ทุกขณะที่เวลาผ่านไป จะมีศิษย์ที่ทำการทดสอบและไม่ผ่านถูกขับออกมาจากหอคอยอยู่เรื่อยๆ! หลายสิบคนอยู่ในอาการหมดสติตอนถูกนำตัวออกมา!
ถึงแม้ว่าอาคมมายาสังหารในหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นนั้นจะไม่ได้คร่าชีวิตศิษย์จริงๆ แต่การาเ็ของศิษย์ที่อยู่ข้างในหอคอยนั้นเป็ของจริง เพียงแต่อาคมมายาสังหารนี้จะมีกลไกการป้องกันอยู่ หากาเ็สาหัสหรือตัวอาคมได้ตัดสินแล้วว่าคนผู้นั้นไม่สามารถไปต่อหรือเอาชนะศัตรูได้ ก็จะถูกเคลื่อนย้ายออกจากหอคอยโดยไวที่สุด!
ดังนั้นในการทดสอบรอบที่ผ่านๆ มา จึงไม่เคยมีศิษย์คนไหนที่เสียชีวิตในหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นมาก่อน! ขอเพียงไม่ตาย ต่อให้าเ็สาหัสถึงขั้นแขนหักหรือขาขาด ก็จะมีผู้ใช้พลังิญญาหรือปรมาจารย์ิญญาในสำนักที่สามารถรักษาให้หายได้ แต่แน่นอนว่าค่ารักษาไม่ใช่ถูกๆ ผู้ใดมีเงินไม่เพียงพอในขณะนั้น สามารถตกลงทำสัญญาและรับรองว่าจะจ่ายให้ในภายหลังในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าได้ แล้วหมอประจำสำนักก็จะเริ่มรักษาให้โดยไวที่สุด
...
ทางเดิน่เกือบสุดปลายทางของชั้นที่แปดบนหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้น ว่านฮวนกวัดแกว่งดาบยาวในมือ และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแทงนักยุทธ์มายาซึ่งมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักยุทธ์ระดับเจ็ด แต่นางก็ไม่สามารถหลบการโจมตีของนักยุทธ์มายาอีกคนที่มีพลังอยู่ในระดับ แปดได้! ทำให้นางรู้สึกเจ็บที่ท้อง พบว่ามีหอกเหล็กแทงเข้าตรงท้องน้อยของนางด้วยน้ำมืออีกฝ่าย!
ชั่วขณะต่อมา พลังที่อ่อนโยนแต่ไม่สามารถขัดขืนได้ก็โอบล้อม ภาพที่อยู่ตรงหน้าสั่นไหวพร่าเลือน ต่อมาว่านฮวนถึงรู้สึกว่าตนเองออกมาข้างนอกหอคอยแล้ว อาจารย์ฝึกสอนเดินเข้ามาหาเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนจะรักษาอาการาเ็ของนาง!
ในขณะเดียวกันที่ชั้นที่เจ็ดของหอคอย หวังอี้กำลังจ้องมองไปยังนักยุทธ์มายาผู้สง่างามตรงหน้าเขา เหงื่อไหลเต็มใบหน้า สภาพสะบักสะบอม! หลังจากสังเกตหมีั์ทั้งสองตัวที่ยืนขนาบข้างอีกฝ่ายแล้ว! เขาดิ้นรนได้สักระยะหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยอมแพ้ ในฐานะเด็กที่มาจากตระกูลไม่ร่ำรวย ตัวเขาไม่สามารถจ่ายค่ารักษาที่แพงหูฉีกได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเขาได้ต่อสู้อย่างเต็มที่แล้ว และตัวเขาก็มีความมั่นใจไม่ถึงห้าในสิบว่าจะสามารถเอาชนะนักยุทธ์มายากับสัตว์อสูรมายาอีกสองตัวที่อยู่ตรงหน้าได้! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่ไม่ใช่ศัตรูสามตัวสุดท้ายด้วย หากพบเจอการรวมกลุ่มกันเช่นนี้อีกครั้งในภายหลัง... การจะผ่านชั้นที่เจ็ดนี้ไปได้ก็เป็เื่ยากแล้ว!
หากยึดเอาตามเกณฑ์การทดสอบนี้ในครั้งก่อนๆ เพียงไปให้ถึงจุดกึ่งกลางหรือปลายทางของชั้นหก ก็เพียงพอที่จะมีโอกาสติดอันดับหนึ่งร้อยหกสิบคนแรกได้อย่างแน่นอนแล้ว! ซึ่งเขาก็มาถึงปลายทางของชั้นที่เจ็ดแล้วด้วย ดังนั้นตัวเขาน่าจะสามารถผ่านการทดสอบขั้นที่สองนี้ได้แน่!
และหากได้รับาเ็สาหัสหนักเกินไปในรอบนี้ ก็จะส่งผลเสียอย่างมากต่อการผ่านไปสู่ขั้นที่สามที่โหดหินยิ่งกว่า! อีกทั้งรางวัลสำหรับสิบอันดับแรกและหนึ่งร้อยหกสิบอันดับแรกก็ต่างกันมากด้วย!
ฉะนั้นเขาต้องเลือกหนทางที่ทำให้แน่ใจว่าตนเองจะสามารถติดสิบอันดับแรกได้ในขั้นที่สาม! หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว หวังอี้ก็กัดฟัน ขยี้ป้ายหยกที่แขวนอยู่ตรงเอว ‘ซู่’ แสงอันอ่อนโยนโอบรอบตัวของเขาและพาออกไปจากหอคอย
หลังออกจากหอคอยมาแล้ว หวังอี้ก็ต้องใเมื่อพบว่าหลิวิเฉวียนและจางอวิ๋นออกมาจากหอคอยเร็วกว่าเขาเสียอีก ทว่าทั้งคู่ก็ไม่มีอาการาเ็เลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังมองไปที่หอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะออกมาหลังจากที่ไปถึงชั้นเจ็ดเพื่อจบการทดสอบ!
คนเหล่านี้ก็ตั้งเป้าหมายไปที่สิบอันดับแรกด้วยเช่นเดียวกัน! หวังอี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกสำหรับการตัดสินใจอันชาญฉลาดของเขา!
“ดูนั่นสิ ดูนั่น มีคนไปถึงชั้นที่แปดแล้ว! ดูจากจุดสีเหลืองเกรงว่าอาจเป็ศิษย์ระดับกลาง แต่กลับไปถึงชั้นที่แปด!” ทันใดนั้นเสียงอุทานพลันดังมาเข้าหูของหวังอี้!
“จริงหรือ? ขอดูหน่อยซิ ต้องเป็คนที่น่ากลัวแบบไหนกัน? ระดับสูงสุดของศิษย์ระดับกลางน่าจะถึงเพียงขั้นสูงสุดของนักยุทธ์ระดับหกเท่านั้น แต่คนคนนั้นกลับขึ้นไปถึงชั้นแปดได้ ความสามารถในการต่อสู้ของเขาจะต้องยอดเยี่ยมมากเป็แน่!”
ในขณะที่เสียงอุทานดังต่อกันเรื่อยๆ ทุกคนที่ยืนอยู่หน้าหอคอยสูงต่างก็พากันแหงนมองดูดวงไฟสีเหลืองที่ชั้นแปดอย่างพร้อมเพรียง!
การที่ดวงไฟสีเหลืองส่องสว่างท่ามกลางดวงไฟสีแดงหลายร้อยดวง เป็อะไรที่สะดุดตาเอามากๆ!
ทั้งหวังอี้ หลิวิเฉวียน จางอวิ๋น และคนอื่นๆ ต่างก็จ้องมองไปที่ดวงไฟสีเหลืองนั้นด้วยอาการตาค้าง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยแววแห่งความใ แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะล้มเลิกความพยายามเพื่อเป้าหมายข้างหน้าก็ตามที แต่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้ต่อสู้อย่างเต็มที่แต่อย่างใด หลังจากที่พวกเขาได้ลิ้มรสพลังของนักยุทธ์ชุดดำที่อยู่บนชั้นเจ็ดแล้ว เหล่าผู้เป็อัจฉริยะที่หยิ่งผยองเหล่านี้ก็ซาบซึ้งถึงแก่ใจในระดับหนึ่ง ว่าต่อให้ทุ่มเทกำลังทั้งหมดเข้าต่อสู้อย่างเต็มกำลังอย่างไร ก็มีโอกาสผ่านชั้นที่เจ็ดไปได้ไม่ถึงห้าในสิบ!
เช่นนั้นดวงไฟนี้เป็ของใครกัน? คำตอบนี้ย่อมไม่ใช่พวกเขาที่อยู่ข้างนอกด้วย เป็ได้แค่เพียงใครสักคนที่ยังไม่ยอมแพ้!
จ้าวิเจี้ยนงั้นหรือ? ไม่น่าเป็ไปได้ จ้าวิเจี้ยนแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปมากกว่าพวกเขาสักเท่าไร หากผ่านไปสักสี่ถึงห้าชั่วยามให้หลังก็อาจจะเป็ไปได้ ทว่าคนเช่นจ้าวิเจี้ยนไม่น่าแข็งแกร่งมากพอที่จะขึ้นไปถึงชั้นแปดได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้!
เช่นนั้นที่เหลืออยู่ก็คือดาบโลหิตเยี่ยเฟิง ส่วนอีกคนก็คงเป็สุดยอดอัจฉริยะที่ทำลายสถิติของสำนักทั้งสามรายการทดสอบก่อนหน้านี้ แต่ชายคนนั้นไม่ได้อยู่ในขั้นนักยุทธ์ระดับห้าเท่านั้นเองหรอกหรือ? ด้วยพลังระดับนั้น คงไม่พ้นถูกจัดการที่ชั้นแปดอย่างแน่นอน...
เ้าหนุ่มนั่น! เขาไปถึงชั้นที่แปดแล้ว เป็การไต่ขึ้นไปถึงหกชั้นในคราวเดียว และถ้าสามารถผ่านชั้นที่แปดไปได้ นี่ก็จะกลายเป็การสร้างสถิติใหม่ของสำนักิญญาเมฆาของเรา! ความตื่นเต้นปรากฏบนใบหน้าอ้วนท้วนของจ้าวเหวินจัว! แม้ว่าเ้าสำนักชื่อที่อยู่ด้านข้างจะมีสีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้กัน กระนั้นก็ยังมีความกังวลและเสียใจอยู่บ้าง!
ท่านอาจารย์ลุง เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือไม่? ท่านยังไม่ได้แจ้งเื่นี้กับทางสำนักหลักหรือ? เหตุใดตอนนี้ข้าถึงยังไม่เห็นผู้าุโจากสำนักหลักมาถึงที่นี่เลย? พบเจออัจฉริยะระดับนี้ เป็ไปไม่ได้เลยที่ทางสำนักหลักจะไม่ส่งผู้าุโมาดูให้เห็นกับตา อย่างน้อยเป็ผู้าุโนอกสำนักก็ยังดี เ้าสำนักชื่อรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ในขณะเดียวกันกับที่เขากำลังพูดพึมพำอยู่ในใจ!
บนท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไป เงาดาบตัดผ่านท้องฟ้าราวกับดาวตกที่ส่องแสงระยิบระยับ มุ่งหน้าตรงมาที่สำนักิญญาเมฆา! เงาดาบนี้แหวกผ่านอากาศมาด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง!
ก่อนหน้านี้เป็เพียงแสงสว่างส่องจากบนท้องฟ้าไกล แต่เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา มันก็กลายเป็ดาบขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับเสียงดังกังวาน!
เ้าสำนักชื่อ จ้าวเหวินจัว และผู้าุโคนอื่นๆ ในสำนักต่างก็เป็คนแรกๆที่สังเกตและรับรู้ถึงปรากฏการณ์ประหลาดบนท้องฟ้า เมื่อพวกเขามองเห็นแสงบนท้องฟ้าจากระยะไกลเริ่มขยายขนาดออกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเ้าสำนักชื่อ ผู้าุโจ้าว หวังฉงเอิน และชิวเทียนฉี่ก็มีแสงสว่างแห่งความสุขฉายไปทั่ว ในขณะที่เหล่าผู้าุโจากเขตอื่นต่างก็เผยสีหน้าประหลาดใจ!
ดาบั์บินลงมายังสำนักิญญาเมฆาด้วยความเร็วอันน่าใ!
ชั่วขณะต่อมา แสงส่องสว่างวาบกระจายออกมา! ก่อนที่ดาบั์นั้นก็จะหายไป กลายเป็คนสองคนที่ปรากฏตัวตรงหน้าเหล่าผู้าุโของสำนัก!
สองท่านนี้ คนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าเป็ชายชราที่ร่างกายผอมแห้ง ส่วนอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเป็ชายชราที่ตัวสูงและไว้เคราแพะใต้คาง!
ท่านอาจารย์ลุง! เมื่อเห็นชายชราร่างผอมบางตรงหน้า ร่างกายอ้วนท้วนของจ้าวเหวินจัวก็สั่นสะท้านเล็กน้อย! ทะ...ทำไมท่านถึงได้มาที่นี่ด้วยตนเองเล่า!
ท่านอาจารย์ลุง! เ้าสำนักชื่อมองไปยังชายชราร่างสูงที่ไว้เคราแพะ ดวงตาที่เบิกโตเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ลุงมาเยือนที่นี่ด้วยตนเอง! ยอดเยี่ยมมาก!
“ชื่อถิงเทียนคารวะผู้าุโ!” ชื่อถิงเทียนเป็คนแรกที่ก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับก้มศีรษะและคารวะให้!
“เหวินจัวคารวะท่านอาจารย์ลุงและผู้าุโเฟิง!” จ้าวเหวินจัวเองก็ก้าวไปข้างหน้า คารวะชายชราร่างผอมด้วยความเคารพ จากนั้นก็คารวะชายชราร่างสูงด้วย!
ทะ...ท่านอาจารย์ลุงงั้นหรือ? เ้าสำนักชื่อรู้สึกงุนงงขึ้นมา! ท่านอาจารย์ลุงของศิษย์พี่เป็ผู้าุโของสำนักชั้นในมิใช่หรือ การที่ศิษย์พี่จ้าวเรียกคนคนนี้ว่า...ท่านอาจารย์ลุง กะ...ก็หมายความว่าเขาคือผู้าุโสูงสุด ผู้าุโของบรรดาผู้าุโแห่งสำนักหลักน่ะสิ!
ชายชราร่างสูงที่มีเคราแพะเหลือบมองไปที่ชื่อถิงเทียนและจ้าวเหวินจัวอยู่สักพักโดยไม่สนใจคนอื่นๆ เลย แล้วหันไปมองชายชราผอมแห้งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา กล่าวด้วยท่าทีเคารพ: “ท่านอาจารย์ลุง ท่านลองมองไปบนหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นสิขอรับ!”
