“ท่านปู่ ข้าแพ้แล้ว!”
หน้าม่านแสง หลิงเอ๋อร์ได้กล่าวกับปู่ของนางด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เ้าเด็กนั่นทำลายสถิติความเร็วในการผ่านด่านได้เร็วที่สุด นับั้แ่ที่เจดีย์เชื่อมฟ้าปรากฏขึ้น ดังนั้นการที่เ้าจะพ่ายแพ้จึงไม่ใช่เื่แปลก” ชายชราตาเป็ประกายขึ้นมา บางทีอาจเป็เพราะความตื่นเต้น ชายชราคนนั้นจึงลืมเื่ก่อนหน้านี้ที่หลิงเอ๋อร์โดนเย่เฟิงลวนลาม
“เขาทำลายสถิติแล้ว ท่านปู่จะทำอย่างไรต่อ จะเชิญเขาเข้าเจดีย์เชื่อมฟ้าหรือไม่?” หลิงเอ๋อร์ถามชายชราด้วยแววตาใสแจ๋ว
“เขาไม่ใช่สัตว์ในสระน้ำ การเชิญเขาเข้าเจดีย์เชื่อมฟ้าจะเป็การฝังเขาเสียมากกว่า แต่ถ้าหลานชอบเขา ปู่จะทบทวนเื่รั้งเขาไว้ในเจดีย์เชื่อมฟ้า ได้เขาเป็หลานเขยมันก็ไม่เลวหรอกนะ” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“ท่านปู่พูดอะไรน่ะ? ทำไมข้าจะต้องชอบคนที่ไร้ยางอายแบบนั้นด้วย?” หลิงเอ๋อร์ถูกปู่หยอกล้อเช่นนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา ซึ่งดูน่าหลงใหลเป็อย่างมาก
เจดีย์เชื่อมฟ้าทางด้านนอกถูกคลุมไปด้วยแสงสว่างอันเจิดจ้า ฉากนี้ทำให้ผู้คนพากันหรี่ตาจึงทำให้มองไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นในเจดีย์เชื่อมฟ้า วินาทีต่อมา เสียงฝีเท้าของเย่เฟิงก็ดังมาจากบนนั้น
“เย่เฟิงออกมาแล้ว คงผ่านด่านไม่กี่ด่านกระมัง!”
หลายคนสังเกตเห็นเย่เฟิงเดินออกมา ในใจก็พากันคาดเดาความสำเร็จของเขาในเจดีย์เชื่อมฟ้า
“ข้าเดาว่าเขาคงไปถึงชั้นที่ 5 หรือไม่ก็ชั้นที่ 6 อย่างไรเสียตบะของเย่เฟิงก็ต่ำเกินไป”
เย่เฟิงเดินออกจากเจดีย์เชื่อมฟ้า แต่ในเจดีย์เชื่อมฟ้ายังเหลืออีกสามคนที่กำลังฝ่าด่านอยู่ สามคนที่ว่าก็คือจ้าวซิง เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ และเจียงเซิ่งหลิง
เย่เฟิงเป็คนที่ห้าที่ออกมาจากเจดีย์ แต่ทุกคนไม่รู้ว่าปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เกิดจากการที่เย่เฟิงสามารถผ่านด่านทั้งหมดได้
พวกเขายิ่งไม่รู้ว่าแม้ชายชราจะจงใจเพิ่มระดับความยากตอนที่เย่เฟิงอยู่ชั้นที่ 7 แต่เขาก็ยังคงผ่านทุกด่านมาได้ อีกทั้งความเร็วของเขายังทำลายสถิติที่เคยมีมาั้แ่โบราณอีกด้วย กลายเป็คนผ่านด่านในเจดีย์เชื่อมฟ้าได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
มิหนำซ้ำเวลาที่เย่เฟิงใช้ในเจดีย์เชื่อมฟ้ายังน้อยกว่าที่จ้าวซิง ต้าเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ และเจียงเซิ่งหลิงใช้เสียอีก
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครคิดว่าเย่เฟิงคือสัตว์ประหลาดที่ผ่านด่านติดต่อกันได้เร็วที่สุดในเจดีย์เชื่อมฟ้า
เมื่อเห็นเย่เฟิงเดินเข้ามา ทุกคนก็มองตามเขาด้วยความสงสัย ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าเย่เฟิงผ่านด่านไปถึงด่านที่เท่าไร
“ไอ้สวะ เ้ากลัวที่จะบอกให้คนอื่นรู้ใช่ไหม ว่าแกผ่านถึงด่านที่เท่าไร? ทำไมถึงไม่พูดออกมาล่ะ?” ฝั่งสำนักศึกษาเสินเจียง มู่เยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดสี ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
“ผู้าุโฉิน ความสำเร็จของคนที่ได้อันดับหนึ่งของสำนักยุทธ์สูงศักดิ์ดูเหมือนว่าจะไม่เท่าไหร่เลยนะ? ไม่อย่างนั้น ทำไมถึงไม่พูดถึงความสำเร็จของตัวเองออกมาล่ะ?” ผู้าุโอวิ๋นซื่อเทียนแห่งสำนักศึกษาเสินเจียงกล่าวเยาะเย้ยฉินเจิ้นถิง
“เื่นี้เกี่ยวอะไรกับพวกเ้าเล่า?” สีหน้าฉินเจิ้นถิงพลันดูไม่ได้ ด้วยระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้ ไม่มีทางที่เย่เฟิงจะมีผลงานดี ๆ ได้
“ผู้าุโอวิ๋นกล่าวถูกต้อง ข้าเดาว่าไม่ผ่านชั้นที่ 5 ด้วยซ้ำ คงอายที่จะพูดถึงสินะ” ผู้าุโโม่ไห่เฟิงแห่งหอชิงหลงกล่าวสนับสนุนพลางแสดงสีหน้าเหยียดหยาม
บทสนทนาของทั้งสองเข้ากันเป็ปี่เป็ขลุ่ย เรียกรอยยิ้มเยาะเย้ยจากผู้คนได้ไม่น้อย
“สุนัขอย่างพวกเ้ามีคุณสมบัติอะไรมาเห่าหอนใส่ข้า? ข้าจะผ่านด่านกี่ชั้นก็เื่ของข้า เกี่ยวอะไรกับพวกเ้ากัน?” เย่เฟิงกวาดสายตามองโม่ไห่เฟิง อวิ๋นซื่อเทียน และคนอื่น ๆ ด้วยสายตาเ็า
“ปากดีใช่เล่นเลยนี่ เ้าเด็กสวะ! รอให้มีการประกาศผลออกมาก่อนเถอะ ข้าอยากจะรู้นักว่ายังจะวางท่าหยิ่งผยองได้อีกหรือไม่?” อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวเสียงแข็ง สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยการดูถูก
“ใช่ ฉวยโอกาสที่ยังไม่มีประกาศ รีบไสหัวกลับสำนักยุทธ์เทียนเสวียนไปเสีย จะได้ไม่อับอายขายขี้หน้า!” โม่ไห่เฟิงแสยะยิ้มเ็า จากนั้นทั้งสองคนก็ไม่กล่าวอะไรอีก และรอ่เวลาประกาศผล
“เย่เฟิง เ้าผ่านด่านในเจดีย์เชื่อมฟ้ากี่ชั้นกัน?” เมื่อเย่เฟิงกลับมา ฉินเยียนหรานจึงกระซิบถามเขาทันที
“ทั้งหมด” เย่เฟิงตอบกลับเบา ๆ โดยไม่ปกปิดผลงานของตัวเอง
“ทั้งหมด?” เมื่อได้ฟังคำตอบของเย่เฟิง ฉินเยียนหรานก็ชะงักไปเล็กน้อย “เ้าจะบอกว่าเ้าผ่านด่านทุกชั้นของเจดีย์เชื่อมฟ้างั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว” เย่เฟิงพยักหน้าน้อยๆ
ฉินเยียนหรานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อเย่เฟิง ทว่าในอาณาจักรจ้าวนั้นไม่มีใครผ่านด่านเจดีย์เชื่อมฟ้าได้ทั้งหมด หากที่เย่เฟิงพูดเป็ความจริง แสดงว่าผู้ที่ผ่านด่านด้วยความเร็วผิดปกติเช่นนั้นจนไปถึงชั้นที่ 9 ได้ก็คือเย่เฟิง ทุกอย่างฟังดูเหลือเชื่อมาก
ผ่านไปสักพัก เจียงเซิ่งหลิงก็เดินออกมาจากเจดีย์เชื่อมฟ้า ด้วยสภาพอ่อนล้าและเต็มไปด้วยรอยาแ
“เซิ่งหลิง เ้าผ่านด่านกี่ชั้น?” เมื่อเจียงเซิ่งหลิงออกมา เหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักจื่อจี๋ก็เดินเข้ามาต้อนรับทันที พลางสอบถามผลลัพธ์ของอีกฝ่าย
หลิวถิงถิงที่อยู่ไม่ไกลเดินขึ้นหน้าเข้ามาถามเช่นกัน “ศิษย์พี่ ผลงานของท่านคือ?”
“ชั้นที่ 7” เจียงเซิ่งหลิงคล้ายอ่อนแรงมาก จึงตอบกลับมาเพียงสามคำ
เมื่อหลิวถิงถิงและคนจากสำนักจื่อจี๋ได้ยินเช่นนั้น ภาพฝันในใจของพวกเขาก็พลันสลายหายไป แต่เมื่อคิดดูอีกที ผลลัพธ์ชั้นที่ 7 ของเจียงเซิ่งหลิงก็ไม่เลวเลย เมื่อเทียบกับผลงานที่มู่เยี่ยนและโอวหยางเจินสร้างไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ควรจะพอใจแล้ว
“ผลงานของเจียงเซิ่งหลิงคือชั้นที่ 7 ถ้าเช่นนั้น ผู้ที่สร้างปาฏิหาริย์จนไปถึงชั้นที่ 9 หากมิใช่จ้าวซิงก็ต้องเป็ต้าเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ อันที่จริงแล้วคนผู้นั้นต้องเป็ท่านอ๋องเล็กอย่างไม่ต้องสงสัย!”
เมื่อเย่เฟิงและเจียงเซิ่งหลิงออกมาแล้ว ผลลัพธ์ของกลุ่มนี้ก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
มีคนจำนวนไม่น้อยเริ่มกล่าวคำอวยพรกับจวนเซิ่งอ๋อง ทำให้เซิ่งอ๋องยิ้มหน้าบาน เขารู้สึกภูมิใจที่มีบุตรชายดี ๆ เช่นนี้ ต่อมาต้าเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ก็เดินออกมา เขากล่าวว่าผลลัพธ์ของตัวเองนั้นอยู่ชั้นที่ 7 ทำให้ทั้งสนามเดือดพล่าน!
ชื่อของจ้าวซิงอ๋องเล็กกลายเป็จุดสนใจของผู้คน เป็ตัวแทนสุดยอดอัจฉริยะรุ่นใหม่
“ยินดีด้วยเซิ่งอ๋อง!”
ขุนนางใหญ่เดินนำเข้ามาคารวะเซิ่งอ๋องพร้อมกับกล่าวคำอวยพร โดยมีขุนนางคนอื่น ๆ ทยอยเดินตามเข้ามา สถานะของเซิ่งอ๋องถูกยกระดับขึ้นในชั่วพริบตา กระทั่งรัศมีขององค์ชายใหญ่จ้าวหยางก็ยังถูกบดบัง
อย่างไรก็ตามเมื่อบรรยากาศกำลังจะถึงจุดเดือด เงาร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากเจดีย์เชื่อมฟ้า คนคนนั้นคือตำนานในใจของทุกคน ท่านจ้าวซิงอ๋องเล็ก
“ท่านอ๋องเล็กออกมาแล้ว ท่านอ๋องเล็กยอดเยี่ยมมาก!”
“จริงด้วย เมื่อก่อนข้าไม่ทันสังเกตเลยว่าท่านอ๋องเล็กจะหล่อเหลาขนาดนี้ สมแล้วที่เป็วีรบุรุษ!”
“ท่านอ๋องเล็กคือความภาคภูมิใจของพวกเาาวอาณาจักรจ้าว ในอนาคตข้าจะแต่งงานกับสุดยอดอัจฉริยะเฉกเช่นท่านอ๋องเล็ก”
เมื่อเห็นร่างของจ้าวซิงเดินออกมา ผู้คนก็พากันส่งเสียงร้องดังอื้ออึง สายตาที่จ้องมองไปยังจ้าวซิงนั้นแฝงไปด้วยความเร่าร้อนคล้ายกับจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว สิ่งนี้ทำให้จ้าวซิงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ตอนแรกเขาคิดว่าคนอื่น ๆ แค่้าประจบเอาใจเขา จึงแสดงท่าทีเช่นนี้
แต่เมื่อเห็นสายตาที่เร่าร้อนของฝูงชน ก็ทำให้จ้าวซิงรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะว่าเขาผ่านแค่ชั้นที่ 7 เท่านั้น แถมยังเกือบตายต่อหน้าผู้พิทักษ์ด่านนั้นอีกด้วย ผลงานเช่นนี้แม้ว่าจะไม่เลว แต่ก็ผิดต่อความคาดหวังของทุกคน
“ซิงเอ๋อร์ ลำบากเ้าแล้ว!” แม้แต่บิดาของเขาเซิ่งอ๋องก็เข้ามาต้อนรับด้วยตัวเอง ทั้งยังถามไถ่ด้วยความเป็ห่วง
ความผิดปกติดังกล่าว ทำให้จ้าวซิงรู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ จึงเอ่ยถามไปว่า “ท่านพ่อ พวกเขาเป็อะไรไป? เหตุใดจึงมองลูกด้วยสายตาเช่นนั้น?”
“ซิงเอ๋อร์ ลูกไม่ต้องถ่อมตัวเช่นนี้หรอก เ้าทำลายสถิติที่องค์ชายใหญ่เคยทำเอาไว้ แถมยังผ่านไปจนถึงชั้นที่ 9 เ้าสมควรได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้” เซิ่งอ๋องคิดว่าบุตรชายของตัวเองนั้นกำลังถ่อมตัว จึงพูดเช่นนี้ออกมา
“ทำลายสถิติ? ชั้นที่ 9?”
จ้าวซิงได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึง เื่ที่กล่าวมานั้นดูไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย จึงอธิบายไปว่า “ท่านพ่อ พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว ลูกเพิ่งผ่านด่านที่ 7 มาได้เท่านั้นเอง ไม่ได้ทำลายสถิติจนขึ้นไปยังชั้นที่ 9 เสียหน่อย”
ประโยคนี้ดับความตื่นเต้นของคนทั้งสนามได้เป็อย่างดี
รอยยิ้มของเซิ่งอ๋องพลันแข็งค้าง เขาถามย้ำไปว่า “ที่เ้าพูดมาคือความจริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน!” จ้าวซิงพยักหน้า ในเจดีย์เชื่อมฟ้านั้นสามารถตรวจสอบผลลัพธ์ของทุกคนได้ ดังนั้นเขาไม่กล้าปิดบังเป็อันขาด
“เปรี้ยง!”
เมื่อได้ฟังความจริงจากจ้าวซิง สมองของเซิ่งอ๋องประหนึ่งถูกฟ้าผ่าลงมา ร่างกายที่แข็งทื่อสั่นระริกเล็กน้อย เหมือนถูกสายฟ้าผ่าร่าง!
เข้าใจผิด ที่แท้ก็เข้าใจผิดกันหมด! จ้าวซิงลูกชายของเขานั้นถูกทุกคนเข้าใจผิดไปว่าเป็สุดยอดอัจฉริยะที่สร้างสถิติใหม่ขึ้นมา
เื่นี้ทำให้เซิ่งอ๋องรู้สึกสุขสมหวัง เหมือนได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิต ทว่าทั้งหมดนั่นก็เป็แค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น อาจกล่าวได้ว่าทั้งหมดนี้ก็เป็แค่ภาพลวงตา
สิ่งที่จ้าวซิงพูด แน่นอนว่าทุกคนล้วนได้ยินอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าตัวตนของผู้ที่สร้างสถิติใหม่ขึ้นมานั้นจะคลุมเครือขึ้นมาอีกครั้ง
“จ้าวซิง ต้าเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ เจียงเซิ่งหลิง ทั้งสามคนนี้ขึ้นไปถึงแค่ชั้นที่ 7 สี่คนที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ขึ้นไปถึงแค่ชั้นที่ 5 ในแปดคนสุดท้ายก็มีแค่เย่เฟิงเท่านั้นที่ไม่ได้บอกผลงานของตัวเอง หรือว่าผู้ที่สร้างสถิติปาฏิหาริย์ขึ้นมาใหม่นั้น... จะเป็เขา?” ตอนนี้เองก็มีใครคนหนึ่งวิเคราะห์เหตุการณ์ออกมา
“แต่ตบะของเย่เฟิงก็แค่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 เท่านั้นเองนะ มันเป็ไปไม่ได้หรอก!” เมื่อได้ยินที่วิเคราะห์ก็มีบางคนแย้งขึ้นมาทันที
“ใช่แล้ว ผู้ที่ทำลายสถิตินั่นได้จะเป็เขาไปได้อย่างไร? ในหมู่แปดคนสุดท้าย เขาดูไม่มีแววที่สุด”
แม้ข้อเท็จจริงจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้น แต่ก็ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าเย่เฟิงคือผู้ที่ทำลายสถิติเจดีย์เชื่อมฟ้าขององค์ชายใหญ่
