“ยาิญญาน่าจะได้ผล แต่น้องสี่... เ้าเคยคิดบ้างไหมว่า เราจะไปพบเซ่าเจี้ยนหลิ่นได้อย่างไร เขาเป็ถึงเ้าเมืองเชียวนะ ไม่ใช่คนตัวเล็ก ๆ อย่างเราที่จะสามารถพบเมื่อไหร่ก็ได้” จุนเช่อเอ่ยถาม อีกทั้งเขาและจุนฟานยังถูกตามล่าอยู่ เขาเชื่อว่า ทันทีที่เขาและจุนฟานไปปรากฏตัวต่อหน้าเซ่าเจี้ยนหลิ่น พวกเขาจะต้องถูกสังหาร โดยคนที่เซ่าหานอี้ส่งมาเป็แน่
“ก็เป็ปัญหาอยู่ คนใหญ่คนโตมักจะเคร่งครัดเื่การให้คนเข้าพบ ไม่ใช่ว่าคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามเช่นพวกเราจะเข้าพบได้อย่างตามใจ” จุนห่าวกล่าว ที่สุ่ยหลานซิง การเข้าพบคนใหญ่โตพวกนั้นก็ไม่ง่ายเช่นกัน ต่อให้คนใหญ่คนโตจะพูดคุยด้วยได้ง่าย แต่ผีน้อยที่เฝ้าประตูนั้นแสนจะยุ่งยากเหลือเกิน
“ใช่ ถ้าพวกเราบอกไปว่าจะมามอบยาให้แก่เ้าเมืองเซ่า ข้าเชื่อว่าพวกเราจะต้องถูกมองว่าเป็นักต้มตุ๋น และถูกคนของตระกูลเซ่าทำร้ายเป็แน่ ในสายตาของคนใหญ่คนโต ชีวิตของพวกเราช่างไร้ค่านัก” จุนเช่อกล่าวจากความรู้สึกข้างใน ก่อนหน้านี้เขาคือนายน้อยแห่งตระกูลจุน เขาเคยใช้ชื่อเสียงเรียงนามของตระกูลจุนได้ แต่บัดนี้วงล้อแห่งโชคกลับหมุนกลับอย่างไม่อาจหวนคืน ราวกับเป็หนูข้างถนนที่ทุกคนต่างโห่ร้องใส่ “ตอนนี้ข้าเข้าใจความหมายของ ‘ปลาใหญ่กินปลาเล็ก’ กับคำว่า ‘อำนาจสูงสุด’ อย่างลึกซึ้งแล้ว มันสายไปเสียแล้ว ข้ารู้สึกเสียใจที่ไม่ขยันบำเพ็ญเพียรั้แ่แรกเหลือเกิน”
“ตอนนี้ได้รู้แล้ว แต่ก็ยังไม่สาย ท่านยังหนุ่มยังแน่น ไว้รอท่านใกล้จะหมดอายุขัยก่อน ถึงค่อยมาเข้าใจความหมายของสำนวนพวกนี้ ว่ามันสายไปแล้ว เวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างยังสามารถทำได้อยู่ ข้ายังมียาเพิ่มพูนพลังิญญาอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ข้าจะให้ท่านและพี่รองใช้ในการบำเพ็ญเพียร เื่ที่คารังคาซังอยู่นั้น ปล่อยให้เป็หน้าที่ของข้ากับหานรุ่ยเถอะ ที่แห่งนี้ถือว่าปลอดภัย พวกมันคงไม่ตามมาถึงที่นี่ภายในครึ่งชั่วยามหรอก อีกสักพักข้าจะออกไปทำลายร่องรอยการเดินทางของพวกท่าน พวกท่านรอฟังข่าวคราวอยู่ที่นี่อย่างสบายใจก็พอแล้ว ข้าจัดการเื่นี้ได้อยู่หมัดแน่ พวกท่านจะได้มีรักแท้ครองคู่กันตลอดไปแน่นอน” จุนห่าวกล่าว ยามนี้พวกเขาควรจะซ่อนตัว หลีกเลี่ยงการปรากฎตัวไว้ก่อนจะดีที่สุด
จุนเช่อและจุนฟาน สองพี่น้อง รู้ว่ายามนี้พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้จริง ซ้ำยังเป็ตัวภาระ พวกเขาจึงรับฟังจุนห่าว ผู้ซึ่งขยันในการบำเพ็ญเพียรหนึ่งเดียวนี้
จุนห่าวรู้สึกว่า เวลานี้เขาใช้ชีวิตอย่างอึดอัด รู้สึกเหมือนกับถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ตลอดเวลา แต่ที่เขาต้องทำเช่นนี้ เพราะพลังของเขายังอ่อนแอ ไม่มีทางต่อสู้กับคนอื่นได้ หากต่อสู้เพียงตัวคนเดียว ถ้าสู้ไม่ไหวก็แค่ถอยออกมา ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด คือ สิ้นชีพแค่นั้น แต่ยามนี้เขามีคนในครอบครัวแล้ว เขารู้ว่าหานรุ่ยมิใช่คนอ่อนแอ เป็คนที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้ เขารับรู้ได้ว่าหานรุ่ยพยายามหักห้ามใจอยู่ จุนห่าวรู้มานานแล้วว่า ความโเี้ในการสังหารของหานรุ่ยจากการต่อสู้มานานนั้น รุนแรงกว่าเขาเสียอีก บัดนี้หานรุ่ยดูเหมือนซวงเอ๋อร์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ กับเขา คอยทำนา เลี้ยงลูก ซึ่งเขาคงจะลำบากใจอยู่ไม่น้อย
แต่ทว่าพวกเขายังจำเป็ต้องหักห้ามใจ เพราะตอนนี้พวกเขามีลูกที่เพิ่งจะอายุ 2 ขวบ และยังไม่ได้เริ่มฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างเป็ทางการ เมื่ออายุครบ 6 ขวบ ผู้คนบนแผ่นดินชางหลานจะต้องทดสอบรากิญญา ซึ่งถ้าเริ่มฝึกตนก่อนอายุ 6 ขวบ จะทำให้รากิญญาไม่คงที่ และทำให้ผลทดสอบออกมาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เพื่อบุตรทั้งสอง เขาและหานรุ่ยจึงต้องข่มใจ เขามิใช่คนหนุ่มที่หุนหันพลันแล่น และประมาทจนทำให้ครอบครัวต้องตกอยู่ในอันตราย เขาจะไม่ยอมให้สิ่งเร้ารอบกาย ทำให้ต้องหลั่งเื เขาเป็คนที่รู้จักประมาณตนเอง ่ที่เขาได้พักร้อนในอดีต เขาเคยได้อ่านนิยายอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าพระเอกอ่อนแอมาก แต่มักจะไม่ประมาณตนเอง ดันไปยั่วยุคนที่แข็งแกร่งกว่า อีกทั้งยังคอยแบกรับภาระของคนอื่น จุนห่าวอยากจะถามพระเอกในเื่เหลือเกินว่า ‘แม้แต่ตัวเองยังปกป้องไม่ได้ จะเอาอะไรไปปกป้องคนอื่น?’ จนสุดท้ายจะต้องมีคนเสียสละตัวเองเพื่อให้เื่จบไป หลังจากที่เกิดการหลั่งเื พวกเขาถึงจะคิดทบทวนตัวเอง และค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น
บัดนี้จุนห่าวไม่้าที่จะรับภาระคอยปกป้องใครไว้กับตัวแล้ว เพราะเขายังไม่มีความสามารถ แต่เขาจะปกป้องอย่างเต็มที่ ถ้ามีใครกล้ามาแตะต้องหานรุ่ยและลูก ๆ ของเขาจนเขาพิโรธละก็... พอคิดถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาของจุนห่าวก็ส่องประกายขึ้นมาอย่างดุดัน เขาจะต้องทำให้คนนั้น รู้สึกเสียใจที่อยู่บนโลกนี้ จุนห่าวเชื่อว่า การหลบซ่อนเพียง่เวลาสั้น ๆ ไม่ได้แสดงว่า เขาอ่อนแอ แต่มันคือชั้นเชิงอย่างหนึ่งเท่านั้น
