หลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็มองเซียวเฉินด้วยสีหน้าจริงจังแล้วถามว่า “เซียวเฉิน หากเ้าเผชิญหน้ากับลั่วเฉินอวี่จริง เ้ามีความมั่นใจกี่ส่วน”
เซียวเฉินนอนบนพื้น เอ่ยเรียบเรื่อย “หกเจ็ดส่วน”
“เอาชนะเขาได้?” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยินดี
เซียวเฉินยิ้ม “ถูกเขาอัดตาย...”
“ไสหัวไปนะ” มุ่หรงเชี่ยนเอ๋อร์คำราม “เ้ายังไม่ทำตัวดีๆ อีก ข้าจริงจังนะ”
เซียวเฉินกล่าว “ข้าว่านะเชี่ยนเอ๋อร์ เ้านี่ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจขันทีกลับร้อนใจแทน [1] คนถูกท้าสู้คือข้าชัดๆ เหตุใดจึงทำเหมือนกับว่าคนถูกท้าสู้คือเ้าล่ะ”
“เ้าสิเป็ขันที ทั้งบ้านเ้านั่นแหละเป็ขันที” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีโทสะจนหน้าแดงก่ำ ดวงตาโตถลึงใส่เซียวเฉินอย่างแรง แต่กลับมีเสน่ห์ล้นเหลือทำให้คนเพ้อฝันเหมือนสาวน้อยแง่งอน
เขาเห็นมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์โมโหจนกระทืบเท้าราวกับสิงโตน้อยเดือดดาลก็เอ่ยอย่างเอาอกเอาใจว่า “วางใจเถอะ สาเหตุที่ข้าเฉยชาแบบนี้เพราะข้าไม่ได้ใส่ใจเขา ถึงข้าเอาชนะซูเฉินเทียนไม่ได้ แต่ลั่วเฉินอวี่ไม่มีปัญหา”
แม้จะเห็นเซียวเฉินมั่นใจถึงเพียงนี้ แต่มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กลับกังวลดุจเดิม ลั่วเฉินอวี่ด้อยกว่าซูเฉินเทียนเพียงนิดเดียว คราวนี้เซียวเฉินจะเอาชนะลั่วเฉินอวี่ได้หรือ...
นางไม่มั่นใจ แต่นางเลือกที่จะเชื่อเขา
...
ปึง!
ถ้วยบนโต๊ะถูกฟาดจนแตกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใบหน้าของลั่วเฉินอวี่เหมือนมีน้ำค้างแข็งปกคลุม เวลานี้ ดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นเปลี่ยนเป็อึมครึม
“เ้าเอ่ยคำพูดเมื่อครู่อีกรอบสิ”
ลั่วเฉินอวี่สงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยช้าๆ ทว่าดวงตายังเ็าเป็น้ำแข็งดังเดิม หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้ถูกยั่วโทสะแบบนี้
เซียวเฉิน กล้าดีนักนะ
“เซียวเฉินบอกว่า หากจะท้าสู้เขา ก็ส่งผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งหมื่นก้อนและสมุนไพริญญาขั้นห้าสิบต้นไปให้เขาภายในสามวัน หากเลยกำหนดจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และให้เ้าไปส่งด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นจะปฏิเสธเทียบท้าสู้!”
คนผู้นั้นยืนพูดอย่างหวาดหวั่น น้ำเสียงสั่นสะท้าน เพราะยามเป็ตายลั่วเฉินอวี่น่ากลัวเป็พิเศษ เขามักจะเผยกลิ่นอายของผู้อยู่เหนือกว่าออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้คนเคารพนบนอบดุจราชัน
“เซียวเฉิน...”
ลั่วเฉินอวี่กำหมัดแน่นจนลั่นดังกร๊อบๆ แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้ม
“เซียวเฉิน ยินดีด้วยที่เ้ายั่วโมโหข้าได้สำเร็จ ถัดมาข้าจะสั่งสอนให้เ้ารู้ว่า จุดจบของการล่วงเกินข้ามันอเนจอนาถมากเพียงใด ข้าจะกำจัดเ้าด้วยตนเอง ทำให้เ้าอยู่มิสู้ตาย”
น้ำเสียงเย็นเยียบของลั่วเฉินอวี่แฝงความชั่วร้าย
จากนั้นมองคนผู้นั้นแล้วเอ่ยว่า “ไปนำผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งหมื่นก้อนและสมุนไพริญญาขั้นห้าสิบต้นมา ข้าจะไปส่งด้วยตนเอง!” ระหว่างเอ่ยวาจา หัวใจของลั่วเฉินอวี่ก็หลั่งโลหิตอีกครั้ง
ผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งหมื่นก้อนเท่ากับผลึกเสวียนระดับล่างหนึ่งแสนก้อนเชียวนะ สมุนไพริญญาขั้นห้าสิบต้นยิ่งขายแลกผลึกเสวียนได้ในราคาสูงลิ่ว อย่างน้อยสามแสนก้อน เซียวเฉินช่างกล้าเอ่ยปากนัก
ต่อให้เป็ลั่วเฉินอวี่ก็ไม่อาจเพิกเฉยได้โดยสิ้นเชิง
ลั่วเฉินอวี่นำผลึกเสวียนและสมุนไพริญญาใส่ในแหวนเก็บของแล้วสาวเท้าจากไป เขาอดกลั้นต่อการล่วงเกินของเซียวเฉินไม่ได้แม้เพียงครู่เดียว ตอนนี้เขาอยากจะถลกหนังเลาะกระดูกของเซียวเฉินใจแทบขาด
“เซียวเฉิน ออกมา”
ลั่วเฉินอวี่ยืนอยู่นอกลานเรือนของเซียวเฉินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่กลับให้ความรู้สึกขนลุกขนชันแก่ผู้คน
ครู่หนึ่ง เซียวเฉินก็ค่อยๆ เดินออกมา
เขามองลั่วเฉินอวี่แวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เตรียมมาเรียบร้อยแล้ว?”
ลั่วเฉินอวี่โยนแหวนเก็บของไปให้ทันที เซียวเฉินยกมือขึ้นรับ ใบหน้ามีรอยยิ้ม
“สมกับเป็บุคคลอันดับสองบนผังชางหวง ร่ำรวยจริงๆ”
ลั่วเฉินอวี่เลิกคิ้ว “ไม่นับดูหน่อยหรือ”
เซียวเฉินยิ้มกล่าว “ไม่ล่ะ ข้าเชื่อว่าบุคคลอันดับสองบนผังชางหวงไม่ทำเื่ลักเล็กขโมยน้อยหรอก ข้ารับเทียบท้าสู้ของเ้าแล้ว เ้ากำหนดเวลามา”
เซียวเฉินมีสีหน้าสงบเรียบเฉย ทำให้คนจำนวนมากแตกตื่น
“เซียวเฉินรับเทียบท้าสู้ของลั่วเฉินอวี่แล้ว”
“เขาเพิ่งตบหน้าลั่วเฉินอวี่เสร็จ ตอนนี้ยังกล้ารับเทียบท้าสู้ของลั่วเฉินอวี่อีก เขาไม่กลัวลั่วเฉินอวี่ลงมือด้วยความอำมหิตหรือ?”
“ข้าว่าเขาหยิ่งยโสเกินพิกัดไปหน่อย”
“ใครว่าไม่ใช่เล่า”
“...”
ลั่วเฉินอวี่นึกว่าเซียวเฉินจะถ่วงเวลาสักระยะ คิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบอย่างตรงไปตรงมา ลั่วเฉินอวี่จึงประหลาดใจ
“ตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้”
“หากไม่ใช่แล้วจะเป็อย่างไร ในเมื่อรับผลึกเสวียนและสมุนไพริญญาของเ้ามาแล้ว ย่อมทำให้เ้าผิดหวังไม่ได้ เช่นนั้น ข้าจะส่งเสริมเ้า” เซียวเฉินอมยิ้มกล่าวราวกับลั่วเฉินอวี่ขอร้องเขา ทำให้สีหน้าของลั่วเฉินอวี่เย็นเยียบลงในพริบตา
“เช่นนั้น วันนี้เลยเป็อย่างไร?” ลั่วเฉินอวี่เอ่ย
“ได้” ว่าแล้ว เซียวเฉินก็ก้าวเท้าออก เดินนำอยู่เบื้องหน้า ลั่วเฉินอวี่ตามติดอยู่เื้ั ในสถานศึกษาไม่เคยขาดคนชมเื่สนุกมาก่อน ในไม่ช้า เื่ที่เซียวเฉินและลั่วเฉินอวี่นัดสู้กันก็แพร่สะพัดไปทั่วสำนักใน ตรงเวทีประลองมีคนเนืองแน่นเป็ูเาเลากาในพริบตา มีศิษย์สำนักในมาชมนับพันคน
“เซียวเฉิน กล้าลงนามสัญญาต่อสู้เป็ตายกับข้าหรือไม่?”
ลั่วเฉินอวี่มองเซียวเฉินแล้วเอ่ยยิ้มๆ เมื่อคำพูดนี้ออกมา ที่นั่นก็มีเสียงฮือฮา ลั่วเฉินอวี่ถึงกับคิดจะลงนามสัญญาต่อสู้เป็ตายกับเซียวเฉิน นี่เท่ากับคิดจะสังหารเซียวเฉินนะ
เซียวเฉินมองลั่วเฉินอวี่อย่างลึกล้ำแล้วส่งเสียงว่า “ไม่จำเป็ เอาชนะเ้าแบบนี้ก็ไม่เลว ข้ายังไม่คิดที่จะฆ่าเ้า สังหารเ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ต่อข้า”
ลั่วเฉินอวี่หัวเราะออกมา
ราวกับว่านี่คือเื่น่าขำที่สุดที่เขาเคยได้ยินมา
โอหัง!
โอหังเกินไปแล้ว!
คนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างประเมินเซียวเฉินเช่นนี้
สังหารลั่วเฉินอวี่ อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็ซูเฉินเทียนก็ไม่แน่ว่าจะสังหารลั่วเฉินอวี่ได้ เขาเอาความมั่นใจมาจากที่ใดว่าสามารถสังหารลั่วเฉินอวี่ได้?
“ในเมื่อเ้าคิดว่าสังหารข้าได้ ก็พอดีเลย เ้ามั่นใจในตนเอง ข้าก็มั่นใจในตนเองเช่นกัน เหตุใดจึงไม่ลงนามสัญญาต่อสู้เป็ตาย หรือว่าเ้ากลัว?” ลั่วเฉินอวี่เอ่ยพลางหัวเราะ เขากำลังยั่วยุให้เซียวเฉินลงนามสัญญาต่อสู้เป็ตาย เพราะเขาจะได้สังหารเซียวเฉินโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาตามมาภายหลัง
หากเซียวเฉินลงนาม เขาต้องตายแน่นอน แต่หากเขาไม่ลงนาม ต่อไปก็จะถูกศิษย์สำนักในตราหน้าว่าไม่มีความกล้า ชื่อเสียงเสื่อมเสียแบบนี้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจส่วนบุคคลอย่างยิ่ง บางทีอาจเกิดจิตมาร พลังฝีมือหยุดชะงัก และถึงขั้นธาตุไฟแทรกเข้าสู่หนทางมาร
กระบวนท่านี้ของลั่วเฉินอวี่เรียกได้ว่าอำมหิต
ใช้วิธีซ่อนเร้นทำร้ายคนโดยไม่รู้ตัว บีบคั้นเซียวเฉินให้ตกอยู่ในสถานการณ์จนตรอก
ที่ด้านล่างเวที จี๋เสวี่ยก็โกรธจนหน้าแดงไปหมดเพราะคำพูดของลั่วเฉินอวี่ นางกล่าวว่า “ลั่วเฉินอวี่ เ้ายังมียางอายหรือไม่ เ้าอยู่ขั้นตานฟ้าเก้าชั้นฟ้าระดับสูงสุด ส่วนเซียวเฉินอยู่ขั้นตานฟ้าแปดชั้นฟ้าระดับสูงสุด ห่างกันหนึ่งระดับขั้น เ้ากลับจะลงนามสัญญาต่อสู้เป็ตายกับเซียวเฉิน ยังมีหน้าพูดมาได้!”
ลั่วเฉินอวี่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
เขามองจี๋เสวี่ย ยิ้มกล่าวว่า “ข้าสูงกว่าเขาหนึ่งระดับขั้น แต่เ้าอย่าลืมสิว่าเขาอยู่อันดับหนึ่งบนผังชางหวง ส่วนข้าอยู่อันดับสอง คำนวณดูแล้วพวกเราก็เสมอกัน ไม่ใช่หรือ?” ว่าแล้วยังมองเซียวเฉินด้วยสายตาลึกล้ำและมีแววเสียดสีจางๆ น้ำเสียงยิ่งบาดหู
แต่ละประโยคยกเซียวเฉินขึ้นสู่ที่สูง
มีเพียงเช่นนี้ จึงตกลงมาเจ็บที่สุด
เขาจะให้เซียวเฉินตกลงมาอย่างหนักหน่วง ตกลงมาจนพลิกฟื้นไม่ได้ตลอดกาล!
“เ้า...”
จี๋เสวี่ยสำลักจนพูดไม่ออก ทว่าดวงตามีโทสะเป็ระลอก มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างกลับมองเขาด้วยสีหน้าเ็า
“หากเช่นนี้เรียกว่าเสมอกัน แล้วการที่เ้าเข้าสถานศึกษาเร็วกว่าเซียวเฉิน ใช้เวลาฝึกวิชายาวนานกว่า ระยะห่างเช่นนี้จะดึงเข้ามาอย่างไร? คำนวณดูแล้วยังถือว่าเป็ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย”
ลั่วเฉินอวี่นิ่งอึ้งไปนิด สายตาไหววูบ
แต่ลั่วเฉินอวี่เป็บุคคลระดับใด ชั่วพริบตาก็มีคำตอบให้ เขายิ้มให้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แล้วกล่าวว่า “เื่นี้ชดเชยไม่ได้จริงๆ แต่เซียวเฉินชนะซูเฉินเทียน ต้องรู้ก่อนว่า ความสามารถของซูเฉินเทียนเหนือกว่าข้า ขนาดซูเฉินเทียนเขายังเอาชนะได้ สู้กับข้าก็น่าจะไม่ยากสิ ดังนั้น ไม่สมควรกังวลจนเกินเหตุ แบบนี้จะเสียภาพลักษณ์ของอันดับหนึ่งบนผังชางหวง”
ว่าแล้วก็หันไปมองเซียวเฉิน
“เ้าว่าใช่หรือไม่?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีสีหน้าไม่น่าดู “ไร้ยางอาย”
ใบหน้าของเซียวเฉินกลับมีรอยยิ้ม
“ลั่วเฉินอวี่ วาทศิลป์เป็เลิศ สามารถพูดกลับขาวเป็ดำได้ เ้าเป็คนแรกที่พูดเื่เหลวไหลให้ดูสง่าผ่าเผยได้ถึงเพียงนี้ ข้านับถือนัก”
สีหน้าของลั่วเฉินอวี่อัปลักษณ์นิดๆ พริบตาก็หายวับ
“เช่นนั้น เ้ากล้ารับการต่อสู้เป็ตายหรือไม่?”
เซียวเฉินเอ่ยโดยไม่ลังเลทันที “ในเมื่อเ้าตั้งใจจะตาย หากข้าไม่ส่งเสริมเ้าก็คงรู้สึกละอายใจ ข้าเซียวเฉินจะรับการต่อสู้เป็ตาย!”
---
[1] ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจขันทีกลับร้อนใจแทน หมายถึง เ้าตัวยังไม่ร้อนใจเลยแต่กลับมีคนกังวลแทนเสียแล้ว