พลังจิติญญาของตาเปลวเพลิงเพลิงใจกลางปฐีรุนแรงยิ่งนัก แม้ว่าจะมีแผ่นป้ายศิลาสลักลวดลายลึกลับของคุนเผิงคอยสะกดข่ม กลับยังคงไม่สามารถยับยั้งได้ จ้านอู๋มิ่งจำต้องดำเนินการทีละขั้นตอน มิฉะนั้นเกรงว่าเขายังมิทันได้ช่วยบรรพบุรุษผู้เฒ่าของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีออกมา ตนเองก็ถูกะเิจนแหลกเหลวแล้ว ซึ่งความจริง ถ้ำนภาธาตุอัคคีในจิติญญาชีวิตของจ้านอู๋มิ่งเปิดออกเนิ่นนานแล้ว พลังธาตุอัคคีภายในถ้ำนภาแทบจะผันแปรเป็ของเหลวแล้ว นี่เป็ถ้ำนภาแห่งที่สามซึ่งเปิดขึ้นภายในจิติญญาแห่งชีวิตของเขา
มองดูเปลวเพลิงโหมกระหน่ำที่พวยพุ่งจากเบื้องล่าง ร่างกายใหญ่โตของบรรพบุรุษผู้เฒ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐีลอยผลุบโผล่ขึ้นลงอยู่ภายในนั้น บริเวณโดยรอบของตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีกลายเป็บึงลาวาแห่งหนึ่ง ร่างกายของบรรพบุรุษผู้เฒ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐีที่กลายเป็ร่างเดิมเหมือนเช่นเนินเขาสีแดงเพลิงลูกหนึ่ง เกล็ดสีแดงแกมทองที่หนาแน่นถี่ยิบกำลังเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อยู่เลือนราง เหมือนเช่นผลงานที่ประณีตสวยงามชิ้นหนึ่ง
จ้านอู๋มิ่งพิจารณาดูมัจฉาเฒ่าร่างมหึมานี้อยู่หลายครั้ง บางครั้งเขาก็รู้สึกสงสัยว่านี่คือปลาหลีฮื้อสีแดงเพลิงกลายพันธุ์ตัวหนึ่งใช่หรือไม่? ข้างปากใหญ่ของมัจฉาเฒ่าร่างั์ตัวนี้มีหนวดัเรียวยาวหลายเส้นอยู่จริงๆ แม้แต่เกล็ดก็ยังเหมือนเกล็ดปลาไนหลากสี
ถึงแม้มัจฉาเฒ่าจะหลับใหลอยู่ แต่สภาวะพลังภายในร่างกายของมันพลุ่งพล่านกระตือรือร้นราวกับเตาหลอมก็มิปาน จ้านอู๋มิ่งรู้สึกได้ว่าสภาวะพลังภายในร่างกายมัจฉาเฒ่าไม่ได้ลดทอนเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา กลับยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
จ้านอู๋มิ่งคาดหวังอย่างยิ่งว่า หลังจากที่มัจฉาเฒ่าฟื้นตื่นขึ้นมา จะมีระดับขอบเขตเทพเ้าา หรือว่าบรรลุขอบเขตที่เหนือกว่าเทพเ้าาไปแล้ว
ศิลากลืนกินิญญาลักษณะเหมือนกับลูกแก้วสีดำ พร้อมด้วยภาพมายาพร่างพราวตาอันน่าอัศจรรย์สายหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งนำพวกมันใส่ไว้ในช่องลับที่เตรียมไว้เนิ่นนานแล้ว หันเข้าหามัจฉาเฒ่าจากทิศทางของห้าธาตุ จากนั้นเทแก่นโลหิตปลาเปลวเพลิงแกนปฐีส่วนหนึ่งลงไปในช่องลับ
หลังจากเตรียมทุกอย่างตามขั้นตอนพร้อมสรรพแล้ว จ้านอู๋มิ่งโบกมือให้ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีข้างกายให้ล่าถอยออกไป แม้แต่จักรพรรดิมัจฉาก็เช่นกัน เพียงสามารถชมดูจากไกลๆ เท่านั้น นี่คือคำขอของจ้านอู๋มิ่ง ขณะเดียวกันก็เนื่องจากเวลาตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีมีการปะทุรุนแรงมากเกินไป ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีทั่วไปไม่สามารถจะทนทานได้
จ้านอู๋มิ่งนั่งอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่งกลางบึงลาวา นั่นคือหินอัคคีิญญาขนาดใหญ่มหึมาก้อนหนึ่งที่เปี่ยมพลังอัคคีิญญาอุดมสมบูรณ์ยิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงไม่หลอมเหลวกลายเป็หินหนืด
“ตูมมม…” พลันตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีปะทุอย่างกะทันหัน แต่พลังการปะทุครั้งนี้อ่อนแอลงกว่าวันก่อนอย่างเห็นได้ชัด รอบๆ บริเวณบึงแห่งนี้ ถูกปลาเปลวเพลิงแกนปฐีขุดเป็ร่องลึก แอบซ่อนอยู่เก้าเก้าแปดสิบเอ็ดสาย ทุกๆ วันจ้านอู๋มิ่งจะชักนำพลังจิติญญาอันรุนแรงของตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีไปสู่ร่องลึกที่แอบซ่อนอยู่สายหนึ่ง ร่องลึกที่แอบซ่อนอยู่แต่ละสายเชื่อมต่อกับสระหินหนืดขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในสระมีปลาเปลวเพลิงแกนปฐีระดับราชันามากกว่าหนึ่งพันตัวเป็สื่อจิติญญา ขอเพียงตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีเกิดปะทุขึ้น ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีในสระหินหนืดก็จะดูดซับพลังจิติญญาที่ถูกแบ่งแยกออกมาจากตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีอย่างสุดชีวิต ค่ายกลพันคนดูดซับพลังจิติญญา ดูดซับพลังจากตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีเหมือนเช่นฟองน้ำดูดซับน้ำก็มิปาน ปริมาณพลังจิติญญาหลงเหลือที่พันธนาการมัจฉาเฒ่าจึงลดน้อยลงไปจากเดิมมากแล้ว
จักรพรรดิมัจฉาพึงพอใจกับแนวความคิดของจ้านอู๋มิ่งอย่างยิ่ง ระยะเวลานับหมื่นปีมานี้ ไม่มีปลาสักตัวเดียวในฝูงปลาเปลวเพลิงแกนปฐีที่สามารถคิดวิธีการแบ่งแยกพลังจิติญญาที่ง่ายดายและได้ผลเช่นนี้ออกมาได้
ผลลัพธ์ของวิธีการนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่พลังจิติญญาของตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีส่งกลับไปถึงบึงลาวาล้วนลดน้อยถอยลงไปมาก อุณหภูมิของบึงลาวาแห่งนี้ก็ไม่ร้อนระอุมากอย่างเมื่อก่อนแล้ว
การชักนำพลังอัคคีิญญาจำเป็ต้องใช้สื่อจิติญญา จ้านอู๋มิ่งก็คือสื่อจิติญญานั้น พลังอัคคีิญญาทั้งหมดผ่านจ้านอู๋มิ่งไป แล้วแบ่งแยกเป็แปดสิบสาย กระจายไปยังสถานที่ห่างไกล จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อยู่ที่วันนี้ จำนวนตัวเลขเก้าเก้าคือจำนวนตัวเลขแห่งความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็จ้านอู๋มิ่งหรือว่าจักรพรรดิมัจฉา ล้วนคาดหวังอย่างยิ่ง
“ตู้มม…” มีละอองหมอกบางๆ ชั้นหนึ่งคลุมรอบบริเวณร่างจ้านอู๋มิ่ง กลางละอองหมอกมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ มองจากที่ไกลๆ จ้านอู๋มิ่งเสมือนเช่นตะเกียงที่จุดขึ้นจนไฟลุกโชนดวงหนึ่ง ทั่วร่างสว่างไสว
พลังอัคคีิญญาที่ปะทุอย่างรุนแรงจากตาเปลวเพลิงใจกลางปฐี กลายร่างเป็ัครามเปลวเพลิงโหมกระหน่ำตัวหนึ่ง ส่งเสียงคำรามพลางพุ่งเข้าหาจ้านอู๋มิ่ง จักรพรรดิมัจฉาและชนเผ่ามัจฉาอื่นๆ ในระยะไกล ล้วนััได้ถึงความกดดันที่ทำให้จิติญญาสั่นสะท้านชนิดหนึ่ง
ตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีกลายร่างเป็ัคราม คล้ายดั่งมีจิติญญาดำรงอยู่ภายใน ตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีดูเหมือนทราบว่าตนเองถูกทำลายแล้ว จึงกลายร่างเป็ัครามเปลวเพลิงแหงนมองขึ้นฟ้า คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวจนเกาะูเาไฟสั่นะเืไปทั่วทั้งเกาะ
จักรพรรดิมัจฉารู้สึกว่าร่างของบรรพบุรุษผู้เฒ่าที่หลับใหลขยับเล็กน้อยคราหนึ่ง หัวใจเขาอดที่จะเต้นแรงไม่ได้ บรรพบุรุษผู้เฒ่าใกล้จะตื่นแล้ว
พลันจ้านอู๋มิ่งลืมตาขึ้นทันใด เผชิญหน้ากับัครามเปลวเพลิงแดงอย่างจิตใจสงบเยือกเย็น ตวาดขึ้นเสียงดังลั่น “เชอะ!”
เสียงจ้านอู๋มิ่งดุจเสียงอสนีบาตกึกก้องที่ลงมาจากเก้าชั้นฟ้า คลื่นเสียงลวดลายเป็วงๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าัครามเปลวเพลิงแดง
ัครามเปลวเพลิงแดงเหมือนดั่งมีสติในการรับรู้เหตุผล พลันลืมตาคู่ั์สีขุ่นขึ้นทันใด ในแววตากลับฉายแววสะท้านครั่นคร้ามวูบหนึ่ง มันััได้ถึงความสูงส่งน่าเกรงขามของจ้านอู๋มิ่ง ความยิ่งใหญ่น่าครั่นคร้ามจากต้นกำเนิดของชีวิตชนิดหนึ่ง ในสายตาของมัน จ้านอู๋มิ่งดุจดั่งอภิมหาิญญาในยุคาเลือนรางดวงหนึ่ง กลิ่นอายแห่งจุดเริ่มต้นของชีวิตในร่างกายเขา เหมือนเช่นความว่างเปล่า แต่กลับสุดแสนศักดิ์สิทธิ์ สูงส่งจนไร้ประมาณ!
“อะ…อนัตต…” ปากของัครามเปลวเพลิงแดงกลับเปล่งเสียงแตกพร่าสั่นเท่าขาดเป็่ๆ คล้ายดั่งมีบางสิ่งไปกระตุ้นถูกความทรงจำในส่วนลึกของจิติญญา
“ตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีมีจิติญญา!” จ้านอู๋มิ่งมั่นใจยิ่งนัก
ิญญาของตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีแห่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่เป็ิญญาของัเทวะเปลวเพลิงแดงยุคาตัวหนึ่งที่หลงเหลืออยู่ในสถานที่นี้ จ้านอู๋มิ่งมองดูัที่กำลังสับสนงวยงงตัวนั้นอย่างประหลาดใจ สถานพำนักของคุนเผิงแห่งนี้มีความลับมากน้อยแค่ไหนกันแน่?
ดูแล้ว ความเป็มาของตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีแห่งนี้คือหลังจากัเทวะเปลวเพลิงแดงสิ้นชีวิตแล้ว ชีพจรเืเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูกของมันผันแปรกลายเป็เส้นชีพจรพลังจิติญญาออกมา หลังกาลเวลายาวนานผ่านไปจนนับมิถ้วน ัเทวะตัวนี้ยังไม่ดับสูญอย่างสมบูรณ์ ิญญาของมันยังคงอยู่ในเส้นชีพจรอัคคีสายนี้ บรรพบุรุษผู้เฒ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐี้ากลืนกินเส้นชีพจรพลังจิติญญาสายนี้ แต่ถูกจิติญญาของัเทวะล่วงล้ำครอบงำ ไม่อาจฟื้นตื่นขึ้นมา
จิติญญาัเทวะที่ตายไปหลายแสนหรือนับล้านปีตัวหนึ่ง แต่กลับแข็งแกร่งกว่าบรรพบุรุษผู้เฒ่าขอบเขตเทพเ้าามากมายนัก
จ้านอู๋มิ่งสามารถรู้สึกได้ว่าเวลานี้พลังจิติญญาัเป็เพียงหนึ่งในนับพันล้านของตอนที่มันสมบูรณ์ที่สุด หากมิใช่เพราะมันอ่อนแอจนใกล้สิ้นสลายแล้ว เกรงว่าคงจะทำลายจิติญญาบรรพบุรุษผู้เฒ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐีจนดับสูญและเข้ายึดครองร่าง ถือกำเนิดร่างใหม่แล้ว
“ท่านผู้……อนัต…ตา…” ิญญาัเปล่งเสียงคลุมเครือที่จ้านอู๋มิ่งต้องพยายามฟังให้ชัดเจน จ้านอู๋มิ่งประหลาดใจยิ่งนัก ิญญาัครามตัวนี้ คล้ายดั่งมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาของตน เพียงแต่ตนไม่เข้าใจว่าหมายความเช่นไร
จากที่ห่างไกล สีหน้าจักรพรรดิมัจฉาและเหล่าฝูงปลากลายเป็ซีดเทา เสียงัครามเปลวเพลิงแดงที่พวกเขาได้ยิน เหมือนเช่นดั่งเสียงคำรามเป็่ๆ พวกเขามีชีพจรสายเืัเจือจางอยู่ในร่างกาย ภายใต้อำนาจบารมีของั แทบไร้เรี่ยวแรงต้านทาน พวกเขาค้นพบเป็ครั้งแรกว่าสถานที่ที่เรียกว่าตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีแห่งนี้ มิได้จัดการง่ายดายอย่างที่พวกเขาจินตนาการ
“เ้ารู้จักพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา?” จิตสมาธิจ้านอู๋มิ่งเจตนาขยายความคิดของเขาออกไป
ัครามเปลวเพลิงแดงคล้ายดั่งสามารถเข้าใจคำพูดของจ้านอู๋มิ่ง ผงกๆ ศีรษะ แล้วจากนั้นก็เกิดความคิดชนิดหนึ่งขึ้นมา “ใช่แล้ว การดำรงอยู่ที่ยิ่งใหญ่ ในความทรงจำที่เหลืออยู่ไม่มากของข้า ทราบว่านี่คือการดำรงอยู่ของผู้มีความสามารถอันยิ่งใหญ่ผู้หนึ่ง แต่ว่าความทรงจำของข้าน้อยนิดเกินไป ไม่สามารถคิดเื่ราวออกมาได้มากกว่านี้ ไม่ทราบว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่้าให้เสี่ยวหลง[1]กระทำสิ่งใดบ้าง? ถึงแม้เสี่ยวหลงเหลือเพียงแค่ิญญาดวงหนึ่งเท่านั้น แต่ขอเพียงเป็สิ่งที่เสี่ยวหลงสามารถกระทำได้ ย่อมไม่กลัวจิตแตกสลาย ิญญากระจัดกระจายอย่างแน่นอน…”
จ้านอู๋มิ่งฟังัครามเปลวเพลิงแดงจนปากอ้าตาค้าง ิญญาที่เหลืออยู่ของัครามเปลวเพลิงแดงทราบความลับบางอย่าง พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาสำหรับัครามเปลวเพลิงแดง เป็การดำรงอยู่ที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากร่างกายตนมีพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา ดังนั้นัครามเปลวเพลิงแดงจึงยินดีทำทุกอย่างให้จ้านอู๋มิ่ง เื่นี้เกินความคาดหมายมากเกินไปแล้ว
“เ้าจดจำศักดิ์ฐานะของตนเองได้หรือไม่?” จ้านอู๋มิ่งถ่ายทอดความคิดของเขาออกไป
“เสี่ยวหลงเคยเป็ผู้นำตระกูลัแดงในอาณาจักรเทพเ้า เผ่าัแดงเป็สายหลักของัครามในอาณาจักรเทพเ้า ปีนั้นเสี่ยวหลงถูกศัตรูสมคบคิดลอบทำร้ายระหว่างศึกาของเหล่าทวยเทพในอาณาจักรเทพเ้าและตกลงมาแดนมนุษย์ ร่างกายตกลงมายังสถานที่นี้ กลายเป็เกาะกลางมหาสมุทร เหลือเพียงิญญาที่ไม่แตกสลาย รอคอยโอกาสที่จะกำเนิดใหม่ ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นการดำรงอยู่ของผู้ยิ่งใหญ่” เสียงสั่นเทาของัครามเปลวเพลิงแดงกลับเจือความตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย
พลันจ้านอู๋มิ่งอ้าปากค้างไปทันที เกาะแห่งนี้กลับผันแปรจากร่างั เกาะแห่งนี้ไม่รู้ว่ามีขนาดกี่พันลี้ ลำตัวของัแดงในตอนนั้นใหญ่เพียงไหนกันนะ? เกรงว่าจะไม่ได้เล็กกว่าคุนเผิงที่เติบโตเต็มที่แล้ว
แท้ที่จริงมันคือัของอาณาจักรเทพเ้า ซึ่งก็คือัเทวะนั่นเอง! หัวใจจ้านอู๋มิ่งเต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง ในความทรงจำของเขา ถึงแม้ครั้งหนึ่งตนเคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ โหยหาต่ออาณาจักรเทพเ้ายิ่งนัก ้าก้าวข้ามวิถีมรรคาแห่งฟ้าเสมอมา อยากจะบรรลุผลสำเร็จในตำแหน่งเทพเ้า กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากสำเร็จเป็เทพเ้าแล้วยังมีาของเหล่าทวยเทพอีก ัเทวะในตำนานที่กล่าววาจาอยู่ตรงหน้าผู้นี้ ก็ตกลงมาสู่โลกมนุษย์ในศึกาเหล่าทวยเทพเช่นกัน จะเห็นได้ว่าแม้แต่ในอาณาจักรดินแดนเทพเ้า เพียงคนเดียวก็อยู่รอดปลอดภัยอย่างยากลำบากเช่นกัน
"คัมภีร์เทพอนัตตา" เป็เคล็ดวิชาในระดับขอบเขตใดกันแน่ ในชาติภพก่อนนี้ ตนยังมิทันได้ฝึกฝนพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา หรือว่าการฝึกฝนเคล็ดวิชาคัมภีร์นี้ส่งผลต่อระดับของชีวิต บรรลุขอบเขตสูงขึ้นจนแม้แต่ัเทวะก็ยังสมัครใจยอมศิโรราบ?
“เ้ายินดีกระทำเื่ใดๆ ก็ตามเพื่อข้าจริงๆ หรือ?” จ้านอู๋มิ่งเปลี่ยนน้ำเสียง ลองถามขึ้นอย่างเฉยชา
“แน่นอน สามารถรับใช้ต่อการดำรงอยู่ของผู้ยิ่งใหญ่ ในฐานะของตระกูลัแล้ว จะมีก็แต่ความรู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่งเท่านั้น ถึงแม้ตอนนี้ความแข็งแกร่งของข้าจะน้อยกว่าหนึ่งในล้าน แต่เสี่ยวหลงก็ยินดีที่จะทำให้ดีที่สุด!” น้ำเสียงของัครามเปลวเพลิงแดงซื่อสัตย์จริงใจอย่างยิ่ง
“ข้าจะเชื่อถือเ้าได้อย่างไร?” จ้านอู๋มิ่งเห็นว่าการหยั่งเชิงถามสำเร็จลุล่วง จึงถามต่อขึ้นอย่างเ็า
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ระหว่างสองเขาในจิติญญาัของข้ามีเกล็ดย้อนอยู่ ตรงนี้ก็คือแก่นแท้ของชีวิตและจิติญญาข้า ขอเพียงท่านใช้พลังแห่งจิติญญาประทับลงตรงนี้ ชีวิตของข้าก็จะถูกท่านควบคุม ความคิดทุกอย่างของข้าก็ไม่สามารถปิดบังท่านได้เช่นกัน ถ้าหากท่านผู้ยิ่งใหญ่้า ข้าเต็มใจเปิดแก่นแท้ของชีวิตและจิติญญาเพื่อท่าน” ัครามเปลวเพลิงแดงค้อมศีรษะัลง ตอบด้วยความเคารพนับถืออย่างยิ่ง
“ประเสริฐ เปิดแก่นแท้ของชีวิตและจิติญญาของเ้าเถิด!” จ้านอู๋มิ่งระงับความปีติยินดีในใจ
“ตูมม…” คำพูดของจ้านอู๋มิ่งเพิ่งจบลง กะโหลกมหึมาของัครามเปลวเพลิงแดงกลายเป็ความโกลาหลแถบหนึ่ง เมื่อกลับคืนสภาพเดิมอีกครั้ง ระหว่างเขาัมีตราประทับแท่งสี่เหลี่ยมเพิ่มขึ้น
ตราประทับิญญาของจ้านอู๋มิ่งล่องลอยอยู่บนแท่งสี่เหลี่ยม พลันความทรงจำมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาในห้วงคำนึงของเขา ความทรงจำกระจัดกระจายนับมิถ้วนทำให้เขาคล้ายดั่งััผ่านกาลเวลานับครั้งไม่ถ้วนในชั่วพริบตา นี่คือชิ้นส่วนแห่งความทรงจำของัครามเปลวเพลิงแดง พวกมันกระจัดกระจายอย่างยิ่ง น้อยกว่าหนึ่งในล้านของตอนที่เขาสมบูรณ์สูงสุด จ้านอู๋มิ่งยังคงรู้สึกถึงพลังของธาตุอัคคีที่พลุ่งพล่านอย่างไม่รู้จบ
ตรงกลางทะเลของพลังแห่งธาตุอัคคีอันกว้างใหญ่ไพศาล มีโขดหินเป็แท่งสี่เหลี่ยมคล้ายอัญมณีก็มิปานชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าทะเลพลังธาตุจะดุเดือดปั่นป่วนขนาดไหน โขดหินชิ้นนั้นก็ยังคงยืนตระหง่านมั่นคงอยู่เช่นนั้น จ้านอู๋มิ่งทราบว่านี่ก็คือแก่นแท้ชีวิตและจิติญญาของัครามเปลวเพลิงแดง เขาจึงไม่ลังเลที่จะประทับพลังแห่งจิติญญาไว้บนนั้น
“ตูมมม…” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าิญญาของตนดูเหมือนจะได้รับพลังงานจำนวนมากมายมหาศาลในคราวเดียว พลันแปรเปลี่ยนเป็เติมเต็มในทันใด เขาเห็นแผ่นดินใหญ่สุดแสนไพศาลไร้ขอบเขต แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างทั่วทุกแห่งหน ทั้งูเาจิติญญา ทั้งโอสถเทพยดา รวมถึงสายธารน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ สามารถมองเห็นได้ทั่วทุกหนแห่ง เถาวัลย์เก่าแก่ ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้วนเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์เป็ชั้นๆ ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์จนสุดเปรียบปาน
“นี่คือดินแดนเทพเ้าหรือ?” จ้านอู๋มิ่งรวบรวมเศษชิ้นส่วนความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามาในใจอย่างตะลึงงัน นี่ก็คือเศษความทรงจำของัครามเปลวเพลิงแดง เขามาจากอาณาจักรดินแดนเทพเ้าจริงๆ!
“นายท่าน!” ในดวงตาทั้งคู่ของัครามเปลวเพลิงแดงมีร่องรอยครั่นคร้ามวูบหนึ่ง โขกศีรษะแสดงความเคารพนับถือต่อจ้านอู๋มิ่ง
จ้านอู๋มิ่งถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก จากนี้เป็ต้นไป ชะตาชีวิตของัครามเปลวเพลิงแดงก็ถูกควบคุมอยู่ในมือของตนแล้ว ขอเพียงเขาแค่คิดเท่านั้น อีกฝ่ายจะถูกทำลายดับสูญทันที
[1] ัน้อย
