“สวัสดีค่ะคุณพิชญ์” พนักงานหญิงอายุน้อยยกมือไหว้พิชญาด้วยกิริยางดงามพร้อมรอยยิ้มอันสดใส หลิวเด็กสาวอายุสิบเก้าปี เข้ามาทำงานพร้อมกับวันแรกที่ร้านกาแฟแห่งนี้เปิดทำการ จวบจนถึงตอนนี้เป็เวลาหนึ่งปีเท่านั้น กำไรในแต่ละเดือนไม่ได้มากมายอะไร แต่พออยู่ได้แบบสบายๆ ไม่เดือดร้อน ทำเลตั้งอยู่ในซอย แต่เดินทางไม่ยากนัก บริเวณมีที่จอดรถรองรับลูกค้าได้หลายคัน
“เป็ไงบ้างหลิว ขนมเค้กขายดีไหม” พิชญาส่งยิ้มหวานให้ลูกจ้าง พลางก้มไปที่ตู้กระจกใส ดวงตากลมเป็ประกายเลื่อนสำรวจไปทีละชั้นช้าๆ เพื่อนับจำนวนขนมที่เหลือในตู้
“พอได้บ้างค่ะ แต่ว่าคุกกี้นมจะขายดีเป็พิเศษค่ะ” พิชญาเงยหน้าขึ้น พลางพยักหน้าแสดงความพอใจ ก่อนเสียงกระดิ่งหน้าร้านดังเป็สัญญาณว่ามีลูกค้าเข้ามา เธอจึงหันไปต้อนรับ แล้วปล่อยยิ้มหวานให้กับลูกค้าหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง
“ขอคาปูชิโน่แก้วหนึ่งครับ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา แต่งกายด้วยเสื้อยืดกางเกงยีน สบายๆ เดินเข้ามาสั่งเครื่องดื่ม พร้อมส่งยิ้มอันมีเสน่ห์ให้กับเ้าของร้านไปหนึ่งที
“เดี๋ยวพี่ทำเอง” พิชญาหันไปบอกพนักงาน แล้วหันไปหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมาสวมทับ ผมยาวสลวยถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมผูกโบสีชมพูอ่อน รับกับใบหน้าอ่อนหวานราวกับตุ๊กตา ชายหนุ่มยืนมองแล้วพินิจด้วยความประทับใจ
“ลมอะไรหอบเธอมา” เรียวปากเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือบางคว้าแก้วกาแฟ พลางถามลูกค้าขาประจำ
“ลมคิดถึงไงจ๊ะ” ภีมพล ชะเง้อคอเข้าไปใกล้ พลางหันซ้ายขวาแล้วกระซิบเบาๆ หลังจากได้ยินคำหวาน เรียวปากเล็กยกขึ้นเล็กน้อย เป็เวลาที่กาแฟแก้วดังกล่าวเสร็จพอดี
“วันนี้ไม่ทำงานหรือไง” หญิงสาวถามกลับเสียงหวาน
“เราโดนไล่ออกแล้ว” คำตอบของชายหนุ่มพร้อมกับท่าทางไม่รู้สึกสะทกสะท้านของเขา ทำเอาพิชญาเบิกตากว้าง รีบปลดผ้ากันเปื้อนออก แล้วส่งแก้วกาแฟให้เขา
“อีกแล้วหรือ เธอโดนไล่ออกมาสองครั้งแล้วนะ”
“ทำไงได้ เป็ลูกจ้างเขา ทำไม่พอใจก็โดนไล่ออกเป็เื่ปกติอยู่แล้วเปล่า” ชายหนุ่มยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม พลางเบี่ยงตัวเดินมายังเก้าอี้ว่างสี่ห้าตัว คำตอบของเพื่อนสนิท ทำให้พิชญาถึงกับขมวดคิ้วแล้วเดินตามมาติดๆ
เขาทำตัวเป็เด็กไม่รู้จักโตได้ตลอดเวลา ไม่สนว่าชีวิตข้างหน้าจะเป็อย่างไร เอาแต่ใจตัวเองเป็ที่หนึ่ง
“เธอเปลี่ยนงานบ่อยไปแล้วนะ รู้ไหมว่าประวัติจะไม่ดี” ใบหน้าสวยตั้งตรงแล้วมองภีมพลด้วยความเป็ห่วง ชายหนุ่มมองไปที่หน้าตาจริงจังของหญิงสาว ครู่หนึ่งจึงปล่อยยิ้มออกมา เขาชอบเวลาที่เธอเป็ห่วงเขาที่สุด เพราะเธอเหมือนลูกแมวที่กำลังโกรธ หากแต่มันไม่น่ากลัวเลยสักนิด กลับกันมันดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“อันที่จริงวันนี้เราไปสมัครงานที่อื่นมาแล้ว อย่าทำหน้าดุอย่างนั้นสิ ก็รู้อยู่ว่าตอนพิชญ์ทำหน้าแบบนี้ น่าเกลียดจะตายไป ระวังจะหาแฟนไม่ได้” พิชญาตีไปที่แขนเขาหนึ่งครั้ง แล้วเบี่ยงตัวลุกเดินไปหยิบเค้กในตู้มาหนึ่งชิ้น
“ชิ้นนี้เราเลี้ยง ปลอบใจในฐานะที่เธอตกงาน” หญิงสาววางขนมเค้กลง พลางเลื่อนไปตรงหน้าชายหนุ่ม ใบหน้าหวานและความใจดีของเธอทำให้ภีมพลดูดกาแฟในแก้วไปเต็มอึก
“เรานี่ช่างโชคดี ขนาดตกงานยังมีขนมปลอบใจ” หญิงสาวก้มหน้าอมยิ้มเล็กน้อย เขาเป็คนขี้เล่นอยู่เสมอ มักมีแต่รอยยิ้มมอบให้ เธอมองชายหนุ่มครู่หนึ่ง พึ่งสังเกตเห็นแววตาของภีมพล เหมือนมีอะไรในใจ แววตาเศร้าดูผิดจากเดิม
“นอกจากเื่ตกงานแล้ว ภีมมีอะไรไม่สบายใจอีกหรือเปล่า” ชายหนุ่มสำลักเล็กน้อย เขารีบคว้าทิชชูเช็ดปาก ดวงตาคมสบตาหญิงสาวอย่างจริงจัง พลางส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้ ไม่คิดว่าหญิงสาวตัวเล็กจะจับผิดคนได้เก่งขนาดนี้
“อาการเราออกขนาดนั้นเลยหรือ” พิชญาพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
“ก็มีแหละนะ แต่ว่ามีไม่มาก”
“เลิกปากแข็งเสียที บอกเรามาว่าเกิดไรขึ้นกับเธอ” หญิงสาวเอื้อมมือไปจับแขนเขาไว้แน่น เพื่อให้ภีมพลพูดความจริง
“ตกลงเราปิดบังอะไรเธอ ไม่ได้สักเื่เลยใช่ไหม” หญิงสาวส่งยิ้มหวานแล้วพยักหน้า มองตาเขาอย่างแน่วแน่เพื่อเอาคำตอบ
“เราทะเลาะกับแฟน ก็เื่ที่เราตกงานนี่แหละ”
“โถ...เื่แค่นี้เองถ้าแฟนงอนแปลว่าอยากให้ง้อ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ยังไง” พิชญายิ้มกว้างหนึ่งครั้ง ก่อนจับมือเขาแล้วลากออกจากร้านไป
