หลี่ิ่หานยกขนมไหว้พระจันทร์รสหวานที่ผสมเรียบร้อยแล้วเข้ามาให้คนทั้งห้านำไปย่างในเตา
คนทั้งห้าวางขนมไหว้พระจันทร์ลงบนถาดย่างตามที่กำหนด จากนั้นจึงนั่งลงคอยเติมฟืนคุมไฟอยู่ข้างเตา
รอบนี้ใช้เตาทั้งหมดสามเตา ได้ขนมไหว้พระจันทร์มาทั้งหมดร้อยแปดสิบชิ้น ไม่มีชิ้นที่ถูกย่างจนไหม้แม้แต่ชิ้นเดียว
หลี่อิงฮว๋าให้หลี่ิ่หานอยู่ดูคนทั้งห้าที่นี่ ส่วนตนเองก็ไปช่วยหลี่หรูอี้นวดแป้งที่ห้องครัว
ส่วนสำคัญของขนมไหว้พระจันทร์รสหวานอยู่ที่การควบคุมสูตรส่วนผสม ซึ่งคนบ้านหลี่คุมสูตรส่วนผสมเอาไว้ที่ตนเอง ไม่ให้คนงานทั้งห้ามาแอบดู
ใกล้ถึงยามจื่อ[1]แล้ว ทุกคนง่วงจนลืมตาแทบไม่ขึ้นจนต้องนำกระเทียมมาทาบริเวณเปลือกตาเพื่อให้คลายความง่วง เมื่อทำเช่นนี้จึงอดทนทำงานต่อไปได้อีกหนึ่งชั่วยามแล้วค่อยพากันไปนอน
“อู่โก่วจื่อมานอนห้องเดียวกับข้า” หลี่หรูอี้เรียกอู่โก่วจื่อไปที่ห้องนอนด้วยกัน ส่วนคนงานที่เหลืออีกสี่คนถูกจัดให้นอนเบียดกันในห้องของหลี่สือ
เช้าวันต่อมา ไม่มีใครทราบว่าหลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังออกจากบ้านยามใด
“น้องสาวข้าบอกไว้ว่า จะคิดค่าแรงของเมื่อคืนให้พวกเ้าสิบทองแดง” หลี่อิงฮว๋าจ่ายเงินให้คนทั้งห้า จากนั้นจึงพาพวกเขาไปย่างขนมต่อที่ลานด้านหลัง
ไม่นานหลี่หรูอี้ก็ทำอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนได้กินแป้งย่างใส่ไข่กันคนละสองชิ้นและโจ๊กผักอีกคนละหนึ่งถ้วยใหญ่ คนงานทั้งห้ากินจนน้ำมันเปื้อนเต็มปาก ในสาบเสื้อมีเงินทองแดงแถมยังได้กินไข่ไก่อีก เช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาซึม ขยันขันแข็งทำงานกันมากขึ้น ทั้งยังบอกด้วยว่า วันนี้จะย่างขนมไหว้พระจันทร์ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หลับไม่นอน
เดิมทีจ้าวซื่อคิดจะตื่นมาช่วยทำอาหารให้เร็วเสียหน่อย ใครจะทราบว่าตอนกลางดึกนางรู้สึกเจ็บท้องอย่างรุนแรงทำให้นางทรมานมาก กว่าจะหลับได้ก็เกือบเช้า เมื่อลืมตาตื่นอีกครั้งดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสูงแล้ว พอลุกขึ้นจากเตียงก็พบว่า บุตรแต่ละคนยุ่งกันจนมือเป็ระวิง ทำให้นางรู้สึกผิดมาก
สองสามเดือนมานี้ผู้ใหญ่ในบ้านไม่ได้ออกแรงช่วยในกิจการของครอบครัวแม้แต่น้อย ล้วนเป็เด็กๆ ทั้งห้าคนที่ต้องลำบากลำบน
นางคิดใคร่ครวญ ไม่นานก็ตัดสินใจได้ว่า หลังจากกินอาหารเช้าและทักทายลูกๆ แล้วจะไปที่บ้านหวังไห่
เฟิงซื่อกำลังจะไปบ้านหลี่เพื่อขอโทษเื่ชวีหงอยู่พอดี เมื่อเห็นจ้าวซื่อมาหาก็กังวลจนหน้าแดง รีบชงน้ำหวานมาต้อนรับขับสู้อย่างดี ทั้งยังก่นด่าชวีหงอย่างรุนแรงไปหลายคำ
“เื่นั้นผ่านไปแล้วก็ปล่อยผ่านไปเถิด ที่ข้ามาวันนี้เพราะมีเื่ให้เ้าช่วย” จ้าวซื่อดื่มน้ำหวานไปหลายอึกแล้วบอกธุระของวันนี้ นางจะขอให้หวังไห่ไปเมืองเยี่ยนเพื่อตามสองพี่น้องหลี่ซานกลับบ้าน “ร่างกายข้าเป็เช่นนี้จึงไม่สะดวกไปเมืองเยี่ยน มิเช่นนั้นข้าคงไปเองแล้ว”
“ตาแก่บ้านข้าพาคนไปก่อเตียงเตาอยู่ที่อำเภอฉางผิง ่นี้เขาออกจากบ้านแต่เช้ากว่าจะกลับก็มืดค่ำแล้ว” เฟิงซื่อเห็นจ้าวซื่อขมวดคิ้วจึงรีบตบอกพูดไปว่า “น้องสาว เ้าวางใจเถิด เื่นี้ให้ข้าจัดการเอง ข้าจะให้คนไปบอกสองพี่น้องหลี่ซานว่า ที่บ้านเ้าเกิดเื่ ให้พวกเขารีบกลับ พวกเขาต้องกลับมาแน่”
จ้าวซื่อเชื่อว่าเฟิงซื่อมีความสามารถทำเช่นนั้นได้แน่นอน ในตอนที่นางจะกลับเฟิงซื่อก็มาส่งถึงบ้านด้วยตนเอง จากนั้นจึงไปบ้านหวังเซี่ยจื้อ ซึ่งเป็หลานของหวังไห่
หวังเซี่ยจื้อจะไปขายปลาที่เมืองเยี่ยนด้วยตนเองใน่เทศกาลไหว้พระจันทร์ของทุกปี ปีนี้ก็เช่นกัน
วันนี้หวังเซี่ยจื้ออยู่บ้านพอดี อีกประเดี๋ยวจะออกไปตกปลาแล้ว เฟิงซื่อจึงบอกธุระกับเขาอย่างชัดเจน เมื่อเขาได้ยินว่าเป็เื่ของครอบครัวหลี่ก็รับปากอย่างเต็มใจ
เฟิงซื่อเกรงว่าหวังเซี่ยจื้อจะตะล่อมให้หลี่ซานกลับมาไม่ได้ ก่อนกลับจึงเน้นย้ำเป็พิเศษว่า “เ้าต้องบอกกับสองพี่น้องหลี่ซานว่า ที่บ้านเกิดเื่ มีคนไปหาเื่ถึงบ้านแล้วยังลงมือทำร้ายลูกสาวเขาด้วย”
“ท่านป้าวางใจได้ขอรับ ข้าต้องโน้มน้าวให้อาหลี่กลับบ้านได้แน่” หวังเซี่ยจื้อคิดในใจว่า เมื่อขายปลาเสร็จแล้วจะออกไปสร้างเตียงเตากับหวังไห่เพื่อหาเงินด้วย คนทั้งตระกูลต่างรู้ดีว่าครอบครัวหลี่เป็ผู้ถ่ายทอดวิธีการสร้างเตียงเตาให้กับพวกเขา ดังนั้นจึงรู้สึกซาบซึ้งใจต่อคนบ้านหลี่มาก
หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังกลับมาจากตำบลจินจีด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข พวกเขาเก็บเงินค่าขนมไหว้พระจันทร์ตระกูลหลี่หกร้อยกว่าชิ้น ซึ่งเป็สินค้าสั่งจองของเมื่อวานมาได้ครบถ้วน ทั้งยังนำใบจองสินค้าของลูกค้าทั้งเก่าและใหม่กลับมาเพิ่มอีกด้วย
หลี่เจี้ยนอันถือเศษก้อนเงินหนักราวสามสี่ชั่งและเหรียญทองแดงกองใหญ่เอาไว้ในมือ พยายามไม่แสดงความตื่นเต้นออกมาให้เห็น เขาเดินไปที่ห้องครัวแล้วก้มลงกระซิบข้างหูหลี่หรูอี้ที่กำลังนวดแป้งว่า “น้องห้า วันนี้มีคนสั่งจองขนมไหว้พระจันทร์รสหวานเจ็ดร้อยสามสิบห้าชิ้น”
ความ้าของตลาดมีมากกว่าที่หลี่หรูอี้คิด นี่ทำให้นางทั้งดีใจและเป็กังวล “พวกเรามีเตาอยู่แค่สี่เตา ต่อให้ย่างกันทั้งกลางวันกลางคืนก็ทำได้แค่สามพันกว่าชิ้นต่อวัน”
หลี่เจี้ยนอันกล่าวอย่างตื่นเต้น “เช่นนั้นก็ย่างกันทั้งกลางวันกลางคืน เหนื่อยแค่ไม่กี่วันหรอก”
“ไม่ได้ เงินหาได้ตลอด ดังนั้นพวกเราต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็อันดับแรก คนเราต้องพักผ่อน ห้ามปล่อยให้เหนื่อยจนเสียสุขภาพเด็ดขาด อย่างน้อยพวกเราต้องนอนวันละสองชั่วยาม” เมื่อหลี่หรูอี้เห็นหลี่เจี้ยนอันหน้าเปลี่ยนสีก็รีบพูดต่อไปว่า “หากพวกเราเหนื่อยล้าเกินไป ตอนทำขนมไหว้พระจันทร์อาจเกิดความผิดพลาดได้ เช่นนั้นจะทำให้คุณภาพของขนมไหว้พระจันทร์นั้นด้อยลง อาจส่งผลถึงชื่อเสียงของตระกูลหลี่ ต่อไปพวกเราจะขายขนมไหว้พระจันทร์ตระกูลหลี่กันทุกปี ต้องรักษาชื่อเสียงให้ดี”
หลี่ฝูคังที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องครัวก็พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ฟังคำน้องห้าเถิด”
หลี่เจี้ยนอันคิดว่าสิ่งที่หลี่หรูอี้พูดนั้นมีเหตุผลจริงๆ จึงเดินกลับไปคำนวณบัญชีที่ห้องนอน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เรียกให้หลี่หรูอี้ออกมาจากห้องครัว ส่วนเขาจะไปนวดแป้งแทน
ก่อนที่จะไปรดน้ำแปลงผักและเตรียมอาหาร หลี่ฝูคังไปดูที่ห้องวางเตาก่อน พบว่าหลี่อิงฮว๋าและหลี่ิ่หานรวมไปถึงคนงานทั้งห้าคนแบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน ทั้งยังทำงานได้อย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยดี เห็นดังนั้นจึงเดินไปที่ห้องเก็บขนมที่อยู่ทางด้านข้าง ด้านในมีกลิ่นขนมหอมอบอวลยั่วน้ำลาย มีตะกร้าไผ่ขนาดใหญ่หลายสิบใบ ซึ่งบรรจุขนมไหว้พระจันทร์รสหวานอยู่ข้างในแขวนเอาไว้กับคาน
ทุกคนทำงานกันอย่างมีความสุข
จ้าวซื่ออยากช่วยคำนวณบัญชี หลี่หรูอี้คิดว่าเื่เล็กน้อยเพียงเท่านี้ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของจ้าวซื่อ จึงเห็นด้วย
หากไม่ได้คำนวณบัญชีด้วยตนเอง จ้าวซื่อคงยังไม่ทราบว่าในหนึ่งวันครอบครัวมีรายรับมากเพียงนี้ ทำให้นางยิ่งคิดว่าการไหว้วานเฟิงซื่อให้ส่งคนไปตามสองพี่น้องหลี่ซานกลับบ้านเป็เื่ที่ถูกต้องแล้วจริงๆ
หลี่ฝูคังเป็คนทำอาหารกลางวัน แม้ฝีมือในการทำอาหารจะสู้หลี่หรูอี้ไม่ได้ แต่ก็ยังใส่น้ำมันในอาหาร คนงานทั้งห้ากินแล้วก็รู้สึกอร่อยดี
หลี่หรูอี้กล่าวขึ้นว่า “พักกลางวันครึ่งชั่วยามแล้วค่อยมาทำงานต่อ”
อู่โก่วจื่อมีสีหน้าไม่เข้าใจ “หรูอี้ พวกเราเพิ่งกินอิ่มก็ต้องไปนอนพักแล้วหรือ”
“ต้องพักผ่อนเอาแรงให้ดี ตอนกลางคืนยังต้องทำงานถึงดึก” หลี่หรูอี้ให้คนงานทั้งห้าไปนอนพักกลางวัน ทั้งยังบอกให้หลี่เจี้ยนอันที่ต้องไปอำเภอฉางผิงตอนบ่ายซื้อเนื้อหมูกลับมาด้วยห้าชั่ง
“พี่ใหญ่ คนในตำบลและในอำเภอนี่มีเงินมากจริงๆ ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของพวกเราขายดียิ่งนัก”
“เทศกาลไหว้พระจันทร์มีเพียงปีละครั้ง ลูกค้าอยากฉลองเทศกาลให้ดีที่สุด จึงใช้เงินมือเติบเพื่อซื้อขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของพวกเรา หากเป็่เวลาปกติคงทำใจจ่ายไม่ได้แน่”
“หากพวกเราขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวานดีเช่นนี้ทุกวันก็คงดี”
“รายได้จากการขายขนมไหว้พระจันทร์ในหนึ่งวันของครอบครัวเราเท่ากับรายได้หนึ่งปีของครอบครัวอื่นในหมู่บ้าน เ้าก็รู้ไว้เถิด”
“พี่ใหญ่ ข้ารู้ ข้ารู้ดี”
“น้องห้าฉลาดจริงๆ ถึงกับคิดทำอาหารแปลกใหม่ได้มากมายขนาดนี้”
สองพี่น้องตั้งใจไปอำเภอฉางผิงเร็วกว่าปกติ แม้ตลาดยังไม่ทันเริ่ม แต่ลูกค้าที่นัดไว้ั้แ่เมื่อวานก็มาถึงไม่น้อยแล้ว แต่ละคนถือตะกร้ามาด้วย
หลี่เจี้ยนอันทำการค้ามาหลายเดือน เขาจึงไม่เขินอายแล้ว ประกาศไปเสียงดังว่า “ลูกค้าที่จ่ายเงินมัดจำค่าขนมไหว้พระจันทร์ตระกูลหลี่ั้แ่เมื่อวานเท่านั้นจึงจะรับขนมของวันนี้ไปได้ ไม่ต้องรีบร้อน เข้าแถวแล้วนำใบสั่งจองและเงินส่วนที่เหลือมารับของทีละคนได้เลยขอรับ”
.............................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] ยามจื่อ คือ เวลา 23:00-24:59 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้