ยามนี้กล่าวได้ว่าเปลวเพลิงหลากหลายสีสันอันเกิดจากปราณธาตุไฟประจำตัวของนักปรุงโอสถทุกคนในที่นี้ต่างลุกโชนอยู่โดยรอบเตาหลอมโอสถอย่างร้อนแรงยิ่ง โดยเฉพาะใจกลางนั้นเปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งที่แผ่ซ่านกลิ่นอายอหังการกร้าวแกร่งของปราณธาตุระดับต้นกำเนิดออกมา โดยรอบของเปลวเพลิงนั่นต่างรายล้อมไปด้วยสมุนไพรชั้นรองมากกว่าหนึ่งร้อยชนิดที่ลอยวนเวียนทั้งยังถูกแผดเผาโดยรอบด้าน แต่ละจุดล้วนมีความแตกต่างในความร้อนแรงที่ไม่เสมอกัน การจะกระทำเช่นนี้ได้หากไม่มั่นใจในฝีมือของตนแล้ว ก็ต้องเป็นักปรุงโอสถที่มีจิติญญาละเอียดอ่อนอยู่ไม่น้อย ภายใต้การบัญชาการของหนิงอ้าย แม้สมุนไพรเหล่านี้จะมีการต่อต้านมากเพียงใดก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ทั้งสิ้น
“เปลวเพลิงระดับต้นกำเนิดสายนี้คือสุดยอดแห่งเปลวเพลิงที่ดึงเอาศักยภาพสูงสุดของทั้งสองออกมาใช้อย่างสมดุล ความกร้าวแกร่งของเปลวเพลิงแห่งัที่ผสานเข้ากับเปลวเพลิงแห่งชีวิตของเฟยเฟิ่งอย่างลงตัว ได้สรรสร้างเปลวเพลิงปราณธาตุใหม่ให้กำเนิดบนมหาพิภพแห่งนี้แล้ว” หนิงอ้ายเอ่ยออกมาเบา ๆ ราวกับ้าพูดคุยกับตนเอง แม้ยามนี้เขายังไม่กระจ่างในการลี้ลับของเปลวเพลิงสายนี้ แต่เขาเชื่อว่าอาณุภาพนั้นในสักวันจะต้องยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คาดคิดไว้อย่างแน่นอน
หนิงอ้ายแผ่พลังงานจิติญญาเข้าไปในเตาหลอมโอสถ บรรดาสมุนไพรชั้นรองเหล่านี้เมื่อโดนความร้อนแรงจากเปลวเพลิงเป็เวลาหนึ่งชั่วยามกลับไม่มีท่าทีแห้งเหี่ยวลงเลยแม้แต่น้อย ด้วยเพราะสมุนไพรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ดูดซับพลังลมปราณฟ้าดินมาเป็เวลายาวนาน ยิ่งสมุนไพรที่สังกัดปราณธาตุไฟแล้วจึงมีความสามารถในการต่อต้านเปลวเพลิงมากกว่าสมุนไพรสังกัดปราณธาตุอื่นหลายเท่า
ครืน!!!
สมุนไพรชั้นรองชนิดหนึ่งประกายแสงวูบวาบในเตาหลอมโอสถ ก่อนจะปรากฏเป็จิติญญาไร้รูปลักษณ์ที่ปลดปล่อยพลังปราณธาตุน้ำออกมาต้านทานการแผดเผาของเปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งดังกล่าวนี้ ชั่วขณะนั้นจิติญญาไร้รูปลักษณ์ดังกล่าวได้ะเิพลังปราณออกมาอีกครั้งพร้อมกับดีดตัวออกมาเตาหลอมโอสถโอสถด้วยความรวดเร็ว
ทว่าในขณะนั้นอักขระเวทย์โบราณที่ได้ถูกสลักกำกับไปในก่อนหน้าได้เปล่งแสงประกายบังเกิดเป็ม่านพลังป้องกัน ก่อนจะเข้าตบฟาดจิติญญาไร้รูปลักษณ์นี้ตกกระแทกเข้าสู่ใจกลางเปลวเพลิงนี้อีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เสียงคำรามอันเกิดจากัที่สลักอยู่ด้านข้างได้ดังขึ้นสะกดข่มอย่างอหังการ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็อีกหนึ่งในความลึกลับของเตาหลอมโอสถหมื่นดาราจรัสสดับห้วงนทีมหรรณพที่ถูกซุกซ่อนไว้
หนิงอ้ายบัญชาการเปลวเพลิงอีกครั้งพร้อมกับพลังจิติญญาอันแกร่งกล้าพลันโหมทวีเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว สองมือขยับไปมาอย่างเชื่องช้าด้วยเพราะ้าควบคุม้ปลวเพลิงนี้อย่างปราณีตบรรจง เส้นสายอัคคีนับร้อยนับพันเส้นได้ปรากฎขึ้นพร้อมกับห่อพันร่างของจิติญญาไร้รูปลักษณ์ดังกล่าว ขุมพลังแห่งปราณธาตุน้ำได้ถูกสูญสลายลงไปในทุกขณะ ยิ่งภายในเตาหลอมโอสถนี้เต็มไปด้วยเปลวเพลิงอันเข้มข้นแล้วจึงยิ่งถูกลดทอนพลังปราณที่สะสมจนแทบไม่หลงเหลือ ก่อนจะถูกเส้นสายอัคคีเหล่านี้แดกระชากลงสู่ในกลางของเปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งในที่สุด จิติญญาที่ถูกซ่อนเร้นได้ถูกสลายไปจึงหลงเหลือเพียงของเหลวสายหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์มากถึงสิบส่วน นี่เองก็คือหนึ่งในสุดยอดความลี้ลับพิศดารของเปลวเพลิงสายนี้
หนิงอ้าย ผู้าุโเหลียงและนักปรุงโอสถคนที่เหลือได้ใช้เวลาในการหลอมรวมสมุนไพรชั้นรองเหล่านี้เพียงสองวันเท่านั้น ที่เกิดความล่าช้ากว่าที่หนิงอ้ายคาดการณ์เอาไว้นั้นเป็เพราะว่าบรรดาสมุนไพรเหล่านี้ล้วนเติบโตในมหาพิภพที่มีพลังปราณฟ้าดินที่บริสุทธิ์พิศดาร ดังนั้นพลังจิติญญาที่ถูกบีบอัดแน่นในสมุนไพรชั้นรองแต่ละชนิดจึงต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในการหลอมละลายอยู่ไม่น้อย ทว่าอย่างไรแล้วทุกสิ่งอย่างยังคงเป็ไปตามขั้นตอนแผนการที่วางไว้...
เวลาผ่านไปราวหนึ่งเดือน กลิ่นอายของสมุนไพรหลากหลายชนิดได้แผ่ซ่านกำจายหอมฟุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ สิ่งที่ทุกคนต่างจับตามองนั่นคือวิถีการหลอมสร้างปรุงโอสถของศิษย์ลำดับที่สิบของเทพโอสถาเสวี่ยจิงนามว่าหนิงอ้ายผู้นี้ ภาพที่ปรากฎตรงหน้านั้นเป็ทะเลเพลิงสีทองแดงประกายรุ้งผนึกขึ้นเป็ดอกเบญจมาศดอกหนึ่งที่มีความแพรวพราววิจิตรราวกับว่าถูกสรรสร้างจากผลึกอัญมณีอันล้ำค่า ยิ่งผสานเข้ากับประกายสะเด็ดดาราของเตาหลอมโอสถแล้วกล่าวได้ว่าเป็อีกหนึ่งวิถีหลอมสร้างโอสถที่ยิ่งใหญ่อหังการงดงามยิ่ง
“เพื่อให้ได้โอสถปลุกสายเืที่เหมาะสมกับองค์รัชทายาทให้ได้มากที่สุด จำเป็ต้องใช้สมุนไพรระดับ์สังกัดปราณธาตุน้ำและปราณธาตุไฟที่มีความเลิศล้ำทัดเทียมกัน...” หนิงอ้ายกล่าวขึ้นเมื่อนึกถึงสูตรโอสถที่กำลังหลอมสร้างอยู่ในขณะนี้ พร้อมกับตวัดมือเรียกโสมอัคคีพิสุทธิ์ไปยังใจกลางของเตาหลอมโอสถหมื่นดาราจรัสสดับห้วงนทีมหรรณพ ที่ตอนนี้แม้จะอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงอันร้อนแรงในเตาหลอม ทว่ารอบตัวนั้นได้มีเพลิงอัคคีสายหนึ่งออกมาต้านรับราวกับไม่ยินยอมให้ขั้นตอนหลังจากนี้เป็ไปได้ง่ายดายดั่งที่คาดหวัง
“สหายน้อยสมุนไพรระดับ์โสมอัคคีพิสุทธิ์นี้ได้ถูกผนึกกำกับด้วยอักขระเวทย์และจิติญญาของนักปรุงโอสถร่วมกันหลายคนจึงพอจะสยบพลังของมันได้ หากคลายกำกับอักขระออกมาแล้วควบคุมไม่ได้ เกรงว่า...” การจัดการสมุนไพรระดับ์หาใช่สยบลงได้ง่ายเหมือนกับสมุนไพรระดับเซียนในก่อนหน้า ผู้าุโเหลียงแม้จะเชื่อมั่นในฝีมือของหนิงอ้ายที่ไม่ธรรมดาสามัญก็จริง แต่ก็ยังหวั่นเกรงต่อขุมพลังของสมุนไพรนี้เสียไม่ได้ หากผิดพลาดขึ้นมาแล้วสิ่งนี้ที่เป็วัตถุดิบหลักในการปรุงโอสถครั้งนี้ย่อมไม่อาจสำเร็จได้ในท้ายที่สุด
“ผู้าุโเหลียงอย่าได้เป็กังวล แม้ขุมพลังที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของโสมอัคคีพิสุทธิ์จะมากมายลึกล้ำเพียงใด แต่ใคร่จะออกจากเตาหลอมโอสถนี้ก็ไม่ได้ง่ายดายถึงปานนั้นเช่นกัน” หนิงอ้ายระบายยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับผายมือออกเบื้องหน้าก่อนที่เปลวเพลิงสีขาวทองจะลุกโชนขึ้นมา
“เปลวเพลิงอัคคีจรัสแสงนิรันดร์เขตแดนพันธนาการ!!!” เพียงออกคำสั่ง เพลิงสีขาวทองตรงหน้าได้พุ่งทะลวงออกไปเป็เขตแดนห่อหุ้มเตาหลอมโอสถ ตรงกลางชั้นฟ้าปรากฎเป็เสาแสงและสะเก็ดเพลิงโปรยปรายงดงามยิ่ง ภายในเขตแดนล้วนเต็มไปด้วยขุมพลังอันร้อนแรงของเปลวเพลิงอันเกิดจากิญญายุทธ์ปราณทิวาธาตุที่มีฤทธิ์สะกดข่มที่ทางจิติญญา
“คลายผนึกอักขระกำกับ!!” เมื่อสร้างเขตแดนได้สำเร็จ หนิงอ้ายได้บัญชาการพลังจิติญญานักปรุงโอสถออกไปคลายผนึกดังกล่าวทันที
ครืน!!
เมื่อผนึกอักขระกำกับได้คลายออก กระแสพลังปราณธาตุไฟพลันพวยพุ่งกำจายออกมาสร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้คนโดยรอบ ไปร้อนแผดเผาปกคลุมสะท้านเข้าปะทะกับเขตแดนเสาแสงอัคคีเปลวเพลิงสีขาวประกายทองรุ้งจนเกิดเป็เสียงดังสะท้อน ชั้นฟ้าเหนือเตาหลอมโอสถปรากฎเป็เงาเมฆอัคคีสีแดงสดลาดซัดลงมาอย่างกร้าวแกร่ง
โสมอัคคีพิสุทธิ์นั้นเมื่อได้รับอิสระจากผนึกพันธนาการแล้วจึงยิ่งปลดปล่อยขุมพลังฟ้าดินที่ได้ดูดซับมาเนิ่นนานหลายพันปี ก่อนจะผนึกเงาร่างจิติญญาสมุนไพรเป็สตรีสาวสวมใส่อาภรณ์สีแดงกรุยกราย ใบหน้างามนั้นเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตถึงขีดสุดพร้อมกับะเิพลังปราณธาตุไฟออกมาร้อนแรงสุดขั้ว ความลึกล้ำของร่างจำแลงจิติญญาสายนี้นักปรุงโอสถระดับหกที่ไม่ได้มีรากฐานพลังิญญาบ่มเพาะแ่ายังไม่อาจรับมือได้โดยง่าย
ดวงตาของหนิงอ้ายจดจ้องไปยังร่างจิติญญาของโสมอัคคีพิสุทธิ์ตรงหน้าที่ลอยอยู่ด้านข้างเตาหลอมโอสถอย่างไม่แสดงความหวั่นเกรงเลยเพียงนิด กลิ่นอายเฉพาะของสมุนไพรระดับ์แผ่ซ่านกำจายไปทั่วสาดกระจายฟุ้งกระตุ้นสมุนไพรสังกัดปราณธาตุไฟเดียวกันให้มีแรงอาฆาตต่อต้านมากยิ่งขึ้น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้สร้างความวุ่นวายแก่นักปรุงโอสถท่านอื่นที่กำลังหลอมรวมสมุนไพรชั้นเซียนที่อยู่ไม่ห่างไปนัก การกระทำเช่นนี้นอกจากจะส่งผลให้เสียเวลาในการกำราบจัดการแล้ว ยิ่งปล่อยเวลาให้ผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดอาจส่งผลให้สมุนไพรที่ถูกหลอมเหลวไปนั้นเกิดการปนเปื้อนมลทินหรือร้ายแรงที่สุดอาจเสียหายจนไม่อาจใช้งานได้ หนิงอ้ายเห็นดังนั้นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วออกมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย อีกไม่นานจะเข้าสู่่สุดท้ายในการปรุงโอสถปลุกสายเืแล้วจึงไม่อาจปล่อยให้เกิดความผิดพลาดได้ทั้งสิ้น
ครืน!!
ขุมพลังจิติญญาอันมหาศาลได้ถาโถมกระหน่ำลงมาตรึงร่างจิติญญาของโสมอัคคีพิสุทธิ์เอาไว้กลางท้องฟ้า ใบหน้าของสตรีนางนั้นพลางบิดเบี้ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวนางที่เป็ถึงสมุนไพรระดับ์อายุหลายพันปีย่อมได้ปะทะรับมือกับนักปรุงโอสถมาไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยขุมพลังจิติญญาของนักปรุงโอสถที่มากมายถึงเพียงนี้ อย่างไรแล้วแม้จะรู้สึกหวาดกลัวทว่านางยังคงทะนงไว้ด้วยศักดิ์ศรีเช่นกัน
แรงกดดันสายนี้ของหนิงอ้ายได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงกู่ร้องคำรามของัที่ดุดันแข็งแกร่ง ผสานเข้ากับเสียงขับร้องอันไพเราะเสนาะหูของเฟยเฟิ่ง พลานุภาพแรงกดดันสายนี้พลันปะทุโหมโรงรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปทุกขณะ ส่งผลให้ร่างของสตรีสาวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว ด้วยเพราะเป็ถึงสมุนไพรระดับ์ที่มีสตินึกคิดเป็ของตัวเองจึงย่อมตระหนักได้แล้วว่าท่ามกลางภายใต้เขตแดนพิศดารนี้นั้นขุมพลังภายในกำลังถูก่ชิงออกไปในทุกขณะ
มากไปกว่านั้นเตาหลอมโอสถตรงด้านหน้ายังเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายไม่ธรรมดาสามัญ ไม่นับรวมไปถึงเปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งนั้น แม้นางจะแผ่ซ่านเปลวเพลิงต้นกำเนิดออกมาต้านรับแล้วยังรู้สึกแสบร้อนราวกับกำลังถูกแผดเผาอยู่ตลอดเวลา อาศัยเพียงกำลังของนางย่อมฝ่าทลายม่านปราการนี้ออกไปไม่ได้อย่างแน่นอน
คิดได้ดังนั้นนางจำเป้นต้องลงมือช่วยสมุนไพรระดับเซียนสังกัดปราณธาตุไฟเ่าั้ด้วย เมื่อเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นนางจะได้อาศัย่เวลาที่ทุกคนชุลมุนในการหลบหนีไปอีกครั้ง ฉับพลันทันใดนั้นกระแสพลังปราณธาตุไฟอันบริสุทธิ์ในระดับต้นกำเนิดได้พวยพุ่งเป็เส้นสายอัคคีนับไม่ถ้วนเข้าสาดซัดโจมตีโดยรอบอย่างรุนแรง ขุมพลังบางสายนั้นได้เข้าไปกระตุ้นบรรดาสมุนไพรระดับเซียนที่เหลือให้เกิดการปะทุของพลังจนเกิดเป็เสียงดังไปทั่ว
“ร่างจิติญญาของนางได้มอบพลังปราณธาตุไฟให้แก่สมุนไพรระดับเซียนที่เหลือ พวกเ้าช่วยกันรับมืออย่าให้สมุนไพรเหล่านี้เกิดความเสียหายจนไม่อาจใช้งานได้!!” ผู้าุโเหลียงย่อมมองออกถึงกลอุบายชั่วช้าของสตรีนางนี้จึงสั่งการนักปรุงโอสถที่เหลือให้เตรียมตัวเข้าตั้งรับอย่างทันท่วงที
“เปลวเพลิงอัคคีสายนี้ของโสมอัคคีพิสุทธิ์ทัดเทียมได้กับปราณธาตุไฟระดับต้นกำเนิดคงไม่เกินจริงไปนัก หนิงอ้ายเ้า้าให้พี่ช่วยจัดการหรือไม่??” ฟานหลิงที่อยู่ไม่ไกลไปร้องถามขึ้น แม้ล่วงรู้ว่าความวุ่นวายนี้น้องชายของเขาย่องสามารถจัดการได้ยากไม่ยากนัก ทว่าหากเขาช่วยลงมือจัดการแล้วทุกสิ่งอย่างคงจบลงได้ในเวลาที่ไม่นานนัก
“รบกวนท่านพี่ช่วยผู้าุโเหลียงและนักปรุงโอสถท่านอื่นเถิดขอรับ สร้างเขตแดนจำกัดความเสียหายให้ไม่กระจายไปมากกว่านี้ ส่วนร่างจิติญญาของโสมอัคคีพิสุทธิ์นางนี้ข้าจะเป็จัดการเองขอรับ!!” หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับบัญชาการอยู่ในใจ
ทั นใดนั้นเปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งด้านล่างเตาหลอมโอสถได้โหมปะทุขึ้นอย่างรุนแรงยิ่ง สะเก็ดเพลิงตลบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณเข้าโอบล้อมร่างจิติญญาของสตรีคนดังกล่าว เปลวเพลิงส่วนหนึ่งได้ผนึกขึ้นเป็ม่านพลังอัคคีคอยป้องกันของเหลวสมุนไพรที่ได้หลอมรวมเสร็จสิ้นในก่อนหน้า ไม่เพียงเท่านั้นอักขระเวทย์ที่ถูกสลักอยู่ด้านล่างของฐานเตาหลอมโอสถพลันทอแสงประกายสร้างม่านพลังป้องกันอีกชั้นตามบัญชาการนึกคิด
ด้วยการกระทำเช่นนี้ กล่าวได้ว่าการกระทำของสตรีสาวร่างจิติญญาของโสมอัคคีพิสุทธิ์แทบจะสูญเปล่าคงไม่เกินจริงไปนัก แม้จะกระตุ้นจิติญญาของสมุนไพรระดับเซียนเ่าั้ให้ต้านทานต่อต้านได้บ้าง ทว่าก็ไม่อาจทำให้ของเหลวสมุนไพรทั้งหมดแปดเปื้อนมลทินได้แล้วทั้งสิ้น ่เวลาสภาวะที่ถูกกระตุ้นด้วยพลังจิติญญาของนักปรุงโอสถของหนิงอ้ายนั้นได้ส่งผลให้แรงกดดันจากเตาหลอมโอสถหมื่นดาราจรัสสดับห้วงนทีมหรรณพยิ่งแผ่ซ่านออกมา
“ขุมพลังของร่างจิติญญาโสมอัคคีพิสุทธิ์ถึงกับมากมายถึงเพียงนี้ สหายน้อยหนิงอ้ายจะรับมือได้หรือไม่??” ท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าผู้าุโเหลียงยังคงแผ่ญาณจิตััออกไปเพื่อรับรู้ถึงความเป็ไปโดยรอบจึงรับรู้ถึงความเป็ไปของหนิงอ้ายที่อยู่อีกด้านจึงรู้สึกร้อนรนเป็ห่วงอยู่ไม่น้อย
“ผู้าุโเหลียงอย่าได้เป็กังวล นี่หาใช่ครั้งแรกที่หนิงอ้ายได้ปะทะรับมือกับสมุนไพรระดับ์เพียงคนเดียว” ฟานหลิงที่ได้ยินดังนั้นจึงบอกให้อีกฝ่ายคลายกังวล ก่อนจะเร่งรีบจัดการความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ให้จบลงเสียที
สายตาของสตรีสาวนั้นกวาดมองม่านพลังอัคคีสีขาวทองนี้ด้วยความเคร่งเครียดเล็กน้อย เปลวเพลิงอันเกิดจากปราณทิวาธาตุนั้นไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด อีกทั้งยังมีฤทธิ์สะกดข่มการโคจรพลังปราณที่อยู่ภายใต้เขตแดนกำกับอีกด้วย นางจึงอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมาอย่างเสียไม่ได้
ม่านพลังผืนนี้ร้อนแรงและเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่มีความพิสดารขั้นสูงสุด ต่อให้นางจะเรียกใช้ปราณธาตุไฟต้นกำเนิดในตัวออกมาจนหมดยังไม่อาจยืนยันได้ว่าจะสามารถฝ่าร่างจิติญญาออกไปได้ อย่างไรแล้วนางเป็เพียงร่างจิติญญาของสมุนไพรระดับ์ที่อาศัยการดูดซับพลังลมปราณฟ้าดินเท่านั้น เมื่อถูกปิดกั้นเช่นนี้แล้วจึงยากที่จะเสาะหาพลังปราณส่วนอื่นมาทดแทนได้โดยง่าย
ต่อให้เป็เช่นนั้นแล้วนางก็ไม่ยอมพ่ายแพ่ต่อโชคชะตาที่ต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้ และนางจะทุ่มเททำทุกสิ่งอย่างเพื่อให้นางหลุดพ้นเป็อิสระออกไปให้ได้ จากนั้นนางจึงะเิพลังปราณธาตุไฟระดับต้นกำเนิดสูงสุดออกมาจำนวนมาก ไอหมอกสีแดงสดราวกับโลหิตได้อาบย้อมไปทั่วทั้งบริเวณ เกิดกระแสพลังความปั่นป่วนอย่างรุนแรงจากการดึงเอากระแสพลังปราณฟ้าดินรอบด้านมาใช้ สตรีสาวบัญชาการเปลวเพลิงที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างเข้ากระแทกะเิอย่างต่อเนื่องใส่ม่านพลังที่ครอบทับอย่างรุนแรงอหังการสะท้านไปทั่ว
“ขอชื่นชมว่าเ้าพอมีฝีมืออยู่บ้างนะนักปรุงโอสถตัวน้อย แต่ใคร่จะจัดการสมุนไพรระดับ์ที่ขึ้นชื่อในเื่พลังชีวิตอย่างข้าเช่นนี้ ช่างเป็การกระทำที่โง่เขลาเสียจริง!!!” สตรีสาวตวาดดังกร้าวออกมา ปราณธาตุไฟทะลักทะลายออกมาจนท่วมท้นด้วยสภาวะอันบ้าคลั่งะเิพลังอย่างเต็มพิกัด ลมหมุนพายุอัคคีนับไม่ถ้วนทรงพลังเข้าโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง บรรดาผู้แกร่งกล้าที่สังเกตการณ์ด้านนอกรีบถ่ายเทพลังลมปราณเพื่อรักษาม่านพลังป้องกันนี้ไม่ให้เล็ดลอดออกมาได้โดยง่าย...
**ั้แ่บทที่126 ถึงบทที่145 ไรท์ขออนุญาติติดเหรียญอ่านล่วงหน้า (2 เหรียญ) พร้อมแจ้งวันอ่านฟรีนะครับ **