“องค์รัชทายาท ข้ากลับมาแล้ว” ชายหนุ่มร่างสูง ท่าทางน่าเกรงขามเดินเข้ามาจากด้านหลังอย่างเงียบๆ พลางยกมือประสานรวมกันแสดงความเคารพ ท่ามกลางธรรมชาติอันแสนงดงามตัดผ่านด้วยสระน้ำใหญ่ หมู่นกน้อยและผีเสื้อบินผ่านไปมาเสมือนดินแดนแห่ง์ เพียงเสียงเรียกของใครบางคน ทำให้องค์รัชทายาทถอนสายตาจากเบื้องหน้า แล้วหันกลับมา
“หาท่านผู้เฒ่าหานตงพบฤาไม่” สุรเสียงอันสุขุม กล่าวถามผู้มาเยือนอย่างราบเรียบ
“ข้าออกตามหามาทั่วสารทิศแล้ว ยังไม่มีร่องรอยใดให้ติดตามท่านผู้เฒ่าหานตงได้” องค์รัชทายาทได้ฟัง จึงเบี่ยงพระพักตร์ทอดสายตาไปยังสระมรกตดังเดิม
“เป็อย่างที่ข้าคิด การจะพบตัวท่านผู้เฒ่ายากยิ่งกว่าสิ่งใด เช่นนั้นแล้วข้าควรทำอย่างไร วิชาเวทเหลือเพียงอีกแค่ขั้นเดียวเท่านั้น หากไม่มีผู้ชี้แนะ ข้าจะไม่มีวันฝึกมันสำเร็จ ต่อให้มีตำราบันทึกไว้มากมายสักเพียงใดก็ตาม”
“การขึ้นรับตำแหน่งองค์พระมหาจักรพรรดิ ไม่จำเป็ต้องฝึกวิชาเวทจนครบ อันที่จริงแล้วมิมีสิ่งใดต้องกังวล ดูอย่างเช่นท่านพ่อ สำเร็จวิชาเวทเพียงแค่ขั้นห้าเท่านั้น”
“องค์ชายรอง เ้าเป็น้องของข้า ขอบใจที่เ้าพยายามปลอบขวัญ แต่เหนือสิ่งอื่นใดหากข้าฝึกวิชาเวทขั้นแปดสำเร็จ เมื่อกาลเวลาเวียนมาพิษของดอกเฟิ่งเซียนจะไม่สามารถทำร้ายคนได้อีก เหมือนในอดีตกาลที่ข้ามิเคยลืมความเ็ปของราษฎร แม้แต่เหล่าขุนนางแทบเอาตัวไม่รอด พิษของดอกเฟิ่งเซียนร้ายกาจยากแก้ได้ หากมิได้แม่นางเหมยเชินในยามนั้น แคว้นกงเหว่ยคงถึงจุดสิ้นสุด สิ่งที่ข้ากังวลใจมากที่สุด ในพื้นปฐีนี้นอกจากแม่นางเหมยเชินแล้วไม่มีใครรู้วิธีการรักษาพิษของดอกเฟิ่งเซียนอีก”
“วิชาเวทขั้นแปดสามารถรักษาพิษของดอกเฟิ่งเซียนได้ก็จริง แต่น้อยคนนักที่จะฝึกวิชาเวทขั้นแปดได้สำเร็จ รวมถึงท่านผู้เฒ่าหานตงด้วยเช่นกัน” องค์ชายรองพยายามโน้มน้าวใจ ไม่ให้องค์รัชทายาทมุ่งหวังมากเกินไป จนอาจนำพาสู่ความผิดหวัง
“แม้ท่านผู้เฒ่าหานตงจะไม่สำเร็จวิชาเวทขั้นแปด แต่ลูกศิษย์ของท่านสำเร็จวิชาเวทขั้นแปดได้ นับว่าไม่ธรรมดา เหตุนี้ข้าจึงพยายามตามหาท่านผู้เฒ่าแม้จะต้องพลิกผืนฟ้าก็ตาม”
“นั่นใคร” องค์รัชทายาทตวัดหางตา มองไปยังต้นท้อด้านหลัง พลังเวทวูบขึ้นที่ฝ่ามือ แล้วลากสิ่งต้องสงสัยออกจากต้นไม้นั้น ปรากฏเป็หญิงสาวนางหนึ่ง เมื่อนางโดนจับได้จึงยืนก้มหน้าพลางทำสายตาละห้อย
“เ้าเป็ใคร เหตุใดจึงมาแอบฟังข้า” หญิงสาวรูปโฉมงามดังเทพธิดา ผมยาวดำสนิทจรดหลังเหลือบตามองทั้งสองคนอย่างกล้าๆ กลัวๆ หลังจากสุรเสียงของโจวอี้เฟยเข้มแสดงความไม่พอใจ
“เหิงเยว่ ตอบองค์รัชทายาทไปสิ ว่าเ้าแค่้านำขนมถั่วดำมาให้องค์รัชทายาทชิมเท่านั้น” องค์ชายรองรีบเก้าท้าวเข้าไปหาหญิงสาว เขากลัวว่าการกระทำของนางจะทำให้องค์รัชทายาทมีรับสั่งลงโทษ ตามธรรมเนียมของนครใหญ่ การเข้าแอบฟังราชวงศ์คุยกันเป็สิ่งต้องห้าม และมีบทลงโทษหลายอย่างที่หนักหนาสาหัส เกินกว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ แบบเหิงเยว่จะรับไหว
“ข้า...คือ...ข้า” นางก้มมองถาดขนมในมือแล้วทำท่าอึกอัก รู้สึกประหม่าเมื่อเห็นพระพักตร์ขององค์รัชทายาทอย่างใกล้ชิด เขาวางตัวอยู่เหนือสิ่งอื่นใดแตะต้องได้ ไม่แปลกเลยที่เหล่าสาวงามทั้งหลายต่างถอดใจกันไปหลายคน
“เ้ารีบทูลองค์รัชทายาทสิ” อาการร้อนรนขององค์ชายรองทำให้ โจวอี้เฟยขมวดคิ้ว
“ข้าชื่อว่าเหิงเยว่ เป็บุตรีของแม่ทัพลู่เพคะ พระมหาจักรพรรดิให้ข้าลองทำขนมถั่วดำ แล้วนำมาให้องค์รัชทายาทเสวยดูเพคะ” หญิงสาวพูดด้วยท่าทางอ่อนหวาน สมกับเป็คนของวังหลวงที่ถูกขัดเกลานิสัยมาดีแล้ว กิริยาอ่อนช้อยแฝงด้วยความนอบน้อมเป็ธรรมเนียมสืบสานกันมารุ่นสู่รุ่น
“องค์ชายรอง เ้ารู้จักนางด้วยเหรอ” สองเท้าเลื่อนเข้ามาหา พลางสำรวจใบหน้าเรียวเล็กของหญิงสาวอย่างถี่ถ้วน ก่อนละสายตาจากนางแล้วหันมาเอาคำตอบจากองค์ชายรอง
“ข้ารู้จักนางเมื่อไม่นานมานี้” องค์รัชทายาทเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนปรายตามองใบหน้าของโฉมงามเป็ครั้งสุดท้าย
“เ้าวางถาดขนมไว้ตรงนั้น แล้วจงรีบออกไป ข้ามีความสำคัญจะปรึกษากับองค์ชายรอง” น้ำเสียงพร้อมด้วยกิริยาราบเรียบ ยังคงแสดงออกอย่างห่างเหิน ไม่มีท่าทีอยากใกล้ชิด หรือทำความรู้จักเพิ่มเติมแม้แต่น้อย องค์ชายรองสังเกตสีหน้าของเหิงเยว่ที่แปรเปลี่ยนอย่างผิดหวัง ก่อนจะทูลลาองค์รัชทายาทแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ
โจวอี้เฟยหันกลับมายังสระน้ำมรกตเช่นเดิม ทอดสายตาไปยังหมู่มวลพฤกษาต่างๆ ที่พากันพร้อมใจออกดอกแสดงความสดใส
“องค์ชายรอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“บางทีข้าอาจใช้งานเ้ามากเกินไป จนไม่มีเวลาส่วนตัว นับจากนี้ข้าจะออกตามหาท่านผู้เฒ่าด้วยตัวข้าเอง”
“แต่มันอันตรายเกินไป หากเกิดอะไรขึ้นกับท่าน แคว้นของเราจะมั่นคงได้อย่างไร”
“เ้าอย่าลืมสิ ข้าสำเร็จวิชาเวทขั้นเจ็ด สามารถไปไหนมาไหนเพียงแค่อึดใจเดียว และหากถึงคราวชะตาฟ้าลิขิตให้ข้าต้องจบชีวิต แคว้นก่งเหว่ยก็ยังมีเ้าอีกคน ที่สามารถเป็องค์รัชทายาทแทนข้าได้”
“ข้ามิบังอาจ” องค์ชายรองแสดงอาการหวาดหวั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่คิดเทียบบารมีด้วยั้แ่แรกเริ่ม
“แม้เ้าจะเกิดจากพระสนม แต่เมื่อถึงเวลานั้นจะมีเพียงเ้าที่รับตำแหน่งต่อจากข้า มันคือความจริงที่มิอาจเปลี่ยนแปลง ดังนั้นขออย่าได้กังวล มหานครของเราจะยังคงมั่นคงสืบไป” องค์รัชทายาทพูดจบจึงหันพระพักตร์กลับมาสังเกตสีหน้าขององค์ชายรอง ก่อนปล่อยยิ้มแล้วหันไปยังถาดขนมที่แม่นางเหิงเยว่นำมาวางไว้
“ขนมนั่น ข้ายกให้เ้าทั้งหมด เพราะข้าไม่ชอบขนมถั่วดำ มันหวานเกินไป” ว่าแล้วพลังเวทจึงวูบขึ้นที่มือ ก่อนร่างขององค์รัชทายาทจะหายวับไปกับตา องค์ชายรองยืนนิ่งทบทวนทุกอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่งก่อนหันกลับมายังขนมถั่วดำที่ว่า เขาค่อยๆ หยิบขึ้นมา หวนนึกถึงสาวงามผู้เป็เ้าของขนมนี้