ฉินลี่ต่อว่าฉินเหยาแบบนี้ อวี๋ซื่อก็เริ่มไม่พอใจ แม้ตนเองจะไม่ได้เป็คนเบ่งฉินเหยาออกมา แต่ก็เลี้ยงมากับมือจนเติบใหญ่ ประกอบกับเด็กสาวคนนี้หน้าตาดี ตนเองยังหวังให้นางตบแต่งไปกับเศรษฐี ถึงจะสามารถแลกกับเงินขวัญถุงก้อนโตเอาไว้ตบแต่งสะใภ้ให้บุตรชายบ้านตน ดังนั้นจะปล่อยให้ชื่อเสียงของนางถูกทำลายมิได้
อวี๋ซื่อจึงเสียดสีด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ "แม่หนูลี่ เ้ากับแม่หนูเหยาต่างหากที่เป็พี่น้อง มาตรว่าหักกระดูกย่อมะเืถึงเส้นเอ็นที่เชื่อมต่อ คนนอกหมู่บ้านผู้นี้มีที่มาอย่างไรก็ไม่รู้ เ้าจะปกป้องนางไปไย การกระทำเช่นนี้ทำให้ป้ารู้สึกหนาวใจยากจะยอมรับได้"
สะใภ้อายุน้อยซึ่งอยู่ข้างกายฉินลี่รั้งมือนางไว้ พลางกระซิบเสียงเบา "น้องสาว เื่นี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา อย่าไปยุ่งเื่ของชาวบ้านดีกว่า"
"พี่สะใภ้ เดิมทีข้าก็เชื่อฟังคำท่าน แต่ไรมามิเคยยุ่งเกี่ยวเื่ของผู้อื่น น้องสาวคนนี้เพิ่งมาใหม่ ครึ่งปีที่ผ่านมาข้าไม่อยู่ในหมู่บ้าน มิเคยรู้จักมักจี่กับนางมาก่อน และไม่ทราบว่านางมีอุปนิสัยอย่างไร เมื่อครู่เห็นพวกท่านแต่ละคนล้วนไม่พอใจนาง ข้ายังคิดอยู่ว่าน้องสาวคนนี้คงจะมีปัญหาจริงๆ แต่พอได้ฟังนางเอ่ยถึงเื่เ่าั้ ข้าก็ไม่อาจทนได้อีก ข้าเชื่อทุกถ้อยคำที่นางกล่าวมา นางต่างหากที่เป็ผู้บริสุทธิ์"
แท้จริงแล้วเหล่าชาวบ้านหาใช่พวกต่ำช้าไร้ศีลธรรม พวกเขาเพียงแค่ปกป้องพวกเดียวกัน และรังเกียจคนต่างถิ่น แต่เมื่อ 'ถูก-ผิด' มาตั้งอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ยังสามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็อย่างไร เพียงแต่ฉินเหยาเป็เครือญาติในวงศ์สกุลเดียวกัน ย่ะขิดตะขวงใจที่จะต่อว่าต่อขาน
เมื่อก่อนเด็กสาวหน้าตาสะสวยคนนี้ยามพบเห็นพวกตนก็เอาแต่ก้มหน้างุด ไม่มีปากมีเสียง แต่พอเห็นนางชักสีหน้า ท่าทางเอาเื่แบบนี้ ย่อมรู้สึกไม่ชอบใจ เวลายิ่งผ่านไปนานเข้า ผู้มามุงดูเหตุการณ์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ถังชิงหรูไม่คาดคิดว่าจะมีใครในหมู่บ้านช่วยพูดแทนตนเอง แม้คนผู้นั้นจะยื่นมือเข้าช่วยด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ นางล้วนยอมรับความปรารถนาดี ถึงอย่างไรก็หัวเดียวกระเทียมลีบ พวกชาวบ้านไม่เก็บถ้อยคำของตนเองมาใส่ใจอยู่แล้ว หากมีคนในหมู่บ้านเดียวกันช่วยเป็กระบอกเสียงย่อมแตกต่างออกไป
"ปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอาทุกท่าน ข้าถังชิงหรูขอสาบานตรงนี้ ทุกถ้อยคำที่กล่าวออกไปเมื่อครู่ล้วนเป็ความสัตย์จริง หากข้าโกหกแม้แต่ครึ่งประโยคขอให้ไม่ตายดี" ถังชิงหรูรู้ว่าคนโบราณมักเชื่อเื่งมงายทำนองนี้เป็ที่สุด พวกเขาเชื่อในเหตุต้นผลกรรม นี่คือสิ่งที่เคยอ่านมาจากตำราโบราณเล่มหนึ่ง
"ฉินเหยา เ้ากล้าไหมล่ะ กล้าสาบานเช่นเดียวกับข้าหรือไม่"
ฉินเหยาพูดอย่างหัวเสีย "เื่อะไรข้าต้องลั่นวาจาทำนองนั้น จะ... เ้าเป็แค่คนต่างถิ่น รังแกเ้าแล้วอย่างไร เป็ใครมาจากไหน ฆ่าคนหนีความผิดมารึเปล่าก็ไม่รู้"
คำพูดของฉินเหยาประโยคนี้ นับว่าเป็การรับสารภาพกลายๆ ว่าเมื่อก่อนเคยกลั่นแกล้งถังชิงหรู เมื่อครู่นี้นางยังแสร้งทำเป็อ่อนแอน่าสงสารต่อหน้าชาวบ้านทั้งหลาย ยามนี้พอเผยธาตุแท้ของตนเองออกมา แม้พวกเขาจะยังลำเอียงเข้าข้างฉินเหยา แต่ก็ไม่ว่ากล่าวถังชิงหรูอีกต่อไป
"ช่างเถอะ เด็กสาวทะเลาะเบาะแว้งกันเป็เื่ปรกติธรรมดา งานที่บ้านของพวกเรายังทำไม่เสร็จ รีบกลับไปทำการทำงานดีกว่า" ชายคนหนึ่งลากภรรยาที่อยากสอดรู้สอดเห็นเื่ชาวบ้านออกไป
เมื่อมีคนแรกที่ไม่คิดเอาตัวไปเกลือกกลั้ว คนอื่นๆ จะรั้งอยู่ต่อก็คงไม่งาม ครั้นแล้วทุกคนต่างแสดงทีท่าให้เห็นว่าไม่อยากยุ่งเื่ของผู้อื่น ถังชิงหรูสังเกตท่าทีตอบสนองของชาวบ้านเ่าั้มาั้แ่ต้น และในกลุ่มคนเหล่านี้ มีเพียงฉินลี่ที่เป็คนดีใช้ได้ นอกนั้นล้วนเป็ท่อนไม้ไร้มโนธรรมทั้งสิ้น พวกเขารู้จักแต่ปกป้องคนของตนเอง ไม่คิดบ้างว่าคนต่างถิ่นก็เป็มนุษย์เหมือนกัน ความลำเอียงอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้คือสิ่งที่เ้าของร่างเดิมต้องเผชิญตลอดมา
เพียะ! ถังชิงหรูสะบัดมือออกไปเต็มแรง
ฝ่ามือนี้ทั้งรุนแรง รวดเร็ว และแม่นยำ จนคนถูกตบฝั่งตรงข้ามถึงกับอึ้งงัน ฉินเหยาไหนเลยจะคาดคิดว่าถังชิงหรูซึ่งเป็ดั่งสุนัขไร้ฐานะและศักดิ์ศรี วันนี้มิเพียงต่อปากต่อคำ แต่ยังกล้าตบนางอีกด้วย
ชาวบ้านที่เพิ่งเดินออกไปได้สองสามก้าวได้ยินเสียงต่างหันมามอง พลันตะลึงค้างไปชั่วขณะ ที่น่าใยิ่งกว่าคือหลังจากนั้น ถังชิงหรูยังไม่หายแค้น สะบัดมือออกไปเป็ครั้งที่สอง
เพียะ!
ครั้งที่สาม เพียะ!
การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วฉับไว ตบต่อเนื่องกันไปสิบกว่าที ฉินเหยาที่เมื่อครู่ยังนับว่าสะสวย บัดนี้ใบหน้าบวมเป่ง
"เ้าทำอันใดน่ะ" อวี๋ซื่อกรีดร้องพลางสะบัดมือตบถังชิงหรู
"เปิดโหมดป้องกันตัว" ถังชิงหรูลั่นวาจาออกมาตามสัญชาตญาณ
ฟิ้ว! มือของอวี๋ซื่อยังไม่ทันััถูกใบหน้าของถังชิงหรู ตนเองก็ลอยวืดออกไปไกลสิบกว่าหมี่[1] กระแทกเข้ากับต้นไม้ด้านข้างดังปึ้งก่อนตกลงมา
"ว้าย..." อวี๋ซื่อได้แต่กรีดร้องออกมาคำเดียว หลังจากนั้นก็หมดสติไป
ฉินเหยาซึ่งบัดนี้หน้าบวมเป็หัวหมูเบิกตาโพลง มองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างอกสั่นขวัญแขวน ฉินลี่ที่มองเห็นทุกอย่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน นางจ้องฉินเหยาตาปริบๆ ก่อนหันไปมองอวี๋ซื่ออีกหน
หลี่ว์ซื่อพี่สะใภ้ของฉินลี่เอ่ยวาจาตะกุกตะกัก "น้องสาว อาคมของคนผู้นี้ร้ายกาจนัก พวกเรารีบไปกันเถอะ"
ถังชิงหรูคลำไปบนข้อมือของตนเอง ตรงนั้นมีไฝสีแดงอยู่เม็ดหนึ่ง ขณะลูบคลำไฝเม็ดนั้น ความรู้สึกผ่อนคลายก็ผุดวาบในแววตา
เมื่อครู่นี้เธอแค่เรียกความสามารถพิเศษของตนเองออกมาใช้ตามความเคยชิน หลังจากเปล่งเสียงแล้วเพิ่งนึกได้ว่าตนเองเปลี่ยนร่างใหม่ เกรงว่าพร์เดิมนั้นจะหายไปด้วย แต่ผลลัพธ์ที่น่ายินดียิ่งก็คือ ความสามารถเฉพาะตัวดังกล่าวยังตามจิติญญามายังร่างใหม่ด้วย นั่นก็หมายความว่าเธอจะเป็หมอเทวดาหญิงคนแรกที่สามารถทำตามวิถีของตนเอง ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใด
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น เด็กสาวคนนี้เป็วรยุทธ์ด้วยหรือ นางใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานมนาน ไม่เคยเห็นว่าจะมีความสามารถแบบนี้เลย" คนที่เพิ่งเดินไปแล่นกลับมาอีกหน
สายตาซึ่งเต็มไปด้วยการสืบเสาะแต่ละคู่พุ่งมาที่ร่างของถังชิงหรูประหนึ่งคมมีด แต่เมื่อเทียบกับสายตาความหวาดระแวงแกมเหยียดหยันเมื่อครู่ สิ่งที่พบเห็นเพลานี้กลับเป็ความหวาดหวั่นและยำเกรง แม้จะยังแบ่งเขาแบ่งเราอยู่เหมือนเดิม ทว่าความเกรงกลัวย่อมดีกว่าการดูแคลนมากนัก อย่างน้อยคนมีความกลัวย่อมไม่กล้าทำสิ่งใด ต่างกับคนที่ดูแคลนผู้อื่น ตนเองนึกจะเหยียดหยามเยี่ยงไรก็เหยียดหยามเยี่ยงนั้น นึกจะหมางเมินเยี่ยงไรก็เ็าใส่เยี่ยงนั้น ฉินเหยามองถังชิงหรูด้วยสีหน้าพรั่นพรึง ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงทรุดลงไปกองกับพื้น ร้องปากคอสั่น "จะ... เ้าอย่าเข้ามานะ"
อวี๋ซื่อสลบไปแล้ว ฉินเหยาก็หน้าบวมเป็หัวหมู ถังชิงหรูเพิ่งเข้ามาสวมร่างใหม่ยังอ่อนแออยู่มาก จึงเริ่มวิงเวียนศีรษะเพราะหมดแรง ยามนี้คิดแต่อยากหาที่พักผ่อนให้เต็มที่สักครู่ ไหนๆ ก็ได้ระบายอารมณ์แล้ว มิสู้ไปเสียดีกว่า ถึงอย่างไรตนเองก็เป็แค่คนนอก หากทำเกินไปนัก เกรงว่าอาจอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป ถ้าคนเ่าั้เกิดโทสะขึ้นมาจะแย่เอาได้
"ฉินเหยา แต่ไรมาข้าคนนี้เป็คนใจกว้าง แต่เ้าดันมาทำให้ความอดทนของข้าหมดลงเอง หากยังมีคราวหน้าอีก ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ" ถังชิงหรูแค่นเสียงสำทับก่อนหมุนตัวไปจากที่นั่น
"ที่แท้นางก็มีวรยุทธ์สูงส่ง เมื่อก่อนถูกพวกเขารังแกแต่ไม่เคยเอาคืนเพราะเห็นแก่หน้าพวกเรา ดูไปแล้วแม่หนูคนนั้นก็หาใช่คนเลวร้าย" หญิงชราคนหนึ่งเอ่ยปาก "พวกเราเข้าใจผู้อื่นผิดไปหรือเปล่า"
"ด้วยฝีมือของแม่นางคนนั้น หากนางคิดร้ายต่อพวกเราจริง เกรงว่าพวกเราคงตายไปนานแล้ว ดูท่าพวกเขาคงไม่ใช่คนเลวจริงๆ" ชายชราอีกคนออกความเห็น "ญาติพี่น้องทั้งหลาย ข้างหมู่บ้านของเราเป็เขาสูงใหญ่ ทุกปีเป็ต้องมีสัตว์ป่าดุร้ายมาอาละวาด หลายปีมานี้คนในหมู่บ้านต้องตายภายใต้คมเขี้ยวของพวกมันไม่รู้เท่าไร พืชผลถูกเหยียบย่ำเสียหายไปกี่มากน้อย แม่นางผู้นั้นความสามารถสูงส่ง หากรั้งอยู่ในหมู่บ้านของเรากลับดีเสียอีก ต่อไปทุกคนก็มีมารยาทกับนางให้มากหน่อยเถิด"
"ท่านลุงสามกล่าวไม่ผิด ต่อไปพวกเราต้องมีมารยาทต่อนางมากขึ้น" หลี่ว์ซื่อพี่สะใภ้ของฉินลี่ผงกศีรษะด้วยความยำเกรง
ฉินลี่เห็นเงาร่างของถังชิงหรูไปไกลแล้ว ั์ตาของนางก็ผุดแววสงสัยใคร่รู้
ถังชิงหรูเดินไปได้ครู่หนึ่ง ทิวทัศน์เบื้องหน้าล้วนไม่คุ้นเคย แต่ในสมองยังมีความทรงจำที่เ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ให้ พอหาที่นั่งพักได้ ก็ทอดถอนใจอย่างจนปัญญา
"หากมียานอวกาศ ก็ยังสามารถใช้มันไปจากดาวดวงนี้ แต่นี่ไม่มีอะไรเลย แล้วจะไปยังไง หรือว่าฉันต้องอยู่ที่นี่ระยะยาว ไม่เอาหรอกนะ ดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์ล้าหลังแบบนี้ แม้แต่การใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานก็ยังไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัย ปราศจากเทคโนโลยีชั้นสูง ยานอวกาศก็ไม่มี นอกจากกินสามมื้อประทังชีวิตไปวันๆ ยังทำประโยชน์อะไรได้"
ขณะคิดสมองก็เริ่มอ่อนเปลี้ยลงทุกขณะ ถังชิงหรูยกมือขึ้นนวดหน้าผาก มองไปยังบ้านไม้ผุๆ หลังเล็กฝั่งตรงข้าม
นั่นคือบ้านของนางตอนนี้ ในบ้านยังมีเด็กหนุ่มนอนป่วยอยู่อีกคน เท่าที่รู้จากความทรงจำ เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็เ้านาย ส่วนนางก็เป็สาวใช้
เดิมทีชายหนุ่มเป็ชนชั้นสูง เนื่องจากครอบครัวถูกปะาล้างตระกูล ด้วยภายใต้การปกป้องจากคนสนิทจึงหนีรอดออกมาได้ พวกเขาหนีตายกันมาตลอดทางจนกระทั่งมาถึงที่นี่ สุดท้ายก็เหลือแค่นางที่ยังตามเขาอยู่
ตอนแรกที่หนีมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อปกปิดสถานะของนายน้อย จึงต้องบอกคนนอกไปว่าเป็ลูกพี่ลูกน้องกัน ครึ่งปีมานี้ ชายหนุ่มไม่เคยออกจากบ้านเลย เพราะร่างกายอ่อนแออยู่เป็ทุนเดิม ประกอบกับถูกตามล่าสังหารมาตลอดทางจนได้รับาเ็สาหัส สุขภาพตอนนี้จึงย่ำแย่ถึงขั้นติดลบ หากยังปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอีกสองเดือนคงได้เก็บศพเขาแล้ว
ถังชิงหรูไม่อยากเข้าไป ชายหนุ่มข้างในนั้นเป็ตัวภาระ หากตนเองเข้าไปคลุกคลี ต่อไปต้องเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย แต่เพลานี้นางไม่มีที่ให้อยู่ จำต้องกลับมาที่นี่
"ช่างเถอะ อยู่ไปก่อนสักสองสามวันก็แล้วกัน" ถังชิงหรูกล่าวจบก็เดินไปบ้านฝั่งตรงข้าม
บ้านผุจนเกือบพังอยู่รอมร่อ ยามฝนตกหลังคาก็จะรั่วทั้งหลังราวกับรังแตน ยามลมพัดมาทีก็เหมือนจะหอบฝาบ้านปลิวตามไปด้วย เคราะห์ดีที่ตอนนี้อยู่ใน่ฤดูใบไม้ผลิ หากถึงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว เกรงว่าพวกเขาหากไม่หิวตายก็คงต้องแข็งตาย เ้าของร่างเดิมไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว แต่ละวันดื่มแต่น้ำแกงสมุนไพรป่าชามเดียวถมกระเพาะ แม้แต่ผักสักใบยังไม่ได้กิน ดังนั้นเมื่อครู่ถึงได้จมน้ำตายง่ายๆ
ถังชิงหรูเดินเข้าไปในห้องนอนซึ่งมีเพียงห้องเดียว บ้านโกโรโกโสหลังนี้มีแต่ห้องครัวกับห้องนอนอย่างละห้อง ในห้องนอนมีเตียงผุๆ อยู่หลังหนึ่ง ข้างเตียงมีไม้กระดานแผ่นวางอยู่ ซึ่งไม้แผ่นนั้นก็คือเตียงของนางเอง
"เฮ่อ..." ถังชิงหรูมองชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง หนึ่งวันมียี่สิบสี่ชั่วโมง ยี่สิบชั่วโมงของเขาหมดไปกับการหลับใหล ปรกติจะกินอะไรต้องมีคนป้อน สีหน้าของเขาซีดเซียวและหมองคล้ำ ขอบตาดำปี๋ แท้จริงแล้วถ้าเพ่งพิศให้ดี หน้าตาของชายหนุ่มไม่เลวเลย มารดาของเขาเป็ถึงโฉมงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ส่วนบิดาก็เป็คุณชายผู้สง่างาม ต่างฝ่ายต่างโดดเด่นทั้งคู่จะให้กำเนิดบุตรชายขี้ริ้วขี้เหร่ได้อย่างไร "ใครใช้ให้ฉันมาติดแหง็กอยู่ในร่างสาวใช้เองเล่า จนกระทั่งตายคนที่นางเป็ห่วงที่สุดก็คือนาย เอาเป็ว่าฉันจะช่วยรักษาให้หายก่อนค่อยไปแล้วกัน แบบนี้ฉันเองจะได้สบายใจด้วย"
ถังชิงหรูทอดกายลงไปนอนบนไม้กระดาน ก่อนหลับไปอย่างง่วงงุน
ในความฝันถังชิงหรูเห็นภาพตนเองขับยานอวกาศไปเจอหลุมมฤตยู หลังจากนั้นก็ถูกดูดกลืนเข้าไปยังโพรงประหลาด ร่างของเธอะเิเป็เสี่ยงๆ ก่อนจะกลายเป็ลำแสงสายหนึ่งทะยานพุ่งเข้าไปในร่างของหญิงสาวซูบผอมคนหนึ่ง
นั่นคงเป็จิติญญาของตนเอง
ส่วนิญญาของสาวน้อยคนนั้นก็ลอยขึ้นมา โค้งคำนับนางไม่หยุดกล่าวว่า "คนในบ้านของบ่าวล้วนตายกันหมด บ่าวไม่อยากมีชีวิตอยู่ตั้งนานแล้ว ตอนนี้ที่วางใจไม่ลงมีเพียงเื่เดียวคือคุณชาย ท่านเซียนเป็ผู้มีความสามารถ โปรดช่วยดูแลคุณชายแทนบ่าวด้วยเถิด พระคุณยิ่งใหญ่ของท่าน บ่าวขอทดแทนในชาติหน้า หากท่านเซียนมิรังเกียจเรือนร่างอันเปราะบางของบ่าว ได้โปรดรับร่างนี้ไปเถิดเ้าค่ะ"
--------------------------------------------------------------------------------
[1] หมี่ เป็มาตรวัดระยะทางหมายถึงเมตร