แต่เดิมแล้วหลินไป๋ชวนก็มีระดับพลังที่ด้อยกว่าซ่างกวันหงอยู่แล้วถึงแม้ว่าในจังหวะสุดท้ายเขาจะสามารถเรียกเอาชุดเกราะออกมาสวมใส่ได้ทันเวลาก็ตามแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย ตอนนี้เขามีสภาพไม่ต่างอะไรกับซากศพที่ถูกเผาจนแห้งเกรียมนอนอ้าปากพะงาบๆ อยู่บนพื้น บริเวณท้องน้อยถูกะเิจนเป็รูโหว่ขนาดใหญ่อวัยวะภายในส่วนต่างๆ ล้วนไหลออกมากองอยู่ข้างนอก
“ป... เป็ไปไม่ได้...”
หลินไป๋ชวนยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเขาต้องมาพบกับความล้มเหลวอย่างไร้ปรานีได้เร็วขนาดนี้
ไอ้หลินอี้นั่น เมื่อหนึ่งเดือนก่อนมันยังเป็แค่มดปลวกที่เขาจะเหยียบมันให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้อยู่เลยแต่ใน่เวลาสั้นๆ แค่หนึ่งเดือนมันกลับสามารถส่งเขามาอยู่หน้าประตูนรกได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
เจ็บใจเหลือเกิน!
แต่แน่นอนว่า เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของหลินหยางแล้วสิ่งที่ทำให้เขาโกรธแค้นมากกว่าก็คือการทรยศในจังหวะสุดท้ายของไอ้ชั่วอย่างเฉินเฉาเกอต่างหาก
“หลิน หลินหยาง! ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ข้า...ข้าจะ...ฆ่า...”
หลินไป๋ชวนพยายามเค้นแรงเฮือกสุดท้ายออกมาเพื่อสาปแช่งไอ้เด็กเวรที่เขาอุตส่าห์ยอมเชื่อใจนั่น
ซ่างกวันหงเองก็กำลังมองหาไอ้สวะชาติชั่วที่มันเลวเกินคนไปแล้วอย่างเฉินเฉาเกออยู่เหมือนกัน
แต่ทั้งสองคนนั้นไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าไอ้สวะนั่นมันคิดจะลงมือสังหารพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษด้วยนะ ท่านอา”
ในสายตาของหลินไป๋ชวนพลันปรากฏรอยยิ้มอันชั่วร้ายของคนๆหนึ่งขึ้นมา
เฉินเฉาเกอที่ตอนนี้ถึงจะมีสภาพทรุดโทรมไปบ้างแล้วก็ตามแต่ด้วยความแข็งแกร่งของโล่ที่เขาแย่งมานั้น ทำให้เขาไม่ได้รับาเ็อะไรมากมายนัก
สภาพร่างกายของมันนั้นฟื้นกลับคืนมาเป็เหมือนเดิมแล้วไม่เห็นพลังอันแสนชั่วร้ายที่มันใช้เมื่อก่อนหน้านี้อยู่เลยแต่แค่ระดับพลังดั้งเดิมของเขานั้นมันก็มากเพียงพอแล้วที่เขาจะจัดการกับผู้ที่กำลังาเ็สาหัสแค่สองคนลง
มันมองไปที่หลินไป๋ชวนที่กำลังทำหน้าโมโหปนใอยู่จากนั้นก็ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น พลันกระทืบลงตรงลำคอของหลินไป๋ชวนอย่างรุนแรงจนคอหักส่งเ้าคนที่คิดฏคนนี้ไปยังโลกหน้าอย่างง่ายดาย
ผู้ที่ได้รับชื่อว่าเป็เทพยุทธ์ผู้นั้นจุดจบสุดท้ายของมันไม่แม้แต่จะได้ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาเลยด้วยซ้ำ
“หลินหยาง!! เ้า...เ้า...เ้า...”
ซ่างกวันหงที่ยืนมองเฉินเฉาเกออยู่จากทางด้านข้างนั้นไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดใดมาด่าทอมันแล้ว
เขาคิดว่าตัวเองที่ได้ฉายาว่าอสูรอัคคีนั้นก็เป็คนที่โเี้อำมหิตมากพออยู่แล้วแต่พอมาเทียบกับไอ้หนุ่มตรงหน้านี่แล้วตัวเขานั้นไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยแสนใจดีเลย
เฉินเฉาเกอที่ตอนนี้มีพลังชั่วร้ายอันแสนน่ากลัวนั่นมาปกคลุมทั่วทั้งตัวอีกครั้งนั้นแสยะยิ้มขึ้นดุจรอยยิ้มของปีศาจร้าย
“ไม่ต้องรีบหรอกท่านประมุขซ่างกวัน เดี๋ยวข้าจะส่งท่านไปหาเขาให้เอง”
“เ้า เ้า บังอาจ!”
ซ่างกวันหงถึงกับพูดติดอ่าง
เขาพบว่าไอ้องค์ชายเก้าผู้นี้มันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวได้มากกว่าหลินอี้นั่นอีกหลินอี้นั้นแข็งแกร่งจนน่ากลัว แต่ไอ้คนตรงหน้านี่มันให้ความรู้สึกน่าขนลุกยิ่งกว่าปีศาจร้ายของจริงเสียอีก
ซ่างกวันหงวิ่งหนีออกไปทันที
เขารีบเรียกเอาอุปกรณ์ระดับิญญาสำหรับใช้บินบนฟ้าซึ่งเป็อุปกรณ์เฉพาะของตระกูลซ่างกวันอย่าง“เรือไต่เมฆา” ออกมา
เขาไม่คิดจะอยู่ในสถานที่อันแสนน่ากลัวแบบนี้อีกต่อไปแล้วไม่ว่าจะเป็หลินอี้หรือไอ้องค์ชายเก้านั่นก็ล้วนเป็ฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
แต่น่าเสียดายเฉินเฉาเกอตอนนี้ได้ยกโล่ทรงกลมในมือขึ้นมาพลางเล็งไปทางด้านหลังของซ่างกวันหงที่หนีห่างออกไปไกลแล้ว
พลังฟ้าดินจำนวนหนึ่งถูกส่งผ่านจากร่างกายของเขาเข้าไปอยู่ในโล่นั่นพอได้รับพลังแล้ว บริเวณดวงตาของสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลกก็พลันลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับมีเสียงหัวเราะที่ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกลับรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนดังออกมา
เสียงหัวเราะของมันทำเอาอสูรอัคคีผู้นี้ใจนเกือบจะทรงตัวบนเรือบินไม่อยู่
ไม่มีใครที่รู้ซึ้งถึงพลังอันน่ากลัวของโล่นั่นมากไปกว่าซ่างกวัหงแล้วแต่ในตอนนั้นเอง ประกายแสงสีเขียวเข้มสายหนึ่งก็ได้ถูกยิงออกมาจากปากของหัวกะโหลกบนโล่แล้วจากนั้นมันก็พุ่งทะลุเมฆหมอกออกไป
“ไม่!!”
เสียงหวีดร้องครั้งสุดท้ายของซ่างกวันหงดังขึ้น
จากนั้นลำแสงสีเขียวก็พุ่งทะลุร่างกายของซ่างกวันหงออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงลำแสงนั่นยังคงพุ่งออกไปไม่หยุดจนทะลุชั้นฟ้าออกไปแล้ว
อานุภาพของมันนั้นแข็งแกร่งทรงพลังจนน่ากลัวสมกับที่เป็ไพ่ตายของซ่างกวันหงเลยจริงๆ ซึ่งซ่างกวันหงที่เพิ่งโดนะเิอย่างรุนแรงนั่นไปพลังฟ้าดินภายในกายของเขานั้นได้เหือดแห้งไปจนเกือบหมดแล้วทำให้เขาไม่มีพลังมากพอที่จะต่อต้านการโจมตีนี้สุดท้ายก็ต้องจบชีวิตลงด้วยไพ่ตายของตัวเอง
ตุบ
ร่างของซ่างกวันหงที่บินหนีออกไปยังไม่ถึงสิบเมตรก็ได้ร่วงหล่นลงสู้พื้นดินจากนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาอีกเลย
ชายผู้นี้สุดท้ายก็ต้องจบชีวิตลงเพราะความโอหังและความอำมหิตของตัวเอง
หลังจากที่เฉินเฉาเกอจัดการทั้งสองคนเสร็จเรียบร้อยแล้วมันกลับมีท่าทีสงบราวกับไม่เคยมีเื่อะไรเกิดขึ้นเลยอย่างไรอย่างนั้น
หัวจิตหัวใจของชายหนุ่มผู้นี้มันทำจากอะไรกัน
เพิ่งทำเื่ชั่วร้ายขนาดนั้นลงไปแท้ๆแต่มันกลับยังคงนิ่งสงบได้ขนาดนี้
เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นพร้อมกับหันไปมองทางอีกฝั่งหนึ่งตรงนั้น มีเงาร่างที่สวมใส่ชุดเกราะสีขาวสายหนึ่งกำลังยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเงียบๆ
หลินหยาง
ที่ตอนนี้ภายในใจกำลังร่ำร้อง
ไอ้เฉินเฉาเกอนี่มันเป็โคตรคนเลวที่ชั่วช้าที่สุดในบรรดาคนที่เขาเคยเจอแล้วใบหน้าไร้ความรู้สึก ฆ่าคนอย่างไร้ปรานีแม้แต่ในความทรงจำของจักรพรรดิฟ้าหลีหั่วยังไม่ค่อยมีคนที่ชั่วร้ายราวกับจอมมารร้ายแบบนี้เลย
คนแบบนี้...จะปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว
เฉินเฉาเกอเองก็กำลังมองดูหลินหยางอยู่เช่นกัน
ในมือของมันนั้นกำโล่หัวกะโหลกใบนั้นเอาไว้แน่นแววตาของมันดูมืดหม่นชั่วร้าย ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้เลยว่ามันกำลังคิดเื่อะไรอยู่
ศัตรูคู่แค้นโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ต้องมาเผชิญหน้ากันคู่นี้นั้นกำลังจ้องเขม็งใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยแววตาแข็งกร้าวราวกับพวกเขาพร้อมที่จะะเิการต่อสู้อันดุเดือดจนะเืฟ้าะเืดินอยู่ตลอดเวลา
แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงย้ำเท้าตึกตักๆ ดังขึ้น
เงาร่างขนาดใหญ่สายหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
เหล่าคนของฝ่ายชูอวิ๋นมากันหมดแล้ว
ทั้งคนของตระกูลเวินขุนนางข้าราชการของอาณาจักรชูอวิ๋น หลี่จิ้ง และเหล่าทหารองครักษ์ก็ได้มาถึงที่นี่แล้วและแน่นอนว่าหลินเฮ่ายวนก็มาด้วยเช่นกัน
คนเหล่านี้มาไม่ทันเห็นฉากที่เฉินเฉาเกอสังหารโหดทั้งหลินไป๋ชวนและซ่างกวันหงแต่พอได้เห็นภาพตรงหน้าที่มีสภาพเละเทะแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใ
“ท่านเทพยุทธ์ตายแล้วอย่างนั้นหรือ...”นายกรัฐมนตรีสื่อซือิรู้สึกว่าเหตุการณ์ในคืนนี้มันหนักหนาสาหัสเกินไปหัวใจที่ชราภาพแล้วของเขาเกือบจะทนไม่ไหว
ส่วนใบหน้าของคนอื่นๆ เองก็เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน
แต่ในตอนนั้นเอง ไอ้เฉินเกอนั่นกลับทำเื่ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั้งหมดขึ้น
เขาหันไปทางหลินเฮ่ายวนพร้อมกับคุกเข่าลงหนึ่งข้างจากนั้นก็ก้มหัวลงต่ำแล้วเอ่ยปากพูดขึ้นเสียงดังว่า “กราบเรียนเสด็จพ่อที่เคารพเพื่อที่จะขัดขวางแผนการฏยึดอำนาจของโจรชั่วหลินไป๋ชวนแล้วลูกยอมที่จะตั้งตัวเป็ศัตรูของราชสำนัก หลอกล่อให้ศัตรูเชื่อใจแล้วจึงค่อยหาโอกาสสังหารมันในจังหวะสุดท้ายในที่สุดลูกก็ทำหน้าที่นั้นสำเร็จลุล่วงแล้ว ลูกได้ลงมือจัดการปลิดชีพโจรชั่วทั้งสองนั่นด้วยมือของตัวเองแล้วแต่เมื่อครู่นี้ได้บังอาจกล่าววาจาสามหาวหยาบคาย ล่วงเกินเสด็จพ่อไปจึงอยากขอวอนให้เสด็จพ่ออภัยให้ลูกด้วยเถอะ!”
อะไรนะ!!
คนทั้งหมดพลันถูกคำพูดของเฉินเฉาเกอทำเอาสับสนมึนงงไปหมด
จบแบบนี้ก็ได้หรือ?
มาถึงขนาดนี้แล้ว เ้าจะบอกว่าเ้าเป็สายลับอย่างนั้นหรือ??
มันจะพลิกผันเกินไปหรือเปล่า?
หลินเวยรีบก้าวออกมาคัดค้านทันที “บังอาจนักหลินหยางมาถึงขั้นนี้แล้วเ้ายังคิดจะเล่นแง่อยู่อีกรึถ้าเ้าตั้งใจจะแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มของศัตรูจริงๆ ละก็ ทำไมเ้าถึงไม่รีบแจ้งให้ท่านพ่อทราบเล่าทำไมถึงต้องรอจนถึงตอนนี้ค่อยเฉลยออกมาเห็นได้ชัดเลยว่าเ้าน่ะฆ่าพวกนั้นเพราะ้าปิดปากพยานสำคัญต่างหาก!”
ใครจะคิดล่ะว่าเฉินเฉาเกอได้เตรียมคำตอบเอาไว้อยู่ก่อนแล้วจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงฉะฉานว่า “ท่านพี่ไม่รู้อะไร ั้แ่ที่ข้าเริ่มติดต่อกับหลินไป๋ชวนแล้วพวกมันก็ส่งยอดฝีมือมาจับตามองการเคลื่อนไหวของข้าทุกฝีก้าว หากข้าทำอะไรผิดสังเกตแม้แต่นิดเดียวละก็พวกมันก็จะจัดการปิดปากข้าทันที ก่อนหน้านี้ที่หลินหยางล่วงเกินท่านพี่ก็เหมือนกันนั่นเป็เพราะหลินไป๋ชวนสั่งให้ข้าทำต่างหาก โปรดท่านพี่ให้อภัยข้าด้วย”
ไอ้เวรเอ๊ย
ไอ้สวะนี่มันพูดพล่อยๆ แบบนี้มันดูไม่น่าเชื่อถือสักนิด แต่ศัตรูทั้งหมดก็ดันถูกฆ่าตายไปหมดแล้วเสียด้วยนอกจากคำพูดของเฉินเฉาเกอแล้วก็ไม่มีใครรู้เห็นเหตุการณ์อีก
ไอ้โจรชั่วนี่มันยังพูดต่ออีกว่า “ท่านพ่อเ้าหลินไป๋ชวนนี่มันเ้าเล่ห์สุดขีด ลูกไม่สามารถเก็บหลักฐานอะไรกลับไปได้เลยเลยทำได้แค่ตามน้ำกับมันไป ตอนที่อยู่ในพระตำหนักเมื่อครู่นี้ลูกตั้งใจไปยืนอยู่ข้างไอ้โจรชั่วนี้เองแต่เดิมลูกตั้งใจว่าจะหาโอกาสทุ่มสุดชีวิตในการสังหารมัน ลากมันไปตายพร้อมกับลูกเพื่อที่จะปกป้องชีวิตของท่านพ่อ...แต่ว่ายังโชคดีที่ผู้าุโหลินได้แสดงอภินิหารสร้างโอกาสให้ลูกได้ลงมือปลิดชีพพวกโจรชั่วทั้งสองได้สำเร็จ”
คำพูดของเฉินเฉาเกอนั้นฟังดูน่าเชื่อถือไม่น้อยจนเหล่าขุนนางส่วนใหญ่เริ่มคล้อยตามคำพูดของมันกันแล้ว
“นั่นมัน...” หลินเวยเองก็ไปต่อไม่ถูกแล้วเช่นกัน
เื่มาถึงขนาดนี้แล้ว จะยอมให้ไอ้เวรนี่พลิกเกมกลับมาได้อย่างไร
เห็นกันชัดๆ ว่าไอ้โจรชั่วอย่างมันนี่แหละที่คิดร้ายหวังจะก่อการรัฐปะาขึ้นแต่มันกลับคิดจะใช้โอกาสนี้พลิกจากโจรไปเป็วีรบุรุษผู้กอบกู้อาณาจักรอย่างนั้นหรือ?
ความเ้าเล่ห์ของไอ้เฉินเฉาเกอนี่มันร้ายกาจจนน่ากลัวเหลือเกิน
“เสด็จพ่อ!” เฉินเฉาเกอยังคงเล่นละครต่อไป มันคุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้นยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อขอสาบานว่า “ลูกกล้าสาบานต่อ์คำพูดทั้งหมดที่ลูกเพิ่งพูดไปล้วนเป็ความจริงทั้งสิ้น หากลูกโกหกแม้เพียงครึ่งคำลูกจักต้องตกนรกโลกันตร์ขุมสิบแปดไปโดยมิอาจกลับชาติมาเกิดใหม่ได้อีกตลอดกาล! โปรดเสด็จพ่อเชื่อใจด้วยเถอะ!!”
พูดจบ
มันพลันโขกหัวลงกับพื้นจนเกิดเป็เสียงกระแทกดังตึง
การเล่นละครของมันสมจริงเหลือเกินแม้แต่หลินหยางยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมไอ้โจรชั่วนี่ในใจ
ซึ่งมันก็ไม่มีใครที่สามารถเป็พยานยื่นความผิดถูกของเฉินเฉาเกอได้เสียด้วยหลักฐานทั้งหมดล้วนสลายกลายเป็ฝุ่นผงไปหมดแล้วหากหลินเฮ่ายวนเลือกที่จะเชื่อใจมันละก็มันก็จะได้ผลงานใหญ่อย่างการปลิดชีพหัวหน้าของฝ่ายศัตรูได้ทันที!
เฉินเฉาเกอยังคงก้มหัวอยู่อย่างนั้นรอให้หลินเฮ่ายวนเปิดปากพูด
คนทั้งหมดต่างก็จับจ้องไปทางองค์จักรพรรดิหลินเฮ่ายวนยืนดูเขาค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปยืนอยู่ตรงกึ่งกลางของกลุ่มคน ยืนอยู่ข้างหลินหยาง
ใครจะคิดว่าคำแรกที่หลินเฮ่ายวนเอ่ยปากพูดขึ้น กลับไม่ได้พูดกับเฉินเฉาเกอแต่กลับหันไปพูดกับหลินหยางแทน เขาแย้มรอยยิ้มขึ้นพลางกล่าวว่า
“ทำได้ดีมาก”
เอ๋?
หลินหยางเกิดความสับสนทันทีไม่เข้าใจว่าอยู่ดีๆ ทำไมคนผู้นี้ถึงพูดคำๆ นี้ขึ้นมา จากนั้นไม่นานหลินเฮ่ายวนก็หันสายตาไปทางเฉินเฉาเกอที่อยู่เบื้องล่างว่า
“เ้าลุกขึ้นมาเถอะ”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้เฉินเฉาเกอแอบยิ้มที่มุมปากอย่างได้ใจ
การโกหกของเขาสำเร็จแล้ว!!
“ขอบพระคุณที่เสด็จพ่อเชื่อใจลูก!!”
เฉินเฉาเกอลุกขึ้นยืนบนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดี
การแสดงครั้งนี้เอาไปเลยร้อยคะแนนไม่สิ ต้องสองร้อยคะแนน
“ท่านพ่อ!! มันเสแสร้งแกล้งดัดอยู่ชัดๆ!” หลินเวยร้อนรนจนหน้าแดงเถือกแต่หลินเฮ่ายวนกลับโบกมือเพื่อให้ทุกคนเงียบลง