เมิ่งอู่กล่าวเบาๆ “ข้าเสียใจที่ท่านอาเซินล้มป่วย มิสู้ให้ข้าไปเยี่ยมท่านอาเซินสักหน่อย ข้าจะรักษาเขาอย่างสุดความสามารถ”
สะใภ้สกุลเซินกล่าว “เ้าไม่ฆ่าเขาก็ดีแล้ว ยังจะรักษาเขาได้อย่างไร?”
ในเวลานี้นางเย่เอ่ย “วันนี้พวกเรามาที่นี่เพื่อเปิดโปงตัวตนของนาง เจียนเจีย เ้าเล่าให้ทุกคนฟังว่าเกิดอันใดขึ้น”
สองครั้งก่อนที่นางเย่ยุยงปลุกปั่นชาวบ้านล้วนไม่ประสบผลสำเร็จ ครั้งนี้นางเกรงว่าการร้องทุกข์ของตนจะไม่เพียงพอ จึงให้เมิ่งเจียนเจียยืนหยัดออกหน้าแทน
เมิ่งเจียนเจียเป็คนอ่อนโยน มีเหตุผล เป็ที่นิยมในหมู่ชาวบ้าน ขอเพียงนางเอ่ยวาจา บรรดาชายหนุ่มในหมู่บ้านล้วนหูตั้งฟังอย่างระมัดระวัง
เมิ่งเจียนเจียยังคงอ่อนน้อมถ่อมตนและอ่อนโยน พูดกับเมิ่งอู่ “เ้า... เ้าใช่เมิ่งอู่หรือไม่?”
เมิ่งอู่เลิกคิ้ว คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม กล่าวว่า “คำพูดเช่นนี้เริ่มจากที่ใด?”
เมิ่งเจียนเจียกล่าว “ทุกคนเห็นกับตา น้องสาวเมิ่งอู่คนก่อนไม่ใช่คนแบบนี้ นางปฏิบัติต่อผู้คนดี อ่อนโยน บริสุทธิ์...”
เมิ่งอู่ยกริมฝีปากก่อนกล่าว “เ้าจะบอกว่า นางเป็คนดีจึงถูกคนรังแกใช่หรือไม่?”
เมิ่งเจียนเจียกัดริมฝีปาก “โดยรวมคือน้องสาวเมิ่งอู่เป็คนจิตใจดี แตกต่างจากเ้าในยามนี้ลิบลับ เป็คนละคนที่ต่างกันเลย เ้าพูดมาตามตรงเถิดว่าเ้าไม่ใช่เมิ่งอู่ เ้าเอาน้องสาวเมิ่งอู่ไปไว้ที่ใด! เ้า...” นางพูดแล้ว ดวงตาของนางก็หลั่งน้ำตาอย่างรวดเร็ว ดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝน [1] น่าสงสารยิ่งนัก นางสะอึกสะอื้นก่อนเอ่ย “เ้าทำร้ายนางใช่หรือไม่…”
เมิ่งอู่กล่าว “ข้าคือเมิ่งอู่”
ชายหนุ่มในหมู่บ้านคนหนึ่งก้าวออกมาช่วยพูดสนับสนุน “เจียนเจียกล่าวถูกต้อง ไม่มีทางที่คนเราจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ในทันทีทันใด เ้าคงถลกหนังน้องสาวเมิ่งอู่แล้วเอามาห่มคลุม ปลอมตัวเป็เมิ่งอู่เพื่อทำร้ายคนในหมู่บ้านใช่หรือไม่?”
“ไม่ผิดแน่นอน! ท่านอาเซินก็ถูกนางทำร้าย!”
ชาวบ้านอีกคนหันมองนางเซี่ยก่อนเอ่ย "ภรรยาของเมิ่งเอ้อร์ [2] บุตรสาวของเ้าถูกผู้อื่นถลกหนังมาห่มคลุม เ้าไม่สังเกตเห็นเลยหรือ?”
นางเซี่ยยิ้มเย็น “พวกเ้ายังกล้าพูดถ้อยคำไร้สาระเยี่ยงนี้นะ”
เมิ่งอู่ยิ้มเอ่ย “เื่นี้พิสูจน์ง่ายมาก เช่นนี้เถิด พี่สาวเจียนเจีย เ้าเล่าเื่บางอย่างในวัยเด็กของพวกเราสิ แล้วข้าจะเล่าบ้าง เป็อย่างไร?”
พวกชาวบ้านกล่าว “เจียนเจีย อย่าได้เกรงกลัว เผชิญหน้ากับนางก่อน”
เมิ่งเจียนเจียไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก และทำตามที่ชาวบ้านแนะโดยเล่าเื่ราวในวัยเยาว์ของเมิ่งอู่
ขณะที่เมิ่งอู่ก็ตอบโต้อย่างคล่องแคล่ว จำได้ไม่ผิดเพี้ยน ทั้งยังเล่าบางเื่ที่เมิ่งอู่เคยโต้ตอบกับชาวบ้านก่อนหน้านี้ด้วย
เหล่าชาวบ้านอดละล้าละลังไม่ได้
เมิ่งเจียนเจียเอ่ยอย่างอ่อนโยนและอ่อนแอ “เื่เหล่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ หากท่านอาสะใภ้รองเล่าให้นางฟัง นางก็ต้องรู้เื่พวกนี้อยู่แล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งอู่อบอุ่นอักโข “เช่นนั้นก็ง่ายแล้ว ทุกคนรอสักครู่” นางหันหลังกลับไปหยิบมีดเล่มหนึ่ง ก่อนนำไปลนไฟในเตา จากนั้นค่อยเดินกลับมา
พวกชาวบ้านสะดุ้งใ “เมิ่งอู่! เ้าคิดจะทำอันใด?!”
เมิ่งอู่ดึงแขนเสื้อขึ้น ก่อนที่นางเซี่ยจะทันห้ามปราม นางก็ใช้มีดกรีดแขนตนเอง
คิ้วตานางสงบราบเรียบยามคมมีดกรีดผ่านิั ไม่นานก็มีเืแดงสดไหลริน
เมื่ออินเหิงเห็นดังนั้น ั์ตาเขาพลันมืดลง เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “อาอู่ เ้าไม่จำเป็ต้องพิสูจน์ให้ผู้ใดเห็น”
เมิ่งอู่ยิ้ม ก่อนช้อนมองเมิ่งเจียนเจียตรงๆ กล่าวว่า “ไม่เป็ไร แค่เืไหลนิดหน่อย ไม่สูญเปล่าหรอก”
ชาวบ้านล้วนอึ้งงัน พูดไม่ออกแล้ว
เมิ่งเจียนเจียที่ถูกเมิ่งอู่จ้องด้วยสายตาเยี่ยงนั้น หน้าซีดเผือด ถอยหลังไปสองก้าว
รอยเืที่แขนเมิ่งอู่บาดตา นางเย้ยหยัน “ใต้หล้านี้มีผู้ใดบ้างที่ไม่ห่มคลุมหนัง และผู้ใดเล่าจะบอกได้ว่าโลหิตใต้ิัเป็สีแดงหรือสีดำ หัวใจที่อยู่ใต้ิัดีหรือร้าย? หากข้าถลกหนังเมิ่งอู่มาสวมใส่จริง หนังของมนุษย์คนนี้จะแเีและมีเืออกแบบนี้หรือ?”
ทุกคนเงียบกริบ มิอาจโต้แย้ง
เมิ่งอู่เงยหน้าแล้วกวาดสายตามองผู้คนรอบข้าง ก่อนหยุดสายตาจับจ้องนางเย่กับเมิ่งเจียนเจีย “เพราะเหตุใดเล่า พอข้าลืมตาตื่น ไม่ยินยอมให้คนเหยียบย่ำอีก แล้วข้าจะตอบโต้กลับไม่ได้หรือ? ข้าไม่ยินยอมให้คนรังแกและทำลายล้าง แล้วข้าจะเอาคืนครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้หรือ? ข้าไม่ยินยอมที่จะถูกบีบคั้นเพราะความจน แล้วข้าจะไขว่คว้าชีวิตที่ดีกว่าไม่ได้หรือ? ทุกคนพูดกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม นับจากนี้ข้าจะไม่เอาคืนเท่าที่โดนกระทำอีกแล้ว”
เมิ่งอู่เผยรอยยิ้มที่มุมปาก คิ้วตาเ็า “ข้าจะให้ผู้ที่ล่วงเกินข้าชดใช้คืนเป็ร้อยเท่า!”
นางเย่และเมิ่งเจียนเจียต่างตะลึงลาน
ชาวบ้านทุกคนใ ก่อนรู้สึกตัวว่านางคือเมิ่งอู่ตัวจริงที่มีเืมีเนื้อ
มีใครสักคนไกล่เกลี่ย “ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็ความเข้าใจผิด ไม่มีฆาตกรถลกหนังมนุษย์มาห่มคลุม ไร้สาระสิ้นดี! เมิ่งอู่ เ้าเสียเืไปมาก รีบไปพันผ้าพันแผลเถิด!”
เมิ่งอู่ยกมีดในมือขึ้นชี้ไปที่เมิ่งเจียนเจียพลางคลี่ยิ้มเ้าเล่ห์ “จริงสิ เ้าใช่พี่สาวเจียนเจียของข้าหรือไม่? หรือเ้าถลกหนังผู้ใดมาห่มคลุมเพื่อออกมาทำร้ายผู้อื่น?”
ถ้อยคำนี้พาให้ทุกคนประหลาดใจ บางคนก็เงียบงัน
ใบหน้าของเมิ่งเจียนเจียซีดขาว กล่าวเสียงสั่น “เ้า… เ้าพูดอันใดไร้สาระ…”
เมิ่งอู่กล่าว “ใต้หล้านี้อาจมีฆาตกรถลกหนัง และบ่อยครั้งที่โจรมักะโร้องให้จับโจร ร้ายกาจและเ้าเล่ห์เพทุบายมาก เ้ายุยงปลุกปั่นชาวบ้านเพื่ออะไร? หรือเ้าคิดจะยุยงให้ชาวบ้านฆ่าข้า เพื่อที่เ้าจะได้หมดกังวล? ท่านอาเซินทำงานที่เรือนข้ามาตั้งนานไม่เคยมีเื่ พอสองวันก่อนเ้าแวะไปหาเขาเพียงครั้งเดียว เขาก็ล้มป่วย หากไม่ใช่เ้าแล้วจะเป็ผู้ใด?!”
ชาวบ้านต่างหันมองเมิ่งเจียนเจีย สีหน้ามิอาจคาดเดา
สะใภ้สกุลเซินย้อนนึก แล้วจ้องมองเมิ่งเจียนเจียทั้งน้ำตา “มีเื่นี้ที่ข้าได้ยินเหล่าเซินเล่าให้ฟัง ที่แท้ก็เป็เ้าที่ทำร้ายเขา!”
เมื่อนางเย่เห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้ามาช่วย ตวาดว่า “เมิ่งอู่ เ้าอย่าได้ใส่ร้ายป้ายสี!”
เมิ่งอู่หัวเราะเยาะ “การตั้งข้อสงสัยเป็เสรีภาพของทุกคน พวกท่านสงสัยข้าได้ ทำไม พอข้าสงสัยนาง พวกท่านถึงกับทนไม่ได้?”
ชายหนุ่มหลายคนกล่าว “เจียนเจีย... ไม่น่าจะเป็คนเยี่ยงนั้น…”
เมิ่งเจียนเจียร้องไห้ “ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้าจริงๆ โปรดเชื่อข้า... ข้าจำเื่ราวในกาลก่อนได้ทั้งหมด...”
เมิ่งอู่ยิ้มเอ่ย “ผู้ใดจะรู้ว่าไม่ใช่เพราะท่านป้าสะใภ้ใหญ่เล่าให้เ้าฟัง ในเมื่อไม่มีหลักฐาน แล้วทุกคนจะเชื่อเ้าได้อย่างไร เช่นนี้ก็ต้องกรีดเ้าสักแผล ดูว่าหนังมนุษย์ของเ้าแเี หรือมีเืไหลออกมาหรือไม่”
เมิ่งเจียนเจียถอยหลังหนีด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
นางเย่กล่าว “เ้ากล้าหรือ! เจียนเจียเป็บุตรสาวข้า ข้าเป็มารดาจะไม่รู้เื่นี้ได้อย่างไร!”
จู่ๆ นางเซี่ยก็เอ่ยเสียงแ่เบา “อาอู่ก็เป็บุตรสาวข้าเช่นกัน ข้าเป็มารดา เหตุใดพวกเ้าถึงไม่เชื่อข้าเล่า?”
เมื่อเห็นาแที่แขนของเมิ่งอู่ นางเซี่ยก็รู้สึกปวดใจยิ่ง หากวิธีนี้สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ เมิ่งเจียนเจียก็สมควรจะโดนกรีดสักแผล ให้นางเย่ได้ลิ้มรสความเ็ปดุจถูกมีดกรีดเฉือนเช่นกัน!
ปกตินางเซี่ยเป็คนอ่อนโยน ไม่ชอบโต้เถียงเสมอมา แต่ครอบครัวนี้ชนะหนึ่งชุ่นอยากได้หนึ่งฉื่อ [3] รังแกนางไม่หยุดหย่อน!
สะใภ้สกุลเซินกล่าว “ต้องพิสูจน์! หากนางไม่ใช่เมิ่งเจียนเจีย บางทีเมิ่งเจียนเจียคนก่อนอาจถูกนางฆ่าตายไปแล้ว! หากเหล่าเซินสามีของข้าถูกนางทำร้ายจริง จะผ่อนปรนไม่ได้เด็ดขาด!”
ครั้นเห็นเมิ่งเจียนเจียหลบอยู่ด้านหลังของนางเย่ เมิ่งอู่จึงเย้ยหยัน “ยามใส่ร้ายผู้อื่นก็มั่นใจ พอมีดจะตกใส่ตนเองบ้างกลับขี้ขลาดเหมือนไก่ หากเ้ากลัวเจ็บก็มีวิธีอื่นที่จะพิสูจน์”
ชาวบ้านถาม “วิธีใด?”
“ตรวจดูใบหน้าของนางว่าสวมหน้ากากหนังมนุษย์ไว้หรือไม่ก็พอแล้ว หากสวมหน้ากากไว้ย่อมต้องทิ้งร่องรอยไว้เสมอ” เมิ่งอู่จ้องมองเมิ่งเจียนเจียแล้วกล่าว “จะกรีดหนึ่งแผล หรือให้ข้าตรวจดู เ้าเลือกเอา”
เมิ่งเจียนเจียไม่อยากเลือกทั้งสองวิธี
แต่เห็นได้ชัดว่าชาวบ้านทุกคนเอนเอียงไปทางวิธีหลัง เพราะไม่จำเป็ต้องเห็นเื เพียงตรวจดูก็พอ ไม่ต้องเจ็บตัว
ดังนั้นบรรดาชายหนุ่มจึงโน้มน้าวนาง “เจียนเจีย ให้ตรวจดูเถิด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเ้า”
หากเมิ่งเจียนเจียยังไม่ยินยอมก็เท่ากับว่านางอาจมีปัญหาจริงๆ
แต่นางรู้สึกว่าไม่ว่าจะให้กรีดแขน หรือให้เมิ่งอู่ตรวจดู ล้วนน่าพรั่นพรึง…
สุดท้ายชาวบ้านก็หมดความอดทน มองเมิ่งเจียนเจียด้วยสายตาเคลือบแคลง เมิ่งเจียนเจียจึงจำใจต้องเลือก
นางเลือกวิธีหลัง ก่อนเดินตัวสั่นแล้วสั่นอีกไปหาเมิ่งอู่
เมิ่งอู่ที่โยนมีดทิ้งอย่างไม่ใส่ใจยิ้มเ้าเล่ห์ขณะรอให้เมิ่งเจียนเจียส่งตนเองมาอยู่ในกำมือของนาง
นางคว้าเรือนผมของเมิ่งเจียนเจียไว้ ก่อนกระชากไปด้านหลังอย่างแรง
……….
[1] เปรียบเทียบดอกสาลี่กับใบหน้าของสตรีที่ร้องไห้ก็ยังงาม
[2] หมายถึง บุตรชายคนที่สองของตระกูลเมิ่ง ในที่นี้คือเมิ่งอวิ๋นเซียว บิดาของเมิ่งอู่
[3] หมายถึง ไม่พอใจกับของเล็กน้อย ไม่รู้จักพอ โลภมาก