เซียวเฉินใช้เวลาหนึ่งวันจึงลากกระบี่เล่มนั้นกลับมาได้ แขนทั้งสองข้างปวดเมื่อยราวกับจะหลุดออกมา สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมหาศาล
เคร้ง!
ตูม!
เบิกฟ้ากระแทกพื้นอย่างแรงเสียงดังตูมสนั่น แม้แต่พื้นก็ะเื
หนักเกินไปแล้ว!
เสียงนี้ดังมาจากที่พักของเซียวเฉิน ทำให้คนอื่นตื่นใ
“เกิดอะไรขึ้น? แผ่นดินไหวหรือ?”
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ถึงมีเสียงดัง”
“พวกเ้ารู้สึกหรือไม่ว่าเมื่อครู่แผ่นดินะเื”
จากนั้น สายตาของทุกคนก็มองไปทางเซียวเฉิน เนื่องจากเสียงนั้นดังมาจากที่พักของเขา
เขาจะะเิห้องหรือ?
ต่อมา เงาร่างสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นหน้าประตูห้องของเซียวเฉินอย่างกะทันหัน
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์นั่นเอง นางได้ยินเสียงตูมเช่นกันจึงนึกว่าเซียวเฉินเกิดเื่ไม่คาดฝันขึ้น แต่หลังจากนางผลักประตูห้องเข้าไปก็เห็นเซียวเฉินหอบหายใจแฮ่กๆ อยู่บนพื้น ส่วนกระบี่ยาวสามฉื่อทางด้านข้างกระแทกพื้นเป็รูขนาดใหญ่ก็มีสีหน้าประหลาด
“เซียวเฉิน นี่เ้า...” กำลังทำอะไรอยู่? จึงสร้างความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ออกมา
“หึหึ ข้าเพิ่งนำของวิเศษกลับมาชิ้นหนึ่ง” ว่าแล้วเซียวเฉินก็ชี้ไปที่กระบี่โบราณนามว่าเบิกฟ้าบนพื้น
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เดินไปและคิดจะหยิบมันขึ้นมา แต่กระบี่โบราณกลับไม่ขยับเลยสักนิด
“นี่กระบี่อะไร? หนักขนาดนี้เชียว?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อดถามไม่ได้ ไม่คาดว่าด้วยความสามารถของนางจะขยับเขยื้อนมันไม่ได้
“กระบี่นี้มีนามว่าเบิกฟ้า น่าจะมีน้ำหนักสี่พันชั่งขึ้นไป ข้าสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปมหาศาลจึงลากมันกลับมาได้ เหนื่อยแทบตาย” เซียวเฉินเอ่ยพลางหอบแฮ่กๆ
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กลอกตาใส่เซียวเฉินแบบทั้งฉิวทั้งขัน
“เ้าขยับมันไม่ได้ แล้วจะเอามันมาทำอะไร เอามาตั้งโชว์หรือ?”
เซียวเฉินลุกขึ้น ยิ้มกล่าว “ตอนนี้ข้ายังยกไม่ไหว แต่ต่อไปข้าจะยกไหว” ว่าแล้วก็มองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ ใบหน้าแสดงความเชื่อมั่นในตนเอง
“เมื่อข้ายกกระบี่เล่มนี้ได้ นั่นคือเวลาที่ข้าจะท้าสู้ซูเฉินเทียน”
คำพูดของเซียวเฉินทำให้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ใสุดขีด
ท้าสู้ซูเฉินเทียน...
มองประกายความเชื่อมั่นในดวงตาของเด็กหนุ่ม ไม่รู้เพราะเหตุใด มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์จึงหวั่นไหว
“เช่นนั้นเ้าต้องพยายามเข้า”
“อืม”
เวลาห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาก็เป็อีกครึ่งเดือนถัดมา กิจกรรมล่าสัตว์เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็ทางการ เซียวเฉินและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์จับคู่มาด้วยกัน
คนทั้งสองเตรียมตัวพร้อมออกเดินทาง
เมื่อคนทั้งสองมาถึงลานกว้างก็มีคนนับร้อยมารวมตัวกันที่นี่แล้ว
ทุกคนล้วนเป็ศิษย์ผู้มีพร์ของสถานศึกษาชางหวง
เนื่องจากกิจกรรมล่าสัตว์เป็เวลาฝึกฝนเพื่อหาประสบการณ์ ดังนั้น โดยปกติศิษย์ทุกคนต่างจับกลุ่มกันเข้าร่วมกิจกรรม และมีบางกลุ่มกำลังรับสมัครสมาชิกเพื่อขยายกำลังกลุ่มของตนเอง
พวกเซียวเฉินเพิ่งเดินมาถึงลานกว้างก็มีคนมาห้อมล้อมตีสนิท
“ศิษย์พี่เซียวเฉิน เ้ามีกลุ่มหรือไม่? มาเข้าร่วมกับพวกเราดีกว่า ให้ท่านเป็หัวหน้ากลุ่มก็ไม่มีปัญหา” เด็กหนุ่มคนหนึ่งเอ่ย แม้ว่าเขาเข้าสู่สถานศึกษาเร็วกว่าเซียวเฉิน แต่ถึงอย่างไรความสามารถก็ด้อยกว่า ดังนั้น จึงได้แต่เรียกเซียวเฉินว่าศิษย์พี่
“ศิษย์พี่มู่หรง เ้ายังไม่มีกลุ่มสินะ สนใจจะเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่?”
“เข้าร่วมกับพวกเราเถอะ”
“กลุ่มของพวกเราดีกว่า”
“ผายลม พวกเราแข็งแกร่งกว่าพวกเ้าชัดๆ”
“พวกเ้ายังมียางอายหรือไม่?”
“ไม่...”
เซียวเฉินและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน พวกเขาสองคนสบสายตากัน จากนั้นบอกว่า “พวกเราไม่คิดจะเข้าร่วมกับกลุ่มใด วางแผนว่าจะเคลื่อนไหวตามลำพัง”
เมื่อทั้งสองฝ่ายนั้นได้ยินแล้ว ก็ได้แต่ไปตีสนิทคนอื่นต่อ ถึงอย่างไรผู้อื่นที่มีความสามารถแข็งแกร่งไม่จำเป็ต้องมีกลุ่มก็ได้ แต่พวกเขาทำไม่ได้
คนทั้งสองกำลังรับรู้ถึงบรรยากาศครึกครื้นที่ลานกว้างในยามนี้ ทันใดนั้นเซียวเฉินก็พบเงาร่างที่คุ้นเคยหลายคน
อันดับห้าบนผังชางหวง ซือถูอู่!
อันดับเจ็ดบนผังชางหวง เยี่ยเฉิน!
อันดับแปดบนผังชางหวง หลิงซวง!
“ครั้งนี้ต้องครึกครื้นแน่ๆ คนในสิบอันดับแรกบนผังชางหวงออกเดินทางกันมากมาย”
นับรวมตนเองกับมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แล้ว ก็มีคนมาเข้าร่วมกิจกรรมล่าสัตว์ในครั้งนี้กว่าครึ่ง มีห้าคนที่ไม่ได้เข้าร่วม บางทีอาจจะไม่ได้เจอกัน
นอกจากนี้แล้ว ยังได้ยินว่ามีศิษย์ที่ผู้าุโถ่ายทอดวิชาให้โดยตรงปะปนอยู่ในบรรดานั้นด้วย
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองพวกเขา ดวงตามีแววชิงชังวาบขึ้น จากนั้นบอกเซียวเฉินว่า “เซียวเฉิน พวกเราไปดูที่อื่นเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าดู”
เซียวเฉินอึ้ง “ไปที่ใด?”
“ไปที่ใดก็ได้” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เอ่ยเร่ง
แต่สายเกินไป ฝั่งตรงข้ามมีเด็กหนุ่มสองคนเดินมาหา ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ท่วงท่าสง่างาม แต่สีหน้าของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กลับไม่ค่อยดีนัก
“เพราะเ้าคนเดียวเลย ข้าบอกให้ไปก็ไม่ไป ตอนนี้ความยุ่งยากมาแล้ว”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ถลึงตาใส่เซียวเฉินแล้วเอ่ยกระซิบ เซียวเฉินมองสองคนที่เดินมา
ซือถูอู่ เยี่ยเฉิน
“เชี่ยนเอ๋อร์ ไม่ได้เจอกันเสียนาน สวยขึ้นทุกทีเลยนะ”
ซือถูอู่เอ่ยปากก่อน ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ทำให้ผู้คนรู้สึกดั่งอาบไล้ด้วยลมวสันต์ แต่มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กลับไม่ไว้หน้าเขา นางมองเขาแล้วเอ่ยอย่างเฉยชา “ขอบคุณ เ้าต่างหาก ทำให้คนชิงชังมากขึ้นทุกที”
ในน้ำเสียงแฝงความรังเกียจ
เซียวเฉินฟังออกว่ามู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ไม่ชอบพวกเขา
รอยยิ้มบนใบหน้าของซือถูอู่ชะงักค้าง จากนั้นกวาดตามองเซียวเฉิน เห็นคนทั้งสองยืนเคียงข้างกัน ดวงตาทอแววลุ่มลึกแล้วเอ่ยว่า “เชิญเ้าออกไป ข้าจะคุยกับเชี่ยนเอ๋อร์”
น้ำเสียงแฝงความหยิ่งยโส
“ทำไมข้าต้องไปด้วย?”
เซียวเฉินมองเขาแล้วเอ่ยเรียบๆ ไม่ขยับเขยื้อน
ซือถูอู่มีสีหน้าเ็า “อย่าไม่รู้จักดีชั่ว ไม่เช่นนั้นเ้าจะต้องเสียใจ”
“ใครกันแน่ที่ไม่รู้จักดีชั่ว? เชี่ยนเอ๋อร์บอกว่ารังเกียจเ้า เ้าออกไปเสีย อย่ามายืนวอนโดนรังเกียจอยู่ที่นี่” เซียวเฉินไม่ยอมถอยให้สักนิด หากจะกล่าวว่าซือถูอู่มีความหยิ่งทะนง เซียวเฉินก็มีเช่นกัน
“เซียวเฉิน อย่านึกว่ามีความสามารถเล็กน้อยแล้วจะเหิมเกริมได้นะ ในสายตาข้า เ้าไม่นับเป็ตัวอะไรทั้งนั้น หากเ้าไม่ไสหัวไป ข้าจะช่วยให้เ้าไสหัวไปเอง”
“เ้าลองดูได้”
คนทั้งสองอยู่ในสถานการณ์พร้อมลงมือ ทำให้มีผู้คนมามุงดู
“เซียวเฉินเพิ่งตีกับกู่เฉิงเสร็จก็ยั่วโทสะซือถูอู่ต่อเลย กล้ามากจริงๆ”
“มีใครไม่รู้บ้างว่าซือถูอู่ชอบมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ แต่เซียวเฉินกลับสนิทสนมกับมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ ซือถูอู่ทนได้ก็แปลกแล้ว”
“แม้เซียวเฉินจะอำมหิต แต่เผชิญหน้ากับซือถูอู่เกรงว่าคงไม่ได้เปรียบ”
“...”
ในขณะที่คนทั้งสองกำลังจะลงมือ มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ส่งเสียงเ็า “ซือถูอู่ เ้าจะทำอะไร?”
ซือถูอู่ยิ้ม “ข้าจะช่วยเ้าสั่งสอนคนบางคนที่ไม่รู้จักดีชั่ว ให้เขารู้ว่า ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถยืนอยู่ข้างกายเ้าได้”
“เ้าไม่ต้องยุ่งเื่ของข้า เชิญเ้าออกไปเสีย”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีสีหน้าเ็า น้ำเสียงก็ไม่เป็มิตร
“ข้ายินดีช่วยเหลือ”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีสีหน้าเย็นเยียบสุดขีด
“ข้าบอกว่าเชิญเ้าออกไปเสีย ฟังไม่เข้าใจหรือ?”
ซือถูอู่มองเซียวเฉินแล้วเอ่ยอย่างดูแคลน “เซียวเฉิน รู้จักแต่ยืนเอาตัวรอดอยู่ด้านหลังสตรีหรือ ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลย”
เซียวเฉินยิ้มบางๆ “ข้าเป็ลูกผู้ชายหรือไม่ ไม่ต้องให้เ้ายุ่งเกี่ยว แต่ยืนอยู่ด้านหลังสตรีได้ก็ต้องอาศัยความสามารถ เ้าคิดจะยืนก็ยืนไม่ได้”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อดยิ้มไม่ได้
ซือถูอู่มีสีหน้าอัปลักษณ์ “เซียวเฉิน หากมีความสามารถก็หลบอยู่ด้านหลังเชี่ยนเอ๋อร์ให้ได้ตลอดนะ ไม่เช่นนั้นจะให้เ้าได้เห็นดี”
เซียวเฉินไม่เกรงกลัวสักนิด
“ด้านหลังเชี่ยนเอ๋อร์นี่ดีนะ ทั้งหอมทั้งนุ่ม ไม่เหมือนคนบางคนที่ไม่มีแม้แต่พื้นที่ให้เอ่ยวาจา รีบๆ ไสหัวไปดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะถูกรังเกียจมากขึ้น”
“ฮึ!” ซือถูอู่หันกายจากไป
หลังจากซือถูอู่ออกไป มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็ถลึงตาใส่เซียวเฉินแล้วแค่นเสียง “ด้านหลังข้าทั้งหอมทั้งนุ่มหรือ? เ้าเคยพิงมาก่อน?”
เซียวเฉินยิ้มสดใส “ข้าพูดเหลวไหลน่ะ”
“เ้าชอบยืนอยู่ด้านหลังสตรีหรือ?”
เซียวเฉินเอ่ยอย่างมีเหตุผลเต็มที่ “ก็ข้าชอบให้สตรีปกป้อง ให้ความรู้สึกปลอดภัยดี”
“ไสหัวไปเลย...”