ณ บริเวณด้านหน้าหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน
ผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างจดจ้องไปยังกระดานหมากล้อม ที่เพิ่งแข่งจบ ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบสงัด มีผู้คนมากมายซึ่งตั้งท่าเตรียมพร้อม หากว่ากู่ไห่ถูกพวกคุณชายอานลอบทำร้ายเมื่อใด จะเข้าไปช่วย เพราะ้าตอบแทนบุญคุณ ที่อีกฝ่ายได้เคยช่วยชาวเมืองเอาไว้ เมื่อไม่นานมานี้
ตรงหน้าพวกเขาตอนนี้ มิใช่เจียงเทียนฉี เถ้าแก่ใหญ่ของหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ยหรืออย่างไร? เขามิได้เก่งหมากล้อมอย่างที่โอ้อวดอย่างนั้นหรือ?
แล้วฉายาที่เรียกกันมาตลอด ว่า ‘หนึ่งในสิบาาหมากล้อมแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ย’ ล่ะ... มันเื่อะไรกัน?
หมากขาวของเขา ถูกกู่ไห่ตีจนแตก? ทั้งยังถูกกินไปมากถึงหนึ่งร้อยเม็ด นี่ท่านกู่เล่นหมากล้อมเก่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หรือว่านี่จะเป็แค่เื่บังเอิญ?
“ดี! ท่านกู่เล่นได้ดีนัก!”
“ท่านกู่ชนะแล้ว รีบโอนหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ยให้แก่ท่านกู่เร็วเข้า!”
“ฮ่าๆๆๆ! ท่านกู่ก็เก่งกาจด้านหมากล้อมหรือนี่”
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่รอบบริเวณ ต่างโห่ร้องด้วยความยินดี
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลงหว่านชิงก็ทำตัวไม่ถูก หากเป็การประลองกู่ฉิน... กู่ไห่ต้องพ่ายแพ้แน่ เพราะเขาไม่มีทักษะด้านกู่ฉินแม้แต่น้อย
แน่นอน ว่าทะเลพันเกาะนั้นอยู่ไกลเกินไป เื่ฝีมือในการเดินหมากของกู่ไห่ จึงมิได้แพร่สะพัดมาถึงเมืองอิ๋นเยวี่ย จึงไม่มีใครล่วงรู้ถึงทักษะที่แท้จริงของเขา
นี่มิใช่การหลอกลวง แต่เป็สิ่งที่คุณชายอานเสนอมาเอง
หลงหว่านชิงะเิเสียงหัวเราะ ก่อนพูด “ท่านอ๋องเหอ ในเมื่อมีทั้งท่านและผู้คนทั้งเมืองเป็สักขีพยาน อีกทั้งผลแพ้ชนะก็เป็ที่ประจักษ์ชัดเจน ตอนนี้ คงถึงเวลาที่จะต้องโอนทรัพย์สินกันแล้วกระมัง หากจะกลับคำก็คงไม่ได้ เพราะคุณชายอานใช้เกียรติของท่านอ๋องลู่หยาง มารับประกันการเดิมพันในครั้งนี้!”
เหอซื่อคังขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเขาฉายแววลำบากใจ
“เกิดอะไรขึ้น? เจียงเทียนฉี ไหนเ้าบอกว่าจะชนะมิใช่หรืออย่างไร? เ้าบอกว่าจะต้องเอาชนะมันได้แน่ มิใช่หรือ?” คุณชายอานถลึงตาใส่ พร้อมกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
บัดนี้ เขารู้สึกคล้ายตัวเองกำลังจะเป็บ้า นี่เป็หอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ย ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่ในเมืองอิ๋นเยวี่ยนี้ ก็ถือว่าเป็กิจการขนาดใหญ่ ที่สามารถทำเงินให้กับกองทัพของท่านปู่ได้เป็จำนวนมากในทุกปีเช่นกัน
เขาทำลายหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าไปแล้ว และก็ยังไม่รู้ว่าจะบอกเื่นี้กับท่านปู่อย่างไร แต่กลับต้องมาเสียหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ยไปอีก?
คุณชายอานนึกภาพออกทันที ว่าบทลงโทษที่ท่านปู่กำลังจะมอบให้ตนนั้น น่ากลัวเพียงใด
“ไม่! คุณชายอาน… บังเอิญๆ มันต้องเป็เื่บังเอิญแน่ขอรับ!” เจียงเทียนฉีจ้องมองกระดานหมากล้อมตรงหน้า แล้วร้องบอก
“บังเอิญอะไร? เ้าลองบอกข้ามาสิ! ว่ามันบังเอิญอย่างไร? เ้าทำให้ข้าต้องเสียหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ย!” คุณชายอานทำหน้าตาถมึงทึง พร้อมกล่าวอย่างโกรธเคือง ดวงตาทั้งสองฉายแวววาวโรจน์ ราวกับ้าจะฆ่าอีกฝ่ายเสียให้ตายก็มิปาน
เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนเห็นความขุ่นเคืองของเขา จึงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว
เจียงเทียนฉีสะดุ้งใ ก่อนจะร้องบอก “คุณชายอาน ข้าขอประลองกับเขาอีกสักรอบ ครั้งก่อนต้องเป็เื่บังเอิญแน่ๆ เขาบังเอิญชนะข้า!”
คุณชายอานมองชายอ้วนตรงหน้า... อยากจะฆ่าเสียให้ตายคามือ
เจียงเทียนฉีพูดอย่างเด็ดเดี่ยวอีกครั้งว่า “คุณชายอาน ท่านก็รู้ กู่ไห่เป็เพียงนักกางฉินที่เก่งกาจ ข้าสามารถเอาชนะเขาได้แน่ ข้าเคยเห็นกลหมากยี่สิบแปดเส้นมาแล้ว ท่านก็รู้ว่ามันเป็หมากล้อมที่สามารถจัดวางค่ายกลได้ กู่ไห่จะต้องพ่ายข้าแน่ ทั้งข้ายังมีกลหมากถึงแปดกระดาน แน่นอนว่าต้องเอาชนะเขาได้!”
คุณชายอานจ้องมองเจียงเทียนฉีเขม็ง ด้วยดวงตาที่แดงก่ำจากโทสะ
“คุณชายอาน เชื่อข้าเถอะ ข้าจะต้องชิงทุกสิ่งของกู่ไห่มาได้แน่ ข้าจะต้องทำให้เขาพ่ายแพ้ และคุกเข่าต่อหน้าท่าน ที่บังอาจทำให้ท่านต้องอับอายขายหน้า!” เจียงเทียนฉีสาบาน
ได้ยินเช่นนั้น อารมณ์ที่เคยพุ่งสูงของคุณชายอานก็ค่อยๆ คลายลง
“คุณชายอาน ข้าพอแล้ว!” กู่ไห่เอ่ย พลางยิ้ม
คุณชายอานเมินเจียงเทียนฉี หันไปมองกู่ไห่ แล้วพูดว่า “ไม่ได้! เ้าต้องประลองหมากต่ออีกกระดานหนึ่ง!”
เมื่อผู้ฝึกตนได้ยินเช่นนั้น ต่างก็เบิกตากว้าง
“อะไรกัน? เขายังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ?”
“เหตุใดท่านอ๋องลู่หยาง ถึงได้มีหลานชายที่ชั่วร้ายถึงเพียงนี้?”
“บัดนี้ ชื่อเสียงและเกียรติยศของท่านอ๋องลู่หยาง เสียหายป่นปี้ไปหมดแล้ว!”
ผู้ฝึกตนรอบบริเวณ ต่างมองเขม็งอย่างไม่ชอบใจ
“หืม? คุณชายอานหมายความว่าอย่างไร เดิมพันกันใหม่อย่างนั้นหรือ? แล้วเมื่อครู่ ที่เ้าบอกว่าเดิมพันในนามของท่านอ๋องลู่หยางเล่า ไม่นับหรอกหรือ? ” กู่ไห่ถามด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อครู่ ข้ายินดีเดิมพันกับเ้าแน่ กิจการของท่านอ๋องในเมืองอิ๋นเยวี่ยมิได้มีแค่นี้ แต่ยังมีอีกมาก ข้าจึงอยากจะพนันกับเ้าอีกครั้ง โดยใช้กิจการอื่น และเ้าก็ต้องรับเดิมพันด้วย!” คุณชายอานถลึงตามอง
ตอนนี้เขารู้สึกร้อนรนจนแทบจะเป็บ้า หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าที่ปิดตัวลงไปแล้วนั้น จะไม่สนใจก็ได้ แต่หอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ยนี้ เขาจะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ ต้องชนะ เพื่อแย่งคืนมาให้ได้!
“เจียงเทียนฉีจะประลองกับข้าหรือ?” กู่ไห่ถาม พลางขมวดคิ้ว
“ใช่แล้ว! เป็เจียงเทียนฉี แต่ครั้งนี้มันจะเป็สิ่งที่เขาได้เรียนรู้มา... กลหมากยี่สิบแปดเส้น!” คุณชายอานบอก
หลงหว่านชิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง มิได้เอ่ยอะไร กลหมากยี่สิบแปดเส้นหรือ? เจียงเทียนฉียังไม่เข้าใจกลหมากยี่สิบแปดเส้นนี้สักเท่าใดนัก แล้วยังจะกล้ามาเดิมพันอีก หรือ้าที่จะทำให้กู่ไห่พ่ายแพ้และอับอาย?
“ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ว่าคุณชายอาน เมื่อครู่ข้าประลองหมากกับเถ้าแก่เจียงคนนี้ไปแล้ว? ดังนั้นจึงควรที่จะได้รับรางวัลก่อน มิใช่หรือ?” กู่ไห่ถามด้วยรอยยิ้ม
“ฮึ่ม!” นายน้อยอานโบกมือ
ท่านอ๋องเหอซื่อคังถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนพยักหน้า
จากนั้น ขุนนางก็ทำการโอนย้ายทรัพย์สินทันที
ทุกคนรออย่างอดทน
กู่ไห่ยกยิ้ม พลางพูด “คุณชายอาน ในเมื่อตอนนี้ก็โอนทรัพย์สินเรียบร้อยต่อหน้าท่านอ๋องและคนทั้งเมืองแล้ว เช่นนั้น หวังว่าจะไม่มีข้อพิพาททางการค้าอีก”
“ฮึ่ม! มันเป็ของเ้าไปแล้วมิใช่หรือ? แล้วข้าจะทำอะไรได้?” คุณชายอานถามเสียงเรียบ
“ไป! นำคนไปยังหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ย แล้วรับ่กิจการมาเสีย!” กู่ไห่สั่งเหล่าขุนนางาุโ
“พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่าขุนนางของแคว้นต้าฮั่นน้อมรับในทันที
ทันใดนั้น เหล่าศิษย์ของหออี้ผิน ภายใต้การนำของขุนนางแคว้นต้าฮั่น และผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณชายอาน ก็มุ่งหน้าไปยังหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ยทันที
“เจียงเทียนฉี ฟังข้าให้ดี หากแพ้อีก... หัวเ้าจะหลุดจากบ่า!” คุณชายอานข่มขู่อย่างเืเย็น
“ขอรับ!” เจียงเทียนฉีตอบ
“ไปเตรียมตัวให้พร้อม!” คุณชายอานสั่งเสียงต่ำ
“ขอรับ! แต่ข้ากังวลเล็กน้อย ข้ามีหมากแปดกระดาน ไม่รู้ว่าจะเลือกกระดานไหน!” เจียงเทียนฉีขมวดคิ้ว
“งั้นก็เล่นทั้งแปดกระดาน หนึ่งกระดานต่อหนึ่งกิจการ เ้าแพ้หนึ่งกระดาน สูญเสียหนึ่งกิจการ เ้าชนะหนึ่งกระดานกู่ไห่ก็จะต้องมอบหอหมากล้อมคืนเรา รวมถึงหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนด้วยเช่นกัน เอามันคืนมาให้ข้า!” คุณชายอานพูดเสียงเย็น
“อะไรกัน? นี่ไม่ยุติธรรมเลย... มูลค่าไม่เท่ากัน!”
“คุณชายอานยังมีกิจการอื่น ที่มูลค่ามากกว่าหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนของพวกเราอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว! ใช้ทุกกิจการของเ้า มาเดิมพันกับกิจการของกู่ไห่? ช่างไม่ยุติธรรมเลย!”
ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่โดยรอบ ต่างร้องทักท้วงอย่างเคืองแค้น
“เงียบ!” ท่านอ๋องตวาด
กองกำลังจำนวนมากที่อยู่รอบๆ เริ่มผลักดันเหล่าผู้ฝึกตนออกไปด้านนอกอีกครั้ง
“กู่ไห่ เ้าต้องลงเดิมพัน แม้ไม่้า แต่เ้าก็ต้องทำ!” คุณชายอานมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำ
กู่ไห่มองคุณชายอานอย่างประหลาดใจ ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มบางเบา “คุณชายอาน ที่จริงหลายวันมานี้ โทสะในใจข้าก็เหือดหายไปจนหมดแล้ว ท่านเองก็สูญเสียไปไม่น้อยเช่นกัน ข้าว่าท่านลืมมันไปเสียเถอะ! ทุกอย่างก็ถือว่าจบกัน เช่นนี้ไม่ดีหรือ?”
“คุณชายอาน กู่ไห่กลัวข้า เขากำลังกลัว! มันเป็เื่บังเอิญ เขาไม่กล้าที่จะสบตาข้า” เจียงเทียนฉีเอ่ยด้วยความแปลกใจ
“ไม่ได้! เ้าต้องเดิมพัน!” คุณชายอานบีบคั้น
กู่ไห่มองเจียงเทียนฉี พลางคลี่ยิ้ม แล้วพูดว่า “เถ้าแก่เจียง เพื่อเอาใจคุณชายอาน ท่านจะนำกิจการทั้งหมดของท่านอ๋อง มาเดิมพันกับข้าเลยหรืออย่างไร? พวกท่านพยายามผลักข้าลงเหว แต่หารู้ไม่ว่ากำลังขุดหลุมฝังตัวเอง!”
“ฮึ่ม! เ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น เมื่อครู่ถือว่าเ้าโชคดีมาก ไม่เข้าใจการเล่นหมากล้อมเช่นนี้ คิดว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้อย่างนั้นหรือ? ไม่รู้อะไรเสียแล้ว!” เจียงเทียนฉีถลึงตาใส่
“กลหมากยี่สิบแปดเส้น? อา! แต่ถึงกระนั้น ท่านก็หวังมากเกินไปแล้ว!” กู่ไห่กล่าว พลางยิ้มเยาะ
“ฮ่าๆๆๆ! เช่นนั้นเ้าก็เข้ามาได้เลย” คุณชายอานท้าทาย
กู่ไห่ถึงกับไร้คำพูดไปอีกครา
นี่เขาพูดเื่จริงนะ! เหตุใดจึงไม่มีใครเชื่อ?
“เอาละ! เตรียมเอกสารทรัพย์สินของพวกเ้าให้พร้อมเถอะ!” กู่ไห่พูดอย่างช่วยไม่ได้
หลงหว่านชิงที่ยืนอยู่ด้านข้างมาตลอด ได้แต่เงียบงัน ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบบริเวณ ต่างก็เริ่มเป็ห่วงกู่ไห่อีกครั้ง
เจียงเทียนฉีแสดงท่าทีเย่อหยิ่ง แต่คุณชายอานกลับกำหมัดแน่น ราวกับรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง
...
ขณะเดียวกัน ณ อาคารหลังเล็ก
ซือหม่าฉางคงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “หรือที่กู่ไห่พูดจะเป็ความจริง? คุณชายอานยังไม่ทันปีนพ้นหลุม ก็ต้องตกลงไปอีกครั้ง?”
...
ภายในอาคารหลังเล็กอีกหลังหนึ่ง
เซียนหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น พลางมองฝูงชนที่อยู่ไกลออกไปนิ่ง “คนต้อยต่ำมักจะทะเยอทะยาน... ฮึ่ม! เ้ายังจะเอาชนะได้อีกหรือ?”
...
เมืองอิ๋นเยวี่ย บริเวณประตูเมืองทางทิศใต้
เรือเหาะลำหนึ่งร่อนลงจอด
ไม่นานนัก ก็มีกลุ่มคนใต้บังคับบัญชาในชุดสีดำลงมาจากเรือเหาะที่เพิ่งลงจอด โดยมีชายชราสวมชุดสีเทาเดินนำหน้าออกมา
รถลากนกกระเรียน์กลุ่มหนึ่งแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว เพื่อให้บริการ ชายชราจึงเก็บเรือเหาะ แล้วก้าวขึ้นรถลากไปพร้อมทุกคน
“ท่านใต้เท้าโม่ พวกเราจะไปที่ใดก่อนขอรับ? หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าหรือ?” ผู้ใต้บังคับบัญชาถามด้วยความอยากรู้
“ไม่! ไปหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ยก่อนเถอะ ไม่ได้เห็น ‘แท่นหมากล้อม’ มานานแล้ว นั่นเป็สมบัติที่ท่านผู้เฒ่าทิ้งไว้ให้เชียวนะ... ฮ่าๆๆ!” ใต้เท้าโม่กล่าว พลางหัวเราะเบาๆ
“ขอรับ!”
ที่ประตูเมือง มีป้ายบอกทางมากมาย จึงทำให้ง่ายต่อการเดินทางในเมืองใหญ่นี้
จากนั้นไม่นาน รถลากก็มาจอดที่หน้าหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ย
“เร็วเข้า... เร็ว! รีบย้ายของพวกนี้ออกไป”
“รีบย้ายออกมาเร็วเข้า!”
“ให้เวลาพวกเ้าเพียงครึ่งยาม หากยังย้ายไม่เสร็จ จากนี้ก็ไม่ต้องย้ายแล้ว!”
ตอนนี้ที่หน้าหอหมากล้อม มีกลุ่มผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนกำลังมุงดูด้วยความสงสัย
“หอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ย แพ้ท่านกู่แล้วอย่างนั้นหรือ?”
“เพราะพวกเขาไปสร้างปัญหาให้ท่านกู่ก่อน ที่คือผลที่ควรได้รับ!”
“สมน้ำหน้า!”
กลุ่มผู้ฝึกตนรอบด้านเอ่ยขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของใต้เท้าโม่ที่เพิ่งลงมาจากรถลากนกกระเรียน์ พลันเปลี่ยนไป
“นี่มันเื่บ้าอะไรกัน? พวกเ้ากำลังทำอะไรอยู่? กล้าดีอย่างไร ถึงได้มาอวดดีในหอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ย?” ทันใดนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาชุดดำก็พุ่งเข้าไป
ขุนนางาุโที่กำลังออกคำสั่ง ถลึงตาใส่ทันที “ทำอะไร? นี่คือกิจการของนายท่าน! หอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ยนี้ กลายเป็ของนายท่านของข้าแล้ว!”
“หืม? บังอาจ!” ผู้ใต้บังคับบัญชาชุดดำเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ะโอย่างเกรี้ยวกราด
“พวกเ้าเป็ใคร? นี่คือร้านของท่านกู่ พวกเ้าคิดจะทำอะไร?”
“ตอนนี้ หอแห่งนี้มิใช่ของคุณชายอานแล้ว เขาแพ้พนันไปแล้วมิใช่หรือ?”
ผู้ฝึกตนที่ยืนมุงดูอยู่รอบๆ ต่างพากันขัดขวางชายชุดดำไว้
“ถอยออกมา!” ใต้เท้าโม่ร้องสั่งเสียงดังลั่น
ชายชุดดำขมวดคิ้ว ก่อนจะค่อยๆ ล่าถอยกลับไป
“อา? ท่านใต้เท้าโม่!” ทันใดนั้น คนจากหอหมากล้อมที่กำลังขนย้ายสิ่งของอยู่ ก็จำชายชราชุดเทาได้ จึงทักทายอีกฝ่ายทันที
“โอ้… เ้านั่นเอง! เกิดเื่อันใดขึ้น? หอหมากล้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองอิ๋นเยวี่ย เหตุใดถึงเปลี่ยนเ้าของได้?” ใต้เท้าโม่ถามเสียงเย็นะเื
ชายคนนั้นพูดตะกุกตะกัก อย่างไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไร
ใต้เท้าโม่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนพูดว่า “หึๆ! แม้แต่ข้า เ้าก็ยังกล้าปิดบังหรือ? ช่างกล้านัก! รู้หรือไม่ ว่าหากเ้าปิดบังข้าต่อไป มันจะเป็อย่างไร?”
ฟุ่บ!
คนผู้นั้นรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที ก่อนเอ่ยว่า “ท่านใต้เท้าโม่ เื่นี้หาเกี่ยวกับข้าน้อยไม่ เป็คุณชายอาน ที่พาเถ้าแก่ไปยังหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน เพื่อท้าพนันกับกู่ไห่ โดยใช้หอหมากล้อมเป็เดิมพันขอรับ!”
“เดิมพัน? บังอาจนัก! เจียงเทียนฉีกล้านำกิจการของท่านอ๋องลู่หยาง ไปเดิมพันอย่างนั้นหรือ? พี่ชายเขาอยู่ที่ใด? เจียงเทียนอี้อยู่ที่ใด? เขาควรจะดูแลน้องชายให้ดีกว่านี้มิใช่หรือ?” ใต้เท้าโม่ถาม พลางจ้องเขม็ง
“หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า? ตอนนี้ หอกู่ฉินก็ปิดตัวลงไปแล้วขอรับ!” ชายที่คุกเข่าลงกับพื้น ตอบด้วยความเศร้าโศก
“บ้าน่า! หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าจะปิดตัวลงได้อย่างไร? แล้วพวกเขาล่ะ? คุณชายอานอยู่ที่ใด? เจียงเทียนอี้และเจียงเทียนฉีอยู่ไหน?” ใต้เท้าโม่ถามเสียงเยียบเย็น
“พวกเขาอยู่ที่หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน ดูเหมือนว่าจะยังเดิมพันกันต่อ!” ชายคนนั้นรายงานอย่างเศร้าใจ
“ขึ้นรถ! พาข้าไปที่หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน และเล่าทุกอย่างมาให้หมด หากเ้ากล้าปิดบัง ทั้งตระกูลของเ้าจะถูกปะาสิ้น!” ท่านใต้โม่สั่งอย่างเยือกเย็น
“ขอรับ!” ชายคนนั้นขานรับ ด้วยความหวาดหวั่นทันที