่มเืร้อน การที่เขาเล่นงานเซินถูเจ๋อต่อหน้าทุกคนไม่เพียงทำให้เซินถูเจ๋อไม่พอใจ แต่เขายังทำให้ซ่งหยวนหยวนไม่พอใจด้วย
ถึงแม้เมื่อครู่ิอวี่จะเล่นงานเซินถูเจ๋อจนตกเป็รอง แต่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็เพราะเซินถูเจ๋อเพิ่งจะใช้สุดยอดกระบวนท่าของตัวเองไปจนลมปราณในร่างกายไม่เหลือแล้ว หากเขาลงมือจริงจังขึ้นมาิอวี่ก็อาจจะสู้เซินถูเจ๋อไม่ได้
ในเมื่อเซินถูเจ๋อพูดประกาศออกมาแล้วว่าจะเล่นงานิอวี่ ถ้าอย่างนั้นเขาต้องทำแบบนั้นแน่นอน
หากมีแค่เซินถูเจ๋อคนเดียว เิเวยก็คงออกหน้าปกป้องิอวี่ไปแล้ว แต่นี่คนหนุนหลังของเซินถูเจ๋อคือซ่งหยวนหยวนจึงทำให้เขาไม่กล้า
เพราะหญิงงามอกโตคนนั้นขึ้นชื่อเื่ปกป้องคนของตัวเองอย่างมาก
“เฮ้อ ดูกันไปทีละก้าวก็แล้วกัน”
เิเวยถอนหายใจ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการได้รับิอวี่มานั้นจะเป็โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
ก่อนที่เซินถูเจ๋อจะเดินไปก็หันมาจ้องเขม็งใส่ิอวี่ จากนั้นก็แยกออกไปตามกลุ่มและขี่อสูรสัตว์ปีกของตัวเองตามผู้าุโไป
พวกของิอวี่ที่ขี่อสูรสัตว์ปีกไปทิ้งเอาไว้ที่ตีนเขาแห่งหนึ่งก็เดินไปขี่มันแล้วตามเิเวยไป
หลังจากผ่านูเาจำนวนมากมาแล้วเส้นทางของิอวี่ก็เริ่มชัดเจนมากขึ้น ด้านหน้านั้นเป็เส้นทางบนเขาที่ราบเรียบ เมื่อมองออกไปก็ได้กลิ่นหอมโบราณ มีสิ่งก่อสร้างสีน้ำเงินเข้มมากมายเต็มไปหมด
ิอวี่ลองนับๆ ดู สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่พวกนี้น่าจะมีสองพันกว่าหลัง ทั้งหมดมีระยะและตั้งสลับกันไปตามช่องเขาต่างๆ
และเส้นทางบนเขาทางกราบขวาที่ห่างออกไปกว่าพันเมตรก็มีสิ่งก่อสร้างสีแดงอยู่ ิอวี่ลองประเมินจากสายตาแล้วก็น่าจะมีประมาณกว่าพันหลัง
แค่สิ่งก่อสร้างสองแห่งนี้ นับจากตำแหน่งที่ตั้งก็น่าจะกินพื้นที่กว่าหนึ่งแสนไร่!
เิเวยที่นำทางอยู่ด้านหน้าก็บังคับให้อสูรสัตว์ปีกหยุดลง และมองมายังพวกิอวี่ที่อยู่ด้านหลังแล้วพูดว่า “ที่นี่คือที่พักของพวกเ้า สิ่งก่อสร้างสีน้ำเงินเข้มจะเป็เรือนที่พักของศิษย์ผู้ชาย ส่วนสิ่งก่อสร้างสีแดงจะเป็เรือนที่พักของศิษย์ผู้หญิงนะ”
“ขอเตือนเอาไว้หนึ่งเื่ ศิษย์ชายและหญิงห้ามค้างคืนให้ห้องพักของอีกฝ่ายโดยเด็ดขาด หากถูกผู้ดูแลจับได้จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก พบหนึ่งครั้งจะถูกหักค่าผลงานห้าสิบแต้ม สะสมครบสามสิบครั้งจะถูกขับออกจากสายเลี่ยนเหยียนในทันที”
“หากพวกเ้ามีค่าผลงานที่มากพอก็สามารถย้ายออกจากที่พักที่จัดให้ แล้วไปเช่าหรือซื้อที่พักเดี่ยวได้ ถึงเวลานั้นพวกเ้าอยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
สำนักเทพอัคคีเป็สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกยุทธ์ หากศิษย์ไม่ฝึกฝนเพราะเอาแต่มัวเมาเื่ของชายหญิง ความศักดิ์สิทธิ์ของสำนักก็จะค่อยๆ เลือนหายไป
ขอแค่หาค่าผลงานได้มากพอ ศิษย์ที่จริงจังในความก้าวหน้าก็จะสามารถได้รับสิทธิของตัวเองอย่างเต็มที่
สรุปแล้วก็คือ ศิษย์ที่ไม่มีความสามารถก็จะต้องพักอยู่ในเรือนนอนศิษย์ ตั้งใจฝึกวิชาโดยไม่ให้มีอะไรภายนอกเข้ามารบกวน ต้องสงบใจพวกเขาถึงจะสามารถก้าวหน้าได้ แล้วจะไม่ถูกคัดออกจากสายเลี่ยนเหยียนที่มีการแข่งขันที่ดุเดือด
ในเวลานี้เองก็มีคนเอ่ยปากถามขึ้นมา “ค่าผลงานมันคืออะไรหรือขอรับ? แล้วจะได้มันมาได้อย่างไร?”
เิเวยยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ากำลังจะอธิบายต่ออยู่พอดี ค่าผลงานนั่นก็คือค่าการทำงานอุทิศตนให้กับสำนักเทพอัคคี ให้กับสายเลี่ยนเหยียนของเรา หนึ่งค่าผลงานจะมีมูลค่าเท่ากับยาจูหยวนตันหนึ่งเม็ด”
“การได้รับค่าผลงานของพวกเ้ามีมากมายหลายวิธี อย่างแรกเลยก็คือพลังฝีมือที่โดดเด่น ความก้าวหน้าที่รวดเร็ว และพื้นฐานวรยุทธ์ที่มั่นคง สำหรับสำนักเทพอัคคีแล้วก็ถือเป็ค่าผลงานได้หมด เหล่าผู้าุโจะมีการกำหนดเงื่อนไขให้กับเหล่าศิษย์เป็ระยะ เช่น ใน่เวลานี้จะต้องฝึกถึงระดับไหน หรือว่าจะต้องฝึกทักษะการต่อสู้อะไรให้สำเร็จภายในระยะเวลากี่วัน คนที่ทำได้ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด ก็จะได้รับค่าผลงานเป็รางวัลตามความเหมาะสม”
ทุกคนตั้งใจฟังอย่างมากเพราะค่าผลงานเป็ของดี หนึ่งค่าผลงานมีมูลค่าเท่ายาจูหยวนตันหนึ่งเม็ด ถ้าได้ค่าผลงานมากขึ้น นั่นก็หมายความว่าสามารถแลกยาจูหยวนตันได้จำนวนมากขึ้น หรืออาจจะแลกของมูลค่าอื่นๆ ได้ ถ้าอย่างนั้นพลังฝีมือของพวกเขาก็อาจจะทะลวงระดับได้
เิเวยพูดต่ออีกว่า “ซึ่งแน่นอนว่าพวกนี้ถือเป็แค่รางวัลพื้นฐานเท่านั้น หากคิดอยากจะได้ค่าผลงานที่มากขึ้นก็มีอยู่ด้วยกันสองวิธี วิธีแรกคือ จับอสูรในป่าลึกของสายเลี่ยนเหยียนแล้วได้หัวใจของมันมา หรือนำของมีค่าอื่นๆ มาแลกค่าผลงานที่เทียบเท่ากัน หรืออาจจะไปเก็บสมุนไพรของมีค่าไปแลกค่าผลงานที่เทียบเท่ากันได้”
“วิธีการที่สองคือ ไปรับงานที่เหมาะสมจากหอภารกิจ เมื่อสำเร็จภารกิจก็เท่ากับทำงานให้กับสำนักเทพอัคคี ก็จะได้รับค่าผลงานตามระดับความยากง่ายของงาน ถือเป็วิธีที่ยากที่สุดวิธีหนึ่ง และเป็วิธีการที่ได้ค่าผลงานมากที่สุดวิธีหนึ่งด้วยเช่นกัน”
“ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าไม่มีความสามารถที่มากพอก็อย่าไปรับภารกิจที่ยากเกินตัว เพราะรางวัลยิ่งมากอันตรายก็มากตามไปด้วย หากไม่ระวังก็อาจจะถึงชีวิต”
พอได้ยินเิเวยพูดแบบนี้แล้วทุกคนก็เข้าใจขึ้นมาทันที แต่ละคนคันไม้คันมืออยากจะได้ค่าผลงานจำนวนมากเพื่อแลกรางวัลที่มากขึ้น
“ซึ่งแน่นอนว่า หากต่อไปพวกเ้าประสบความสำเร็จแล้วอยากจะออกจากสำนักเทพอัคคีไป ก็จะต้องจ่ายค่าผลงานจำนวนที่มากพอถึงจะออกจากสำนักได้ เพราะสำนักเทพอัคคีของเราก็คงไม่มีทางเพาะเลี้ยงพวกเ้าเปล่าๆ พวกเ้าก็สมควรจะทำอะไรคืนให้กับสำนักเทพอัคคีเช่นกัน”
“ขอรับ/เ้าค่ะ!”
ทุกคนตอบรับขึ้นมาพร้อมกัน
เิเวยพยักหน้า “ดีมาก พวกเ้าห้าสิบคนถือเป็ศิษย์ของข้า ั้แ่พรุ่งนี้เป็ต้นไป ข้าจะมาอบรมพวกเ้าที่ลานฝึกอาทิตย์ละสองครั้ง ครั้งละสามชั่วยาม ส่วนเวลาที่เหลือพวกเ้าก็จัดสรรกันเอาเอง แต่ละเดือน ข้าจะสุ่มเลือกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาและมอบรางวัลให้ และรางวัลในครั้งแรกคือสิ้นเดือนนี้ ข้าจะมอบไข่มุกอักขระระดับสองให้สี่เม็ด ใครจะได้ไปก็อยู่ที่ตัวของพวกเ้าล่ะนะ”
ได้ยินแล้วก็คันไม้คันมือขึ้นมาทันที ทุกคนเริ่มพูดคุยซุบซิบกัน ไข่มุกอักขระระดับสองเป็ของที่มีมูลค่ามากกว่าทักษะการต่อสู้เสวียนระดับต้นอีก แล้วเวลาใช้งานก็ไม่ได้ซับซ้อนเท่าทักษะการต่อสู้ด้วย มันจึงเป็ของที่หาได้ยากยิ่ง!
พูดจบเิเวยก็สะบัดข้อมือ แล้วแสงไฟห้าสิบดวงก็พุ่งเข้าหาทุกคนราวกับสายฟ้า
“อันนี้คือ ... ”
“มันคือตราสถานะของพวกเ้า” เิเวยอธิบายต่อว่า “พวกเ้าััได้แล้วใช่ไหม ในร่างกายของพวกเ้านั้นจะมีตราสถานะเปลวเพลิงเล็กๆ อยู่ แล้วมันก็จะเป็สถานะบ่งบอกความเป็ศิษย์ของสายเลี่ยนเหยียนของพวกเ้าด้วย”
ทุกคนััตามที่เิเวยบอกก็พบว่าในร่างกายของพวกเขานั้นมีพลังงานเปลวไฟอ่อนๆ ที่ไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ แต่ก็ไม่ได้เป็อันตรายใดๆ ต่อร่างกาย
แต่ละคนเริ่มรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป พวกเขาก็จะกลายเป็คนของสายเลี่ยนเหยียนแล้ว!
เิเวยยังกำชับอีกนิดหน่อย จากนั้นก็พาทุกคนลงไปในที่พักสีแดงก่อน หลังจากจัดระเบียบเรียบร้อยแล้วถึงได้วางใจ
ก่อนที่จะไป เขายังตั้งใจมองไปที่ิอวี่แล้วพูดว่า “ในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ พยายามอย่าออกไปไหน อย่าไปเผชิญหน้ากับเซินถูเจ๋อเด็ดขาด”
พูดจบเขาก็ขี่อสูรสัตว์ปีกไป
เมื่อเห็นเิเวยจากไปแล้วิอวี่ก็อดส่ายหน้าอย่างลำบากใจไม่ได้ ความหวังดีของเิเวยเขารับไว้ด้วยใจจริงๆ แต่ว่าเขาจะไม่ออกไปไหนจริงๆ หรือ? หากหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน เซินถูเจ๋อกลายเป็ศิษย์ชั้นยอด เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าเขาคงหนีไม่พ้น
หากจะบอกว่าต้องอดกลั้นกับเซินถูเจ๋อ ต้องแอบพัฒนาตัวเองอย่างเงียบๆ เพื่อหลีกหนีปัญหา ถ้าอย่างนั้นมันก็เหมือนผิดเจตนารมณ์ของการมาที่สำนักเทพอัคคีของเขา
ิอวี่รู้ว่าหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน อย่างไรทุกอย่างก็จะต้องลุกเป็ไฟ!
เมื่อเขาเข้าไปในห้องพักที่อยู่บนชั้นสามแล้ว ิอวี่ก็พบว่าอีกสามคนที่เหลือเริ่มเก็บข้าวของจนเรียบร้อยไปแล้ว
ห้องพักกว้างขวางมาก มีแสงส่องเข้ามาทางนอกหน้าต่างทำให้ห้องดูสว่างไสว
ทั้งสามคนมองมาที่ิอวี่อย่างระมัดระวังตัว เพราะพวกเขาเห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าก่อนหน้านี้ิอวี่เล่นงานเซินถูเจ๋อ ก่อนที่เซินถูเจ๋อจะประกาศาออกมา พวกเขาจึงรู้สึกว่าิอวี่น่าจะไม่รอดแล้ว
พวกเขาจึงไม่อยากจะสนิทสนมกับิอวี่มากจนเกินไป เพราะกลัวจะทำให้เซินถูเจ๋อไม่พอใจไปด้วย
“สวัสดี” ิอวี่ยิ้มแล้วลองทักดู
“ ... สวัสดี” สามคนนั้นทักิอวี่กลับไปอย่างแข็งๆ และลองยิ้มตอบ
“ ... ”
ิอวี่เขินจนเหงื่อออก สามคนนี้ยำเกรงเขามากเกินไป เขาเองก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร เลยเอ่ยปากพูดก่อนว่า “ไม่รู้ว่าพวกเ้ารู้ไหมว่าในสายเลี่ยนเหยียนมีสถานที่สามารถฝึกพลังวิชาให้ได้เร็วๆ ไหม?”
“สถานที่แบบนั้นมีอยู่แล้ว ด้านข้างสายเลี่ยนเหยียนมีอุโมงค์เพลิงอยู่ ยิ่งเข้าลึกไปเรื่อยๆ เปลวเพลิงก็จะมีมากขึ้น ผลการฝึกที่ได้ก็จะยิ่งดี เ้า ... ไปลองดูได้นะ”
ทั้งสามคนได้เมื่อยินว่าิอวี่คิดจะเตรียมตัวในเวลาจวนตัว ถึงแม้ภายในหนึ่งเดือนมันจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก แต่พวกเขาก็ไม่กล้ามีปัญหากับิอวี่ก็เลยตอบไปด้วยความเป็มิตร
