เสิ่นว่านซื่อและเสิ่นเสี่ยวเม่ยได้เห็นการกระทำของซือหม่าหว่านเอ๋อร์ ทำให้พวกเขาเริ่มยอมรับในตัวอีกฝ่าย
สองวันที่ผ่านมานี้ ซือหม่าหว่านเอ๋อร์มาเยี่ยมเสิ่นเสวียนจริงๆ นำยาสมุนไพรรักษาเยียวยาต่างๆ มาให้เสิ่นเสวียนอีกด้วย สิ่งที่พวกเขานึกไม่ถึง ซือหม่าหว่านเอ๋อร์กลับนึกถึง
ตอนนี้ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ยอมรับผิดด้วยตนเอง หากเสิ่นเสวียนยอมอภัยให้นับเป็เื่น่ายินดี ทว่าคำของเสิ่นเสวียนทำให้ซือหม่าหว่านเอ๋อร์รู้สึกอึดอัดอยู่ตรงนั้น
“แสดงเกือบเก่งแล้ว ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปเถอะ!”
“พี่เสวียน หว่านเอ๋อร์นาง...”
เสิ่นว่านซื่อที่ยืนตะลึงอยู่ข้างๆ กล่าวขึ้น
“ยังต้องให้ข้าบอกอีกหรือ”
เสิ่นเสวียนมองซือหม่าหว่านเอ๋อร์ที่ยังคงโค้งกายอยู่ด้วยแววตาเหยียดหยาม อยากจะเห็นท่าทีของอีกฝ่าย หากอีกฝ่ายตั้งใจขอโทษเขาจริงๆ เขาก็ไม่มีความจำเป็ต้องมีปัญหากับเด็กสาวคนหนึ่งเลย
น่าเสียดายที่เขาคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว อีกฝ่ายมีลูกเล่นแค่นี้ยังหลอกเขาไม่ได้หรอก
“ข้าไม่เข้าใจ เ้าหมายความว่าอย่างไร”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์เงยหน้ามองเสิ่นเสวียน แววตาของนางปรากฏร่องรอยความงุนงงอยู่เล็กน้อย
“เฮ้อ! บางเื่เ้ารู้ไว้ก็ดี ข้าไม่อยากทำให้เื่ดูแย่มากเกินไป ออกไปเถอะ”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ยืดตัวตรงกลายเป็คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซือหม่าในทันที นางเคยโดนคนอื่นเย่อหยิ่งใส่ขนาดนี้ั้แ่เมื่อไรกัน
“ข้ารู้ว่าเ้ามีพร์ยอดเยี่ยม มีพลังแข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้ข้าทำผิดไปแล้วจริงๆ ไม่ควรที่จะมองเ้าในแง่นั้นเลย ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ แต่เ้ายังก้าวร้าวต่อข้าเช่นนี้ เ้าไม่คิดว่าเ้าทำเกินไปหรือ”
“ใช่แล้ว ข้าอยากผูกมิตรกับเ้าเพราะสนใจในพร์ของเ้า แต่ไม่จำเป็ต้องทำแบบนี้ก็ได้!”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์คิดว่านี่คือโทสะของเสิ่นเสวียนั้แ่อดีต เขาไม่มีทางมองออกถึงอุบายที่นางทำไว้กับยาสมุนไพรในมือของนางได้ คนที่หมดสติไปถึงสองวัน ยังไม่ทันได้ตรวจดูเลยจะรู้ได้อย่างไร
“เ้าอยากรู้มากใช่ไหม”
เสิ่นเสวียนนอนอยู่บนเตียง มองซือหม่าหว่านเอ๋อร์ด้วยความสนใจ แม้จะกล่าวว่าเขาบำเพ็ญเพียรมาแล้วถึงพันปี ได้พบเจอผู้คนและเื่ราวมามากมาย แต่จิตใจของหญิงสาวเช่นนี้เขาไม่ค่อยได้ัั ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่มีจิตใจเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกรังเกียจเหมือนกัน
“อืม”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ยืนอยู่ที่เดิม นางอยากรู้ว่าเสิ่นเสวียนจะกล่าวอะไร สำหรับนางแล้ว เสิ่นเสวียนเป็เพียงคนบ้านนอกคนหนึ่ง ตราบใดที่ตนยังยิ้มให้กับเขา ยังแสร้งทำเป็รู้สึกผิด ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
“เอาหญ้าเทียนอีต้นนั้นมา”
เสิ่นเสวียนชี้ไปยังหญ้าเทียนอีที่วางอยู่บนโต๊ะพลางกล่าวกับเสิ่นว่านซื่อ หญ้าเทียนอีต้นนี้คือสิ่งที่ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ส่งมาให้เมื่อวานนี้ มันมีสรรพคุณในการเพิ่มระดับปราณโลหิตในชีพจร เป็สมุนไพรที่หาได้ยาก
เสิ่นว่านซื่อรีบเอาหญ้าเทียนอีส่งให้เสิ่นเสวียนทันที
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ยังคงมีท่าทางมั่นใจ นางเดิมพันไว้แล้วว่าเสิ่นเสวียนไม่มีทางเจออะไรอย่างแน่นอน
เมื่อวางหญ้าเทียนอีลงบนฝ่ามือ เสิ่นเสวียนได้กลิ่นหอมฉุนของหญ้าเทียนอี จากนั้นเปลวเพลิงพลันพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา แผดเผาหญ้าเทียนอีต้นนั้นในพริบตา
ต่อมา หญ้าเทียนอีที่อยู่บนฝ่ามือของเสิ่นเสวียนก็ค่อยๆ ถูกหลอมกลายเป็ของเหลว ท่ามกลางสายตาตื่นใของซือหม่าหว่านเอ๋อร์
เมื่อได้เห็นดังนั้น ทั้งเสิ่นว่านซื่อและซือหม่าหว่านเอ๋อร์ต่างตื่นใ เื่แบบนี้พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็ครั้งแรก นี่คือวัตถุดิบชั้นดี จำเป็ต้องใช้หม้อจึงจะหลอมรวมยาได้ แม้แต่นักปรุงยายังมิอาจหลอมให้มันกลายเป็ของเหลวโดยตรงได้เลย
แต่เสิ่นเสวียนกลับทำได้!
“เ้า! เหตุใดเ้า...”
“แปลกใจมากหรือ”
เสิ่นเสวียนมองซือหม่าหว่านเอ๋อร์พลางยิ้ม
“เ้าเป็นักปรุงยาอย่างนั้นหรือ”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์มองเสิ่นเสวียน ยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเอง หากเขาเป็นักปรุงยาจริงๆ ความสำเร็จในอนาคตของเขายิ่งไร้ขีดจำกัด
“เรียกแบบนั้นก็ได้ แต่เ้าควรสนใจที่ตรงนี้”
เสิ่นเสวียนแบมือออกขณะที่กล่าว ของเหลวในมือเขามีตะกอนสีดำลอยอยู่ และตะกอนเหล่านี้คืออุบายของอีกฝ่าย
“ให้ข้ากินยาของเ้า หวังให้มันเกิดผลข้างเคียงกับข้าใช่ไหม”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์เห็นท่าทางของเสิ่นเสวียนแล้วไม่รู้จะกล่าวอย่างไร ทำได้เพียงส่ายหัว
“เ้า เ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่รู้เื่เลย”
“ยังปากแข็งอีก”
ขณะที่กล่าว เสิ่นเสวียนใช้มือข้างหนึ่งออกแรงกระชากสิ่งที่อีกฝ่ายเรียกว่ายาลับไปถือไว้ใจกลางฝ่ามือ จากนั้นก็บีบเค้นเอากากสีดำเ่าั้ออกมา ซึ่งเป็เหมือนกากในของเหลวนั้นทุกประการ
“แล้วนี่ล่ะ จะอธิบายอย่างไร”
“หว่านเอ๋อร์ คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะร้ายกาจเช่นนี้ เสียแรงที่ข้าเชื่อใจเ้า เ้าทำให้ข้าผิดหวังมากเกินไปแล้ว!”
เสิ่นว่านซื่อที่เห็นทุกอย่างตรงหน้าะโต่อว่าซือหม่าหว่านเอ๋อร์ทันที
“เ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยกล่าวขึ้นเช่นกัน ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้นางเชื่อใจได้ คิดไม่ถึงว่าจะมีเจตนาร้ายแอบแฝงเช่นนี้
“เ้าออกไปเถอะ หากไม่ใช่เพราะเ้ามีสายเืตระกูลเสิ่นเช่นกัน ตอนนี้เ้าคงตายไปแล้ว”
เสิ่นเสวียนทิ้งยาลับนั้นไว้ข้างๆ แล้วกล่าวเสียงเรียบ
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์เคยถูกกระทำเช่นนี้ที่ไหนกัน เสิ่นเสวียนเปิดโปงนางออกมาตรงๆ เช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกเสียใจมากจนน้ำตารื้น
“ใช่ ข้าเป็คนทำแล้วจะทำไม ไม่ใช่เพราะข้าอยากดึงเข้ามาเป็พวกหรอกหรือ ข้าไม่ผิด เ้าต่างหากที่ผิด เ้าเป็คนไม่มีเหตุผล บุรุษที่ไหนรังแกสตรีเช่นนี้”
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์หันมองเสิ่นเสวียนอีกครั้งก่อนจะกล่าว “เสิ่นเสวียน เ้าจำไว้ให้ดี ในใจของข้าเ้าคือคนวิปริต ตอนเด็กวิปริตอย่างไร โตมาก็เป็อย่างนั้น ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้หรอก”
“อ้อ”
ไม่มีใครคาดคิดว่าเสิ่นเสวียนจะพยักหน้ารับกับเื่นี้
“เ้า!”
ท่าทางไม่แยแสของเสิ่นเสวียนทำให้ซือหม่าหว่านเอ๋อร์โกรธจนปากสั่น
“เ้า... คอยดูเถอะ ข้าจะทำให้เ้าต้องเสียใจ”
เมื่อกล่าวจบ ซือหม่าหว่านเอ๋อร์หันหลังเดินออกไปจากเรือนไม้ทันที
เสิ่นเสวียนเห็นซือหม่าหว่านเอ๋อร์จากไปด้วยความโกรธแต่กลับไม่รู้สึกอะไร สิ่งที่เขาเบื่อหน่ายที่สุดก็คือสตรีเช่นนี้ แค่เื่เล็กน้อยยังเป็แบบนี้ หากเื่ใหญ่คงถึงชีวิต ห่างไว้จะดีที่สุด
“ท่านพี่ ท่านยอดเยี่ยมมากเลย!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่อยู่ข้างๆ ยกนิ้วโป้งให้เสิ่นเสวียนด้วยความเลื่อมใส
นางเลื่อมใสที่เสิ่นเสวียนไม่หวั่นไหวต่อหญิงงามเลยแม้แต่น้อย เลื่อมใสที่เสิ่นเสวียนสามารถมองอีกฝ่ายได้อย่างทะลุปรุโปร่งในสถานการณ์ที่ไม่รู้เื่อะไรเลย อย่างน้อยที่สุด นางและเสิ่นว่านซื่อหาได้มีความสามารถเช่นนี้
“ฮ่าๆ เสี่ยวเม่ยชมพี่เกินไปแล้ว” เสิ่นเสวียนหัวเราะ ลืมไปแล้วว่าตนเองเพิ่งผ่านความเ็ปมา
“พี่เสวียน ข้าขอโทษ”
ขณะนั้นเอง เสิ่นว่านซื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ เสิ่นเสวียนพลันกล่าวขึ้น เขายังคงมีสีหน้าหวาดกลัว คิดไม่ถึงเลยว่าภายใต้รูปลักษณ์ที่งดงามเช่นนั้น กลับแอบซ่อนจิตใจโเี้อำมหิตเอาไว้
มนุษย์แปรเปลี่ยนได้เสมอจริงๆ
นางไม่ได้เป็เด็กหญิงตัวน้อยที่เดินตามต้อยๆ เรียกเขาว่าพี่ชายเพื่อให้เขาไปเล่นด้วยเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว หากครั้งนี้เสิ่นเสวียนไม่สังเกตเห็น ผลที่ตามมามิอาจจินตนาการได้เลย
“ไม่เป็ไร หลังจากนี้ออกห่างจากนางก็พอ” เสิ่นเสวียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
เขาหมดสติอยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว และท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง เสิ่นเสวียนไม่ได้ออกไปข้างนอก หลังจากกินมื้อเย็นกับเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นว่านซื่อแล้ว เสิ่นเสวียนก็ขังตนเองไว้ในเรือน ใช้พลังทั้งหมดเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
แล้วค่ำคืนที่เงียบสงบก็ผ่านพ้นไป
รุ่งเช้าวันต่อมา ท้องฟ้าทอประกาย เสิ่นเสวียนผลักประตูออกไปยังลานด้านนอก พลันแสดงเคล็ดวิชาคมหมัดปะทุอย่างรวดเร็ว พลังของเขาฟื้นฟูกลับมาเก้าส่วนแล้ว
สิ่งที่ทำให้เสิ่นเสวียนคาดไม่ถึงก็คือ เขาหมดสติครั้งนี้ทำให้เขาทะลวงไปถึงขั้นปี้กู่ระดับกลางได้อย่างน่าประหลาดใจ อีกทั้งพลังจิติญญายังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก จนทะลวงถึงขั้นแก่นทองคำระดับต้นได้สำเร็จ
“ทักษะต่อสู้ขั้นปฐีอย่างนั้นหรือ”
เสียงของเสิ่นล่างดังขึ้นไม่ไกลนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้