"ผู้น้อยคารวะท่านอ๋อง"
สตรีชุดดำคารวะให้บุรุษในห้องหากสังเกตอย่างละเอียด บนใบหน้านางภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำ คล้ายมีรอยขีดข่วนรอยหนึ่งลากยาวเป็ทางบนโหนกแก้มที่โผล่พ้นผ้าออกมาเล็กน้อยข่วนยาวมาถึงส่วนใบหน้าใต้ผ้าคลุม แม้นอยากสำรวจมากกว่านี้ทว่าทุกอย่างถูกบดบังไว้ใต้ผ้า มองไม่เห็นรอยทั้งหมดสิ่งนี้กลับยิ่งทำให้ผู้คนอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิม
"สถานการณ์เป็อย่างไรบ้าง?"จ้าวเยี่ยนเอ่ยถามอย่างราบเรียบ
“ทูลท่านอ๋องแม่ทัพหลวงฉู่ชิงเข้าไปในวังแล้วเพคะ” สตรีชุดดำเอ่ยรายงาน เสียงที่เอ่ยฟังดูแข็งแกร่งกว่าหญิงสาวธรรมดาทั่วไป
ครั้นเอ่ยจบ ความกังวลในดวงตาของจ้าวเยี่ยนพลันคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
ฉู่ชิงเข้าวัง เช่นนั้นฉางหลิงเกอ...
“แล้วเขาเล่า?” จ้าวเยี่ยนเลิกคิ้ว เพียงคำว่า“เขา” คำเดียว หญิงสาวคาดเดาได้ทันใดและตอบรายงานออกไปทันทีว่า“ตามรับสั่งของนายท่าน เขาถูกส่งกลับไปแล้วเพคะ เพิ่งได้รับข่าวมาว่าเขาออกจากเมืองชุ่นเทียนไปได้อย่างปลอดภัยแล้วเพคะ”
"ดี ดีมาก" รอยยิ้มเบ่งบานบนใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวเยี่ยน
เห็นได้ชัดว่า ด้วยใบหน้าเดียวกันนี้ เมื่อก่อนยามที่เขาแย้มยิ้มสามารถละลายน้ำแข็งและหิมะ ทว่า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาในยามนี้กลับทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บ
หญิงสาวจ้องมองผู้เป็นายตรงหน้านางคุ้นชินกับหลีอ๋องในด้านนี้อย่างมาก หรือจะพูดได้ว่านางรู้จัก ตัวตนที่แท้จริงของเขา
ครั้นนางคิดอะไรบางอย่างได้ หญิงสาวพลันขมวดคิ้วเอ่ยปากขอคำสั่งจากเขาทันที “นายท่าน ยัง้าส่งคนของพวกเราไปลอบคุ้มกันอีกหรือไม่?”
ครั้นเอ่ยถามคำถามนี้จ้าวเยี่ยนพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยว่า “ไม่ต้องรอจนกว่าจะถึงจุดที่ปลอดภัย แล้วค่อยบอกให้กลับมา จำไว้ ไม่ว่าเมื่อใดพวกเ้าห้ามเผยตัวให้ผู้อื่นเห็นเด็ดขาดพวกเ้า...เป็คนที่ไม่ควรมีอยู่ตั้งนานแล้ว เข้าใจหรือไม่?”
คนที่ไม่ควรมีอยู่...
ถ้อยคำนี้สั่นะเืจิตใจของหญิงสาวเล็กน้อยทว่าเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น คลื่นอารมณ์สั่นไหวกลับมาสงบนิ่งดังเดิมราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นก็มิปาน
“เพคะ ผู้น้อยรับทราบ”หญิงสาวยกมือคารวะ นางคุกเข่าลงกับพื้น สองมือยกสูงเท่าศีรษะหมอบกราบลงไปอย่างหนักหน่วง อวัยวะทั้งห้าแนบสนิทติดพื้น ราวกับกำลังทำพิธี
จ้าวเยี่ยนไม่ได้เอ่ยสั่งอะไรอีกสตรีชุดดำจึงรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องนั้นเหลือเพียงจ้าวเยี่ยนดูเหมือนว่าหลังจากเขาได้ยินข่าวว่าฉู่ชิงกลับเข้าวังไปแล้วเขาพลันรู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง ในที่สุดเขาจึงลุกยืนขึ้น เปลื้องเสื้อผ้าออกและก้าวเดินไปหลังฉากกั้นเขาแช่ตัวในถังอาบน้ำ ครุ่นคิดถึงครึ่งหนึ่งของตราพยัคฆ์ที่ได้มาวันนี้รู้สึกสบายใจและพึงพอใจอย่างยิ่ง
ทว่าเขาไหนเลยจะรู้ว่า การเข้าวังของฉู่ชิงเป็เพียงกลลวงเท่านั้น...
เวลาล่วงเลยไปค่อนคืนสถานที่ซึ่งห่างจากเมืองชุ่นเทียนไปสิบลี้
หนึ่งคน หนึ่งม้าควบทะยานเร็วรี่
คนบนหลังม้าคือฉางหลิงเกอ
เขาในยามนี้สวมใส่เสื้อผ้าของชาวเป่ยฉีใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา ซึ่งยังคงปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของเขาอย่างแ่า
เหตุการณ์ที่เรือนพำนักเมื่อครู่ที่ผ่านมาตอนที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องครั้งแรกของฉางหงเยียนมีทหารสองสามคนเข้ามาหาเขาในห้องและพาเขาออกไป เขารู้ว่านี่ต้องเป็แผนการของจ้าวเยี่ยนอย่างแน่นอนคนฉลาดเช่นเขาเข้าใจเื่นี้ได้ในทันที การหลบหนีของเขานั้นต้องแลกด้วยชีวิตของฉางหงเยียน
ระยะทางตอนนี้ผ่านไปไม่กี่ชั่วยามทว่าราตรียังคงดึกดื่น ก่อนหน้านี้เวลาหนึ่งก้านธูป คนชุดดำที่พาเขาออกมากระจายตัวกลับไปแล้วเหลือเพียงเขาแค่คนเดียว ทว่าแม้จะเป็เช่นนี้ในใจเขากลับสงบนิ่งมั่นคงขึ้นมากแล้ว
ขอเพียงแค่ออกจากเขตพำนักและเมืองชุ่นเทียนได้จะไม่มีใครจับเขาได้อีกต่อไป!
เมื่อควบม้าผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ภายใต้ราตรีอันเงียบเหงาเสียงเกือกม้ากระทบพื้นดินดังเข้ามาอย่างแ่เบาจนมิอาจสังเกต
ทว่าฉางหลิงเกอผู้มีประสาทััว่องไวกลับรับรู้ได้ทันทีเพียงแค่การสั่นไหวของพื้นดิน เขาก็รู้แล้วว่านั่นคือกลุ่มคนที่กำลังขี่ม้าตามมา
ทหารรักษาพระองค์นั่นไล่ตามมาแล้วหรือ?
ฉางหลิงเกอครั้นคาดเดาเช่นนี้เขาพลันแอบก่นด่าอยู่ในใจ ไม่กล้าหยุดพักแม้เพียงครึ่งเค่อ[1]
เวลาครึ่งเค่อล่วงเลยผ่านไปเสียงเกือกม้ายังคงไล่ตามเขามาติดๆ ห่างจากเขาไม่ใกล้ไม่ไกล เขาเร่งความเร็วกลุ่มคนที่ตามหลังมาราวกับจะเพิ่มความเร็วด้วยเช่นกัน เมื่อเขาช้าลง ฝั่งตรงข้ามก็ช้าลงด้วยเช่นกัน
ราวกับว่าอีกฝ่ายจงใจหยอกล้อเขา
ฉางหลิงเกอไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกหยอกล้อเช่นนี้
ในที่สุด อีกแค่สิบลี้จะถึงนอกเมืองที่แรกของทางใต้เมืองชุ่นเทียนฉับพลันนั้น ‘ฟุ่บ’ เสียงธนูดอกหนึ่งพุ่งตัดอากาศเข้ามาอย่างรวดเร็วทะลุเข้าไปในิั ท่ามกลางความมืดมิด เสียงม้าพันธุ์งามร้องโหยหวนอย่างเ็ปท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี
ชายหนุ่มบนหลังม้าเพียงรู้สึกว่าสัตว์ที่ควบขี่อยู่เริ่มล้มลงเสียงร้องครวญของม้า เพียงครั้งแรกชายหนุ่มก็ตอบสนองในทันทีเขารีบะโตัวออกจากหลังม้าและทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างมั่นคง
ทันทีที่เท้าแตะพื้นฉางหลิงเกอไม่กล้าแม้แต่จะร่ำไร แม้จะไม่มีม้า เขาก็จะวิ่งไปเขาต้องพาตัวเองไปข้างหน้าให้ได้!
โชคดีที่วิชาตัวเบาของเขาไม่แย่นัก ทันทีที่เงาร่างแข็งแกร่งะโ‘โบยบิน’ ทะยานกลางอากาศในยามค่ำคืนทว่ากลุ่มคนที่ขี่ม้าตามมาด้านหลังยังคงไล่ตามเขาเช่นเดิม โดยยังคงรักษาระยะห่าง
ในกลุ่มคนที่ขี่ม้าตามมา เฉิงเซิงเป็คนนำขี่ม้าด้านข้างเขาคือเหนียนยวี่ที่แต่งกายเป็ทหารรักษาพระองค์
ลูกธนูที่ถูกยิงออกไปเมื่อครู่นี้เหนียนยวี่เป็คนยิง
ครั้นเห็นลูกธนูดอกนั้นพุ่งออกไปในใจของเฉิงเซิงพลันตกตะลึง เขารู้ว่าเื่พิษกู่ในค่ายเสิ่นเช่อครานี้ต้องขอบคุณคุณหนูรองสกุลเหนียนผู้นี้พลทหารหลายพันนายในค่ายเสิ่นเช่อจึงรอดชีวิตมาได้ แต่เขามิรู้เลยว่าฝีมือการยิงธนูของนางจะแม่นยำเช่นนี้
ในระยะห่างเท่าเมื่อครู่นี้เกรงว่าจะมีเพียงท่านแม่ทัพหลวงเท่านั้นที่จะทำได้ ทว่าคุณหนูรองผู้นี้กลับ...
ขณะที่เฉิงเซิงกำลังขี่ม้าเขาเหลือบมองสตรีด้านข้าง ใบหน้าด้านข้างอันงดงาม ท่วงท่าองอาจแข็งแกร่งเพียงชำเลืองมอง ั์ตาท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิดทอแสงเป็ประกาย จ้องมองทางข้างหน้าด้วยสายตาอันดุดันแหลมคมแข็งแกร่งราวราชสีห์ ประหนึ่งว่าเกิดมาเพื่ออยู่บนหลังม้าและสนามรบ
เฉิงเซิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เขาเพ้อไปเองหรือ?
เหตุใดถึงมีภาพท่านแม่ทัพหลวงซ้อนทับกับคุณหนูยวี่ในยามนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกกริ่งเกรงอย่างที่สุด!
ตอนที่เขากำลังชะงักงันจากความใอยู่นั้นสตรีบนหลังม้าด้านข้างก็ยิ่งเร่งความเร็ว เพียงพริบตา นางควบนำเขาไปแล้วเฉิงเซิงพลันได้สติจึงกุมบังเหียนม้าแน่น ตามติดเหนียนยวี่ไปทันที
ฉางหลิงเกอไม่รู้ว่าตนเองใช้วิชาตัวเบาหนีมานานเท่าใดแล้วเมื่อถึงที่แห่งหนึ่ง เขาพลันหยุดฝีเท้าลง
ทันใดนั้น หน้าผาสูงชันปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาด้านหลังมีเสียงกีบม้ายังคงวิ่งไล่ตามมา ใบหน้าเขาพลันฉายแววมืดมนเคร่งเครียด
"บัดซบ" ฉางหลิงเกอสาปแช่งเสียงเกือกม้ายังคงดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาควรทำอย่างไร?
แม้จะสายเกินไปที่จะหาทางออกอื่นเสียงเกือกม้าที่ไล่ตามมารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉางหลิงเกอเงยหน้ามองอาศัยแสงแห่งรุ่งอรุณอันสดใส
นาง...
คุณหนูรองสกุลเหนียนคนนั้น!
แม้นยามนี้นางจะแต่งกายเป็บุรุษ ทว่าเขายังคงจดจำนางได้มิใช่ด้วยใบหน้าของนาง ทว่าเป็สายตา สายตาของนาง ความแข็งแกร่งและเฉียบคม พลังอำนาจที่แผ่ออกมาทำให้ผู้คนมิอาจสบประมาท เหมือนกับในสวนร้อยสัตว์คืนนั้น เป็สตรีธรรมดาแม้แต่บุรุษทั่วไปก็มิอาจมี
นางยังไม่ตาย...
เช่นนั้นเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีความเกี่ยวข้องกับสตรีผู้นี้หรือไม่?
[1]ครึ่งเค่อ หมายถึง หนึ่งชั่วโมง