“เฉิงชิง!”
น้ำเสียงเฉียบขาดของเมิ่งไหวจิ่นตัดบทนาง แม้แต่ศิษย์น้องก็ไม่เรียกแล้ว ในการพูดคุยอย่างลึกซึ้งกับคนที่ไม่สนิทสนมด้วยนั้นถือว่าถ้อยคำนี้ของเฉิงชิงกล่าวได้เกินเลยไปแล้ว เหมือนเปรยว่าจวนเยี่ยอ๋องมีใจคิดคด
ฝ่ามือของเฉิงชิงเต็มไปด้วยเหงื่อ
หากไม่กล่าวอย่างตรงไม่ตรงมา ไม่มีทางที่เยี่ยอ๋องซื่อจื่อจะเห็นนางอยู่สายตา
หากกล่าวตรงเกินไปก็ง่ายที่จะล้ำเส้น จะเอ่ยอย่างไรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมนั่นก็ถือเป็เื่ที่ต้องศึกษาอย่างมากเื่หนึ่ง
เฉิงชิงรู้ตัวว่าใจร้อน ้าเห็นความสำเร็จในทันทีอยู่บ้าง
เช่นนั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้ว นางต้องพนันดูสักตา!
“ไม่เป็ไร ตัวข้าผู้เป็ซื่อจื่อชอบที่ผู้อื่นกล่าวความจริง ศิษย์น้องของเ้าผู้นี้พูดจาไม่น่าฟัง แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เสแสร้งว่าทุกอย่างเป็ไปได้ด้วยดี ข้ามีความอดทนสูงกับคนฉลาดที่มีความสามารถ”
เปลวเทียนเพิ่มความอ่อนโยนให้กับแก้มซูบตอบของเยี่ยอ๋องซื่อจื่ออีกหลายส่วน แม้น้ำเสียงของเขาจะไม่แหลม แต่นางก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศเย็นะเืที่ถูกปล่อยออกมา
เฉิงชิงนึกถึงบ้านโลงศพในกลางดึก
ความรู้สึกที่เยี่ยอ๋องซื่อจื่อให้แก่นางไม่เหมือนคนเป็ ภายใต้ิัที่งดงามแอบซ่อนปีศาจที่ดูดกลืนพลังงานและเืคนไว้… เฉิงชิงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เยี่ยอ๋องซื่อจื่อกล่าวว่าชอบที่นางกล่าวความจริง แต่โกรธก็เพราะความจริงนี้ เยี่ยอ๋องซื่อจื่อเช่นนี้ไม่ควรรับใช้ด้วยจริงๆ !
นี่ขนาดยังเป็แค่เยี่ยอ๋องซื่อจื่อ หากเปลี่ยนเป็โอรสั์จะเป็อย่างไรอีก อยู่ใกล้กษัตริย์เหมือนอยู่ใกล้เสือ ยามนั้นต้องมีความระมัดระวังเป็พิเศษไหมนะ?
เมิ่งไหวจิ่นขยับเท้าเบาๆ ใช้ร่างกายของตนเองขวางสายตาของเยี่ยอ๋องซื่อจื่อเอาไว้ แรงข่มขู่กดดันลดลงเกินครึ่ง
เมิ่งไหวจิ่นกำลังปกป้องนาง!
เฉิงชิงซาบซึ้งอย่างมาก นางตรวจสอบตนเอง ศิษย์พี่แสนดีเช่นนี้ไม่ควรขายออกไปเพื่อเงินไม่กี่ร้อยตำลึงเงินเลยจริงๆ
——อย่างน้อยก็ควรบอกเ้าอ้วนชุยว่าหนึ่งพันตำลึง!
“ข้าไม่กินคนหรอก”
“เฉิงชิง ข้าสามารถให้โอกาสเ้าได้ เพียงเ้าสามารถทำตามที่ตนเองกล่าวไว้ได้ ระยะเวลาช้าสุดสามเดือน ข้ารับรองว่าบิดาเ้าจะสามารถกลับสู่ผืนดินอย่างสุคติ!”
หากไม่ปลดเปลื้องความผิด เฉิงจือหย่วนย่อมไม่มีทางที่จะสามารถกลับสู่ผืนดินอย่างสุคติ นี่คือคำมั่นของเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ
“เฉิงชิงไม่มีทางทำให้ซื่อจื่อผิดหวัง ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการจัดการปัญหารายการบัญชีเพื่อซื่อจื่อขอรับ!”
เฉิงชิงและเยี่ยอ๋องซื่อจื่อบรรลุข้อตกลงต่อหน้าเมิ่งไหวจิ่น
เพียงแค่ปลดเปลื้องความผิดเท่านั้น ส่วนฆาตกรที่แท้จริงที่วางยาพิษสังหารเฉิงจือหย่วน… ความแค้นที่สังหารบิดา เฉิงชิงจะเอาคืนเอง
มีคนจุดตะเกียงรออยู่ด้านนอกห้อง เยี่ยอ๋องซื่อจื่อกระชับคอเสื้อแล้วผลักประตูจากไป
แสงจันทร์สลัว เงาร่างของอีกฝ่ายหายลับไปราวกับปีศาจ
เฉิงชิงสงสัยว่าเื่ทั้งหมดเมื่อครู่นี้ได้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ นางได้พบเยี่ยอ๋องซื่อจื่อในห้องหนังสือของเมิ่งไหวจิ่น และได้บรรลุข้อตกลงกับอีกฝ่ายจริงน่ะหรือ?
“เฉิงชิง เ้าใจกล้าเกินไปแล้ว! ดวงของเ้าไม่เลว แต่ก็ไม่อาจคาดหวังได้ว่าจะดีเช่นนี้ทุกครั้ง”
เมิ่งไหวจิ่นกล่าวออกมาแล้ว เช่นนั้นแล้วเื่เมื่อครู่นี้ก็เป็ความจริง
“ศิษย์พี่ขอรับ หากข้าได้แต่ขอร้องซื่อจื่อให้ช่วยอยู่ฝ่ายเดียว คนอย่างซื่อจื่อเกรงว่าจะไม่มองข้าอีกเลย ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ”
ไม่มีทางเลือกหรือ?
ทำหน้าทะเล้น อีกทั้งยังใจกล้ามากล้น เมิ่งไหวจิ่นเริ่มปวดหัว
ยามเข้าเปิดสอนให้แก่เฉิงชิงเป็พิเศษ ต้องให้เฉิงชิงซึมซับอิทธิพลเสียหน่อยแล้ว
“ซื่อจื่อไม่อาจรั้งอยู่ที่หนานอี๋ต่อไปได้ เ้ามาหาข้าทุกวันยามโหย่ว[1] บอกกับคนภายนอกว่าข้าสอนพิเศษให้เ้า”
ทุกวันยามโหย่ว นั่นก็คือห้าโมงเย็น
เฉิงชิงรู้สึกว่าไม่มีปัญหา
“แล้วกับคนภายในล่ะ”
“กับคนภายในก็บอกไปว่าเรียนพิเศษ เรียนพิเศษหนึ่งวัน พักหนึ่งวัน เ้ามีเรี่ยวแรงพอหรือไม่?”
หมายถึงเรียนพิเศษหนึ่งวัน ทำบัญชีปลอมหนึ่งวัน ข้อเสนอแนะนี้ของเมิ่งไหวจิ่นค่อนข้างดีทีเดียว เฉิงชิงไม่มีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
คาบเรียนพิเศษเริ่มในคืนนี้ เมื่อเข้าสู่สภาวะการสอน เมิ่งไหวจิ่นก็จิตใจจดจ่อไม่สั่นคลอน เฉิงชิงเรียนอย่างหลงสติลืมตัว หากเหล่าอาจารย์ของสถานศึกษาทุกท่านเป็แบบเมิ่งไหวจิ่นที่ทั้งสอนดีและน่าสนใจเช่นนี้ ไหนเลยจะต้องกังวลว่าลูกศิษย์จะไม่มีพัฒนาการ!
เมิ่งไหวจิ่นสอนตลอดจนเมื่อถึงยามไฮ่หนึ่งเค่อ[2]จึงได้หยุด
“วันนี้ถึงแค่นี้ก่อน การเรียนต้องหลีกเลี่ยงการรับเข้าไปมากเกินไปจนตกผลึกไม่ได้ เ้าเองก็ต้องใช้เวลาไปทำความเข้าใจสิ่งที่ข้าสอนให้ทุกวัน”
จากยามโหย่วถึงยามไฮ่ ระยะเวลาที่เมิ่งไหวจิ่นสอนก็คือจากห้าโมงเย็นถึงสามทุ่ม แม้เฉิงชิงจะยังอยากฟังต่อ แต่ก็รู้ว่าพึ่งระยะเวลาเรียนไม่สู้พึ่งประสิทธิภาพ การจัดการของเมิ่งไหวจิ่นสมเหตุสมผล
เมื่อจัดเก็บตำราเรียบร้อยแล้วเฉิงชิงก็เอ่ยถามประโยคหนึ่ง
“ศิษย์พี่ ท่านไม่คิดจะสอนเพิ่มอีกคนหนึ่งจริงๆ หรือ?”
นางไม่ได้โอบกอดความหวังไว้มากนัก ไหนเลยจะรู้ว่าท่าทีของเมิ่งไหวจิ่นกลับอ่อนลงแล้ว
“ได้สิ แปดร้อยตำลึง ยามข้าสอนก็ให้เขามา วันที่เ้าทำบัญชีก็ให้เขาจัดตารางเอง ข้าจะสอนเขาเพียงยี่สิบคาบเท่านั้น”
แปดร้อยตำลึง!
เช่นนั้นการค้านี้ของนางจะยังมีกำไรอะไรอีก?
เฉิงชิงรับคำอย่างสลด ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เมื่อออกจากเรือนหลังน้อย ในสถานที่ที่ลับตาเมิ่งไหวจิ่น เฉิงชิงก็เผยใบหน้ายิ้มแย้มใหม่อีกครั้งหนึ่ง
แปดร้อยตำลึงก็แปดร้อยตำลึง นางประเมินราคาห้องการเรียนการสอนขนาดเล็กของศิษย์พี่เมิ่งใหม่ในใจตั้งนานแล้ว แม้แต่แปดร้อยตำลึงเ้าอ้วนชุยก็ยินยอมควักจ่าย คิดแล้วมากกว่าสักสองร้อยตำลึงก็น่าจะสามารถยอมรับได้ ตนเองเป็คนกลาง ได้ค่าคนกลางเสียหน่อยก็ไม่ผิดอะไร
วันที่สอง เฉิงชิงอวดอ้างประสิทธิภาพของห้องการเรียนการสอนขนาดเล็กของเมิ่งไหวจิ่นอย่างใหญ่โตเกินจริง กล่าวว่าเ้าอ้วนชุยต้องจ่ายหนึ่งพันตำลึงเงินและยังกล่าวถึงจำนวนครั้งที่สอน
หนึ่งพันตำลึงเงิน สอนยี่สิบครั้ง เรียนพิเศษหนึ่งครั้งก็ต้องจ่ายห้าสิบตำลึงหรือเนี่ย
บัณฑิตจวี่เหรินปกติที่สอนลูกศิษย์หนึ่งปีจึงจะได้รับเงินค่าเรียนมากมายขนาดนี้ รัศมีเจี้ยหยวนของเมิ่งไหวจิ่นช่างเจิดจ้าเกินไป แม้เ้าอ้วนชุยจะปวดใจจนแยกเขี้ยวยิงฟันแต่ก็ยังคงรับปาก
ั้แ่ต้นจนจบ เ้าอ้วนชุยไม่ได้เอ่ยถามว่าในหนึ่งวัน ตำลึงเงินนี้เฉิงชิงต้องให้เมิ่งไหวจิ่นเท่าไร ตนเอง้าเก็บไว้เท่าไร สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายก็เป็ใช้ได้ ไหนเลยต้องมาสืบเสาะรายละเอียดยิบย่อย?
แม้ว่าหนึ่งพันตำลึงเงินที่เฉิงชิงเอาใส่ในกระเป๋าทั้งหมดนี้จะมีเงินที่ได้จากความสามารถของนางด้วย สามารถเกลี่ยกล่อมให้เมิ่งไหวจิ่นสอนพิเศษแก่เ้าอ้วนชุย ไม่จ่ายเงินแต่ก็ต้องจ่ายค่าไมตรี——ไมตรีนี้ในสายตาเ้าอ้วนชุยมีมูลค่าหนึ่งพันตำลึง!
ั้แ่นั้นมา เฉิงชิงก็เริ่มชีวิตที่เต็มไปด้วยการเรียนพิเศษไปพลางทำสมุดบัญชีให้เยี่ยอ๋องซื่อจื่อไปพลาง
ถึงอย่างไรนางก็เพียงแค่รับทำบัญชี เฉิงชิงไม่สนใจว่าเยี่ยอ๋องซื่อจื่อจะเอาสมุดบัญชีไปทำให้เก่าได้อย่างไร
คำขอเดียวของนางคือสมุดบัญชีจะต้องเขียนใหม่อย่างบรรจงอีกหนึ่งรอบ เพราะว่าตัวอักษรที่ขยุกขยุยของนางเป็เอกลักษณ์เกินไป
“ข้าก็คิดไปว่าเ้าไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินจริงๆ ที่แท้ก็มีความกังวลเหมือนกัน แต่ลายมือของเ้านี่ก็ช่าง…”
เมิ่งไหวจิ่นกล่าวต่อไปไม่ถูกแล้ว
เขาจึงเพิ่มเวลาสอนให้แก่เฉิงชิงอีกหนึ่งชั่วยาม ให้เฉิงชิงฝึกคัดลายมือ!
ตามวิธีการพูดของเมิ่งไหวจิ่น หากลายมือของนางย่ำแย่เช่นนี้ ผู้คุมสอบย่อมไม่มีความอดทนที่จะอ่านกระดาษข้อสอบของนาง หากนางสอบตกด้วยเหตุนี้ก็ถือว่าเป็เื่ที่สมควรแล้ว บัณฑิตของอาณาจักรเว่ยการเรียนสามารถไม่ดีได้ แต่ตัวอักษรไม่อาจด้อยเกินไป ลายมือเปรียบดั่งใบหน้าของบัณฑิต
ตัวอักษรของเฉิงชิงน่ะหรือ เมื่อเทียบกับใบหน้าเหลืองซูบของนางในยามนี้ก็ถือว่าช่วยขับจุดเด่นกันและกันให้เด่นชัดขึ้นมาจริงๆ
เฉิงชิงอยู่ที่สถานศึกษาอย่างมีความสุขมาก คุณชายรองฉีเกิดความคับแค้นใจอยู่หลายวัน พอคนข้างกายโน้มน้าว ก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ สั่งให้เด็กรับใช้ไปในตัวอำเภอจัดเตรียมของขวัญสักหน่อย ตลอดทางก็สอบถามจนเจอเรือนแยกของร้านค้าผ้าสกุลวังที่ตรอกหยางหลิ่ว
“หรือที่นี่จะเป็ที่พำนักของบุตรและภรรยาของใต้เท้าเฉิงนายอำเภอเจียงหนิง?”
นั่น… นายน้อยบ้านเรากล่าวไว้ไม่มีผิด คุณชายรองฉีมานับญาติถึงที่แล้ว!
ซือเยี่ยนและซือโม่เสแสร้งทำเป็ไม่รู้จักฉีเหยียนซง เมื่อเห็นเพื่อนบ้านชะโงกหัวออกมาสอดส่องก็กล่าวถามถึงสถานะของฉีเหยียนซงอย่างจงใจ
ฉีเหยียนซงไม่ค่อยสบายใจจึงกล่าวว่าตนเองคือคนของตระกูลฉีแห่งอำเภอหย่งหยาง ซือโม่ะโเสียงดัง “ที่แท้ก็เป็นายน้อยญาติผู้พี่ ฮูหยินและนายน้อยเชิญดวงิญญากลับบ้านเกิดมาครึ่งปีแล้ว ในที่สุดนายน้อยญาติผู้พี่ที่หวังพบหน้าก็มาแล้ว ข้าน้อยจะไปรายงานเดี๋ยวนี้!”
[1] ยามโหย่ว คือ่เวลาั้แ่ 17.00 น. – 18.59 น.
[2] เค่อ คือการนับเวลาแบบจีนโบราณ 1 เค่อเท่ากับ 15 นาทีโดยประมาณ
