วันรุ่งขึ้น
“คุณหนู พี่อิงเอ๋อร์ไม่ต้องพักสักหน่อยหรือเ้าคะ? ฟ้ายังไม่ทันสว่างนางก็ฝึกวรยุทธ์อยู่ข้างนอกแล้วเ้าค่ะ”
ฝูเอ๋อร์นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง นางเท้าคางมองออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าชื่นชม
“นางมีวินัยยิ่งนัก”
ไป๋เซี่ยเหอบิซาลาเปาในมือก่อนจะเอาเข้าปาก ทันทีที่เคี้ยว รสชาติของเนื้อก็โชยเข้าจมูก หอมอบอวลอยู่เต็มปาก
ทว่าสายตาของนางไม่ได้ละไปจากร่างของเจี่ยงอิงเอ๋อร์แม้แต่นิดเดียว
‘ฟิ้ว’
จู่ๆ วัตถุสีขาวก็ลอยออกมาจากด้านในเรือน มันพุ่งผ่านสายลมอย่างรวดเร็วและตรงดิ่งไปที่เจี่ยงอิงเอ๋อร์
เจี่ยงอิงเอ๋อร์ที่กำลังจดจ่ออยู่กับการฝึกวรยุทธ์ไม่คาดคิดว่าจะถูกลอบโจมตี นางหยุดการกระทำของตนเองก่อนจะเอนตัวไปด้านหลัง
‘ปั้ก’
ซาลาเปาสีขาวกระแทกเข้ากับร่างของนางด้วยความแรงที่ไม่หนักไม่เบา
“ไม่เลว เลี่ยงจุดสำคัญได้ดี”
ยามที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ประมือกัน ย่อมไม่ได้อาศัยความฉูดฉาดอย่างการร่ายรำที่ดูสวยหรูเ่าั้
ทว่าปฏิกิริยาตอบสนองจะช่วยหล่อหลอมฝีมือ
“ขอคุณหนูโปรดชี้แนะด้วย!”
“เ้าแน่ใจหรือ?” ไป๋เซี่ยเหอเลิกคิ้ว แววตาทอประกายชื่นชม
“เ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็เตรียมตัวเถิด”
เจี่ยงอิงเอ๋อร์ถือดาบด้วยท่วงท่าที่เป็ธรรมชาติ นางเริ่มใช้เพลงดาบ จากนั้นดาบในมือก็พุ่งไปที่ใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอ
ฝูเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที “คุณหนู ระวังเ้าค่ะ!”
ไป๋เซี่ยเหอที่นั่งกินซาลาเปาอยู่ตรงนั้นยังคงสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
คมดาบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ซาลาเปาในมือถูกขว้างออกไป มันพุ่งเข้าไปกระแทกข้อมือที่กำลังถือดาบอยู่ของเจี่ยงอิงเอ๋อร์
ราวกับถูกสิ่งของที่มีน้ำหนักพันจินกระแทก เจี่ยงอิงเอ๋อร์รู้สึกเ็ปที่ข้อมืออย่างรุนแรง แม้แต่ดาบในมือยังร่วงลงบนพื้นจนเกิดเสียงดัง
หากเจี่ยงอิงเอ๋อร์ไม่ได้เห็นกับตา ก็ไม่คาดคิดว่าซาลาเปาที่อ่อนนุ่มจะมีอานุภาพร้ายแรงปานนี้ได้
จากนั้นลำคอของนางก็รู้สึกเย็นวาบเล็กน้อย
ไม่ทราบว่าไป๋เซี่ยเหอที่นั่งอยู่ตรงนั้นหายตัวไปั้แ่เมื่อใด กว่าจะรู้ตัวอีกฝ่ายก็พลิ้วกายมาอยู่ด้านหลัง ในมือถือปิ่นปักผมที่ดึงออกมาจากมวยผม
ปิ่นดังกล่าวเล็งมายังหลอดเืแดงของนาง
เพียงหนึ่งกระบวนท่าก็ปลิดชีพได้แล้ว!
ทว่าการกระทำทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นตรงหน้าเจี่ยงอิงเอ๋อร์
นางไม่แม้แต่จะเห็นว่าไป๋เซี่ยเหอลุกจากที่นั่งั้แ่เมื่อใด และมายืนอยู่ด้านหลังของนางั้แ่เมื่อใด
ตอนนี้...
นางรู้สึกเลื่อมใสไป๋เซี่ยเหอมากกว่าเดิม
“ขอบคุณคุณหนูที่ชี้แนะ!”
ปิ่นปักผมถูกโยนลงบนโต๊ะ ความดุดันของไป๋เซี่ยเหอเมื่อครู่เปลี่ยนเป็คำกล่าวพร้อมกับยิ้มตาหยี
“เสียดายมวยผมที่ฝูเอ๋อร์ทำตั้งนาน เละหมดแล้ว”
ฝูเอ๋อร์กลอกตา พลางลูบหน้าอกของตนเอง “มวยผมคือเื่เล็ก แต่คุณหนูของบ่าวเ้าคะ ครั้งหน้าอย่าทำสิ่งที่อันตรายถึงเพียงนี้จะได้หรือไม่? บ่าวใแทบตายแล้วเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอยกยิ้มเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ข้าต้องเผชิญกับการลอบสังหาร ล้วนอันตรายยิ่งกว่าวันนี้แทบทั้งสิ้น ฝูเอ๋อร์ เ้าต้องทำใจให้คุ้นชินนะ”
ฝูเอ๋อร์เงียบไปชั่วครู่
“บ่าวทราบแล้วเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอยื่นมือไปลูบศีรษะของฝูเอ๋อร์ แล้วเอ่ยคำปลอบโยนนาง “ไม่ต้องกังวล คุณหนูของเ้าโชคดี คนธรรมดาพรากชีวิตไปไม่ได้หรอก”
“แต่บ่าวก็ยังกังวลอยู่ดีเ้าค่ะ”
ฝูเอ๋อร์เริ่มนึกถึงชีวิตในอดีต แม้ว่าจะกินไม่อิ่ม จะสวมใส่เสื้อผ้าไม่อุ่น ทว่าถึงอย่างไรก็ยังมีชีวิตอยู่
น่าเสียดายที่ฝูเอ๋อร์ไม่อาจล่วงรู้ไปตลอดกาลว่า ไป๋เซี่ยเหอในอดีตถูกวันเวลาเช่นนั้นทรมานจนตายไปนานแล้ว
ไป๋เซี่ยเหอเพิ่งกำชับให้เจี่ยงอิงเอ๋อร์ไปกินข้าวเช้า จู่ๆ ก็มีสาวใช้เข้ามารายงาน
“เซ่อเจิ้งอ๋องรอท่านอยู่ที่ห้องโถงหลักเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอชะงัก เผยสีหน้าที่ดูไม่เป็ธรรมชาติออกมา
เหตุใดเขาถึงมาอย่างกะทันหันเช่นนี้?
“ข้าเข้าใจแล้ว เ้าไปก่อนเถิด”
ภายในห้องโถงหลักของจวนสกุลไป๋
ฮั่วเยี่ยนไหวในชุดคลุมผ้าดิ้นสีน้ำเงินเข้มนั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน เรือนผมสีหมึกถูกรวบเหนือศีรษะอย่างหลวมๆ เขาเพียงเอนกายเอกเขนกอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหย ทว่าไม่อาจปิดบังรัศมีอันสูงส่งที่แผ่ออกมารอบกายได้แม้แต่น้อย
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ไป๋เหล่าฮูหยินต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ไร้ลักษณ์ หน้าผากของนางมีเหงื่อผุดขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ท่านย่า เราไม่อาจปล่อยให้เซ่อเจิ้งอ๋องทรงรอพี่ใหญ่ด้วยท่าทีเหี่ยวแห้งเช่นนี้ได้กระมังเ้าคะ”
น้ำเสียงของไป๋ซูเหอแฝงไว้ด้วยการกระตุ้นเล็กน้อย
เซ่อเจิ้งอ๋องนั่งรออยู่นานแล้ว ทว่าไป๋เซี่ยเหอก็ยังไม่ปรากฏตัว นางต้องใจกล้าเพียงใดกัน?
เหตุใดดวงตาถึงได้ไร้แววเช่นนี้? ไม่รู้ว่าสตรีที่ไม่รู้จักไว้หน้าบุรุษที่คู่ควรจะเป็ถึงว่าที่พระชายาได้อย่างไร?
เง็กเซียนฮ่องเต้ช่างตาบอดจริงๆ
ไป๋เหล่าฮูหยินได้สติทันที ดวงตาของนางทอประกาย จากนั้นนางก็เริ่มวางมาดเ้านาย
“ย่าแก่แล้วจึงเลอะเลือน ดังนั้นเ้าจะเลอะเลือนด้วยไม่ได้ ยังไม่รีบไปยกน้ำชามาให้ท่านอ๋องอีก”
การยกน้ำชาเป็หน้าที่ของสาวใช้ โชคดีที่ไป๋ซูเหอเป็บุตรีของอนุภรรยา ส่วนฮั่วเยี่ยนไหวมีฐานะสูงส่งเป็ถึงเซ่อเจิ้งอ๋อง
การทำเช่นนี้จึงไม่ทำให้ไป๋ซูเหอเสียหน้า
ไป๋ซูเหอเดินบิดเอวเพรียวบาง จี้ที่ประดับอยู่บนหน้าผากส่งเสียงไพเราะเสนาะหูยามกระทบกัน
นางเดินไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างๆ ฮั่วเยี่ยนไหวด้วยท่วงท่างดงาม นางรินน้ำชาด้วยความเชี่ยวชาญ เพียงครู่เดียวน้ำชาก็ส่งกลิ่นหอมอบอวล
นางยกจอกน้ำชาไว้ในมือ ก่อนจะย่างกรายไปทางฮั่วเยี่ยนไหวอย่างสง่างาม รูปร่างนั้นอ่อนช้อย
นางเคยลอบเพ้อฝันถึงการได้ยืนอยู่ตรงหน้าของฮั่วเยี่ยนไหวมานับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่ท่าเดินก็ลอบฝึกซ้อมมาหลายต่อหลายครั้ง
“ท่านอ๋อง เชิญดื่มชาดับกระหายเถิดเพคะ”
นางกล่าวเสียงเล็กเสียงน้อย ฟังดูราวกับระฆังที่แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวลอยู่ในนั้น
ทว่านางกลับแสดงออกได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ หากมากกว่านี้อีกส่วนจะดูให้ท่า หากน้อยกว่านี้อีกส่วนจะดูจืดชืดเกินไป
หากเปลี่ยนเป็บุรุษทั่วไป ย่อมเกิดความพึงพอใจในตัวไป๋ซูเหอไปนานแล้ว
ทว่าฮั่วเยี่ยนไหวกลับไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
เขาไม่ขยับเขยื้อนเลย ส่วนอิ๋งเฟิงที่ยืนอยู่ข้างกายเขาก็ไม่กล้าตัดสินใจแทน ดังนั้นจึงยืนเฉยๆ ทำเป็ไม่รู้ไม่เห็น
น้ำชาเพิ่งต้มมาหมาดๆ
หากถือเอาไว้ในมือแล้วมอบให้อีกฝ่ายทันที ก็จะไม่รู้สึกร้อนเกินไปนัก
ทว่าหากต้องยกจอกน้ำชาไว้ตลอดเวลาเช่นนี้...
ไม่ต้องพูดถึงนิ้วมืออันขาวนวลของคุณหนูอย่างไป๋ซูเหอเลย ต่อให้เป็นิ้วมือที่เคยชินกับการทำงานหนักจนนิ้วด้าน ก็ไม่แน่ว่าจะยกจอกน้ำชาร้อนๆ นี้ได้นาน
ไป๋ซูเหอกัดริมฝีปากล่าง น้ำตาคลอเบ้าจวนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ สามารถมองเห็นเงาของโหยวพิงถิงในตัวนางได้
เพียงแต่ให้ความรู้สึกเลียนแบบเล็กน้อยอย่างยากจะหลีกเลี่ยง
“อา!”
สุดท้ายแล้วไป๋ซูเหอก็ทนไม่ไหว นางทำจอกหลุดมือโดยไม่ระวัง น้ำชาหกใส่ชุดคลุมของฮั่วเยี่ยนไหว
“บังอาจ!”
อิ๋งเฟิงใจนหน้าถอดสี เขาผลักไป๋ซูเหอไปด้านข้างทันที ก่อนจะเช็ดคราบน้ำให้ฮั่วเยี่ยนไหวจนชุดคลุมแห้ง
โชคดีที่สภาพอากาศในเดือนสองไม่อบอุ่นนัก ดังนั้นฮั่วเยี่ยนไหวจึงสวมอาภรณ์หลายชั้น ทำให้เขาไม่ถูกลวกจนาเ็ มีเพียงชุดคลุมที่เปียกเป็วงกว้าง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สองย่าหลานใจนสติหลุดลอย
“หม่อมฉันสมควรตายเพคะ”
“หม่อมฉันสมควรตายเพคะ”
“เฮอะ สมควรตายจริงๆ นั่นล่ะ!”
น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนไหวฟังดูเฉยเมย มันฟังดูเอ้อระเหย ทว่าแฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
สตรีที่กล้าทำร้ายเขา ไม่สมควรตายหรือ?
สองย่าหลานใจนหน้าซีดเมื่อได้ยินฮั่วเยี่ยนไหวกล่าวเช่นนั้น ไป๋เหล่าฮูหยินไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ไป๋ซูเหอเองก็เช่นกัน!
ทั้งหมดนี้อยู่เหนือความคาดหมายของนาง นางคิดว่ายามที่ยกน้ำชา ฮั่วเยี่ยนไหวจะมองเห็นการแต่งกายที่พิถีพิถันของนาง รวมถึงความอ่อนโยนและความเรียบร้อยของนาง
ทว่าผู้ใดจะไปคาดคิดว่า ั้แ่ต้นจนจบเขาจะไม่เงยหน้าขึ้นสักนิดเดียว!
นี่ทำให้นางทนความร้อนที่จอกน้ำชาไม่ได้จนเผลอทำมันหลุดมือ
------------------------