"อิ๋ง"
เฉียวเยว่แค่นเสียงหึ "ท่านอย่ามาแกล้งทำเสียงสุนัขร้องหน่อยเลย นึกว่าแกล้งทำเป็สุนัขเยาะหยันข้า แล้วข้าจะกลัวท่านหรือ?"
"อิ๋ง อิ๋ง" เสียงดังขึ้นอีกครา
เฉียวเยว่เริ่มสังเกตว่าไม่ถูกต้อง เอ๋? นางมองไปรอบๆ ก่อนมองหรงจ้านด้วยสายตาคลางแคลง
"ท่านพี่จ้าน"
น้ำเสียงหวานขึ้นทันควัน นางจับมือของหรงจ้าน ทำตัวน่ารักอย่างยิ่ง
"ท่านพี่จ้าน ท่านเป็พี่ชายที่ดีเลิศ ข้ารู้ ท่านรักเฉียวเยว่ที่สุด ฮิฮิ"
ความสามารถในการเปลี่ยนสีหน้าเร็วขนาดนี้ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้
ซูซานหลางทนมองไม่ไหวอีกต่อไป "ซูเฉียวเยว่ เ้าสงบเสงี่ยมให้ข้าหน่อย"
เฉียวเยว่ทำหน้าซุกซน "สงบเสงี่ยมคืออันใด กินได้หรือไม่ ข้าเป็เด็กน้อย ไม่จำเป็ต้องสงบเสงี่ยม ข้าเป็แม่นางน้อยที่น่ารักที่สุด ใช่หรือไม่เ้าคะพี่ชาย ท่านพี่จ้านของข้าหล่อเหลาปานต้นหยกล้อลม คิ้วดาบเนตรดารา อ่อนโยนงามสง่า ใต้หล้านี้ยากจะหาบุรุษคนไหนมาเทียบเทียมได้"
"หงิง งี้ดดดด..." เสียงเล็กๆ ค่อนข้างแ่เบา เฉียวเยว่ก้มลงมองข้างล่างแต่ไม่เห็น ตัดสินใจปีนขึ้นข้างบนเสียเลย นางเตรียมขึ้นตักของหรงจ้าน
ใบหน้าอาบรอยยิ้มของหรงจ้านพลันแตกเป็เสี่ยงๆ เขาหิ้วคอเสื้อของเฉียวเยว่ขึ้นมาแล้วจับนางไปวางไว้ไกลๆ "ระวังกิริยาของเ้าหน่อย"
เฉียวเยว่เอานิ้วชนกัน "ท่านพี่จ้าน ข้าก็แค่ 'ซมซอบ' ท่านเท่านั้นเอง"
แม้แต่ถ้อยคำปรกติดีๆ ก็พูดไม่เป็แล้ว
หรงจ้านยิ้มอย่างจนปัญญา พลางชี้ไปที่ด้านหลังของตนเอง "ข้ายกให้ เ้า้าหรือไม่?"
เฉียวเยว่ร้องเฮ รีบวิ่งไปอุ้มลูกสุนัขขึ้นมาทันที โดยไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย
นางลูบสุนัขน้อย ดีใจจนไม่รู้จะว่าอย่างไร "เด็กดี เ้ามาจากไหนหรือ เ้าน่ารักมากเลยนะ"
ลูกสุนัขยังเล็กมาก เหมือนเพิ่งจะคลอดออกมาเพียงไม่กี่วัน ตัวยังเหี่ยวย่น ฟันยังไม่ขึ้นสักซี่ ร้องหงิงๆ เสียงเบา
เฉียวเยว่อุ้มลูกสุนัขเดินมาด้านหน้าหรงจ้านอย่างมีความสุข ดวงตาทอประกายระยิบระยับ "ท่านพี่จ้าน ท่านยกมันให้ข้าจริงหรือ?"
นางมีความไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง แต่ก็ประหลาดใจและดีใจอย่างยิ่ง
หรงจ้านพยักหน้า "เห็นเ้าตัวเล็กท่าจะกินเก่งสิ้นเปลืองอาหาร ก็เลยไม่อยากเลี้ยงมันไว้ คร้านจะดูแล เ้า... อยากได้หรือไม่?" หรงจ้านทำท่าทางเหมือนจะรังเกียจมาก
เฉียวเยว่รีบพยักหน้าอย่างแรง "ข้าอยากได้ ข้าอยากได้ ข้าชอบมันมาก"
หลังจากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรได้ รีบหันไปมองซูซานหลาง
"ท่านพ่อ ข้าเลี้ยงมันได้หรือไม่? ข้าจะป้อนอาหารให้มัน จะดูแลอย่างดี ไม่ให้มันไปกัดคนอื่น ข้าจะเก็บอึให้มันด้วย" เฉียวเยว่จริงจังมาก
ด้วยเกรงว่าบิดาจะไม่อนุญาต จึงพูดต่ออีกว่า "ข้าจะเฝ้ามันไว้ ไม่ให้เห่าเสียงดัง หรือวิ่งซี้ซั้ว"
ซูซานหลางเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังของบุตรสาว ไหนเลยจะเอ่ยคำว่า 'ไม่' ลงคอ เขาพยักหน้า "เมื่อรับเลี้ยงแล้ว ก็ต้องดูแลมันอย่างดี เข้าใจหรือไม่?"
เฉียวเยว่ตบมือะโโลดเต้น ตอบเสียงดัง "เ้าค่ะ"
นางอุ้มลูกสุนัขวิ่งวนไปสองรอบ นึกได้ว่านี่คือสุนัขที่หรงจ้านมอบให้ จึงเดินมาข้างกายเขา แล้วถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "ท่านพี่จ้านเ้าคะ มันอายุเท่าไรแล้ว"
สีหน้าของหรงจ้านเรียบเฉย มองอารมณ์ไม่ออก "ประมาณสามสี่วันกระมัง เป็สุนัขตัวเมีย เ้าก้อนหิมะของเสด็จย่าคลอดมันออกมา เสด็จย่าส่งมาให้ ข้าเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์อันใด ท่าทางดูเป็สุนัขโง่ๆ ไม่เหมาะสมกับข้าเท่าไร มิสู้เอามาให้เ้า มันดูเข้ากับเ้ามากกว่า"
เฉียวเยว่ไหนเลยจะเชื่อถ้อยคำของหรงจ้าน
ช่างเป็บุรุษที่ปากไม่ตรงกับใจ อยู่ดีๆ ไทเฮาจะทรงยกสุนัขให้เขาได้อย่างไร เขาขอมาให้ตนเองชัดๆ นึกมาถึงตรงนี้ก็วิ่งรอบตัวเขาอย่างเริงร่า "ไม่ว่าเื่ใดท่านพี่จ้านก็นึกถึงข้าเสมอ ข้ามีความสุขมาก ยอดเยี่ยมที่สุดเลย"
"ใครนึกถึงเ้า? เพราะไม่ชอบถึงยกให้เ้าหรอก"
เฉียวเยว่อุ้มลูกสุนัขสองมือ แล้วเอาใบหน้าของตนเองมาถูกับขาของหรงจ้าน "ท่านดีที่สุด ท่านดีที่สุด"
"นี่เ้าทำอันใด เ้า..."
แม้จะกลับเมืองหลวงมาไม่นาน แต่ทุกคนต่างรู้ว่าอวี้อ๋องเป็โรครักสะอาด แต่ดูจากพฤติกรรมของเด็กน้อยผู้นี้ก็รู้ได้ว่า ความสะอาดในนิยามของแต่ละคนไม่เหมือนกันจริงๆ
เฉียวเยว่ซาบซึ้งใจจะตายอยู่แล้ว แม้ว่าทุกคนจะกล่าวว่าอวี้อ๋องเป็คนอารมณ์แปรปรวน แต่ในสายตาของนาง แท้จริงแล้วอวี้อ๋องแค่เป็ชายหนุ่มที่เอาใจยากหน่อย คือฉบับขยายของิ่จื้อรุ่ย แม้ว่าพวกเขาจะพูดกับนางไม่ดี แต่กลับรักและเอ็นดูนางมาก
"ท่านพี่จ้าน ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะชอบท่านตลอดไป" นางกล่าวอย่างจริงจัง
หรงจ้านทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "อ้อ ที่แท้เมื่อก่อนเ้าก็ไม่ได้คิดจะชอบข้าตลอดไปนี่เอง"
หักหน้าได้ดี!
เฉียวเยว่หัวเราะคิกอย่างไร้เดียงสา "เมื่อก่อนก็ชอบ แต่ข้าไม่รู้ว่าต่อไปท่านจะยังชอบข้าอยู่หรือเปล่า เอาไว้ท่านตบแต่งภรรยาเมื่อไร ยังจะสนใจอีกหรือว่าข้าเป็ใคร ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะชอบข้าตลอดไปได้ แต่ตอนนี้ข้าตัดสินใจแล้ว ถึงแม้ว่าภายหน้าท่านจะไม่ชอบข้า ข้าก็ยังจะชอบท่านอยู่ดี เพราะท่านคือพี่ชายที่ดีที่สุดของข้า"
หรงจ้านเลิกคิ้ว ถอนหายใจ "เ้าคิดไกลเกินไปแล้ว เื่แต่งงาน..."
เฉียวเยว่พยักหน้า "ต่อให้ท่านแต่งงานกับอสูร ข้าก็ยังเห็นท่านเป็พี่ชายของข้าเสมอ และจะชอบท่านชั่วชีวิตเลย"
เฉียวเยว่วางสุนัขลง แล้วจับมือเขา หรงจ้านสะบัดมือ แต่ไม่อาจสลัดมือของนางให้หลุดได้ เฉียวเยว่กุมมือเขาไว้แน่น พูดอย่างจริงจังหนักแน่น "ข้าชอบของขวัญที่ท่านมอบให้ ชอบมากๆ ขอบคุณนะเ้าคะ ท่านพี่จ้าน"
หรงจ้านมองมือของนางที่จับมือของตนเองอยู่ เอ่ยเสียงเบา "เฉียวเยว่..."
เฉียวเยว่เงยหน้า "หืม?" ก่อนทำหน้ายิ้มเผล่ "ท่านพี่จ้านมีสิ่งใดจะสั่งการ ข้าทำได้ทุกอย่าง เพราะข้าคือเยว่สารพัดนึก!"
หรงจ้านหัวเราะหึๆ หลังจากสงบอารมณ์ได้ ก็ชี้ไปที่มือของนาง พูดเน้นทีละคำทีละประโยค "อย่า-เอา-มือ-ที่-อุ้ม-สุ-นัข-มา-แตะ-ตัว-ข้า"
เฉียวเยว่เปล่งเสียงอ้อ แล้วถาม "เพราะเหตุใด?"
หรงจ้านสูดหายใจลึก พยายามผลิยิ้มอ่อนจาง "สกปรก"
"ไม่สกปรกสักหน่อย หลังจากอุ้มเสร็จแล้ว ค่อยล้างมือก็ได้ ท่านพี่จ้านเดินทางมา เปรอะเปื้อนฝุ่นละอองเยอะกว่าอีก สิ่งเหล่านี้ไม่นับว่าเป็อะไรเลย แต่หากท่านไม่ชอบ วันหลังหากข้าอุ้มมันเสร็จ ก็จะไม่จับมือของท่าน"
หรงจ้านพยักหน้า "เ้ารู้ก็ดี นอกจากนี้ อย่าเอาหน้าของเ้ามาถูขาของขาด้วย ข้ารังเกียจความสกปรก"
สกปรกอีกแล้ว
เฉียวเยว่รู้สึกว่านี่เป็การเป่าขนหาข้อด้อย [1] ชัดๆ คนบางคนไม่ชอบสุนัข จุดนี้นางเข้าใจได้ แต่นางไม่เข้าใจบุรุษตรงหน้านี้เลย
เฉียวเยว่ทำปากยื่น "หน้าข้าสะอาดกว่าขาของท่านเสียอีก"
หรงจ้านยกยิ้ม ย้ายเปลี่ยนตำแหน่งเล็กน้อย "ไม่เห็นจะรู้สึก"
เฉียวเยว่มองผ้าที่วางอยู่บนโต๊ะ คิดว่าคนผู้นี้ต้องเพิ่งใช้เช็ดโต๊ะเป็แน่แท้ ฮึ! บ้านของนางสะอาดมาก คนผู้นี้เป็โรคอนามัยจัดหรือไง? นึกมาถึงตรงนี้ เฉียวเยว่ก็เข้าไปกอดเขาไว้ พลางหัวเราะคิกคัก "เรียกข้าไกวเยว่ มิเช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยมือ"
ซูซานหลางเหมือนอยู่ท่ามกลางพายุ เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดบุตรของเขาถึงควบคุมยากเย็นเช่นนี้ พอเห็นตำแหน่งที่มือเล็กจ้อยของนางวางอยู่ซูซานหลางก็เอ่ยถึงทันที "ซูเฉียวเยว่ เ้าลุกขึ้นมายืนดีๆ ให้ข้าเดี๋ยวนี้ หากทำท่านพี่อวี้อ๋องของเ้ากระดูกเคลื่อนอีก ข้าจะหยิกเ้าให้ตายไปเลย"
เฉียวเยว่ร้องเอ๋ หลังจากนั้นก็มองไปที่แขนของเขา ก่อนจะหัวเราะแหะๆ "วางใจเถิดเ้าค่ะ ครานี้ข้าจะระมัดระวัง ไม่ทำให้ท่านพี่จ้านผู้แสนดีที่สุดได้รับาเ็อีกแน่นอน"
หรงจ้านหิ้วคอเสื้อของนางแล้วเอาไปวางในตำแหน่งที่ไกลหน่อย แล้วค่อยๆ เอ่ยว่า "พรุ่งนี้ข้าต้องเข้าวัง ค้างคืนที่นั่นหลายวันจนกว่าจะถึงปีใหม่ถึงออกจากวัง"
เฉียวเยว่เข้าใจในฉับพลัน "ได้ ข้าจะไม่ไปหาท่านที่จวน"
หรงจ้านจิ้มหน้าผากของนาง "ข้ามิได้หมายความเช่นนี้ เ้าจะไปหาข้าหรือไม่ ล้วนไม่สำคัญ"
เฉียวเยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย นางสะกิดหรงจ้าน สะกิด สะกิด สะกิด
"ท่านนี่ไม่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย ข้ารู้หรอก ท่านกลัวว่าข้าจะไปหาเก้อก็เลยแวะมาบอกโดยเฉพาะใช่หรือไม่ วางใจเถอะ หลังท่านออกจากวังก็เป็่วสันต์อบอุ่นบุปผาเบ่งบาน พวกเราค่อยออกไปเที่ยว ย่ำขจีด้วยกันดีหรือไม่? ตามเสด็จพี่รัชทายาทกับพี่ชายิ่ไปด้วย ฮิฮิฮิ พวกเราก็มีคนไปเป็กุลีแล้ว"
ดวงตาของเฉียวเยว่ฉายแววเ้าเล่ห์แสนกล ท่าทางช่ำชองในการวางเล่ห์กล
หรงจ้านมองนางอย่างพิจารณา เฉียวเยว่ยืดอก "รับรองว่าไม่ให้ท่านทำงานแน่นอน"
หรงจ้านหัวเราะพรืดออกมา สำราญใจอย่างที่น้อยนักจะได้เห็น เขาลูบศีรษะของเฉียวเยว่ "เด็กดี"
หลังจากนั้นก็เอ่ยอีกว่า "ของขวัญเอามาให้เ้า มอบหมายให้บิดาของเ้าแล้ว เมื่อเ้าชอบลูกสุนัข ก็เลี้ยงมันเถอะ อย่าทำมันตายเล่า ไว้ข้าจะกลับมาตรวจสอบ"
เฉียวเยว่ยอบกายทำความเคารพ "หม่อมฉันขอรับรองว่าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพคะ"
หรงจ้านรู้สึกว่านางน่ารักมาก ก้มลงมาหยิกแก้มตุ้ยนุ้ยของนาง "ลดความอ้วนหรือ?"
คอของเฉียวเยว่พับตกลงมา แววตาน่าเวทนายิ่งกว่าลูกสุนัข เริ่มคร่ำครวญอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "ท่านพี่จ้าน บิดาไม่ให้ข้ากินข้าว ฮึกๆ ข้าน่าสงสารมาก พวกเขาจะให้ข้าลดความอ้วนให้ได้ แต่เด็กน้อยต้องอ้วนท้วนถึงจะน่ารักไม่ใช่หรือ ผู้อื่นยังไม่ได้กินข้าวเลย"
เฉียวเยว่ดึงชายเสื้อของหรงจ้านอย่างฉอเลาะ ท่าทางน่าเวทนาอย่างยิ่ง หรงจ้านหันไปมองซูซานหลาง ซูซานหลางพลันกระอักกระอ่วน แต่ยังคงต้องเอ่ย "เ้ากระต่ายอ้วน หากเ้ายังอ้วนเช่นนี้ต่อไปคงจะถูกคนจับไปเชือดกินเนื้อสักวัน"
"แต่ผู้อื่นยังเป็... ยังเป็เด็กน้อยอยู่นะ" เฉียวเยว่ไม่ยอมลดราวาศอก
"ข้าก็ยังไม่เห็นเ้าผอมลงเลย" หรงจ้านหยิกแก้มของนาง
เฉียวเยว่มองซูซานหลางอย่างไม่อยากเชื่อ "มะ... มะ... มะ ไม่ผอม?"
นางชี้มาที่ตนเองพลางะโเสียงดัง "ข้าอดถึงขนาดนี้ยังไม่ผอมอีกหรือ?"
นี่จะเอาชีวิตกันเลยใช่หรือไม่
หรงจ้านกลั้นหัวเราะ พลางพยักหน้า "ใช่ ยังไม่ผอม แล้วจะทำอย่างไร? กระต่ายน้อยจะอ้วนไปตลอดชีวิตหรือ?"
"ไม่เป็ไร ต้องอ้วนสิ ถึงจะงาม" เฉียวเยว่ตอบทันควัน
หรงจ้านหยิกแก้มของนางอีกครั้ง เฉียวเยว่รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองถูกเขาหยิกจนจะย้วยหมดแล้ว "ท่านพี่จ้าน ท่านเอาของกินมาให้ข้าหรือไม่?"
"ไม่มี" หรงจ้านส่ายหน้า
เฉียวเยว่พลันคอตก รำพึงรำพัน "ข้านี่ช่างน่าสงสารยิ่งนัก"
น้ำเสียงของนางอู้อี้แฝงไปด้วยความน่าเวทนาสงสารราวกับตุ๊กตาน้อยตัวหนึ่ง
หรงจ้านเห็นเปียน้อยของนางหลุดออกมาจึงใช้มืออีกข้างมัดขึ้นไปให้ แล้วกระซิบเสียงเบา "ในกล่องสีน้ำตาลมีผ้าพับหนึ่งด้านใน ข้างใต้วางขนมอยู่แถวหนึ่ง ข้าแอบซ่อนไว้ให้เ้า"
เฉียวเยว่หันไปมอง นึกประเมินว่าเขาพูดจริงหรือไม่ แต่กลับเห็นหรงจ้านลุกขึ้นยืน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "คุณชายสาม ไม่ทราบว่าจะออกไปส่งข้าผู้เป็อ๋องได้หรือไม่?"
"ท่านอ๋อง เชิญพ่ะย่ะค่ะ" ซูซานหลางตอบทันที
เฉียวเยว่อุ้มลูกสุนัข แล้วทำท่าโบกมือทั้งคนทั้งสุนัข "ท่านพี่จ้าน ไว้มาเที่ยวอีกนะเ้าคะ ท่านพี่จ้าน ข้าชอบท่านที่สุด ท่านพี่จ้าน..."
ซูซานหลางหันมาทำตาดุใส่ "หุบปาก"
เฉียวเยว่หัวเราะแหะๆ
หลังจากคนไปแล้ว นางก็หันมาสั่งอวิ๋นเอ๋อร์ "เ้าช่วยข้าหากล่องหรือกรงสักใบให้ลูกสุนัข"
พอเห็นว่าในห้องไม่มีคนแล้ว นางก็เริ่มไปรื้อค้นข้าวของ...
คิก คิก คิก
หรงจ้านเป็เทพ์เดินดินแท้ๆ
...
[1] เป่าขนหาข้อด้อย หมายถึงจ้องจะจับผิดหาข้อบกพร่องของผู้อื่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้