เพียงพริบตาเดียวเด็กชายทั้งสี่ก็ไม่อยู่บ้านแล้ว หลี่ซานและหลี่สือไม่รู้สึกอะไร แต่จ้าวซื่อและหลี่หรูอี้กลับรู้สึกเหงาอยู่บ้าง
หลังจากทานอาหารกลางวันอย่างง่ายๆ และนอนกลางวันไปแล้ว หลี่หรูอี้ก็เริ่มสอนหลี่สือให้นวดแป้ง “วันนี้พวกเราจะทำอาหารชนิดใหม่ซึ่งก็คือขนมแป้งทอด”
“ขนมแป้งทอดคืออะไร”
“เป็แป้งทอดชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของแป้งและงา และจะต้องใช้เตาย่างด้วยเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้อยากทำขนมแป้งทอดขายมานานแล้ว เมื่อมีเตาย่างและทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานขายจนเสร็จ จึงเริ่มทำขนมแป้งทอดทันที
ในโลกก่อน หนึ่งในอาหารจานแป้งที่คนภาคเหนือชอบกินที่สุดก็คือ ขนมแป้งทอด ขนมแป้งทอดมีหลายประเภท เช่น แป้งทอดงาขาว แป้งทอดกรอบ แป้งทอดสูตรซอสงา แป้งทอดขนมปัง แป้งทอดรสหวาน แป้งทอดรสเค็ม แป้งทอดพันชั้น เป็ต้น
ขนมแป้งทอดกรอบเป็หนึ่งในขนมแป้งทอดที่คนส่วนใหญ่นิยมกินที่สุด และมีวิธีทำที่เรียบง่ายกว่าขนมแป้งทอดชนิดอื่น หลี่หรูอี้จึงตัดสินใจทำขนมแป้งทอดกรอบขายเป็อย่างแรก
การทำขนมแป้งทอดกรอบจะต้องทำไปตามลำดับขั้นตอน เริ่มด้วยการนำแป้งไปทอดในกระทะให้แป้งชั้นนอกกรอบ แล้วจึงนำเข้าไปอบในเตา มีวิธีการทำที่ซับซ้อนกว่าแป้งย่างใส่ไข่ แป้งย่างต้นหอม และขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน
หลี่หรูอี้พบว่าหลี่สือนวดแป้งได้ค่อนข้างเร็ว “อารอง ไม่ต้องรีบร้อนเ้าค่ะ พวกเรามีเวลาอีกมาก”
“ไม่ได้รีบ ข้ามีแรงมาก” หลี่สือทำงานโดยไม่วอกแวก เขาจดจ่ออยู่กับการนวดแป้งอย่างมีความสุข หลังจากนวดแป้งเสร็จหลี่หรูอี้ก็สอนให้หลี่สือทำแผ่นแป้ง
แผ่นแป้งมีขนาดใหญ่ครึ่งฝ่ามือ เริ่มจากนำแผ่นแป้งไปคลุกเคล้างาขาวแล้วนำไปทอดโดยนาบกับกระทะจนเป็สีเหลืองทั้งสองด้าน เมื่องาขาวติดกับแผ่นแป้งดีแล้วค่อยนำไปอบในเตาหลังบ้าน โดยแบ่งใส่ถาด ถาดละหกสิบชิ้น
สองอาหลานแบ่งงานกันทำ หลี่หรูอี้รับผิดชอบทอดแป้ง หลี่สือรับผิดชอบอบแป้ง
ขนมแป้งทอดกรอบชุดแรกออกจากเตาแล้ว มีทั้งหมดหกสิบชิ้น มีกลิ่นหอมอบอวล
สองอาหลานแบ่งกันลองชิมคนละชิ้น แป้งนุ่มกลิ่นหอมรสเค็มเล็กน้อย รสชาติถือว่าดีเยี่ยม มีรสแตกต่างจากแป้งย่างใส่ไข่และขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน
หลี่สือกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “หรูอี้ ขนมแป้งทอดกรอบอร่อยจริงๆ”
“นี่คือขนมที่ข้ากับท่านช่วยกันทำอย่างไรเล่า”
“ฮ่าๆ... ขนมที่ข้ากับเ้าทำหรือ อร่อยจริงๆ” หลี่สือดวงตาเปล่งประกายแวววาว มีท่าทีมั่นใจมากขึ้น หากคนที่ไม่สนิทสนมกับเขามาเห็นท่าทางเช่นนี้คงคิดว่าเขาเป็คนฉลาดเฉลียวไปแล้ว
สองอาหลานอยากนำเื่ยินดีเช่นนี้ไปบอกกับสองสามีภรรยาแซ่หลี่อย่างอดใจไม่ไหว พวกเขาทำงานต่อไป ภายในหนึ่งชั่วยามกว่าก็ทำขนมแป้งทอดกรอบออกมาได้สองร้อยสี่สิบชิ้น ทั้งยังทำแป้งย่างต้นหอมออกมาอีกห้าสิบชิ้น
จ้าวซื่อกำลังทำกระเป๋าหนังสือให้บุตรชายทั้งสี่ เมื่อสามีบอกว่าบุตรสาวกำลังทำอาหารชนิดใหม่จึงเดินเข้าไปดูในครัว
“หรูอี้ฉลาดจริงๆ ถึงกับคิดอาหารอร่อยๆ ออกมาได้เชียว พวกเราไม่เคยเห็นและไม่เคยกินด้วย” หลี่ซานยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่อาจช่วยอะไรได้เช่นเดียวกับจ้าวซื่อ ในที่สุดเขาก็เข้าใจความรู้สึกของจ้าวซื่อก่อนหน้านี้แล้ว
จ้าวซื่อกล่าวอย่างทอดถอนใจ “น้องรองเป็ลูกมือให้หรูอี้ได้ เก่งกว่าพวกเราเสียอีก”
“ท่านพ่อ ขนมแป้งทอดกรอบขายชิ้นละสองทองแดง สองชิ้นสามทองแดง ท่านจำไว้ให้ดี ไม่ว่าใครมาซื้อก็ห้ามลดราคาให้อย่างเด็ดขาด” หลี่หรูอี้บอกกับหลี่ซานว่า จะเรียกลูกค้าอย่างไร เมื่อเห็นหลี่ซานตั้งใจเรียนรู้ด้วยท่าทีเคร่งขรึมก็กล่าวให้กำลังใจไปหลายประโยค พลางคิดในใจว่า หากมิใช่ว่าท่านแม่กำลังตั้งครรภ์น้องชายอยู่ วันนี้นางคงไปเป็เพื่อนท่านพ่อแล้ว
ต้นยามเซิน หลี่ซานรีบขนตะกร้าไผ่ใบใหญ่ทั้งสองใบขึ้นเกวียนลาแล้วออกเดินทางไปยังตลาดในตำบล
หลี่หรูอี้รู้สึกกังวลเล็กน้อย ยืนมองเกวียนจนกระทั่งลับตาไป อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ท่านแม่ ท่านพ่อมีนิสัยหัวแข็งดื้อรั้นมาก อาจทำการค้าไม่ไหว”
จ้าวซื่อเองก็เป็ห่วงว่าสามีจะขายแป้งทอดไม่ได้ แต่ไม่อยากทำให้บุตรสาวกังวลใจไปด้วย จึงกล่าวขึ้นว่า “ตอนพ่อเ้ายังเด็กก็เคยช่วยย่าทวดของเ้าขายของ”
หลี่หรูอี้เคยได้ยินหลี่เจี้ยนอันพูดเื่ย่าทวดขายแป้งย่างมาก่อนแล้ว ตอนนั้นยังสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่ขายอีก “ตอนเด็กๆ ท่านพ่อขายของได้ดีหรือไม่เ้าคะ”
“ขายไม่ดี เห็นพ่อเ้าบอกว่า แป้งย่างที่ย่าทวดของเ้าทำไม่อร่อยเท่าแป้งย่างที่เ้าทำ พอดีว่าแป้งย่างที่ร้านอื่นทำอร่อยกว่าด้วย”
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างทอดถอนใจ “แป้งย่างที่ท่านย่าทวดทำรสชาติธรรมดาอีกทั้งยังเจอคู่แข่งร้ายกาจ ทำให้แป้งย่างของท่านพ่อขายไม่ดี”
“ใช่” จ้าวซื่อไม่คิดอะไรมากอีก กลับไปทำกระเป๋าหนังสือให้บุตรชายต่อ
หลี่หรูอี้ทำขนมแป้งทอดมากมายเพียงนั้นจึงเหนื่อยล้าเป็อย่างมาก นางนั่งกินสาลี่อยู่ตรงข้ามจ้าวซื่อ เมื่อเห็นดวงตาของจ้าวซื่อแทบจะติดอยู่กับผ้าจึงอดเตือนไม่ได้ว่า “ท่านแม่ งานเย็บปักทำให้เสียสายตา ต่อไปท่านก็อย่าทำอีกเลย สนใจน้องชายทั้งสองคนก็พอ”
“รอให้น้องชายของเ้าคลอดออกมาก่อนค่อยว่ากันเถิด”
“ท่านไม่ต้องเป็ห่วงเื่ค่าใช้จ่ายในบ้านแล้ว ข้ามีวิธี” หลี่หรูอี้คิดในใจว่า หากท่านพ่อไม่ยอมทำการค้า เช่นนั้นนางก็จะจ้างคนงานไปขายของ ให้เงินวันละสิบทองแดง ย่อมต้องมีคนเต็มใจทำแน่นอน
ตะวันอ่อนแสงเริ่มเคลื่อนไปทางทิศตะวันตก หลี่เจี้ยนอันและเหล่าน้องชายกลับมาจากการเรียนในตำบลแล้ว เมื่อทราบว่าหลี่หรูอี้ทำอาหารชนิดใหม่ เพื่อให้หลี่ซานไปขายที่ในตำบล ก็รู้สึกกังวล กลัวว่าบิดาจะขายของไม่ออก
ในยามที่หลี่ซานขับเกวียนลามาถึงประตูเมือง ตลาดเพิ่งเริ่มตั้ง คนอื่นไม่รู้จักเขา แต่รู้จักเกวียนลาของครอบครัวเขา
“นี่ไม่ใช่เกวียนลาของเด็กบ้านหลี่หรือ เหตุใดพวกเขาไม่มาเล่า?”
“หลังจากวันที่สิบห้าเดือนแปด ก็ไม่เห็นเด็กบ้านหลี่ออกมาตั้งแผงขายของอีกเลย”
“พี่ชาย ท่านเป็อะไรกับเด็กบ้านหลี่หรือ”
ลูกค้าเก่าหลายคนเดินเข้ามาถาม หลี่ซานจึงตอบคำถามไปทีละคน
เมื่อทุกคนทราบว่า หลี่ซานคือบิดาของเด็กบ้านหลี่ ต่อจากนี้เด็กชายบ้านหลี่จะไปสำนักศึกษา และหลี่ซานจะมาขายของแทน จึงพากันอวยพรให้กับเด็กชายบ้านหลี่
หลี่ซานถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อน รีบแนะนำอาหารชนิดใหม่ของบ้านตนให้ทุกคนได้รู้จักทันที ซึ่งก็คือขนมแป้งทอดกรอบนั่นเอง “ขนมแป้งทอดกรอบขอรับ มีส่วนผสมของแป้งขาว งาขาว และน้ำมันพืช ทั้งกรอบทั้งหอม มีหนึ่งไม่มีสองในแผ่นดิน ชิ้นละสองทองแดง สองชิ้นสามทองแดง มาก่อนได้ก่อน มาสายอาจไม่ได้ซื้อ”
แม้เขาจะมีนิสัยดื้อรั้นแข็งกร้าว แต่เป็คนอารมณ์ดี บนใบหน้ามักประดับไปด้วยรอยยิ้มเสมอดูแล้วพานให้รู้สึกดีไปด้วย
มีคนถามขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ขนมแป้งทอดกรอบเล็กกว่าแป้งย่างต้นหอม เหตุใดจึงขายชิ้นละสองทองแดง แพงกว่าแป้งย่างต้นหอมอีก?”
หลี่ซานยิ้มกว้าง “ขนมแป้งทอดกรอบหนากว่าแป้งย่างต้นหอมอีกทั้งงาขาวก็แพงกว่าต้นหอมมากขอรับ”
“ข้าขอซื้อชิมหนึ่งชิ้น”
“นี่สามทองแดง ข้าซื้อสองชิ้น”
ลูกค้าเก่าล้วนควักเงินทองแดงออกมายื่นให้เพื่อขอซื้อขนมแป้งทอดกรอบ เหล่าคนที่ชอบดูความครึกครื้นก็พากันเข้ามาห้อมล้อม และคอยถามพวกเขาว่า รสชาติเป็อย่างไร
“อาหารของบ้านหลี่ย่อมต้องอร่อยแน่นอน”
“ั้แ่ที่บ้านหลี่ทำขนมแป้งออกมาขาย ข้าก็ไม่เคยซื้อขนมแป้งจากร้านอื่นอีกเลย”
“พี่ชาย ข้าซื้อขนมแป้งทอดกรอบอีกเก้าทองแดง จะซื้อกลับบ้าน”
ลูกค้าเก่าผู้มีรูปร่างอ้วนท้วมซื้อขนมแป้งทอดกรอบเพิ่มอีกหกชิ้น ทั้งยังกล่าวด้วยความจริงใจว่า ขนมแป้งทอดกรอบรสชาติอร่อยเลิศยิ่งนัก
สตรีร่างสูงคนหนึ่งะโว่า “เอาขนมแป้งทอดกรอบมาสองชิ้น แป้งย่างต้นหอมสองชิ้น”
เมื่อผู้ที่มาห้อมล้อมอยู่เห็นว่าขนมอร่อย ก็พากันควักเงินซื้อขนมแป้งทอดกรอบมาลองชิมบ้าง ส่วนคนที่มีเงินมากหน่อยถึงกับซื้อรวดเดียวยี่สิบชิ้น
หลี่ซานรีบรับเงินทองแดง ในใจเต็มไปด้วยความสุขที่คิดไม่ถึงว่า ขนมแป้งทอดกรอบที่บุตรีสุดที่รักทำออกมา เพียงขายครั้งแรกก็ขายออกรวดเร็วเช่นนี้แล้ว
คนที่ได้ยินว่าทางด้านนี้มีของอร่อยก็รีบพากันมาซื้อ เมื่อเห็นว่าของในตะกร้าไผ่ใกล้จะหมดแล้วจึงรีบเบียดกันเข้ามาอีก ขณะนั้นเองชายชราผมขาวคนหนึ่งอุ้มเด็กน้อยอายุสามขวบผู้มีดวงตากลมโตเอาไว้แนบอกถูกคนด้านหลังเบียดจนล้มลง
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้