แรกเริ่มเดิมที ิอวี่เองก็เหมือนกับทุกคน ที่คิดว่าหัวหยวนจือถูกหลิงป้าเอาไปซ่อนเอาไว้
เพราะการที่หลิงป้าซ่อนกำลังโจมตีเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คนอื่นมาติดกับ ไม่เพียงทำเพื่อชิงทรัพย์ แต่ยังลดคู่ต่อสู้ในการชิงบัวหิมะน้ำแข็งอีกด้วย
จากเื่นี้นั้น หลิงป้าถือเป็คนเ้าเล่ห์และระมัดระวังตัวอย่างมาก เขาอาจจะนำเอาหัวหยวนจือไปซ่อนเอาไว้ก็ได้
แต่เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนที่ออกค้นหาจนทั่ว กลับไม่พบหัวหยวนจือเลย มันไม่น่าจะเป็ไปได้ สำหรับหลิงป้าแล้ว ต่อให้เขาจะเอามันไปซ่อนก็ไม่น่าจะเอาไปไว้ไกลตัว เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
ดังนั้น สถานที่ที่เขาน่าจะเอามันไปซ่อน ก็น่าจะเป็ตัวเขาเอง
ิอวี่รู้สึกว่าเื่นี้มันแปลกๆ ทันใดนั้นเองเขาก็นึกถึงรายละเอียดบางจุดขึ้นมา ตอนที่หานเฟิงสังหารหลิงป้า เขาใช้วิชาประหลาดอย่างหนึ่ง พลิกแพลงมันตอนอยู่กลางอากาศ แล้วค่อยสังหารหลิงป้า
และในตอนที่หานเฟิงนำง้าวศึกออกมา ปกติแล้วด้วยความยาวของง้าว จะต้องถีบอีกฝ่ายให้ถอยห่างไปก่อนแล้วถึงฟันง้าวเข้าใส่ได้
แต่ว่า หานเฟิงกลับใช้ฝ่ามือ!
เื่นี้มันเป็เื่ที่ผิดแปลกไปอย่างมาก แต่ตอนนั้นหานเฟิงหันหลังให้กับทุกคนจึงไม่มีใครเห็นเลยว่าฝ่ามือนั้นมันซัดไปตรงจุดไหนบ้าง แต่ความเป็จริง ฝ่ามือของหานเฟิงน่าจะซัดไปยังบริเวณหน้าอกที่เก็บถุงเก็บของอยู่!
“เ้าเองก็รู้สึกเหมือนกันใช่ไหมว่าเ้าคนนั้นมันมีปัญหาน่ะ?” เฮยจีขยับเข้ามากระซิบข้างหูแล้วเอ่ยปากถาม
ิอวี่ตะลึงเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเฮยจีเองก็ช่างสังเกตเหมือนกัน เขาเลยพยักหน้าให้
“ข้ารู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเขาเลย ไปเปิดโปงเขากันดีกว่า”
ิอวี่ส่ายหัว แล้วพูดเสียงเข้มว่า “ไม่ต้องหรอก ถ้าจำเป็ข้าจะลงมือเอง ทำทุกอย่างตามที่ข้าบอกนะ เ้าต้องเชื่อฟังล่ะ”
“ชิ ก็ได้” เฮยจีเบะปาก เหมือนว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ที่จริงมีอีกเื่ที่ิอวี่ไม่ได้บอกเฮยจี หานเฟิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ดูจากฝีมือที่เขาสังหารผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เจ็ดได้ นั่นก็แสดงว่าพลังฝีมือของเขานั้นย่อมไม่ธรรมดา แล้วข้างกายเขาก็ยังมีพ่อบ้านที่ไม่รู้ว่ามีพลังฝีมือแค่ไหนอย่างหลัวชีอยู่ด้วย!
หากไปเปิดโปงตอนนี้ ผลที่ตามมาจึงคาดเดาไม่ได้เลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หานเฟิงพุ่งเป้ามาที่เฮยจี! ที่ตอนนี้ิอวี่ไม่บอกเฮยจีเพราะเขาไม่อยากให้นางต้องใกลัว
“ทุกท่าน ยอดเขาเซิงหานเป็เส้นทางที่สำคัญมาก ต้องใช้เวลาถึงห้าวันกว่าจะไปถึง ในเมื่อทุกท่านอยากจะลองขึ้นไปดู ถ้าอย่างนั้นเราเดินทางไปพร้อมกันดีไหม” หานเฟิงขอความเห็นจากทุกคน
ทุกคนล้วนแต่เห็นด้วย จากนั้นหานเฟิงก็พาทุกคนเริ่มเดินทางขึ้นเขาไป ด้านหน้าเป็ูเาน้ำแข็งที่ลึกลับและกว้างใหญ่
หลังจากที่เข้าสูู่เาหิมะแล้ว ทุกคนก็เห็นว่ามีดวงไฟหลายดวงอยู่บนูเาลูกอื่นๆ ค่อยๆ ทยอยกันมาตามเส้นทางูเาจากแต่ละทิศทาง คิดว่าคงเป็กลุ่มอำนาจต่างๆ ที่อยากลองขึ้นไปบนยอดเขาเซิงหานเหมือนกัน จึงจุดไฟเดินทางในยามวิกาล
เพียงพริบตาเดียว ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นมาก คนที่เดินทางขึ้นไปบนยอดเขาเซิงหานมีไม่น้อยจริงๆ
ตลอดทางทุกคนไม่ได้พูดอะไรกันมากมาย แต่สายตาและท่าทีของพวกลู่หยวนคงที่มองิอวี่นั้นมันเปลี่ยนไปแบบกลับตาลปัตรเลย
ก่อนหน้านี้เขาดูถูกิอวี่มาก แต่ตอนนี้สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ เพราะเป็คนที่เก่งกาจมากกว่าศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขา
ส่วนซูหยวนจิ้งที่ถูกตบไปสองที ตอนนี้เขาก็ไม่กล้ามองิอวี่แม้แต่นิดเดียว พอนึกว่าเขาเคยพูดอะไรกับิอวี่ไว้บ้าง เขาก็รู้สึกผิดอย่างมาก
ทุกคนยังไม่รู้ว่า ระหว่างทางนั้น เฮยจีขมวดคิ้วขึ้นหลายครั้ง
นางรู้สึก ... เหมือนบริเวณหน้าอกของนางนั้น เกิดความรู้สึกเ็ปขึ้นมา
เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วยาม พวกของหานเฟิงก็ไปหาที่ราบที่เหมาะสมกลางเขา และตั้งกระโจมที่พักกัน
ทุกคนเริ่มสร้างกระโจมที่พักของตัวเอง ิอวี่เลือกตั้งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ที่ค่อนข้างห่างไกล ตอนที่เขาเริ่มตั้งกระโจม เฮยจีก็เดินมาหาเขาแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “ิอวี่ ข้ารู้สึก ข้า ... ”
“เป็อะไรไป?”
เฮยจีกลับเงียบไป จากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร เ้าตั้งกระโจมให้เสร็จก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากัน”
ิอวี่ก็เงียบไป แล้วหันกลับไปตั้งกระโจมให้เสร็จ
ในเวลานี้เอง หานเฟิงก็ยืนอยู่ตรงกลางกระโจมหลายหลัง แล้วปรบมือพูดกับทุกคนว่า “หลังจากนี้เราจะเร่งเดินทางกันให้เร็วขึ้น อาจจะต้องใช้กำลังให้มาก ตอนนี้ทุกคนมารับยาจูหยวนตันไปคนละสามเม็ด หากกำลังลดลงเมื่อไหร่ก็นำมันมาเพิ่มลมปราณด้วย”
ระหว่างที่พูด เขาก็มองไปที่ลู่หยวนคงแล้วก็ิอวี่ จากนั้นก็พูดว่า “พวกท่านเองก็ได้เหมือนกัน”
“ประสก แต่ว่า ... ”
“ได้มาพานพบถือเป็วาสนา ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เก็บไว้เถอะ เป็ความหวังดีของข้านะ” หานเฟิงยิ้มแล้วพูด
คราวนี้พวกของลู่หยวนคงต่างใกันมาก ลูกน้องของหานเฟิงมีทั้งหมดยี่สิบคน รวมพวกลู่หยวนคงกับิอวี่และเฮยจีทั้งหมดยี่สิบเจ็ดคน แค่เพื่อรักษากำลังไว้ต้านกับความหนาว ก็ใช้ยาจูหยวนตันไปหนึ่งร้อยเม็ดแล้ว นั่นมันหนึ่งล้านเหรียญหยกดำเลยนะ!
ดูท่าหานเฟิงน่าจะเป็คุณชายจากตระกูลใหญ่ ใครที่ติดตามเขาจะต้องกินดีอยู่ดีแน่นอน
พูดจบ หานเฟิงก็เดินตรงเข้าไปในกระโจมสีขาวหลังใหญ่
เขาตรงไปนั่งขัดสมาธิแล้วพลิกฝ่ามือ ผลไม้สีแดงทรงกลมขนาดเท่าเม็ดยาก็ปรากฏออกมาในมือของเขา มันเปล่งแสงสว่างมาก เป็สีแดงระยิบระยับ อีกทั้งยังมีความร้อนแผ่กระจายออกมาด้วย
ของสิ่งนี้ ก็คือสิ่งที่ทุกคนค้นหากันมานานกว่าครึ่งชั่วยาม ... หัวหยวนจือ!
หานเฟิงวางหัวหยวนจือเอาไว้ข้างตะเกียง และชื่นชมผลอันสวยงามของมันอย่างระมัดระวัง
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลัวชี ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ เขาก็เดินเข้ามาโค้งคำนับแล้วถามว่า “คุณชาย ข้าน้อยไม่เข้าใจเลย เราได้หัวหยวนจือมาแล้ว ทำไมไม่ฆ่าคนพวกนั้นไปเลยล่ะ ทำไมยังพาพวกเขามาด้วยอีก แล้วยังมอบยาจูหยวนตันให้คนละสามเม็ดด้วยล่ะขอรับ”
หานเฟิงยิ้มมุมปาก แสงไฟส่องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แล้วพูดอย่างแปลกๆ ว่า “แล้วเ้าคิดว่า ข้าทำไปเพื่อใครล่ะ?”
ที่จริงหลัวชีก็มีคำตอบในใจอยู่แล้ว พอคิดไปครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่ามันน่าจะเป็คำตอบนี้ แล้วพูดว่า “น่าจะ ... เป็ผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมขอรับ?”
หลัวชียอมรับ ผู้หญิงคนนั้นเป็ผู้หญิงที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาทั้งชีวิต แต่ว่า เขาเองก็ได้แค่มองเท่านั้น เพราะร่างกายของผู้หญิงคนนั้นมีแค่คุณชายของเขาเท่านั้นที่มีสิทธิเชยชม
“ถูกต้อง”
หานเฟิงชื่นชมหัวหยวนจืออย่างตั้งใจ ไม่ได้เงยหน้ามามองหลัวชีเลย น้ำเสียงของเขามันทำให้บรรยากาศในกระโจมแปลกๆ
มันคือความเชื่อมั่นในตัวเองและความแข็งแกร่งที่เกิดจากการชนะมาตลอด!
“แต่ว่า ด้วยระดับอาณาจักรพลังของท่าน การคิดจะฆ่าพวกเขาถึงแม้อาจจะต้องออกแรงสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เื่ยากอะไร แค่จะชิงผู้หญิงคนนั้นมา ทำไม ... ถึงต้องทำอะไรให้วุ่นวายขนาดนี้ด้วยล่ะขอรับ?”
“เ้าไม่เข้าใจหรอก”
หานเฟิงพูดอย่างเรียบง่าย “แค่เชยชมร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับข้าแล้วมันไม่สนุก สิ่งที่สำคัญคือจะต้องเอาชนะใจนาง หากข้าฆ่าคนข้างกายของนาง ต่อให้ชิงตัวนางมาได้ เ้าว่า นางจะไม่เกลียดข้าอย่างนั้นหรือ?”
พอหานเฟิงพูดมาแบบนี้หลัวชีก็เหมือนคิดได้ เขาพูดด้วยความตกตะลึงว่า “ดังนั้นคุณชายถึงได้ฆ่าหลิงป้า เพื่อแสดงความสามารถของตัวเองออกมา แล้วยังมอบยาจูหยวนตันด้วย เพื่อแสดงให้เห็นถึงกำลังทรัพย์ของท่าน!”
“เ้าหนูยากจนข้างกายนาง ความสามารถก็แค่นิดเดียว ไม่ว่าจะเป็วรยุทธ์ พร์ กำลังทรัพย์ หรือว่าตระกูล เขาสู้ข้าไม่ได้เลย เ้ารู้สึกว่า หากผู้หญิงคนนั้นเปรียบเทียบแล้ว สุดท้ายนางจะเลือกใครล่ะ?”
“ก็ต้องเป็คุณชายแน่นอน” หลัวชีพูดอย่างมั่นใจ
หานเฟิงเก็บหัวหยวนจือไป แล้วพูดว่า “อีกสองก้านธูป เ้าส่งคนไปแอบฟังที่กระโจมผู้หญิงคนนั้น ถ้าข้าเดาไม่ผิด คืนนี้นางจะต้องพูดถึงข้าแน่นอน แอบฟังสิ่งที่นางพูดมาบอกข้าทุกคำ ข้าอยากจะรู้ความคิดของนางที่มีต่อข้า”
“ขอรับ”
พูดจบ หลัวชีก็คำนับแล้วถอยออกไปจากกระโจม
ไม่นานนัก ทุกคนก็เข้าพักกันหมด หลังจากไฟดับลงก็ต่างนอนพัก บริเวณกระโจมเริ่มมีแต่เสียงลมหายใจนอนกรน
แต่ที่ข้างต้นไม้ห่างไกล ิอวี่กำลังนั่งกรรมฐานฝึกวิชาอยู่ ั้แ่ต่อสู้จบจนถึงเวลานี้ ิอวี่เพิ่งจะเริ่มเสริมลมปราณในร่างกายตัวเองอีกครั้ง
“เ้าไปนอนก่อนเถอะ คืนนี้ข้าจะอยู่ฝึกวิชาก่อน” ิอวี่หันไปพูดกับเฮยจีที่อยู่ในผ้าห่ม อยู่กับหานเฟิงหลายวัน ิอวี่ไม่ค่อยสบายใจ เขาคิดจะเฝ้ายามในคืนนี้
“ ... ไม่ต้องพยายามมากขนาดนั้นก็ได้ เ้าเองก็มานอนเถอะ การพักผ่อนสำคัญนะ” เฮยจีดึงแขนเสื้อของิอวี่แล้วพูดแบบอ้อนๆ
เห็นท่าทางของเฮยจีแล้ว ิอวี่ก็ยิ้ม “เ้าแน่ใจหรือ? มันมีที่นอนที่เดียวเองนะ หรือว่าเ้าอยาก ...”
“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย” เฮยจีมองไปที่ิอวี่แล้วพูดว่า “เ้าพูดมาคำเดียวเลย เ้าจะนอนไหม?”
ิอวี่ส่ายหน้า เขาเคยเดินไปตามทางที่เฮยจีวางเอาไว้ ครั้งที่แล้วเฮยจีใช้การร่ายอักขระตั้งใจแกล้งเขา ตอนนี้ทำท่าทางน่าสงสาร ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวจะมีลูกไม้อะไรมาทำให้เขาทนไม่ไหวอีก
มันเป็หลักการเดียวกับการที่ถูกงูกัดครั้งเดียว กลัวเชือกไปอีกสิบปี
“ก็ได้ ... ไม่มาก็ไม่มา”
เฮยจีตาแดงก่ำ น้ำเสียงเหมือนสะอื้น “ ... ต่อให้ข้าตายไปเ้าก็ไม่มีทางเสียใจอยู่แล้วนี่”
เพราะตอนนี้เป็กลางดึก ภายในกระโจมมืดสนิท ิอวี่ที่ไม่เห็นสีหน้าของเฮยจีจึงไม่ได้สนใจอะไรนางมาก แต่ตอนนี้พอได้ยินนางร้องไห้เขาก็เหมือนรู้แล้วว่ามีอะไรผิดปกติไป
เขารีบเดินมาหาเฮยจีถึงได้รู้สึกว่านางหายใจรวยรินมาก หากตรงนี้มีไฟ ิอวี่จะต้องมองเห็นว่าสีหน้าของเฮยจีนั้นซีดขาวและขมวดคิ้วแน่น ท่าทางของนางเ็ปมาก
ร่างิญญาของนางกำลังจะหมดเวลาลง หากไม่ได้เืิอวี่ถ่ายผ่านหยกโบราณให้ ิญญาของเฮยจีจะต้องดับสลายไปแน่!
“บ้าจริง”
ิอวี่ไม่ลังเลใจอีก เขาหยิบกระบี่เฟิงโหวออกมา แล้วกรีดไปที่ฝ่ามือของเขาในทันทีสี่ถึงห้าครั้งจึงเกิดแผลจนเืออก จากนั้นเขาก็มุดเข้าไปในผ้าห่ม นอนแนบชิดไปกับตัวของเฮยจี ให้นางนอนอยู่บนแขนซ้ายของเขา
จากนั้น ิอวี่จึงรวบรวมสมาธิแล้วหยกโบราณก็มาปรากฏอยู่บนฝ่ามือข้างขวาที่เปื้อนเือยู่ จากนั้นเขาก็เอามันแนบไปบนหน้าอกของเฮยจี
ครั้งนี้ มันมีความรู้สึกที่เนียนนุ่มอวบอิ่ม อีกทั้งยังมีอุณหภูมิความร้อนจากการััแผ่ซ่านไปทั่วมือขวาของิอวี่ ทำให้ร่างกายของเขาเหมือนถูกไฟช็อตตัวแข็งทื่อไปหมด
ครั้งแรก เพราะััของความอ่อนนุ่มทำให้ิอวี่กระวนกระวายไปทั้งตัว ครั้งนี้ เขาจึงเตือนตัวเองเอาไว้ว่า ต้องสงบใจ จะต้องสงบใจให้ได้ แต่พอเขาััลงไปเขาถึงได้พบว่า ... เขาไม่สามารถสงบใจได้เลย ...
“ทาง ... ทางนี้ต่างหาก”
เป็เพราะมืดมิดไม่มีแสงไฟ ิอวี่ก็เลยแตะคลาดเคลื่อนไปมาก มันไม่ได้อยู่ตรงจุดที่ได้รับาเ็ เฮยจีจึงยื่นมือของนางมาย้ายมือ “ไม่อยู่สุข” ของิอวี่ไปวางให้ตรงจุด
แค่ขยับนิดเดียวให้ฝ่ามือขวาของิอวี่แนบไปถูกจุด ความนุ่มนวลนุ่มนิ่มก็แผ่กระจายไปทั่วมือของิอวี่ ...
“อ๊า ...”
ความเ็ปตรงาแทำให้เฮยจีอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา ครั้งก่อนเป็เพราะมีแสงจันทร์ส่องเฮยจีเลยรู้สึกเขินจนไม่กล้าร้องออกมา แต่ตอนนี้อยู่ในกระโจมห่างไกลที่รอบๆ ข้างมืดหมด ต่างคนต่างมองไม่เห็น เมื่อไม่มีแรงกดดันเฮยจีจึงไม่เก็บความเ็ปเอาไว้ แต่ส่งเสียงร้องระบายความรู้สึกออกมาเลย!
ท่ามกลางหิมะยามค่ำคืน ในกระโจมที่อยู่ห่างไกลอกมา ิอวี่ถ่ายเืให้เฮยจีอีกครั้ง เพื่อให้ดวงิญญาของนางกลับมา!
แต่ในเวลานี้ กลับมีเงาวิ่งผ่านกระโจมไป ซึ่งคนนั้นก็คือหลัวชี เขาพยายามคลำทางเดินมาอยู่ใกล้กับกระโจมสิบเมตรด้านหลังต้นไม้ใหญ่ เตรียมทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา