มารตีไม่ตอบด้วยคำพูด แต่ร่างกายของเธอขยับเข้าไปใกล้ ริมฝีปากจรดซอกคอ ขบเบาๆ อย่างมีจังหวะเหมือนการลงแปรงสีแรก จากนั้น... ก็ไหลลงสู่ลาดไหล่ แผ่นหลัง สะโพก ก่อนวกมาซบนิ่งบนกลุ่มขนนุ่มหนา ที่อยู่ถัดลงไป พลางสูดกลิ่นเย้ายวนเข้าไปเต็มปอด เธอใช้ลมหายใจเขียนบางอย่างลงไปแทนปลายนิ้ว
ไม่ใช่คำ ไม่ใช่ประโยค แต่เป็ความรู้สึกที่ลึกจนไม่มีภาษาใดจะบรรยายได้ วรเมธเดินไปหยิบสีเพ้นท์ตัวแบบล้างออกง่ายจากโต๊ะ เส้นสีแดงชาดในมือเขาถูกส่งต่อให้มารตี พร้อมเสียงกระซิบเบา ๆ ว่า “วาดสิ่งที่เธอรู้สึก... บนตัวของเธอคนนี้”
และเธอก็ทำ...สีแดงถูกลากผ่านร่างเปลือยขาวอวบของจิรภา ลากเส้นโค้งั้แ่แผ่นหลัง ลงไปถึงต้นขา ย้อมขนสีดำจนเป็สีแดง ก่อนที่วรเมธจะเข้ามาประคองมือมารตีอีกครั้ง และทั้งสองช่วยกัน "วาด" ราวกับเป็ศิลปินคู่
ปพนต์ในอีกมุม นั่งมองภาพตรงหน้าแล้วก็ยิ้มน้อยๆ โดยไม่พูดอะไรเลย เพียงแต่เดินเข้ามาอยู่เื้ัมารตี... แล้วโอบเธอไว้แน่นจากข้างหลัง อ้อมกอดนั้นไม่ได้เร่าร้อน แต่ “เต็มไปด้วยความรู้สึกเป็สุข”เหมือนปพนต์กำลังยืนยันกับเธอโดยไม่พูดว่า “ต่อให้เธอรู้สึกกับใครแค่ไหน ฉันก็ยังอยู่ตรงนี้เสมอ”
จิรภา... ที่เหมือนล่องลอยไปกับััและลวดลายบนร่างกาย ก็เปิดตาขึ้น สบตากับปพนต์
ยิ้ม และกล่าวเบาๆ ว่า “บางที... ร่างกายเราก็พูดกันได้ดีกว่าคำพูดอีกนะคะ”
มารตีรู้สึกเหมือนหัวใจเธอกำลังขยายออกอีกครั้ง ไม่ใช่มีกันแค่สามคน แต่กำลังมี สามโลก โลกที่ปลอดภัย โลกที่เร่าร้อน โลกที่ลึกซึ้ง และบางที... อาจจะเริ่มมีโลกที่ “รักได้อีกแบบ” เพิ่มขึ้นมาแล้วก็ได้
เสียงหอบหายใจเบาๆ ยังไม่ทันจางจากเช้าวันใหม่ กลิ่นคาวที่หอมอย่างประหลาด และไออุ่นร้อนยังคลุ้งอยู่ในอากาศภายในห้องพักซึ่งแสงแดดยามสายเริ่มสาดเข้ามาแตะผิวเตียงสีขาวสะอาด ที่เวลานี้กลายเป็พยานให้กับการหลอมรวมร่างที่ไร้กรอบจำกัด...อีกครั้ง
มารตี นอนพิงอยู่ในอ้อมแขนของวรเมธ ขณะนิ้วมือเรียวบางยังคงััเคล้าคลึงอวัยวะกลางลำตัวของเขาอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับเสพติดความแข็งขืนและความอ่อนโยนที่เขามอบให้โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในห้วงที่ผ่านมา
ส่วนปพนต์ ยังคงนั่งพิงหัวเตียง ปลายนิ้วไล้เรียวผมของเธออย่างใจเย็น ชั่วขณะที่จิรภาเดินกลับเข้ามาในห้อง ด้วยร่างที่เปลือยเปล่า พร้อมผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่วางพาดบนแขนซ้ายและรอยยิ้มมุมปาก
“รอบนี้ ขอฉันดูบ้างได้ไหมคะ?” จิรภาเอ่ยเบาๆ เสียงแหบพร่าแต่ยังแฝงด้วยพลังบางอย่าง
มารตีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สบตากับจิรภาที่ยืนอยู่อย่างมั่นคง เธอยิ้ม...ก่อนจะพลิกตัวช้าๆ แล้วคลานขึ้นไปนั่งบนหน้าขาของวรเมธที่เอนพิงหมอนหนุน ขณะที่ปพนต์เลื่อนตัวลงไปด้านล่าง
ทาบริมฝีปากร้อนจัดลงบนแผ่นหลังของเธอ ราวกับจะปลุกเร้าเธอให้เตรียมพร้อมสำหรับอีกบทหนึ่งของเช้าอันยาวนานนี้
จิรภา ยืนพิงผนัง มองทั้งสามคนอย่างเงียบๆ ทว่าดวงตาของเธอกลับเต็มไปด้วยแสงของการคุมเกม ความชำนาญ และการเฝ้าสังเกต เธอรู้ทุกจังหวะของมารตี เธอจำได้ดีถึงเสียงลมหายใจ เงาของไหล่ และแม้กระทั่งน้ำเสียงในยามที่เธอเงียบงันที่สุด
เมื่อปพนต์พลิกตัวมารตีให้นอนตะแคงบนเตียง วรเมธก็เคลื่อนตัวมาทางด้านหลัง มือของเขารั้งสะโพกเธอไว้อย่างอ่อนโยน ขณะที่ส่วนสำคัญสอดหายเข้าไปในร่างนั้น อย่างนุ่มนวล แต่หนักแน่น
วรเมธเปลี่ยนจากััเป็การกอดรัดที่ลึกซึ้ง มารตีหลับตา “อืม...ค่ะ...แบบนั้นแหละ...ดีจัง” เธอเผลอปล่อยเสียงครางแ่ๆ ออกมา ก่อนลมหายใจจะแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ปพนต์คอยประคองกายเธออย่างทะนุถนอม
จิรภา...ขยับตัวเข้ามาใกล้ เธอไม่ได้แตะมารตี แต่จ้องมองด้วยสายตาร้อนแรง สั่งการผ่านแววตาเพียงอย่างเดียว วรเมธและปพนต์เข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไร ต่างคนต่างก็รู้ว่ามารตี้าถูกผลักดันให้ข้ามเส้นของการรับรู้ ไปในมิติใหม่ที่ยังไม่เคยัั
เสียงเตียงสั่นเบาๆ และอุณหภูมิของห้องสูงขึ้นเรื่อยๆ มือของปพนต์เลื่อนไปแนบแก้มเธอ ดึงเธอให้หันมามองเขา แล้วจูบแ่เบา ก่อนที่วรเมธจะถอนตัวออกช้าๆ ปล่อยให้ปพนต์เข้าไปแทนที่
“รตีกำลังดูดีมากเลยจ้ะ ในท่าทางแบบนี้” ปพนต์กระซิบชิดริมใบหูของภรรยาสาว ขณะขยับเอวเข้าออกช้าๆ
เสียงของจิรภาดังขึ้นเบาๆ จากอีกมุมห้อง “รอบต่อไปขอฉันบ้างนะคะ”
วรเมธยิ้ม เขาขยับตัว พลางยื่นมือไปคว้าจิรภาเข้ามา ตอนนั้นเองบทบาทก็ถูกสลับอีกครั้ง เมื่อปพนต์ถอนกายออกไป ปล่อยให้มารตี และจริภาแนบชิดกันด้วยััที่เร่าร้อน มือของมารตีสั่นเล็กน้อย ขณะกายเธอเข้าไปแนบชิดกับจิรภา เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างเชื่อใจ
ปพนต์ขยับมานั่งลงข้างๆ มารตี จับมือเธอไปวางบนหน้าท้องให้ััความแข็งขืนของเขา ขณะที่วรเมธก้มลงมาจูบซอกคอของเธออย่างหนักหน่วง มารตีกลายเป็จุดศูนย์กลางของทุกสายตาและัั ในทุกทิศทาง มีเพียงความอ่อนโยนที่โอบล้อม
หญิงสาวกำลังถูกมอบความรักจากทุกคน…พร้อมกัน เสียงลมหายใจสลับกันขึ้นลง ร่างกายของพวกเขาสอดประสานในท่วงท่าที่เหมือนการเต้นรำ ไม่ใช่เพียงเพื่อความเสน่หา แต่มากกว่านั้น คือการยืนยันถึงความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นอย่างลึกซึ้ง
ไม่มีคำพูดใดใน่เวลาเ่าั้ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นเป็จังหวะเดียวกัน...และเช้าที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ
มารตี รู้สึกว่า...ร่างของเธอกำลังล่องลอยอยู่ในทะเลหมอกบางเบา ราวกับลมหายใจที่กำลังหลุดจากปลายฝัน หัวใจเธอเต้นช้าลง…แต่ลึก และทุกััจากพวกเขาทั้งสามคน กำลังปลุกเธอให้กลับมารู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่ในแบบที่ไม่เคยเป็มาก่อน
เสียงครางเบาๆ ที่หลุดออกจากริมฝีปากของมารตี…มันไม่ใช่เพียงแค่ความเสียวซ่าน แต่มันคือเสียงของความล้นเอ่อ ความอบอุ่นที่ไหลมาจากใจลึกๆ และแปรเปลี่ยนเป็ความวาบหวามทางกายภาพจนไม่อาจซ่อนไว้ได้อีก
เธอกำลังนั่งอยู่บนตักของวรเมธ ใบหน้าของเขาซุกอยู่ที่ซอกคอเธอ ริมฝีปากแตะผิวเบาๆ อย่างกลัวเธอจะสลายไปในอากาศ ขณะมือใหญ่ของเขากำลังกุมสะโพกเธอไว้มั่น เพื่อรับแรงโยกเบาๆ ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของพวกเขา…พร้อมกัน
มารตีเอียงหน้าไปทางซ้าย ริมฝีปากเม้มสนิท จิรภากำลังจูบไหล่เธอด้วยริมฝีปากร้อนจัด ราวกับ้าสลักเธอไว้ในความทรงจำของหล่อน เสียงลมหายใจของจิรภาไล้ผ่านผิวเธออย่างสม่ำเสมอ ช้าแต่มั่นคง
มือของจิรภากำลังช่วยประคองทรวดทรงของมารตีอย่างระมัดระวัง ส่วนปพนต์...ก็ค่อยๆ สอดแทรกปลายนิ้วเย็นนิดๆ เข้ามาแตะที่ส่วนลึกในต้นขาของมารตีอย่างนุ่มนวล ขณะที่วรเมธยังมีบางส่วนอยู่ในช่องทางของร่างเธอ
ตอนนี้เองที่มารตีรู้สึกถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไป มันไม่ใช่แค่ความเร่าร้อน แต่มันคือ ความไว้ใจ ที่มารตีมอบให้โดยไม่ตั้งคำถาม คือความปลอดภัยที่กอดมารตีไว้จากทั้งสามทิศทาง และคือสายตาของจิรภา ที่แม้จะอยู่ลึกที่สุด...แต่กลับอ่อนโยนที่สุด
“รตี…ไหวไหมครับ” วรเมธถามเบาๆ ริมฝีปากเขาแนบกับติ่งหูเธอ เสียงกระซิบของเขาทำให้สันหลังเธอสั่นวาบ หญิงสาวพยักหน้าแบบไม่รู้ตัว จับมือเขาแน่นขึ้น แล้วหลับตา พลางขยับยกสะโพกเร็วรัว ขณะหอบหายใจหนักหน่วง
ทุกััของพวกเขาค่อยๆ พาเธอก้าวเข้าไปในความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จัก แต่เธอก็เต็มใจที่จะเข้าไปััอย่างไม่ลังเล เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการถูกใครหลายคนโอบล้อมในเวลาเดียวกันจะรู้สึก เป็สุข ได้ขนาดนี้
เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอไม่รู้…เธอรู้เพียงแค่ทุกจังหวะของร่างกาย ทุกแรงกด ทุกเสียงคราง และแม้กระทั่งกลิ่นเหงื่อของพวกเขา มันหลอมรวมกันเป็สิ่งเดียวกับความรักของเธอ…ไม่ใช่ความรักแบบที่ใครจะเข้าใจได้ง่ายๆ แต่มันคือการได้ถูก “เข้าใจ” โดยไม่ต้องพูดออกมา คือการถูก “เลือก” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีใครลังเล
คือการได้เป็ของพวกเขา