วันรุ่งขึ้นท้องฟ้าสว่างเพียงเล็กน้อย หลังจากซูอิ่งแต่งเนื้อแต่งตัวให้อยู่ครู่หนึ่งเหยียนอู๋อวี้ก็รีบตรงไปตำหนักอี้คุน
ไทเฮาไม่ได้พบพวกนางมาหลายวันแล้ว ทว่าก็ไม่ได้มีการละเว้นการถวายพระพรล่วงหน้า พวกเขาจึงได้แต่รอคอยอยู่ที่ตำหนักอี้คุนทุกวัน หากไทเฮามีพระประสงค์เรียกพบขึ้นมากะทันหันจะได้ไม่ถึงขั้นเร่งรีบจนทำอะไรไม่ถูก อาจถูกตราหน้าว่าไร้ซึ่งความเคารพ
นางสนมตำหนักหลังต่างมีความคิดเช่นนี้ ดังนั้นพวกนางจึงยืนรออยู่ตรงประตูอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย
ขณะที่เหยียนอู๋อวี้รีบมาถึงมีเพียงแค่เต๋อเฟย นางจึงก้าวขึ้นไปข้างหน้าและคำนับอย่างนอบน้อมทันที เต๋อเฟยยิ้มอ่อนโยน “่นี้ยุ่งอยู่กับเื่เหลียงเจาอี๋จนลืมแสดงความยินดีกับน้องหญิง”
เหยียนอู๋อวี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “พี่หญิงเต๋อเฟยพูดเกินไปแล้ว บุตรัในครรภ์พี่หญิงเหลียงเป็เื่ใหญ่ หากอวี้เอ๋อร์เอาเื่เล็กน้อยพวกนี้ไปรบกวนพี่หญิงคงเป็เื่น่าละอายใจมากเพคะ”
เต๋อเฟยส่ายศีรษะ “น้องหญิงพบเทียบยารักษาโรคระบาด ช่วยประชาชนเมืองเหอเป่ยก็เป็ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน จะพูดว่าเป็เื่เล็กน้อยได้อย่างไร?” นางพูดพลางแย้มยิ้ม “ข้าได้รับเครื่องประดับศีรษะมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เพียงแต่มันงดงามเกินไป น้องหญิงอายุยังน้อยเหมาะสมที่จะใช้มัน กลับไปข้าจะสั่งให้นางกำนัลไปส่งให้เ้าที่ตำหนัก”
เหยียนอู๋อวี้รีบประสานมือ พูดพลางแย้มยิ้ม “เช่นนั้นก็ขอบพระทัยพี่หญิงมากเพคะ”
เต๋อเฟยประคองมือนาง จากนั้นก็ได้ยินเหยียนอู๋อวี้พูดต่ออีกว่า “หากพี่หญิง้าส่งเครื่องประดับศีรษะพวกนี้ มิสู้ส่งน้ำแข็งมาให้หม่อมฉันเพิ่มอีกหน่อย อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ น้องหญิงทนไม่ค่อยไหว รู้สึกหิวกระหายนิดหน่อย อยากทำเครื่องดื่มมาดับร้อนเพคะ”
“ดูเ้าสิ ดูเ้าสิ...…” เต๋อเฟยกล่าวเย้า “ครั้งก่อนที่สวนในวังหลวง เ้าก็ใช้จี้หยกที่ฝ่าามอบให้เ้ามาเป็ของขวัญให้ผู้อื่น ข้ายังคิดว่าเครื่องประดับศีรษะในครั้งนี้จะตอบสนองความ้าของเ้าได้ แต่เ้ากลับช่างเลือกมากขึ้นเรื่อยๆ”
เหยียนอู๋อวี้ยิ้มกว้างและพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “พี่หญิงเต๋อเฟยพูดเกินไปแล้ว น้องหญิงไม่อายที่จะละโมบเครื่องประดับศีรษะของพี่หญิงเพราะมันล้ำค่ากว่าก้อนน้ำแข็งพวกนั้นมากเพคะ!”
“เ้านี่นะ อย่าคิดว่าข้าอ่านความคิดเ้าไม่ออก” เต๋อเฟยบีบแก้มนางด้วยรอยยิ้ม “เครื่องประดับศีรษะล้ำค่า แต่ก้อนน้ำแข็งมากมายพวกนี้เป็ของหายากย่อมมีค่ามากกว่า”
เหยียนอู๋อวี้ยังคงยิ้มแย้ม ก่อนจะได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นอยู่ด้านข้าง “พี่หญิงทั้งสองคุยอันใดกันหรือถึงได้มีความสุขเช่นนี้?”
เมื่อหันศีรษะไปมองก็พบว่าเซียวเป่าหลินกำลังเดินมาอย่างแช่มช้า หลังจากฮ่องเต้เสร็จไปที่ตำหนักนาง ความเยาว์วัยของเด็กสาวก็จางหายไป ทั่วทั้งร่างนางปล่อยเสน่ห์เย้ายวนจนทำให้ผู้คนไม่กล้ามองใกล้ๆ ทว่าเหยียนอู๋อวี้ไม่ได้ใส่ใจกับเื่พวกนี้ นางดึงมือเซียวเป่าหลินมาอย่างไม่เกรงใจ “เ้ามาตัดสินหน่อย ข้าอยากเปลี่ยนเครื่องประดับศีรษะเป็น้ำแข็งก้อน ทว่าพี่หญิงเต๋อเฟยไม่ยอม”
เต๋อเฟยพูดพลางแย้มยิ้ม “เครื่องประดับศีรษะเป็ของข้าเอง แต่น้ำแข็งก้อนเป็ของในตำหนัก จะเทียบกันได้อย่างไรเล่า?”
เซียวเป่าหลินเอาผ้าเช็ดหน้าปกปิดมุมปาก พูดพลางแย้มยิ้ม “พี่หญิงเหยียนช่างคิดนัก หลังเข้าสู่ฤดูร้อน น้ำแข็งก้อนหายากยิ่งกว่าทองพันตำลึง นึกไม่ถึงว่าจะติดสินบนพี่หญิงเต๋อเฟยด้วยเครื่องประดับศีรษะ ไม่ได้สิเพคะ”
เหยียนอู๋อวี้ยักไหล่อย่างไม่มีทางเลือกและพูดว่า “พี่หญิงเต๋อเฟย อากาศเริ่มร้อนขึ้นแล้ว ท่านเห็นใจน้องหญิงหน่อยสิเพคะ”
“นั่นไม่ได้ ของพวกนี้ต้องเก็บไว้ให้เหลียงเจาอี๋ใช้ ฤดูร้อนปีนี้ไม่ใช่แค่สัดส่วนน้ำแข็งจะไม่เพิ่มขึ้น นอกจากไทเฮา ฝ่าาและเหลียงเจาอี๋แล้ว เราต้องเคร่งครัด หากรู้สึกร้อนก็เอาน้ำบ่อมาคลายร้อนได้” เต๋อเฟยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทว่าคำพูดกลับไม่ได้ผ่อนคลายเลยสักนิด หนำซ้ำยังกัดฟันแน่น
เซียวเป่าหลินมองท่าทางผิดหวังเล็กน้อยของเหยียนอู๋อวี้แล้วพูดพลางแย้มยิ้ม “หากพี่หญิงกลัวร้อน เมื่อถึงเวลาข้าจะแบ่งส่วนของข้าให้พี่หญิงครึ่งหนึ่ง”
เมื่อเต๋อเฟยเห็นพวกนางเป็เช่นนี้ก็ยิ้มตาม “เ้ากลับเป็คนดีแทนเสียได้ เอาอย่างนี้เถิด กลับไปข้าจะไปทูลขอคำแนะนำจากไทเฮาในการจัดงานเลี้ยงดื่มด่ำเหมันต์เพื่อคลายร้อนก่อน”
เหยียนอู๋อวี้พยักหน้าอย่างมีความสุข “ได้ยินชินเทียนเจียนบอกว่า คืนพรุ่งนี้พระจันทร์เต็มดวง หากได้ดื่มเครื่องดื่มเย็นพร้อมชมจันทร์ไปด้วย งดงามมากเพคะ?”
เต๋อเฟยพูดพลางแย้มยิ้ม “เ้าอย่าดีใจเร็วเกินไป กลับไปยังต้องทูลขอคำแนะนำจากไทเฮาก่อน”
เหยียนอู๋อวี้ตอบอย่างร่าเริง “พี่หญิงมีความคิดเช่นนี้ ไทเฮาต้องทรงอนุญาตแน่นอนเพคะ ได้ยินมาว่าไทเฮาทรงโปรดเครื่องดื่มเย็นเช่นกัน อากาศร้อนอบอ้าว การที่ไทเฮาทรงรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวอาจเป็เพราะเหตุนี้ก็ได้เพคะ”
เต๋อเฟยบีบแก้มนางอีกหน “คนไม่ได้เื่อ่านหนังสือวิชาแพทย์ไม่กี่เล่มเรียนรู้จะเป็หมอหลวงด้วยตนเอง อย่าเขียนเทียบยามั่วซั่วจะดีกว่า”
ระหว่างทั้งสองสนทนากัน ฮวารั่วซีเพิ่งมาถึง น่าแปลกที่ดูเหมือนนางจะได้ยินชันเจนว่าพวกเขากำลังคุยเื่อะไรกันอยู่ นางพูดแทรกด้วยรอยยิ้ม “เชิญฮูหยินเหยียนกับคุณหนูเหยียนได้นะเพคะ ทั้งหมดต่างเป็ครอบครัวเดียวกัน”
เต๋อเฟยตบมือพูดว่า “จริงสิ น้องหญิงเห้อมาอยู่ในตำหนักได้หลายวันแล้ว คิดๆ ดูคงคิดถึงป้าตนเองเช่นกัน”
เมื่อเอ่ยถึงเห้อเสี่ยวซือ เหยียนอู๋อวี้จึงค้นพบว่านางมาถึงั้แ่เมื่อไรไม่รู้ นางกำลังยืนสงบปากสงบคำด้วยสีหน้าเหลอหลาอยู่ด้านข้างเหมือนไม่รู้ว่าพวกนางกำลังคุยเื่อะไรกันอยู่ เมื่อได้ยืนพวกนางเรียกชื่อตนเอง เห้อเสี่ยวซือก็รีบเผยรอยยิ้มออกมาแล้วโค้งคำนับ ทว่าก็ยังไม่พูดตอบสักประโยค
ฮวารั่วซีพูดพลางแย้มยิ้ม “เช่นนี้ก็ถือว่าพี่หญิงเต๋อเฟยตกลงแล้ว หากไทเฮาทรงไม่เห็นด้วย พี่หญิงเต๋อเฟยก็หยิบยกเื่นี้ขึ้นมา พวกน้องหญิงจะได้พลอยโชคดีไปด้วยเพคะ”
เต๋อเฟยกลับไม่โกรธเคืองและพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ความคิดนี้วกไปวนมาแล้วก็ตีมาโดนข้า ”
ในเวลานั้นเองประตูตำหนักอี้คุนก็เปิดออก แม่นมซูกล่าวกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม “พระสนมทุกท่าน ไทเฮาเรียนเชิญเพคะ”
เต๋อเฟยพูดอย่างประหลาดใจ “แม่นมซู ไฉนวันนี้รบกวนท่านมาเอง?”
แม่นมซูพูดพลางแย้มยิ้ม “บ่าวเปิดประตูให้นายท่านทุกคนมิได้หรือ ทุกท่านโปรดรีบเข้ามา อย่าให้ไทเฮาทรงรอนานเลยเพคะ”
สนมทุกคนจึงทยอยเข้ามาตามลำดับขั้น
ไทเฮาประทับอยู่บัลลังก์สูง สีหน้านางดูดีขึ้นมากแล้วเพราะไม่ได้รับผลกระทบจากการเื่คืนอำนาจแม้แต่นิดเดียว
ทุกคนถวายพระพรและยืนขนาบทั้งสองข้างอย่างเป็ระเบียบ ไทเฮามองคนพวกนี้พลางตรัสว่า “เมื่อครู่ได้ยินพวกเ้าอยู่ด้านนอกสนทนากันคึกคักเชียว คุยเื่อันใดกันอยู่หรือ?”
เต๋อเฟยก้าวไปข้างหน้าและทูลเื่เมื่อครู่ให้ไทเฮาฟังอีกรอบหนึ่ง จากนั้นไทเฮาก็ตรัสด้วยพระพักตร์อ่อนโยน “คืนอำนาจแล้วอายเจียก็มีเวลาว่างมากขึ้น ในเมื่อมีงานเลี้ยงก็จัดเถิด ขังพวกเ้าอยู่ในตำหนักคงน่าเบื่อแย่”
สนมทุกคนรีบขอบพระทัยในความเมตตาของไทเฮา จากนั้นไทเฮาก็มองไปทางฮวารั่วซีอีกครั้ง “อาการาเ็ของเ้าดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง?”
ฮวารั่วซีรู้ว่าไทเฮาตรัสถึงเื่ที่ตนเองถูกองค์หญิงใหญ่เฆี่ยนจึงรีบทูลตอบกลับไปว่า “ทูลไทเฮา หม่อมฉันไม่เป็ไรแล้วเพคะ”
ไทเฮาพยักหน้า “ในเมื่อดีขึ้นมากแล้วก็ควรหาอะไรทำสักหน่อย ว่างนาน คนจะไร้ประโยชน์เอาได้”
ฮวารั่วซีรู้สึกดีใจจึงรีบกราบทูลทันที “หม่อมฉันมิบังอาจ ไทเฮาโปรดชี้แนะ”
“เมื่อวานอายเจียไม่มีอันใดทำจึงดูรูปบุตรสาวในจวนที่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักส่งมาก่อนหน้านี้ ดูได้ไม่กี่คนก็ออกราชโองการไปแล้วเมื่อคืน พวกนางน่าจะเข้าวังในวันนี้ ซูเฟยเมื่อก่อนเ้าเคยจัดการเื่พวกนี้ก็ให้เ้าไปจัดการแล้วกัน”
เหยียนอู๋อวี้ก้มศีรษะฟังคำตรัสนี้ของไทเฮาและแอบคาดเดาในใจว่านี่เป็การข้ามขั้นตอนการคัดเลือกเพื่อเติมนางสนมตำหนักหลังให้ซ่งอี้เฉิน? หรือเป็การเลือกหูตาสักสองสามคนมาเฝ้าสังเกตซ่งอี้เฉิน? ไทเฮาเคลื่อนไหวเร็วมาก นึกไม่ถึงว่ายังไม่มีผู้ใดในวังหลวงได้รับข่าวนี้เลย ทว่าไทเฮาเข้าใจซ่งอี้เฉินจริงๆ และรู้ใจซ่งอี้เฉินเป็อย่างดี นางจึงมอบหูตาพวกนี้ให้ฮวารั่วซีอบรมสั่งสอน ได้ยินและเห็นสิ่งต่างๆ บ่อยครั้ง อาจได้รับผลกระทบโดยไม่รู้ตัว สตรีมักจะมีอะไรคล้ายคลึงกัน สูงบ้างผอมบ้างแตกต่างกัน ทว่าก็งดงามต่างกันไป ซ่งอี้เฉินอยากปฏิเสธนางนั้น ทว่าก็ปฏิเสธนางนี้ไม่ได้
ไทเฮาสงสัยซ่งอี้เฉินจริงดังคาด!