ยามรุ่งอรุณเบิกฟ้าอุษาโยค แสงแดดสาดส่องผ่านเมฆากระทบพื้น ในที่สุดาอันยาวนานพลันสิ้นสุดลง
ผู้ล่ากลับไปที่รังด้วยความปีติสุข ตั้งหน้าตั้งตารอคอยราตรีใหม่ ส่วนเหยื่อที่โชคดีพอรอดชีวิตก็ได้ต่อลมหายใจไปอีกวัน
กฎของอยู่รอดบนเกาะหลัวโหวมิเคยเปลี่ยนแปลงเพราะการแทรกแซงของขุนเขากระบี่เทียนหยวน ในทางกลับกันศิษย์ของขุนเขากระบี่เทียนหยวนต่างหากที่กลายมาเป็เหยื่อให้กับผู้ล่าบนเกาะหลัวโหว
จินขวางกับชวีหลิงเฟิงอาจเป็อัจฉริยะแห่งขุนเขากระบี่เทียนหยวน ทว่าบนเกาะหลัวโหวนั้น จอมยุทธ์ที่ถูกยับยั้งขั้นบำเพ็ญเพียรจนเหลืออยู่ในขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณเป็เพียงแค่ชั้นล่างของห่วงโซ่อาหาร เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ล่าอย่างอสูรดึกดำบรรพ์ล้วนต้องอกสั่นขวัญแขวนกันทั้งสิ้น
ขนาดอัจฉริยะแห่งขุนเขากระบี่เทียนหยวนยังถูกลำดับอยู่ชั้นล่าง ฉะนั้นมิต้องเอ่ยถึงศิษย์สามัญ
เย่หยางซ่อนกายอยู่ที่นี่มาห้าวันแล้ว เขาอาศัยเพียงดื่มน้ำจากน้ำค้างยามเช้าเพื่อประทังชีวิตเพียงเท่านั้น
ยามนี้เย่หยางรู้สึกได้ว่าร่างกายได้มาถึงขีดจำกัด ถ้าหากยังไม่มีอะไรตกถึงท้องอีก เห็นทีน่าจักมีชีวิตรอดไม่พ้นคืนนี้
ทว่าเขาก็มิกล้าขยับตัว อสูรดึกดำบรรพ์เดินเพ่นพ่านทั่วเกาะหลัวโหว เขาซึ่งเป็เพียงศิษย์สามัญชีวิตนั้นประหนึ่งแขวนอยู่บนเส้นด้าย จักตายวันตายพรุ่งเมื่อใดก็ไม่รู้ เขาเคยเห็นศิษย์คนอื่นออกไปหาอาหาร แต่แล้วก็ถูกอสูรดึกดำบรรพ์ฉีกทึ้งร่างแหลกเป็ชิ้นๆ
กระทั่งตัวเขาเองก็ยังรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์ที่อยู่รอดมาได้ห้าวันในสถานการณ์เช่นนี้ หากแต่ปาฏิหาริย์นั้นคงอยู่ได้อีกไม่นาน ถึงไม่ถูกอสูรดึกดำบรรพ์ฆ่าก็คงหิวตาย
เย่หยางซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้แห้งจึงไม่ถูกอสูรดึกดำบรรพ์ตามล่า ทว่านั่นก็ทำให้เขาเสียโอกาสที่จักหนี เพราะสถานที่ที่เขาอยู่เป็อาณาเขตของอสูรดึกดำบรรพ์โเี้ตัวหนึ่ง ถ้าส่งเสียงเพียงเล็กน้อย อสูรดึกดำบรรพ์ตัวนั้นจักต้องรู้ตัวอย่างแน่นอน ขนาดยามปกติที่เขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ยังประมือกับอสูรดึกดำบรรพ์มิได้ นับประสาอะไรกับสภาพใกล้ตายเช่นนี้
อสูรดึกดำบรรพ์ตัวนั้นก็คือหมาป่ากลืนจันทร์ สัตว์อสูรอำมหิตเหี้ยมเกินพรรณนา ขั้นพลังอย่างน้อยๆ น่าจะอยู่ในขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณสูงสุด ด้วยพลานุภาพน่าพรั่นพรึงของอสูรดึกดำบรรพ์ ถึงเป็จอมยุทธ์ขั้นสร้างลมปราณก็มีโอกาสสูงที่จักเป็ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
สัตว์อสูรมีขั้นบำเพ็ญเพียรเหมือนกับมนุษย์ สิ่งที่แตกต่างกันมีเพียงจุดเดียวก็คือลำดับขั้นพลัง มนุษย์จะมีขั้นพลังย่อยเก้าชั้นฟ้า ส่วนพวกมันแบ่งขั้นพลังย่อยออกเป็สี่ขั้น คือ ขั้นแรกเริ่ม ขั้นกลาง ขั้นสูงสูง และขั้นสูงสุด
อสูรดึกดำบรรพ์ขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณสูงสุดเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ที่เพิ่งก้าวเข้าขั้นสร้างลมปราณ เย่หยางซึ่งเป็แค่ขั้นหลอมกายาห้าชั้นฟ้าหากเจอหน้าอสูรดึกดำบรรพ์ย่อมต้องถูกมันฆ่าตายอย่างง่ายดายภายในการโจมตีเดียว
ทันใดนั้น หมาป่ากลืนจันทร์ที่นอนฟุบอยู่ก็หูตั้งตรง ฟังเสียงการเคลื่อนไหวรอบๆ มันอาศัยอยู่บนเกาะหลัวโหวมานานหลายปีแล้ว ความระมัดระวังเป็สิ่งที่ขาดมิได้ในการเอาชีวิตรอด
หมาป่ากลืนจันทร์รับรู้ได้ถึงอันตราย กลิ่นอายความตายกำลังใกล้เข้ามา นานมากแล้วที่มันมิได้ััความรู้สึกเช่นนี้!
“ฟึ่บ!” ลำแสงสีแดงฉานพุ่งออกมาจากในป่าตรงไปที่หัวกะโหลกของหมาป่ากลืนจันทร์
หมาป่ากลืนจันทร์มีสายตาเฉียบคม ถึงลำแสงจะอยู่ห่างออกไปไกลร้อยจั้งก็มองเห็นได้อย่างชัดแจ้ง มุมปากเหยียดลงเล็กน้อยอย่างไม่แยแส
กระทั่งหมาป่ากลืนจันทร์ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่ ธนูดอกเดียวจักทำอะไรมันได้ ทั้งมันยังรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวั้แ่ก่อนหน้านี้แล้ว!
“บรู้วว!” หมาป่ากลืนจันทร์คำราม แสงจันทร์ผสานรวมเป็หนึ่ง ก่อนที่แสงสีขาวนวลจักพวยพุ่งออกไปจากปากของมัน!
“แสงปีศาจหมาป่าโลหิต!” เย่หยางตกตะลึง
เขาเคยเห็นมันมาก่อนในคัมภีร์ของขุนเขากระบี่เทียนหยวน หมาป่ากลืนจันทร์เป็อสูรดึกดำบรรพ์ที่น่ามหัศจรรย์เป็อย่างมาก มันเป็สัตว์เพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถดูดซับแสงจันทร์ได้ั้แ่กำเนิด พวกมันสามารถดูดซับแสงจันทร์มากักเก็บเอาไว้ในร่างกาย เมื่อหล่อหลอมเสร็จสิ้นก็จักกลายเป็พลังอันทรงอานุภาพให้กับปีศาจหมาป่าโลหิต เรียกว่าเป็ผู้ไร้เทียมทานในระดับขั้นพลังเดียวกัน
พริบตาเดียว ลูกธนูสีแดงฉานก็ถูกแสงปีศาจหมาป่าโลหิตกลืนกิน หมาป่ากลืนจันทร์หาวด้วยความเบื่อหน่อย มีพลังแค่นี้อาจหาญกล้ามาต่อกรกับมันได้อย่างไร!
“ฟิ้ว!” ทันใดนั้น ลำแสงสีแดงอีกเส้นพลันประจักษ์ ลูกธนูสามดอกพุ่งตรงเข้ามาแยกออกเป็สามทิศทาง ทำลายแสงปีศาจหมาป่าโลหิตประหนึ่งดาวตกกระหน่ำซัดใส่ดวงจันทร์
ลมปราณที่แผ่ซ่านออกมาจากลูกธนูทั้งสามดอกทำให้หมาป่ากลืนจันทร์ถึงกับใจสั่นสะท้าน!
“โฮกกก!” หมาป่ากลืนจันทร์ะโขึ้นฟ้ามาดหมายหลบลูกธนูทั้งสาม ทว่าน่าเสียดายที่ลูกธนูขวางทางหนีของมันเอาไว้หมดแล้ว ถึงมันจักพยายามถอยไปข้างหลังก็ถูกต้องลูกธนูอีกดอกยิง
เพราะใช้แสงปีศาจหมาป่าโลหิตไปแล้วเมื่อครู่ มันจึงสูญเสียโอกาสหลบหลีกที่เหมาะสมที่สุดไป หากทำลายธนูเ่าั้มิได้ก็มีแต่ต้องเผชิญหน้า
“ฉลาดมาก! ใช้ลูกธนูดอกแรกเบี่ยงเบนความสนใจของหมาป่ากลืนจันทร์ แล้วยิงธนูออกอีกไปสามดอกในระหว่างที่หมาป่ากลืนจันทร์กำลังประมาท ทั้งยังมีดอกหนึ่งที่ยิงออกไปเผื่อข้างหลัง ปิดทางหนีโดยสมบูรณ์!” เย่หยางเห็นภาพนั้นยังเอ่ยชมอย่างอดมิได้
“ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่าเ้าจักหลบลูกธนูทั้งสี่ดอกของข้าได้อย่างไร!” จูชิงยืนอยู่ไกลร้อยลี้แสยะยิ้มเ้าเล่ห์
หลังจากฝึกปรือวรยุทธ์《หลัวโหวยิงตะวัน》นี่เป็ครั้งแรกที่จูชิงใช้วรยุทธ์นี้สู้กับศัตรู ถึงแม้หมาป่ากลืนจันทร์จักมีพลานุภาพเหนือฟ้าก็ไม่มีทางต้านทานได้!
“โฮกก!” หมาป่ากลืนจันทร์มีโทสะแล้ว มันอ้าปากกว้าง พลังจันทราที่สะสมนานหลายเดือนะเิออกมา ลำแสงใหญ่ั์หลอมผสานเป็แสงปีศาจหมาป่าโลหิต!
ทว่าแสงปีศาจหมาป่าโลหิตมิได้แกร่งกล้าเฉกเช่นก่อนหน้านี้แล้ว ธนูโลหิตหลัวโหวสามดอกทำลายแสงปีศาจหมาป่าโลหิตแหลกสลาย พุ่งตรงเข้าใส่กลางลำตัวของหมาป่ากลืนจันทร์!
หมาป่ากลืนจันทร์ถูกพลังมหาศาลพัดปลิว ธนูโลหิตหลัวโหวทั้งสามดอกอานุภาพเกินหยั่งถึง ตอกร่างหมาป่ากลืนจันทร์ติดกับกำแพงหิน เืไหลไม่หยุด!
ทว่าหมาป่ากลืนจันทร์สมกับที่เป็อสูรโบราณดึกดำบรรพ์ ถ้าเป็มนุษย์ก็คงตายไปแล้ว หากหมาป่ากลืนจันทร์ยังคงมีชีวิตอยู่ ดวงตาจับจ้องมองเบื้องหน้า
ธนูโลหิตหลัวโหวดอกสุดท้ายนั้นเปรียบดั่งยันต์มรณะ ชั่วพริบตาปลายลูกธนูอันแหลมคมทะลวงเข้ามาในดวงตาหมาป่ากลืนจันทร์!
หมาป่ากลืนจันทร์คิดไม่ถึงเลยว่าอสูรดึกดำบรรพ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเกาะหลัวโหวอย่างมันจักมีจุดจบน่าสังเวชเฉกเช่นนี้!
แสงทองคำสว่างวาบออกมาจากในป่า พุ่งปราดตรงเข้าไปหากะโหลกของหมาป่ากลืนจันทร์ แล้วกลืนกินเน่ยตันของหมาป่ากลืนจันทร์ลงท้องไปในเวลาไม่ถึงสามลมหายใจ
“แอบข้ากินอีกแล้ว เ้าเด็กไม่รักดี!” จูชิงรีบวิ่งออกมาด้วยความโกรธ แต่มันก็สายเกินไป ัคะนองน้ำน้อยกินเน่ยตันของหมาป่ากลืนจันทร์จนหมดเกลี้ยงแล้ว
ัคะนองน้ำน้อยนอนเต็มอิ่มหนึ่งวันเต็ม ครั้นตื่นขึ้นมาก็เหมือนดั่งัผยองเสือผงาด หากแต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายกับร่างกาย มีแค่เขาเล็กๆ งอกออกมาเท่านั้น ถึงเขาจักเล็กจิ๋วเท่านิ้วหัวแม่มือ แต่ก็ถือว่าเริ่มวิวัฒนาการไปบนเส้นทางของัแล้ว
ัคะนองน้ำน้อยที่กินไข่จระเข้ั์เข้าไปนั้นมีความเร็วนั้นเสมือนกับสายลม จูชิงพยายามวิ่งเท่าไหร่ก็ไล่ตามไม่ทัน สุดท้ายจึงถูกัคะนองน้ำน้อยฉกฉวยโอกาสไปก่อนทุกครั้ง
ัคะนองน้ำน้อยตัวสั่น พอสลัดคราบเลือกออกจากร่างก็แปรเปลี่ยนเป็อัสนีทองคำมุดเข้าไปในเสื้อของจูชิง
“ปะาก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลัง[1] เป็แบบนี้ทุกครั้งเลย!” จูชิงเขกหัวัคะนองน้ำน้อยเข้าให้หลายที หวังว่าจักสั่งสอนมันให้หลาบจำเสียบ้าง
ต้องรีบดัดนิสัยของัคะนองน้ำน้อยเสีย ตอนนี้แค่เน่ยตันของอสูรดึกดำบรรพ์ขั้นเคลื่อนย้ายลมปราณ จูชิงมิได้สนใจเท่าไหร่นัก หากภายหลังเจอของล้ำค่าแล้วัคะนองน้ำน้อยผลาญมันเช่นนี้ จูชิงคงต้องหัวเราะทั้งน้ำตาเป็แน่แท้
“ช่วยด้วย!” เสียงร้องขอความช่วยเหลืออันแ่เบาของเย่หยางดังออกมาจากพุ่มไม้
จูชิงหูไวตาไว ไม่นานนักก็พบเย่หยางนอนสลบอยู่ในพุ่มไม้!
พอตรวจสอบร่างกายของเย่หยาง จูชิงถึงกับส่ายศีรษะ ตอนแรกนึกว่าาเ็ ที่ไหนได้ ที่แท้ก็หิว ทั้งยังไม่รู้ว่าหิวมานานแล้วกี่วัน ร่างกายถึงได้อ่อนแอขนาดนี้
เย่หยางได้กลิ่นหอมท่ามกลางความมึนงง จู่ๆ มีเนื้อย่างหอมหวานมาแตะที่ริมฝีปาก เขาอ้าปากเคี้ยวมันอย่างไม่รอช้า สำหรับเขาแล้ว มันคือความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จักทำให้มีชีวิตอยู่ต่อ
เืเนื้อของหมาป่ากลืนจันทร์อุดมไปด้วยพลังปราณเข้มข้น พอเย่หยางกินเนื้อไปคำหนึ่งก็เริ่มได้สติกลับคืนมา เขาเอามือทาบอกด้วยความใ ถ้าช้าไปกว่านี้ก้าวเดียว เขาคงจะต้องตายเพราะความหิวโหยไปแล้ว
“ง่ำ!” พอเห็นเนื้อย่างที่อยู่ตรงหน้า เย่หยางรีบกินมันเข้าไปโดยไม่รอช้า
จูชิงกับัคะนองน้ำน้อยมองชายหนุ่มกินเนื้อย่างอย่างหิวกระหาย
“เขากินเก่งกว่าเ้าเสียอีก” จูชิงพูดกับัคะนองน้ำน้อย
ัคะนองน้ำน้อยเหลือบมองเย่หยางพลางเบะปาก แล้วเริ่มอ้าปากกินเนื้อย่างเหมือน้าแข่งกับเย่หยาง!
อย่าได้ดูถูกัคะนองน้ำน้อยเชียว ถึงตัวมันจักเล็ก หากกระเพาะนั้นใหญ่เทียมฟ้า มันเขมือบเนื้อก้อนใหญ่ลงไปในท้องภายในคำเดียว ไม่รู้ว่ามันทำแบบนั้นได้อย่างไร
หลังจากกินเนื้อไปสามสิบชิ้น เย่หยางเอามือลูบท้องด้วยความอิ่มหนำ ในที่สุดก็รอดตายแล้ว!
จูชิงกลอกตา เป็แค่จอมยุทธ์ขั้นหลอมกายา กินไปมากขนาดนั้นไม่กลัวท้องแตกตายหรืออย่างไร นั่นเป็เนื้อของหมาป่ากลืนจันทร์ ที่มีลมปราณแน่นขนัดเกินพรรณนาเชียวนะ
“ลมปราณน่าพรั่นพรึงมาก นะ นี่เนื้อของหมาป่ากลืนจันทร์งั้นรึ!” เย่หยางตะลึงลาน เขามองจูชิงอย่างหวาดผวา เพลานี้ลมปราณกำลังพุ่งพล่านคล้ายกับกายาจักแหลกเป็เสี่ยง
ถ้าไม่รนหาที่ตายจักตายได้อย่างไร ครั้นเห็นพฤติกรรมเลินเล่อของเย่หยาง จูชิงก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้พลางตบฝ่ามือลงบนท้องของเย่หยาง ดูดซับพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในกายาของเขา
[1] ปะาก่อนแล้วค่อยรายงานที่หลัง อุปมาอุปไมยถึงการที่ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติหน้าที่ใดให้ลุล่วงไปก่อนแล้วจึงค่อยรายงานผลต่อผู้บังคับบัญชาทีหลัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้