หวังหม่าเอ๋อร์เตรียมเกวียนเทียมวัวมาขนของกลับ ิหยวนถามระยะทางจากที่นี่ถึงจวน พอรู้ว่าไม่ได้ไกลมาก จึงเลือกที่จะเดินชมวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองหลวงแทน
แน่นอนว่าเขาได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองตลอดทาง มีเกวียนวัววิ่งผ่านไปมาบ้างเป็ครั้งคราว บางคนส่วมเสื้อผ้าหรูหราราคาแพงควบม้าผ่านไปมา เหล่าหญิงสาวในรถม้ามวยผมหรูหราใหญ่โตราวก้อนเมฆ ส่วมชุดลัวซาน [1] ปักปิ่นทองประดับมุก มีขอทานพิการแขนขานั่งขอทานข้างถนนบางประปราย และมักจะถูกหน่วยลาดตระเวนในเมืองหลวงลากตัวออกไป
ิหยวนหยุดตรงร้านค้าแผงลอย กวาดตามองขนมที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน เป็ขนมที่ทำจากการนำข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ มาตำจนเนื้อเหนียวเนียนนุ่ม นำมาปั้นเป็ก้อนแล้วราดน้ำตาลเคี่ยวลงไป แปลกตาจนเขาไม่รู้แม้กระทั่งวิธีกิน ระหว่างที่เขาจดจ่ออยู่กับขนมนั้น เด็กไม่รู้มาจากที่ใดวิ่งมาชนเขาเบาๆ ิหยวนเพียงหันมองตามหลังเด็กพวกนั้น ไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง
“หยวนเก้อเอ๋อร์!”
เสียงเรียกหาดังมาถึงก่อนตัวคน ทว่าิหยวนกลับไม่สนใจจะหันมองเ้าของเสียง จึงถูกตบไหล่เรียกสติ เป็ิเยี่ยนั่นเอง ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งปีเต็ม ตัวสูงกว่าเขาครึ่งหัวแล้ว ิเยี่ยวิ่งเข้ามากอดเขาไว้แน่น
ิหยวนเองก็คิดถึงิเยี่ยมาก แต่พอได้เห็นอีกฝ่ายยังคงสดใสร่าเริง เขาจึงฉีกยิ้มให้แล้วตบไหล่อีกฝ่ายเป็การเอาคืน “ทุกคนทางนั้นคิดถึงเ้า แต่ดูเหมือนเ้าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่เมืองหลวง”
“ยังจะพูดเล่นอีก หากไม่ติดว่าถนนหนทางเดินทางลำบากล่ะก็ ข้าคงแทบจะเหาะกลับไปทันที ั้แ่ได้รับจดหมายว่าเ้าจะมา ข้าก็ส่งคนไปรอรับที่ท่าเรือทุกวัน วันนี้มาถึงเสียที” พูดจบิเยี่ยก็หันไปรับถุงกระดาษหลายใบจากผู้ติดตาม “รีบลองกินอันนี้สิ อันนี้ด้วย ล้วนเป็ของขึ้นชื่อในเมืองหลวง น้ำผลไม้อันนี้ก็อร่อย ว่ากันว่าฝ่าาทรงโปรดปรานมาก”
ิหยวนรับของกินมากมายมาหอบไว้ ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “พอแล้วๆ ข้าไม่มีมือจะถือแล้ว”
ิเยี่ยเกาหัวพลางหัวเราะแล้วลากอีกฝ่ายเพื่อเดินกลับ หยิบถุงเงินออกจากแขนเสื้อแล้ววางลงบนฝ่ามือ “ดูสิ นี่คืออะไร?”
“นั่นมันถุงเงินของข้า ไยไปอยู่ที่เ้าได้?”
“ทุกอย่างในเมืองหลวงล้วนดีหมด ยกเว้นอยู่อย่างเดียวคือมีโจรลักเล็กขโมยน้อย เ้าต้องระวังตัวให้ดี” ิเยี่ยเอ่ยพร้อมยืดอกภาคภูมิ “ตอนที่ข้ากำลังจะเดินมาหาเ้า ข้าเห็นเด็กขอทานชนเ้า เ้ายังเป็คนฉลาดอยู่หรือไม่ เหตุใดถูกโจรตัวน้อยขโมยถุงเงินก็ไม่รู้ตัว โชคดีที่ข้าเห็นเข้าเสียก่อนจึงเอามันกลับมาให้”
ิหยวนรับถุงเงินและเอ่ยถามน้ำเสียงกังวล “แล้วขอทานคนนั้นเล่า?”
“ให้คนพาตัวไปส่งเ้าหน้าที่แล้ว คนพวกนี้แต่ละวันมีให้เห็นเยอะแยะ” ิเยี่ยตอบแบบไม่ใส่ใจ แต่พอเหลือบไปเห็นสีหน้าไม่พอใจของิหยวนก็พลันรับรู้อะไรบ้างอย่าง “อ๋อ! ที่แท้ไม่ใช่ว่าเ้าไม่เห็น! เ้ารู้อยู่แก่ใจ แต่ตั้งใจปล่อยเขาไป!”
ิหยวนไม่ตอบ แต่ถอนหายใจ “เด็กคนนั้นอายุแค่หกเจ็ดขวบเท่านั้น ตัวผอมแห้งจนเห็นกระดูก ข้าเห็นว่าที่นี่มีคนขอทานเยอะ ทั้งเด็ก สตรี คนแก่ คนพิการก็มีไม่น้อย”
ิเยี่ยเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเริ่มเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “หยุดพูดเื่นี้กันเถิด กลับถึงจวนข้ายังต้องจัดงานเลี้ยงตอนรับเ้า หนึ่งปีที่อยู่ที่นี่ข้าพอจะมีสหายอยู่สองสามคน ข้าจะนัดหมายพวกเขามาเพื่อแนะนำเ้าให้พวกเขารู้จัก”
“เฮ้ย!!! เ้าก็รู้ว่าข้า...”
ไม่รอให้ิหยวนปฏิเสธ “ไม่ใช่พวกคนรวยขี้เหยียดหรอก ที่สำคัญพวกเขาไม่ดูถูกเรา ข้าจะแนะนำคนเหล่านี้ให้เ้ารู้จักเอาไว้ เ้าต้องชอบแน่ๆ!”
“แหะๆ ก็ได้ จะรอดูความสามารถของคุณชายสาม”
ขณะที่พวกเขากำลังเดินกลับก็มีรถม้าตามมาข้างหลัง บนถนนมีทั้งเกวียนเทียมวัวและเกวียนเทียมลาสัญจรผ่านไปมาเป็ระยะ ด้านหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมายเสียงดังเซ็งแซ่ บ้างก็เป็รถม้าของผู้มีสถานะพิเศษ มีั้แ่คันเล็กไปจนถึงคันใหญ่สุดหรูหรา ิหยวนลอบมองเก็บรายละเอียด เห็นว่าตัวรถม้าทำจากไม้มะเกลือขัดผิวเงาวับ มีม่านสีแดงวิจิตรงดงาม สลักสัญลักษณ์ประจำตระกูลไว้บนรถม้า เทียมด้วยม้าตัวสูงใหญ่สองตัวที่สวมสายบังเหียนสีสันสดใส คนบังคับรถม้าสวมชุดและหมวกสีน้ำเงินเรียบร้อย พอรถม้าแล่นผ่าน ฝุ่นก็ลอยฟุ้ง จนิเยี่ยจามหลายครั้ง “เราขึ้นไปนั่งบนรถกันเถิด”
“คนพวกนั้นเป็ผู้ใด ไยถึงไม่เกรงใจกันบ้างเลย?”
“เ้าไม่รู้อะไร คนที่จะนั่งรถม้าผ่านถนนเส้นนี้ได้จะต้องรวยหรือมีเกียรติมาก ล้วนเป็คนจากตระกูลชนชั้นสูง คนธรรมดาอย่างเราทำไม่ได้”
ิหยวนยิ้มอย่างขมขื่น “ในเมืองนี้ไม่มีผู้ใดที่ข้าล่วงเกินได้”
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะบนไปบนเกวียน จู่ๆ ิเยี่ยก็ดึงเขาเข้าไปหลบที่มุมหนึ่ง หวังหม่าเอ๋อร์รีบพาเกวียนเทียมวัวที่อยู่ข้างหลังตามมา
“เกิดอะไรขึ้น? ทางกลับแค่ตรงไปไม่ใช่หรือ?”
ก่อนที่ิเยี่ยจะเอ่ยตอบ เสียงผู้คนและเสียงม้าดังเข้ามาใกล้ เสียงเกือกม้าเจ็ดแปดตัววิ่งแข่งกันมากลางท้องถนน คนบังคับม้ารถม้าคันหรูหราที่พวกเขาเพิ่งเห็นเมื่อครู่จึงพยายามดึงสายบังเหียนให้รถม้าหลบเข้าข้างถนน ม้าหลายตัววิ่งเฉียดไปอย่างรวดเร็ว จนรถม้าตกลงไปบนคูน้ำ ป้ายไม้แกะสลักอย่างปราณีตร่วงหล่นลงพื้น เรียกได้ว่าสภาพยุ่งเหยิงเกิดควบคุม
ิหยวนตะลึงกับภาพตรงหน้า
“ดูนั่น นั่นคือคนที่ไม่ควรข้องเกี่ยวด้วยที่สุด”
ิหยวนยังคงพยายามทอดสายตามองคนที่อยู่ไกลๆ “เขาคือผู้ใดหรือ?”
“เขาก็คือคุณชายจากตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองหลวง นามว่าเซี่ยฮุ่ย”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[1] ชุดลัวซาน (罗衫) หมายถึง ชุดที่สตรีสวมใส่ใน่ฤดูร้อน เป็ชุดเกาะอก ทับด้วยเสื้อคลุมแขนยาวเบาบางและพริ้ว