นางไม่ใช่ตัวนาง แต่กลับรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่ในใจของตัวนางอีกคน
กู้เจิงนึกขึ้นได้ว่าทุกครั้งที่นางปวดหัว ภาพเหล่านี้จะปรากฏขึ้นมาในสมองของนาง แม้จะไม่ต่อเนื่องกัน แต่ก็ผูกเป็เื่ราวเดียวกัน และทุกครั้งล้วนเกี่ยวข้องกับจ้าวหยวนเช่อ บางครั้งนางก็รู้สึกว่าภาพเหล่านี้เป็เื่จริง เพียงเพราะความรู้สึกนั้นสมจริงเหลือเกิน
“ไม่เป็ไรใช่ไหม?” จ้าวหยวนเช่อมองสำรวจกู้เจิงั้แ่หัวจรดเท้า
“ไม่เป็ไรเพคะ” กู้เจิงตอบ
เหล่าองครักษ์ที่รออยู่นอกป่าได้วิ่งเข้ามาปกป้องผู้เป็นาย ชายชุดดำที่ถูกฆ่าถูกตรวจสอบทีละคน
การมาเที่ยวเล่นจบลงด้วยการลอบสังหารของนักฆ่า
หลังจากกลับถึงจวน กู้อิ๋งที่ได้ทราบเื่มือสังหารก็ต่อว่ากู้เจิงไปยกหนึ่ง และเอาเื่นี้มาโทษนาง
กู้เจิงมองชิงช้าที่ตัวเองนั่งแกว่งไปมาอยู่ในลาน แม้บนใบหน้าจะมองอะไรไม่ออก แต่นางรู้ว่าในใจของกู้เจิงคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ นางคิดจะหนี หนีจากจวนตวนอ๋อง หนีจากจ้าวหยวนเช่อ แต่เพราะเื่ที่ชุนหงถูกโบยคราก่อน ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว คนเ่าั้คือจุดอ่อนของนาง คนหนึ่งคือหวังซู่เหนียง อีกคนคือชุนหง
หวังซู่เหนียงอยู่ที่จวนกู้ จ้าวหยวนเช่อย่อมทำอะไรไม่ได้ แต่สาวใช้ตัวเล็กๆ อย่างชุนหง เขาทำต่อนางราวกับนางไม่ใช่คน ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือต้องหาทางให้ชุนหงออกจากจวนตวนอ๋องให้ได้ก่อน
วิธีเดียวที่จะรักษาเด็กคนนี้ไว้ได้ก็คือให้นางแต่งงานออกไป
ไม่กี่วันให้หลัง กู้เจิงจึงฉีกสัญญาขายตัวของนางทิ้ง หลังจากชุนหงรับรู้แผนการของกู้เจิง นางก็ร้องไห้อย่างไม่เต็มใจจะจากไป
กู้เจิงเข้าใจดี จวนตวนอ๋องเป็ดั่งกรงขังสำหรับนาง นางเกลียดจ้าวหยวนเช่อ ทว่ากลับต้องพึ่งพาบุรุษผู้นี้เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป เขากุมชะตาชีวิตของนางไว้
กู้เจิงเข้าใจความคิดของกู้เจิงในความฝันนี้ ถึงขั้นรู้สึกเหมือนได้ััด้วยตัวเอง นางมองชุนหงร่ำไห้สะอึกสะอื้น นางเองก็ร้องไห้ด้วย แต่จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าในปากพลันมีรสขมปี๋และมีกลิ่นสมุนไพรจางๆ แทรกซึมเข้ามา นางถูกกลิ่นนี้ปลุกให้ตื่น เสียงที่คุ้นเคยดังแว่วเข้ามาในหู “อาเจิง ตื่นสิ เ้าฝันร้ายแล้ว”
ตอนที่กู้เจิงเปิดเปลือกตาขึ้นก็เห็นเสิ่นเยี่ยนกำลังป้อนยาให้นาง กลิ่นสมุนไพรมาจากยานี่เอง
ร่างกายท่อนบนของนางพิงอยู่บนหมอน เสิ่นเยี่ยนนั่งอยู่ข้างเตียงมองนางด้วยความเป็ห่วง
“ข้าร้องไห้หรือเ้าคะ?” นางรู้สึกถึงไรผมข้างหูที่เปียกชื้น ในดวงตายังมีหยาดน้ำ กู้เจิงยื่นมือไปัั เป็น้ำตา
“เ้าฝันถึงเื่น่ากลัวอะไรงั้นหรือ?”
เห็นว่ายายังเหลืออีกครึ่งถ้วย กู้เจิงจึงรับมาดื่มให้หมดทีเดียว นางรีบกินผลไม้แช่อิ่มที่เสิ่นเยี่ยนส่งมาให้ตามเข้าไป หลังจากกลืนไปสักพักจึงเอ่ยว่า “เหมือนว่า จะลืมไปแล้วว่าฝันถึงอะไรเ้าค่ะ”" ดูเหมือนจะเป็เื่ที่สำคัญมาก
“ยังปวดหัวอยู่ไหม?”
“นิดหน่อยเ้าค่ะ แต่ดีขึ้นเยอะแล้ว”
เห็นภรรยายังนึกถึงความฝันอยู่ เขาจึงเอ่ยว่า “ไม่ต้องคิดแล้ว ถ้าเป็ความทรงจำที่ไม่ดีก็ช่างมันเถอะ”
เป็ความทรงจำที่ไม่ดีงั้นหรือ? กู้เจิงรู้สึกว่าเื่ที่ฝันถึงดูเหมือนจะสำคัญมาก แต่ถ้านึกไม่ออกจริงๆ ก็ช่างเถอะ “อาการปวดหัวของข้าหมอหลวงจางว่ายังไงบ้างเ้าคะ?”
“ภายในสามปี อาการปวดหัวของเ้านี้เกรงว่าอาจจะทรมานเ้าเป็บาง่เวลาที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ถ้ากำเริบขึ้นมาก็ต้องไปเอายาที่เขา กินต่อไปสักสามถึงห้าปี บางทีอาจหายดี” เสิ่นเยี่ยนบอกคำพูดของหมอหลวง
“ใช้เวลานานขนาดนั้นเลยหรือเ้าคะ?” กู้เจิงกลุ้มใจแล้ว
“ตราบใดที่เ้าสามารถหายดีได้ อย่าว่าแต่สามถึงห้าปีเลย แม้แต่สิบปี ข้าก็จะต้มยาให้เ้าเอง” เขาว่าพลางถอดชุดตัวนอกพาดไว้บนเตียง
“จริงสิ ข้าให้เหอเซียงต้มน้ำขิงให้ท่าน ท่านดื่มหรือยังเ้าคะ?”
“ดื่มแล้ว”
กู้เจิงถึงค่อยวางใจ หลังจากเสิ่นเยี่ยนนอนลงนางก็เขยิบเข้าไปในอ้อมแขนของเขาก่อนหลับไป
ฝนในวันรุ่งขึ้นตกหนักกว่าเมื่อวันก่อน
ยามกู้เจิงตื่นขึ้นมา เสิ่นเยี่ยนก็ออกไปทำงานแล้ว ภายในห้องมีเตาถ่านวางอยู่ จึงไม่รู้สึกเย็นนัก
ประตูห้องเปิดออก คนที่เข้ามาคือชุนหง
“ชุนหง ทำไมเ้าถึงมาได้?” กู้เจิงลุกขึ้น
ชุนหงรีบเดินเข้าไปพยุงกู้เจิงให้นั่ง “บ่าวเห็นว่าสองวันมานี้คุณหนูไม่มาที่หอสมุด ก็เลยมาดูสักหน่อย ไม่คิดว่าจะได้ยินพี่เหอเซียงบอกว่าคุณหนูป่วย ปวดหัวอีกแล้วใช่ไหมเ้าคะ?”
กู้เจิงหยิกแก้มเล็กๆ ของชุนหง นางยิ้มแล้วบอกว่า “ข้าไม่เป็ไร เมื่อวานดื่มยาแล้ว ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”
“ไม่เป็ไรที่ไหนกันเ้าคะ? หน้าของคุณหนูซีดขาวไปหมด” ในตอนนั้นซู่หลันก็ยกโจ๊กเข้ามา ชุนหงรีบรับมา “พี่ซู่หลัน ข้าปรนนิบัติคุณหนูเองเ้าค่ะ”
“ได้สิ” มีชุนหงอยู่ ซู่หลันจึงออกไปอย่างวางใจ
ชุนหง เห็นคุณหนูเอาแต่มองตน นางเลยถามด้วยความแปลกใจว่า “หน้าบ่าวมีอะไรติดหรือเ้าคะ? ทำไมคุณหนูถึงเอาแต่จ้องบ่าวตลอด?”
“เมื่อคืนเหมือนข้าจะฝันถึงเ้า” กู้เจิงพูดออกไป
ชุนหงดวงตาเป็ประกาย “ที่แท้คุณหนูก็คิดถึงบ่าวนี่เอง”
“นี่เพิ่งแยกจากกันได้สองวัน ข้าจะคิดถึงเ้าทำไม?” เห็นชุนหงบุ้ยปากอย่างไม่พอใจ กู้เจิงก็หัวเราะ นางรับโจ๊กจากชุนหงมากิน
“คุณหนูฝันถึงบ่าวว่ายังไงหรือเ้าคะ?” ชุนหงถามอย่างสงสัย
“นึกไม่ออกแล้ว แต่ดูเหมือนจะเป็เื่สำคัญมาก”
“ระหว่างบ่าวกับคุณหนูจะมีเื่สำคัญอะไรเ้าคะ?” นางเติบโตมากับคุณหนู ระหว่างพวกนางทั้งสองล้วนเป็กิจวัตรประจำวันที่แสนธรรมดา และไม่มีอะไรอื่น
“ในความฝันไม่รู้ แต่ในชีวิตจริงเนี่ย มีเื่สำคัญมากจริงๆ” กู้เจิงกินโจ๊กเสร็จก็ให้ชุนหงเปิดลิ้นชักของโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเอากล่องไม้ในลิ้นชักออกมา
“เป็สัญญาขายตัวของบ่าวหรือเ้าคะ?” ชุนหงเห็นคุณหนูหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกล่อง ตอนนี้นางรู้หนังสือ เมื่อเห็นตัวอักษรบนกระดาษก็รู้ว่าในมือคุณหนูถืออะไร ความรู้สึกนี้ค่อนข้างแปลกนัก
กู้เจิงหยิบสัญญาขายตัวของชุนหงออกมา ก่อนจะฉีกมันออก
“คุณหนู” ชุนหงอุทานออกมา
“ข้าอยากทำแบบนี้มานานแล้ว ชุนหง นับจากนี้เป็ต้นไป เ้าไม่ใช่คนรับใช้อีก ไม่ใช่ทาสอีกต่อไป เ้าเป็อิสระแล้ว” นางเอ่ยอย่างดีใจ กู้เจิงมองชุนหงที่กำลังมองตนอย่างตะลึงงัน
“คะ คุณหนู ท่านไม่้าบ่าวแล้วหรือเ้าคะ?” สายตาหวาดกลัวของชุนหงไล่มองจากสัญญาขายตัวที่ฉีกขาดอยู่บนพื้น นางร้องไห้โฮออกมา
กู้เจิง “...” นี่มันอะไรกัน
“ข้าจะไม่้าเ้าได้ยังไงเล่า? หลังจากหอสมุดหลายสาขานั้นทำเรียบร้อยแล้ว เ้าจะต้องไปรับ่ต่อเป็ผู้ดูแลจากหนึ่งในนั้น ที่ข้าให้อิสรภาพแก่เ้า เพราะเ้าจะได้ไม่ต้องถูกคนอื่นพูดฉีกหน้า” กู้เจิงลุกขึ้นพยุงชุนหงขึ้นมา
“จริงหรือเ้าคะ?” ชุนหงทั้งเชื่อทั้งสงสัย นางมองว่าสัญญาขายตัวนั้นไม่ได้ทำให้นางรู้สึกมีข้อผูกมัดอะไร ตรงกันข้ามกลับรู้สึกปลอดภัยมาก
“จริงแท้แน่นอน ข้าบอกเ้าั้แ่แรกแล้วว่า ต่อไปของของข้าจะมอบให้เ้าจัดการ” กู้เจิงตอบอย่างตรงไปตรงมา
ชุนหงถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ชุนหงเปิดหน้าต่างให้ภายในห้องสว่างขึ้น ก่อนจะนำสมุดบัญชีจำนวนหนึ่งมาให้คุณหนูดู
“ลุงหม่าจัดการเร็วมาก เลือกที่ตั้งของหอสมุดได้ไวขนาดนี้เลยหรือ?” กู้เจิงดูรายรับรายจ่ายของหอสมุดในสมุดบัญชี และยังมีภาพหอสมุดสาขาใหม่ที่วาดออกมาด้วย
“หลายวันมานี้ลุงหม่าทำงานอยู่ตลอด ที่ตั้งของหอสมุดทั้งสองที่เลือกมาบ่าวได้ไปดูมาแล้วเ้าค่ะ ใหญ่กว่าหอสมุดทางทิศใต้ของเมืองมาก สามารถนั่งอ่านหนังสือได้ร้อยกว่าคน” ชุนหงกล่าว
กู้เจิงไล่ดูไม่กี่ครั้งก็ปิดสมุด “รออีกไม่กี่วันให้อากาศดีขึ้น ข้าจะออกไปดูสักหน่อย”
“เ้าค่ะ จริงสิคุณหนู เมื่อวานเจอพี่หลี่หนาน เขาบอกว่าคุณชายสามหนิงมาเป็ทหารทางฝั่งเขาแล้วเ้าค่ะ”
“คุณชายสามหนิงคิดยังไงถึงเข้าไปเป็ทหารแล้วเล่า?” เด็กหนุ่มร่างกำยำ ใบหน้ากลมกลึงผุดขึ้นมาในความคิดของกู้เจิง
ชุนหงส่ายหน้า “บ่าวไม่ทราบเ้าค่ะ แต่พี่หลี่หนานชื่นชมเขามาก บอกว่าเขามีคุณสมบัติเป็ทหาร ต่อไปจะต้องมีอนาคตไกลแน่เ้าค่ะ”
“เ้าเอาแต่พูดถึงพี่หลี่หนาน ่นี้พวกเ้าเจอกันอยู่ตลอดหรือ?” กู้เจิงกล่าวอย่างแปลกใจ
“คุณหนูลืมไปเสียแล้ว บ้านของพี่หลี่หนานกับปาเม่ยอยู่ด้านข้างหอสมุดของเรา ดังนั้นจึงเป็ธรรมดาที่จะได้เจอกันเ้าค่ะ”
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ กู้เจิงยิ้มขำ
ตอนนั้นเอง ซู่หลันได้พาสาวน้อยทั้งห้าคนเข้ามา นางรายงานกับกู้เจิงว่า “นาหญิง ห้าคนนี้บ่าวไปเลือกมาจากโรงค้าทาสเมื่อวานเ้าค่ะ วันนี้เพิ่งส่งมาถึง ท่านลองดูว่าพอใจหรือไม่?”
กู้เจิงรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย นางมองเด็กสาวทั้งห้าคนอย่างเร็วๆ แม้ทุกคนจะผอมบาง แต่รูปโฉมล้วนงามหมดจด นางจึงยิ้มบางๆ แล้วกล่าวว่า “ดีมากทีเดียว งั้นก็เอาไว้แล้วกัน พวกเ้าสั่งสอนให้ดีก็พอ”
“เ้าค่ะ” ซู่หลันรับคำ ก่อนพาทั้งห้าออกไป