ไม่รู้ว่าจดหมายถึงพี่สาวของย่าหลี่จะพร้อมหรือยัง แต่หากไปได้สวย นางก็จะได้แม่นมแล้ว…
วันถัดมา รถม้าค่อนข้างใหม่ของตระกูลวังก็ได้มาเยือนหมู่บ้านหูลู่ เมื่อสอบถามถึงที่อยู่บ้านของหลินฟู่อินเสร็จแล้ว ก็มุ่งตรงมายังประตูบ้านนางทันที
หญิงชราที่มารับหลินฟู่อินเป็คนช่างพูดคุย เมื่อคนในหมู่บ้านถามว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็เล่าอย่างใส่ไข่ถึงเื่ที่หลินฟู่อินไปทำคลอดให้นายหญิงวังที่มีภาวะคลอดยากให้คลอดได้อย่างปลอดภัย…
ชาวบ้านจึงได้รู้ว่าเด็กสาวคนนี้สามารถทำคลอดได้ และแม้แต่หมอตำแยมากประสบการณ์ก็ยังมิอาจเทียบฝีมือนางได้… แต่การที่เด็กสาวที่ยังไม่แต่งงานไปทำคลอดเช่นนี้ มันจะมิเป็ผลเสียต่อประเพณีหรือ?
เมื่อเห็นว่าตระกูลวังส่งคนมารับนางไปเข้าร่วมพิธีสรงสามของทารกน้อยจริงๆ ย่าหลี่จึงยิ้มกว้างจนเห็นฟัน กล่าวว่า “เ้ายังเล็ก เพราะอย่างนั้นเ้าคงไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรจะเป็หน้าที่ของเ้าแน่ ดังนั้นแล้วเพียงกินและดื่มให้หนำใจ แล้วส่งจดหมายให้พี่สาวข้าที่ชื่อฉินก็พอ จะให้ดีก็บอกนางไปด้วยว่าตอนนี้ข้าอาศัยอยู่กับเ้า…”
หลินฟู่อินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นย่าหลี่ที่มีสีหน้าจริงจังพยายามย้ำนางหลายต่อหลายครั้งเช่นนี้ นางก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ในเมื่อย่าหลี่คิดถึงย่าฉินมากเช่นนี้ ข้าก็คงต้องชวนนางคุยเื่เก่าๆ เสียหน่อยแล้ว”
ในดวงตาชราวัยของย่าหลี่มีประกายของความคาดหวัง แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ในน้ำเสียงมีความรู้สึกสูญเสียที่ััได้ยากอยู่ “ไม่เลย ตอนนี้นางเป็ผู้สอนคุณหนูตระกูลวังทั้งสองอยู่ ข้าจะรอเจอนางตอนที่นางออกมาจากตระกูลวังแล้ว” แล้วนางจึงกล่าวกับหลินฟู่อินต่อ “หากเ้าตีสนิทกับคนในของตระกูลวังได้จะเป็การดีมาก! เื่นี้มีคนรู้ไม่มากก็จริง แต่แม้ว่าตระกูลวังจะเรียกได้ว่าเป็ตระกูลที่ร่ำรวย แต่คุณหนูที่ภรรยาคนก่อนของเ้าบ้านทิ้งไว้ มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการต้องรับสืบทอดต่อจากนายหญิงวังอยู่ ตระกูลบัณฑิตที่เคยยากไร้แต่กลับไต่เต้าขึ้นมาถึงจุดนี้ได้น่ะหาได้ไม่ง่าย ทั้งยังมั่งคั่งขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย คงเป็เพราะนายหญิงวังที่เข้ามาเป็สะใภ้พยายามอย่างมากแน่…”
ย่าหลี่ไม่ได้พูดอะไรออกมามากก็จริง แต่หลินฟู่อินกำลังตกตะลึง ตะลึงมากที่ตระกูลวังรับแต่นายหญิงวังเข้ามาในตระกูล และย่าหลี่บอกว่าเื่นี้ไม่ค่อยเป็ที่รู้จัก แต่ย่าหลี่กลับรู้…
หญิงชราที่ตระกูลวังส่งมาดื่มชาเสร็จแล้ว หลินฟู่อินเองก็ได้ย่าหลี่ช่วยแต่งตัวให้เรียบร้อยจึงออกมาจากห้อง หญิงชราเห็นเช่นนั้นจึงยิ้มแล้วลุกขึ้น มองหลินฟู่อินที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จั้แ่หัวจรดเท้า แล้วหัวเราะออกมา “คุณหนูหลินช่างงดงามนัก!”
ย่าหลี่ยิ้ม แล้วจึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินที่มีเงินอยู่ยี่สิบเหรียญออกมาให้หญิงชรา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณที่ชม ฟู่อินยังเล็กนัก เหล่าคนใช้ของบ้านวังคงยุ่งกันมากแน่ในวันนี้ ดังนั้นแล้วช่วยนำทางฟู่อินให้ไม่ไปชนพวกขุนนางเข้าทีนะ”
หญิงชราที่ตระกูลวังส่งมาพึงพอใจในสิ่งที่ย่าหลี่พูด ทั้งยังได้ค่าตอบแทนด้วย
หญิงชราจึงยื่นมือออกมาบีบมือย่าหลี่ ในใจคิดว่าในถุงคงมีเงินไม่น้อย แม้ว่าจะเป็ตระกูลวังเองก็ตาม แต่โอกาสที่จะได้เงินจากนายก็มีไม่มากนัก ต้องเป็งานใหญ่ๆ อย่างการที่มีคุณชายน้อยเกิดขึ้นมาเช่นนี้ เหล่าคนใช้ถึงจะได้เงินก้อนใหญ่กลับมาบ้าง
แต่กับคนที่รับใช้เ้านายเป็การส่วนตัวนั้นต่างออกไป
หญิงชรารับคำย่าหลี่อย่างเริงร่า แล้วกอดเอวหลินฟู่อินอย่างรักใคร่เพื่อพานางขึ้นรถม้าไปบ้านตระกูลวัง
หญิงชราที่เพิ่งได้เงินมานั้นดีกับหลินฟู่อินมาก และยังแนะนำเหล่าคนงานบ้านวังให้นางโดยไม่รอให้หลินฟู่อินต้องเอ่ยปาก
และหลินฟู่อินจึงได้รู้ว่าที่ย่าหลี่พูดมานั้นถูกต้อง แม้บุตรคนโตของตระกูลจะนับได้ว่ามีความสามารถ แต่ทุกคนในตระกูลต่างก็นับถือป้าใหญ่วังที่เกิดมาจากภรรยาคนก่อน ผู้ไม่กลับบ้านมาหลายปีแล้ว…
เมื่อมาถึงบ้านตระกูลวัง หลินฟู่อินลงจากรถม้าและถูกพาไปยังสวนด้านหลังโดยสาวน้อยที่นายหญิงวังส่งมา
แล้วจึงได้พบกับนายหญิงวังที่เก็บตัวอยู่ในห้องคลอดมาั้แ่วันนั้น ซึ่งนี่ก็เป็ธรรมเนียมของแคว้นต้าเว่ย โชคดีที่แม้ห้องจะไม่สว่างนัก แต่ก็กว้างขวางพอ
นายหญิงวังดีใจมากที่ได้พบหลินฟู่อิน นางดื่มน้ำแกงบำรุงน้ำนมเข้าไปถ้วยใหญ่ ก่อนจะเช็ดปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มแหยๆ ระคนไปด้วยเสียงหัวเราะ “ลูกชายของข้ากินจุมากน่ะ ทั้งข้ายังมีน้ำนมไม่มาก ท่านแม่สามีกลัวว่าหลานชายจะหิว จึงพยายามทำน้ำแกงเหล่านี้ให้ข้า”
หลินฟู่อินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่เพราะหน้าต่างห้องคลอดถูกปิดไว้ มันจึงไม่มีลม และอากาศค่อนข้างร้อน
แม้คุณภาพชีวิตของนายหญิงวังจะค่อนข้างดี แต่อยู่ในห้องที่ระบายอากาศไม่ดีเช่นนี้ก็ยังทำให้นางได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ อยู่ดี
หลินฟู่อินขมวดคิ้ว
เมื่อนายหญิงวังที่กำลังมองหลินฟู่อินอย่างละเมียดละไมอยู่เห็นนางขมวดคิ้ว นางจึงรีบนั่งหลังตรงแล้วถาม “คุณหนูหลิน เป็อะไรไปหรือ”
หลินฟู่อินพิจารณาดู ประเพณีจะเป็สิ่งที่สืบต่อกันมานับแต่โบราณ นางคงเปลี่ยนมันไม่ได้ สิ่งที่นางทำได้คงมีแค่การเสนอมันขึ้นมาเท่านั้น
“ท่านหญิงวัง ในวันที่อากาศร้อนๆ เช่นนี้ การขังตัวอยู่ในห้องย่อมไม่เป็ผลดีนัก ท่านแม่ของข้าเคยบอกว่าสตรีที่เพิ่งผ่านการคลอดมาห้ามแตะน้ำเย็น และคำว่า ‘ห้ามเป่า’ นั้น ก็หมายถึงห้ามเป่าผม ดังนั้นแล้วการแง้มหน้าต่างไว้บ้างจึงเป็เื่สมควร ไม่อย่างนั้นมันจะเป็เหมือนตอนนี้ ที่ทั้งอับและชวนให้อารมณ์เสียเ้าค่ะ”
นายหญิงวังได้ยินแล้วจึงตะลึงไป นางเข้าใจสิ่งที่หลินฟู่อินกล่าวอย่างลึกซึ้ง แต่ก็รู้สึกอับจนหนทางขึ้นมา
นี่เป็ประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ที่สตรีต้องเก็บตัวในห้องเช่นนี้หนึ่งเดือนหลังคลอด!
เห็นนางเงียบไปหลินฟู่อินก็ไม่กล่าวอะไรเพิ่ม เพราะนางรู้อยู่แล้วว่ามันคงต้องเป็เช่นนี้ นางจึงเสริมไปว่า “หากท่านหญิงวังแข็งแรงขึ้นแล้ว ก็ลงจากเตียงมาเดินเล่นในห้องคลอดเสียหน่อยจะเป็การดีกว่าเ้าค่ะ”
แล้วไม่กล่าวอะไรเพิ่มอีก
นายหญิงวังพยักหน้าอย่างรวดเร็ว นางเข้าใจคน นางจึงเข้าใจดีว่าหลินฟู่อินพยายามพูดเพื่อนาง
ทั้งสองสนทนากันต่อไปอีกสักพัก หลินฟู่อินจึงถามถึงย่าฉิน
นายหญิงวังตะลึงไป แล้วเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้ม “คุณหนูหลินรู้จักฉินหมัวมัวของเราด้วยหรือ?”
หลินฟู่อินส่ายหน้า แล้วจึงยิ้มออกมา “ที่รู้จักนางไม่ใช่ข้า แต่เป็ท่านย่าในครอบครัวของข้าเ้าค่ะ ย่าหลี่ขอให้ข้านำจดหมายมาส่งให้ฉินหมัวมัวเ้าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ?” ฉินหมัวมัวคนนี้เป็บุคคลสำคัญในตระกูล ที่แม่สามีของนางเป็คนขอให้มาเป็หมัวมัวให้นายหญิงทั้งสองที่ตอนนั้นยังเด็ก และตอนนี้ก็ยังรับหน้าที่เป็หมัวมัวใหญ่ของตระกูลอยู่
คุณหนูฟู่อินผู้นี้บอกว่าย่าของนางรู้จักฉินหมัวมัว ดังนั้นแล้วย่าของนางก็ต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็แน่…
รอยยิ้มบนใบหน้าของนายหญิงวังทวีความลึกล้ำยิ่งขึ้น แล้วนางจึงเหลือบมองสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างนางเพื่อสั่งการ “ซิ่งฮวา พาคุณหนูหลินไปพบฉินหมัวมัวเสีย” เสร็จแล้วจึงหันไปหาหลินฟู่อิน “เช่นนั้นข้าก็จะไม่ดึงตัวเ้าไว้แล้ว ดื่มกินให้อร่อยที่งานเลี้ยงเถอะ”
