จู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักโดยไม่มีสัญญาณบ่งบอกล่วงหน้า
ในเมืองหยงโจว น้ำในคูเมืองสูงขึ้นเรื่อยๆ ทางการได้ส่งเ้าหน้าที่พิเศษมาขุดลอกคูเมืองเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำสูงเกินไปจนท่วมเมืองชั้นในและก่อให้เกิดความวุ่นวาย การคมนาคมทางน้ำจึงหยุดชะงัก ในวันที่สภาพอากาศแจ่มใสผู้คนมักนิยมล่องเรือสำราญ แต่เมื่อสภาพอากาศเป็เช่นนี้การล่องเรือสำราญย่อมไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก
แม้แต่ถนนจูเชวี่ยที่มักมีผู้คนพลุกพล่านก็มีคนเดินเท้าไม่มากนัก
หากเดินออกจากประตูหลังของจวนตระกูลซูจะพบกับถนนจูเชวี่ย หากเดินข้ามสะพานจูเชวี่ยในวันที่สภาพอากาศแจ่มใสจะมองเห็นร้านรวงมากมายและรถม้าที่ดูโอ่อ่า กลิ่นถุงหอมของเหล่าหญิงสาวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
อย่างไรก็ตามวันนี้แทบไม่มีคนเลย
ในที่สุดฝนก็หยุดตก อวิ๋นจื่อรู้สึกเบื่อมาก ดังนั้นนางจึงพาไป๋จื่อลัดเลาะออกทางประตูหลังและเดินเล่นอย่างสบายใจบนถนนจูเชวี่ย
อันที่จริงนางไม่ค่อยออกมาเดินเล่นแบบนี้ นางจำได้ว่าตอนเด็กๆ นางมักแอบออกจากวังมาเที่ยวเล่นและทำให้จินเหนียงกังวลอยู่เสมอ
นางเคยออกนอกวังสองสามครั้งและไปเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนที่ผู้คนพลุกพล่านของเมืองอวิ๋นเมิ่ง จนถึงตอนนี้นางยังจำได้อย่างชัดเจนว่าขนมหวานของร้านที่ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนหยงอันอร่อยที่สุด ส่วนขนมชิ้นเล็กๆ ของร้านที่ตั้งอยู่บนถนนอันเล่อถังก็อร่อยเช่นกัน เมื่อเทียบกับของว่างที่ทำโดยพ่อครัวในวัง ขนมเ่าั้นับว่าอร่อยกว่าเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังมีน้ำตาลปั้นบนถนนฉางผิงที่ทั้งอร่อยและดูงดงามแปลกตา แต่หลังจากเสด็จแม่จากไป นางก็ไม่เคยออกจากวังอีกเลย ใน่ห้าปีที่ผ่านมานางแทบไม่มีโอกาสได้ทานอาหารนอกบ้านสักครั้ง
วันนี้เมื่อยืนอยู่บนถนนเช่นนี้ จู่ๆ อวิ๋นจื่อก็รู้สึกว่าตนเองเหมือนจอกแหน
จอกแหนในสระน้ำเลือกไม่ได้ว่าจะลอยไปทางไหน
แต่อย่างน้อยทั้งครอบครัวก็ยังอยู่ด้วยกัน
แล้วตัวนางตอนนี้ล่ะ? บิดามารดาและญาติสนิทล้วนจากไปหมดแล้ว อีกทั้งนางยังไม่รู้ด้วยว่าใครเป็คนลงมือ
‘ชีวิตของข้าเทียบกับจอกแหนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ’
นางรู้สึกแย่มาก
ไป๋จื่อดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าอวิ๋นจื่อรู้สึกอย่างไร
ไป๋จื่อเห็นว่ามีร้านขายเกาลัดคั่วอยู่ด้านหน้า นางจึงยิ้มบางๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าเกาลัดคั่วร้านนี้อร่อย คุณหนูอยากลองทานหรือไม่เ้าคะ?”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
ไป๋จื่อจูงมืออวิ๋นจื่ออย่างมีความสุข นางตรงไปหาเ้าของร้านและซื้อเกาลัดคั่วถุงใหญ่ พ่อค้าดูซื่อสัตย์และซื่อตรง เนื่องจากไป๋จื่อให้เงินมากไป เขาจึงพยายามคุ้ยกระเป๋าเพื่อหาเงินทอน ไป๋จื่อยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเห็นว่าเกาลัดคั่วของร้านนี้ดูน่าอร่อย คราวหน้าข้าจะมาซื้ออีก ท่านไม่ต้องคุ้ยหาเงินทอนแล้ว ถือเสียว่าข้าให้เป็รางวัล”
พ่อค้ายิ้มและกล่าวขอบคุณนางด้วยความซาบซึ้ง อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาดูน่าขบขัน
อวิ๋นจื่อกล่าวเบาๆ “เขาดูมีความสุขมาก”
ไป๋จื่อปอกเปลือกเกาลัดและกล่าวกับอวิ๋นจื่อว่า “คุณหนูรีบทานตอนที่ยังร้อนๆ เถิด รสชาติจะดีกว่าเ้าค่ะ”
อวิ๋นจื่อทานเกาลัดอย่างเชื่อฟัง ความนุ่มและความหวานของเกาลัดช่วยบรรเทาความโศกเศร้าของนางได้เป็อย่างดี นางเอ่ยปากชมว่า
“เกาลัดคั่วนี่อร่อยเสียจริง ข้าคงต้องทานอีกสักหน่อย”
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นจื่อเริ่มอารมณ์ดี ไป๋จื่อก็ยิ้มและกล่าวว่า “ตอนนี้คุณหนูอารมณ์ดีแล้วใช่หรือไม่?”
อวิ๋นจื่อพยักหน้า “ใช่แล้ว”
ขณะนั้นก็มีม้าตัวหนึ่งพุ่งทะยานมาตามถนน ทำเอาฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว
ไป๋จื่อรีบดึงอวิ๋นจื่อมาหลบริมถนน
แต่ทันใดนั้นร่างของอวิ๋นจื่อกลับถูกใครบางคนดึงขึ้นไปบนหลังม้า
ไป๋จื่อเห็นเช่นนั้นก็ะโสุดเสียง
“คุณหนู!”
เสียงเกือกม้าค่อยๆ เบาลง
ชายหนุ่มบนหลังม้าสวมชุดสีดำ เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเย่เช่อ
เย่เช่อยิ้ม “ไป๋จื่อ ไปบอกซูเจินว่าข้าจะส่งนางกลับจวนในภายหลัง”
ไป๋จื่อที่กำลังงุนงงได้แต่พยักหน้าและเดินจากไปทันที
อวิ๋นจื่อที่ถูกเย่เช่อโอบกอดอยู่บนหลังม้ารู้สึกประหลาดใจมาก แต่นางก็มีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก
“คุณชาย เหตุใดเราไม่ลงไปเดินเล่นเล่าเ้าคะ?” นางถามเสียงเบา
อวิ๋นจื่อไม่เคยขี่ม้าเลย ดังนั้นนางจึงกลัวเล็กน้อย
เย่เช่อหัวเราะเบาๆ “รอก่อน”
ชายหนุ่มควบม้าและกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน เขาควบม้าตรงไปด้านหน้าโดยทิ้งเสียงจอแจของผู้คนไว้ด้านหลัง
ถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านเลือนหายไปจากสายตา ทิวทัศน์รอบข้างเริ่มเปลี่ยนไป
ม้าวิ่งเร็วมาก
ทิวทัศน์เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน ถนนเต็มไปด้วยดอกไม้สีม่วงอ่อน ดูอ่อนโยนและงดงามมาก ลมที่พัดมาปะทะใบหน้าของอวิ๋นจื่อมีกลิ่นหอมจางๆ ของต้นไม้ใบหญ้า
อวิ๋นจื่อตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ
ในขณะนี้เย่เช่อได้อุ้มนางลงจากหลังม้าแล้ว เขาถามด้วยรอยยิ้มว่า “เ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
จู่ๆ อวิ๋นจื่อก็ได้สติ นางยิ้มตอบและกล่าวว่า “แน่นอนว่าย่อมคิดถึงท่าน”
เย่เช่อหัวเราะ “แม้ว่าจวนลับที่นี่จะอยู่ภายใต้ชื่อข้า แต่ข้าไม่ได้แวะมาประมาณเจ็ดหรือแปดปีแล้ว เ้าคิดอย่างไรกับทิวทัศน์ของที่นี่?”
อวิ๋นจื่อมองไปรอบๆ และเห็นทุ่งกว้างอยู่ไม่ไกล เมื่อมองไปที่นั่นนางก็รู้สึกผ่อนคลายและใจเย็นลงมาก ดอกไม้ริมทางสีม่วงอ่อนบานสะพรั่ง ไกลออกไปมีต้นพู่ระหงขึ้นอยู่สองสามต้นแลดูเขียวชอุ่ม แค่มองจากไกลๆ ก็ชื่นใจแล้ว
อวิ๋นจื่อตอบว่า “วิเศษมาก ทุกอย่างดูสบายตาและงดงาม”
เย่เช่อถามต่อว่า “ถ้าเทียบกับสถานที่ที่ข้าพาเ้าไปครั้งก่อนล่ะ?”
อวิ๋นจื่อก้มหน้าลงอย่างเขินอายและกล่าวเสียงต่ำ “ตราบใดที่อยู่กับคุณชาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดย่อมเป็แดน์”
เสียงของนางแ่เบามาก
เบาจนแทบไม่ได้ยิน
แต่เย่เช่อกลับได้ยินอย่างชัดเจน
เขารู้สึกว่ามีกระแสอุ่นวาบไหลเวียนอยู่ในหัวใจ เขาไม่สามารถยับยั้งอารมณ์อันพลุ่งพล่านของตนเองได้และก้มลงจูบนางอย่างดูดดื่ม
หญิงสาวคนนี้คือคนที่เขาอยากเอาอกเอาใจไปชั่วชีวิต
ดูราวกับว่าโลกกำลังหยุดหมุน ทุกอย่างเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงหัวใจของกันและกัน
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าอารมณ์ของนางกำลังพลุ่งพล่าน นางไม่รู้ว่ารักเขาหรือไม่ แต่ความรู้สึกตอนอยู่กับเขาเปรียบได้กับดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในหัวใจของนาง รสชาติและความรู้สึกที่หอมหวานทำให้นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดื่มด่ำไปกับมัน
อย่างไรก็ตาม นางต้องคอยย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าบิดาของชายผู้นี้ทำร้ายตระกูลอวิ๋น
ทำลายรากฐานของตระกูลอวิ๋นที่หยั่งรากลึกมานานนับพันปี!
ทันทีที่บิดาของเขากลายเป็ฮ่องเต้ ทุกอย่างก็สูญสลายไป
นางไม่มีวันลืมชายผู้ทำลายล้างตระกูลอวิ๋น!
นางต้องระลึกอยู่เสมอว่ามีช่องว่างระหว่างนางกับเขา
รสจูบ ริมฝีปาก และลมหายใจดูราวกับความฝันที่งดงามและห่างไกล
จู่ๆ อวิ๋นจื่อก็น้ำตาไหล
เมื่อรู้สึกถึงน้ำตาที่เย็นเยียบ เย่เช่อก็ถอดริมฝีปากออกทันที และหันไปจูบซับน้ำตาให้นางแทน เขาถามเบาๆ ว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
อวิ๋นจื่อตอบด้วยเสียงต่ำ “ปี้เหยียนเพียงรู้สึกว่า่เวลานี้ดูราวกับความฝัน”
ในขณะที่พรมจูบดวงตาของนาง เย่เช่อก็กล่าวว่า “ให้ข้าแบ่งปันความฝันร่วมกับเ้าได้หรือไม่?”
ครู่หนึ่งทุกอย่างเงียบสงบ
ลมหายใจและการเต้นของหัวใจพวกเขาได้สอดประสานกันกลายเป็เพลงกู่ฉินที่ไพเราะที่สุดในโลก
เย่เช่อเหลือบเห็นผู้ดูแลที่กำลังเดินเข้ามา เขาจึงเช็ดน้ำตาให้นางและกล่าวว่า
“เข้าไปด้านในกันเถอะ”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าและเดินตามเขาเข้าไปด้านในช้าๆ พลางคิดว่า
‘หากข้าจับตัวเย่เช่อตอนนี้และบังคับให้เย่เซียงสละบัลลังก์ ข้าจะทำสำเร็จหรือไม่?’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้