“เสวี่ยะเฟย? ที่เ้าเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ว่า ให้เซียนพิษ ฮวาเมิ่งหยิ่งถอนพิษคนนั้นหรือ” เฟิ่งเฉี่ยนพูด
ลั่วหยิ่งพยักหน้า “ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ คือนาง! นางเป็มารดาผู้ให้กำเนิดจิ่งเทียนไท่จื่อและองค์หญิงจื่ออวิ๋น แต่น่าเสียดายที่ฮองเฮาเป็อีกคนหนึ่ง!”
เฟิ่งเฉี่ยนคลึงหว่างคิ้ว “ช่างซับซ้อนยุ่งยากจริงๆ!”
ลั่วหยิ่งวิเคราะห์ด้วยสีหน้าสุขุม “ทว่าตามที่กระหม่อมสังเกตเห็นแล้วนั้น ความรู้สึกที่ฝ่าาทรงมีต่อองค์หญิงจื่ออวิ๋นเป็เพียงไมตรีของสหายศึกษาเท่านั้น มิได้มีความรู้สึกลึกซึ้งอันใด หากพวกเขาต่างมีใจให้กันจริงๆ คงอยู่ด้วยกันนานแล้ว ไฉนจึงต้องรอจนถึงตอนนี้”
เฟิ่งเฉี่ยนตวัดดวงตามองลั่วหยิ่งด้วยสายตาชื่นชมพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา “ร้ายกาจมาก ท่านป้าลั่ว!”
ลั่วหยิ่งเกือบกระอักเป็เื “เหนียงเหนียง กระหม่อมได้รับรองเท้าบู๊ธจากท่าน จึงได้ทุ่มเทจิตใจเพื่อท่านเช่นนี้ ไฉนท่านจึงได้ทำกับกระหม่อมเช่นนี้”
เฟิ่งเฉี่ยนจงใจลากเสียง “อ้อออออ ที่แท้เป็เพราะได้รับของขวัญจากข้าแล้ววววว”
“ไม่ใช่ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ!” ลั่วหยิ่งฉีกปากยิ้ม “แม้ในอดีตกระหม่อมจะไม่ค่อยชอบหน้าฮองเฮานัก ทว่านับั้แ่ท่านตบตีองค์หญิงหลานซินแล้วดูเหมือนเปลี่ยนแปลงไปเป็คนละคน ไม่เพียงแต่ดูน่าสนใจขึ้นมาก แต่ยังมีน้ำใจไมตรี ฝ่าาเองทรงเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเพราะท่านเช่นกัน ดังนั้นหากว่ากันตามความรู้สึกส่วนตัวของกระหม่อมแล้ว กระหม่อมสนับสนุนพระองค์และฝ่าาอย่างยิ่งยวด หากท่านและฝ่าาสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ ไท่จื่อน้อยจะต้องมีความสุขพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง “ลั่วหยิ่ง เสียดายความสามารถของเ้าเหลือเกินที่เ้าไม่ไปเป็แม่สื่อ!”
มีเสียงการเคลื่อนไหวดังขึ้นไม่ไกล พลันเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาพร้อมๆ กันด้วย
เฟิ่งเฉี่ยนและลั่วหยิ่งสบตากัน สัญชาตญาณบอกว่าลางไม่ดี
ลั่วหยิ่งเก็บงำรอยยิ้มหยอกล้อบนใบหน้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหนียงเหนียง กระหม่อมจะไปตรวจสอบดูสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้าอนุญาต
รออยู่นานไม่เห็นลั่วหยิ่งกลับมา เฟิ่งเฉี่ยนพูดกับองครักษ์อีกหกคนว่า “พวกเ้าไปดูสักหน่อย บางทีลั่วหยิ่งอาจเผชิญหน้ากับเื่ยุ่งยาก”
คนทั้งหกสบตากันไม่วางใจนาง เฟิ่งเฉี่ยนพูดอีกว่า “พวกเ้าไปเถิด ข้าปกป้องดูแลตัวเองได้!”
“เหนียงเหนียงรอพวกเราอยู่ที่นี่ อย่าไปจากที่นี่เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!” หนึ่งในนั้นพูดแล้วก็จากไปพร้อมกับอีกห้าคน
เฟิ่งเฉี่ยนรู้ว่าในป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายและเกิดเื่ไม่คาดฝันได้ทุกเวลา แม้พวกเขาจะเป็เพียงองครักษ์ แต่ล้วนนับเป็ชีวิตเช่นเดียวกัน จะขาดคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้! อย่างไรนางอยู่ที่นี่ยังนับว่าปลอดภัย ขอเพียงนางอยู่ที่เดิมก็จะไม่เป็ไร
ขณะที่นางกำลังคิดเช่นนี้อยู่นั้นกลับพบว่าเื่ราวอาจไม่เป็เช่นที่คิด เสียงฝีเท้าหนักๆ เข้ามาใกล้ตัวนางขึ้นเรื่อยๆ นางเงยหน้ามองไปเห็นเพียงกลุ่มควันหนาแน่นกลุ่มหนึ่ง เม็ดทรายกระจายเต็มท้องฟ้า ลมหายใจของความสะพรึงกลัวกำลังพุ่งเข้าหานาง!
นั่นคืออะไร
รอเมื่อนางเห็นชัดเจน สิ่งที่อยู่เื้ักลุ่มควันหนาแน่นนั้นทำให้ดวงตาทั้งคู่ของนางเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก
“ให้ตายเถอะ! ฝูงหมูป่าหรือ!”
หนึ่งตัว สองตัว สามตัว...หมูป่าจำนวนนับไม่ถ้วน วิ่งมุ่งหน้ามาหานางอย่างบ้าคลั่ง!
นางไม่มีเวลาสงบสติอารมณ์อีกแล้ว หมุนตัวได้ก็ออกวิ่งทันที--
“ช่วยด้วยยยย--”
นางร้องะโไปพร้อมกับวิ่งด้วยความเร็วร้อยเมตรชนิดไม่คิดชีวิต!
หมูป่านับร้อยตัววิ่งไล่ตามมาข้างหลัง เสียงฝีเท้าของมันหนักแน่นราวกับทหารม้านับหมื่นนับพัน ทันทีที่ไม่ระวังเป็ไปได้ว่านางจะถูกฝูงหมูป่าฝูงนี้เหยียบมิดใต้ฝ่าเท้าของพวกมัน ดังนั้นนางไม่มีทางให้ถอยแล้ว มีเพียงการวิ่งไปข้างหน้า วิ่งไปข้างหน้า!
วิ่งผ่านผืนป่าหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ วิ่งผ่านพุ่มไม้...และไม่รู้ว่าวิ่งมานานเท่าใด ข้างหน้าพลันปรากฏให้เห็นแม่น้ำสายใหญ่สายหนึ่ง บดบังทางไปของนาง และด้านหลังของนางก็คือฝูงหมูป่าที่ยังคงวิ่งไล่ตามนางมา
นางร้องะโเสียงดังแล้วพุ่งตัวะโลงไปในแม่น้ำ...
ตุ๋ม! ผืนน้ำกระจายเป็วงกว้าง
ฝูงหมูป่าหยุดลงเมื่อถึงริมแม่น้ำ พวกมันยังคงใช้สายตาพยัคฆ์จ้องมองผืนแม่น้ำไม่ยอมจากไป
เฟิ่งเฉี่ยนว่ายน้ำไปข้างหน้าระยะหนึ่งแล้วลอยตัวอยู่กลางผืนน้ำ นางหันกลับไปดูฝูงหมูป่าเห็นพวกมันยังอยู่ นางรู้สึกฉงนใจนัก “ไฉนจึงเลือกที่จะไล่ตามข้าไม่ปล่อยเลยตามเลยเล่า”
นางได้แต่ว่ายน้ำไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างจนปัญญา
ความกว้างของแม่น้ำสายนี้หลายสิบจั้ง[1] คนธรรมดาสามัญไม่มีทางว่ายไปถึงฝั่งได้ ต่อให้เฟิ่งเฉี่ยนว่ายน้ำแข็ง สำหรับนางแล้วยังถือเป็ความท้าทายที่ค่อนข้างยาก แต่นางไม่มีทางให้ถอยหลังอีกแล้วจึงได้แต่ว่ายข้ามไป!
รอกระทั่งนางว่ายข้ามไปถึงฝั่งตรงข้าม เฟิ่งเฉี่ยนแทบจะใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่ไปทั้งหมด เหน็ดเหนื่อยเหลือแสน
ะโขึ้นฝั่งได้นางอ้าปากหอบหายใจ ร่างทั้งร่างเปียกม่อลอกม่อแลก ไม่สบายเนื้อสบายตัวเป็อย่างมาก นางมองซ้ายมองขวาเห็นไม่มีใคร จึงดึงปิ่นปักผมออกปล่อยให้ผมยาวสลวยดำขลับนั้นตกลงมาคลุมไหล่ สายลมพัดผ่านมาวูบหนึ่ง นางจึงสะบัดปลายผม ให้เส้นผมสะบัดไปตามแรงลม ขับให้ใบหน้าขาวเนียนละเอียดของนางยิ่งดูมีเสน่ห์เย้ายวนมากขึ้นไปอีก นิ้วมือยาวเรียวนั้นค่อยๆ รวมผมขึ้นปอยหนึ่งเหน็บไว้หลังใบหู ปรากฏให้เห็นติ่งหูขาวเนียนสะอาดราวกับโปร่งแสงได้ ทั้งงดงามและเปี่ยมเสน่ห์
ที่นางไม่รู้ก็คือยามนี้มีบุรุษในอาภรณ์สีดำผู้หนึ่งอยู่ไม่ไกลจากนาง เขากำลังนั่งอยู่บนต้นไม้มองนางด้วยสายตาประเมิน มุมปากยกขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เขาไม่ใช่ใครอื่น เขาคือจิ่งเทียนไท่จื่อแห่งเมืองหลวง มู่หรงจิ่งเทียน!
เมื่อสักครู่ได้ยินฝั่งตรงข้ามมีเสียงการเคลื่อนไหว เขาจึงมาสังเกตการณ์ คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นภาพที่มีสีสันเยี่ยงนี้—
เห็นเพียงหมูป่าฝูงหนึ่งวิ่งไหล่ตามสตรีในอาภรณ์สีขาวมาถึงริมแม่น้ำ สตรีในอาภรณ์สีขาวะโลงแม่น้ำอย่างรวดเร็ว แต่นางต้องคิดไม่ถึงแน่นอนว่า ข้างหน้าจะเป็ทางตัน!
ท่ามกลางความกดดันที่ถูกไล่ล่าด้วยฝูงหมูป่า สตรีนางนี้ตัดสินะโลงแม่น้ำอย่างใจเด็ด เงาร่างอันเด็ดเดี่ยวของนางทำให้คิ้วกระบี่ของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย แต่ก็หมดความสนใจลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน แม่น้ำกว้างหลายสิบจั้งคนธรรมดาสามัญไม่มีทางข้ามฝั่งมาได้ เบื้องหน้าสตรีนางนี้มีแม่น้ำสายใหญ่ขวางกั้น เื้ัมีฝูงหมูป่าจ้องตะครุบ ดูไปแล้วยังคงเป็ความตายที่ยากจะหนีพ้น สำหรับ “คนตาย” คนหนึ่ง เขาย่อมไม่ใส่ใจ จึงนอนเกียจคร้านอยู่บนต้นไม้พักสายตา ตัดสินใจว่าจะพักผ่อนที่นี่สักครู่
ผ่านไปครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงหยดน้ำกระจายบริเวณริมแม่น้ำ เขาลืมตาหันไปมอง พบว่าสตรีในอาภรณ์สีขาวถึงกับว่ายข้ามมาสำเร็จ และยังขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย เขาประหลาดใจนิดๆ จึงอดที่จะมองนางอีกครั้งไม่ได้
สตรีในอาภรณ์สีขาวเข้าใจว่ารอบข้างไม่มีคนจึงปลดสายคาดเอวออก ในเวลานี้เอง นางถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเหลือเพียงเสื้อบางๆ แนบเนื้อชิ้นเดียว เสื้อบางๆ ที่เปียกชุ่มนั้นแนบไปกับผิวของนาง แนบไปกับส่วนเว้าส่วนโค้งบนร่างกายของนาง เขาเลิกคิ้วขึ้น
อย่าได้มองว่านางเป็คนผ่ายผอม รูปร่างกลับดีอย่างคาดไม่ถึง ข้างหน้านูนข้างหลังงอน ช่างน่าลุ่มหลง...
แต่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรไปด้วย ในทางตรงข้ามกลับแสดงท่าทีราวกับเห็นเื่เช่นนี้จนเคยชิน ทั้งยังมีความรู้สึกดูิ่ดูแคลนอยู่หลายส่วน
เดิมทียังคิดว่าจะเป็คนที่น่าสนใจ คิดไม่ถึงว่าจะเหมือนสตรีคนอื่นๆ ที่ใช้ทุกวิถีทางเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา
เขากำลังจะละเลื่อนสายตาไปทางอื่น คนที่อยู่เบื้องล่างดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง นางเงยหน้าขวับมองขึ้นมา ดวงตางดงามคู่นั้นดำขลับและเปี่ยมไปด้วยความระมัดระวัง เหมือนดวงตาของเสือดาวที่เตรียมพร้อมจะโจมตี!
เอ๊ะ? สายตานั้นคมปลาบเหลือเกิน!
ไม่เหมือนเสแสร้งแกล้งทำ และดูเหมือนจะออกมาจากความรู้สึกข้างใน!
น่าสนใจ!
มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยและบังเกิดความสนใจนางขึ้นมาอีกครั้ง
เฟิ่งเฉี่ยนคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอยู่บนต้นไม้
บุรุษคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำที่ขลิบด้วยกุ๊นสีทอง คลุมกายด้วยหนังจิ้งจอก บนศีรษะสวมมงกุฏสีม่วงทอง ความสูงศักดิ์นั้นกดข่มผู้คน บุคลิกไม่ธรรมดาสามัญ คิ้วยาวนั้นพาดขึ้นไปหาไรผม ดวงตาราวกับดวงดาว คล้ายพระจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน สะท้อนให้เห็นความเ็า ข้างล่างจมูกโด่งเป็สันนั้นคือริมฝีปากบางเปี่ยมเสน่ห์
ในมือของเขากำลังคลึงหยกชิ้นหนึ่งเล่นด้วยท่าทีสบายๆ ดูจากท่าทางของเขาแล้วน่าจะมาถึงที่นี่ได้สักพัก นางถึงกับไม่รู้สึกตัวเลย หากไม่ใช่เป็เพราะความระมัดระวังตัวของนางมีน้อยเกินไป ก็เป็เพราะเขาบำเพ็ญตนถึงขั้นที่สูงเกินไป!
[1] จั้ง 1 จั้ง เท่ากับ 10 ฉื่อ (ประมาณ 2.5 เมตร)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้