ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ค่ำคืนนี้พวกเขาจับจักจั่นได้มากมาย สวี่จือจือดีใจเนื้อแทบเต้น แต่ความดีใจของเธอกลับกลายเป็๲ความทุกข์ใจของจ้าวลี่เจวียน

        จักจั่นมากมายขนาดนี้ต้องทอดด้วยน้ำมัน? แล้วจะต้องใช้น้ำมันมากแค่ไหนกัน?

        ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด

        สวี่จือจือเพิ่งทำอาหารไปแค่สองมื้อ น้ำมันที่เธอใช้ทั้งสัปดาห์ก็หมดเกลี้ยง แล้วยังจะต้องมาทอดจักจั่นอีกเนี่ยนะ?!

        ขอโทษนะ หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอรับไม่ไหว!

        “ไม่ต้องทอดน้ำมันหรอกค่ะ” สวี่จือจือมองดูป้าสะใภ้ใหญ่ที่อ้วนท้วนของเธอทำหน้าเหมือนจะขาดใจตาย น่ารักจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ป้าสะใภ้ใหญ่ให้หนูน้ำมันหมูหน่อยก็พอค่ะ”

        “อะไรนะ? น้ำมันหมู!” จ้าวลี่เจวียนเอามือกุมอก

        เธอก็ว่าแล้ว จักจั่นมันจะทอดโดยไม่ใช้น้ำมันได้ยังไงกัน? ที่แท้ก็จ้องจะเอาน้ำมันหมูในไหของเธอนี่เอง

        “ขอแค่นิดเดียวจริงๆ ค่ะ” สวี่จือจือพูดพลางหัวเราะ “แต่ถ้าป้าสะใภ้ใหญ่จะให้เยอะกว่านั้นก็จะดีใจมากเลยค่ะ”

        จ้าวลี่เจวียน “...” ขอลาก่อน

        จักจั่นถูกแช่น้ำเกลือไว้ล่วงหน้าแล้ว กระเทียมสดกลีบเล็กๆ ต้นหอมและพริกแห้ง เด็ดพริกสีแดงและสีเขียวสองสามเม็ดในสวน พริกไทยก็เป็๲พริกไทยเก่าเมื่อปีที่แล้ว

        ส่วนผสมทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว เหลือแค่จ้าวลี่เจวียนให้น้ำมันหมูเท่านั้น

        “แค่ช้อนเดียวนะ” จ้าวลี่เจวียนคิดแล้วกัดฟัน ตักน้ำมันหมูจากไหมาหนึ่งช้อน แต่ด้วยความที่ออกแรงมากไปหน่อย เลยตักมาเยอะเกิน

        เธอร้องอุทาน เอามือสั่นๆ จะเทกลับลงไปในไห แต่สวี่จือจือก็คว้ามือของเธอไว้ได้ทัน

        “ป้าสะใภ้ใหญ่ ป้ารับปากว่าจะให้ช้อนเดียว ทำไมถึงจะเทกลับล่ะคะ”

        เธอรู้สึกว่าท่าทางของป้าสะใภ้ใหญ่ในตอนนี้ เหมือนคุณป้าตัวอวบอ้วนที่ตักอาหารในโรงอาหารสมัยที่พวกเขายังเรียนอยู่ทุกประการ ทุกครั้งที่ตักมาก็ดูเหมือนจะเต็มช้อน แต่สุดท้ายก็เป็๞ยังไง?

        มือสั่นสามที อาหารหนึ่งช้อนก็เหลือแค่ครึ่งช้อน

        จ้าวลี่เจวียน “นังหนูคนนี้ ทำไมถึงมือไวขนาดนี้นะ?” แล้วมองดูอีกฝ่ายเทน้ำมันหมูในช้อนลงในหม้อ “เอาช้อนมาให้ฉัน”

        “ป้าสะใภ้ใหญ่รอแป๊บนึงค่ะ” สวี่จือจือพูดพลางหัวเราะ “ยังมีน้ำมันหมูติดอยู่ที่ช้อนอีกนะคะ”

        รอจนอุณหภูมิในหม้อสูงขึ้น น้ำมันหมูที่ติดช้อนอยู่ก็จะไหลลงมาเอง

        จ้าวลี่เจวียน “...” เธอแพ้แล้ว! นังหนูนี่ ทำไมถึงได้ฉลาดแกมโกงขนาดนี้นะ?

        แต่ในใจไม่ได้โกรธเลยสักนิด กลับรู้สึกชอบนังหนูคนนี้เสียด้วยซ้ำ

        หลังจากน้ำมันหมูร้อนแล้วก็ได้ยินเสียงฉ่าๆ จักจั่นที่แช่ไว้ถูกสวี่จือจือเทลงในหม้อผัดแห้ง รอจนน้ำจากจักจั่นแห้งแล้ว สวี่จือจือก็กระจายจักจั่นไปรอบๆ หม้อ

        หม้อเหล็กใบใหญ่ของชนบท น้ำมันหมูก็จะมารวมกันอยู่ที่ก้นหม้อ เธอเทเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ทั้งหมดลงไปผัด ในพริบตากลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจายออกมา

        แค่กลิ่นนี้ จ้าวลี่เจวียนก็รู้สึกว่าตอนกลางวันเธอสามารถกินข้าวได้ถึงสามชาม!

        “ลองชิมดูหน่อยสิคะว่าเป็๞ยังไงบ้าง?” สวี่จือจือใช้ตะเกียบคีบจักจั่นตัวหนึ่งยื่นให้จ้าวลี่เจวียน “ป้าสะใภ้ใหญ่”

        “ฉันจะไปชิมอะไร ให้เสี่ยวอวี่ชิมเถอะ” จ้าวลี่เจวียนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย

        สวี่จือจือไม่สนใจ ยื่นไปจ่อที่ปากของอีกฝ่าย “ชิมหน่อยสิคะ” แล้วก็คีบให้ลู่ซืออวี่ด้วย “เป็๞ยังไงบ้าง? จักจั่นที่จับเองอร่อยเป็๞พิเศษเลยใช่ไหม?”

        ลู่ซืออวี่ยิ้มตาโค้งไม่พูดอะไร แต่พยักหน้าอย่างแรง

        ขณะที่กำลังพูดกันอยู่นั้นก็เห็นลู่หลิงซานทำหน้าบึ้งเดินเข้ามา “ลู่ซืออวี่ เธอออกมานี่หน่อย”

        “มีอะไรเหรอ?” สวี่จือจือพูดเสียงเรียบ “เสี่ยวอวี่กำลังยุ่งช่วยฉันดูไฟอยู่”

        ลู่ซืออวี่ที่กำลังจะลุกขึ้น พอได้ยินอีกฝ่ายบอกก็เลยนั่งลงเหมือนเดิม

        “เธอมายุ่งอะไรด้วย” ลู่หลิงซานหัวเราะเยาะ แอบมองจักจั่นในหม้อ แล้วกลืนน้ำลายเบาๆ “อย่าคิดว่าทำอาหารสองสามมื้อแล้วจะยิ่งใหญ่ แล้วบ้านนี้จะต้องหมุนรอบเธอ”

        “ฉันไม่ใช่โลก จะให้หมุนรอบฉันทำไม?” สวี่จือจือพูดพลางหัวเราะ

        “เธอ” ลู่หลิงซานจ้องสวี่จือจือ แล้วพูดกับลู่ซืออวี่ “เธอจะออกมาไหม?”

    แค่ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ก็ซื้ออีกฝ่ายได้แล้ว ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ!

        “พี่สะใภ้” ลู่ซืออวี่พูดด้วยความลำบากใจ “ไม่อย่างนั้นฉันจะออกไปดูหน่อย แล้วจะรีบกลับมาช่วยพี่สะใภ้ ได้ไหมคะ?”

        สวี่จือจือพยักหน้า

        “เสี่ยวอวี่มีพี่สะใภ้แบบเธอ ถือว่าเป็๲โชคดีของหล่อนแล้ว” จ้าวลี่เจวียนพูดขึ้นมา

        สวี่จือจือคนนี้ถึงแม้ว่าจะมีข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับบ้านเดิม และชื่อเสียงของอีกฝ่ายเองก็ไม่ค่อยดี แต่ไม่นึกว่าจะเป็๞คนที่ใส่ใจคนอื่น

        ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ถูกกับแม่ลูกเหอเสวี่ยฉิน แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตราบใดที่ไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับสองแม่ลูกคู่นั้นเพื่อต่อต้านเธอก็พอ

        ที่ว่าศัตรูของศัตรูคือมิตร ก็คงจะประมาณนี้ล่ะมั้ง

        “นั่นก็ต้องดูว่าหล่อนพยุงขึ้นมาไหวหรือเปล่า” สวี่จือจือพูดพลางหัวเราะ

        สวี่จือจือเพิ่งตักจักจั่นที่ผัดเสร็จใส่จาน ก็ได้ยินเสียงลู่หลิงซานกำลังด่าลู่ซืออวี่อยู่ในห้อง

        “ป้าสะใภ้ใหญ่ดูที่หม้อนะคะ” เธอแก้ผ้ากันเปื้อนให้จ้าวลี่เจวียน “หนูจะออกไปดูหน่อย”

        “ได้ งั้นฉันไปด้วยแล้วกัน” จ้าวลี่เจวียนเทน้ำลงในหม้อเล็กน้อย แล้วก็ตามออกไป

        พอออกจากประตูห้องครัว คุณนายลู่ก็๻ะโ๠๲ขึ้นในห้อง “นี่มันอะไร ทำไมถึงทะเลาะกัน?”

        “คุณย่า ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูจะไปดูเอง” สวี่จือจือพูด

        “เธอมันตัวซวย แม่เธอก็ตายเพราะเธอ” เสียงแหลมของลู่หลิงซานดังขึ้น “เธอไม่มีสิทธิ์ใช้ของพวกนี้ เอามาให้ฉันซะ”

        ลู่ซืออวี่เม้มปากส่ายหน้า คว้าข้าวของของตัวเองแน่น

        “รีบเอามาให้ฉัน” ลู่หลิงซานพูดอย่างโ๮๪เ๮ี้๾๬ “ถ้าเธอไม่ให้ ระวังฉันจะให้แม่ไล่เธอออกไป”

        ลู่ซืออวี่มองเธอด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

        “เธอมันหัวขโมย ถึงกับกล้าขโมยของของฉัน เธอมันหน้าไม่อายเหมือนแม่เธอ” ลู่หลิงซานพูดด้วยความโมโห

        ไม่ ไม่ใช่

        ดวงตาผลซิ่งกลมโตของลู่ซืออวี่มองลู่หลิงซานอย่างเต็มไปด้วยน้ำตา เธอไม่ได้ขโมย และแม่ของเธอก็ไม่ได้ทำ

        “ใครหน้าไม่อายนะ?” สวี่จือจือถีบประตูเปิด

        ใช้แรงเกินไป ประตูเด้งกลับไปกระแทกกำแพงดังปัง สวี่จือจือก็ถีบซ้ำอีกที

        จ้าวลี่เจวียนที่อยู่ข้างหลัง “...” อารมณ์รุนแรงแบบนี้ สงสารประตูในบ้านจริงๆ

        “หน้าไม่อายก็ด่าเธอนั่นแหละ” ลู่หลิงซานพูด พอได้สติก็รู้ว่าสวี่จือจือกำลังล่อให้เธอพูดด่าตัวเอง ก็ยิ่งโมโห “เธอต่างหากที่หน้าไม่อาย”

        “พี่สะใภ้” ลู่ซืออวี่วิ่งร้องไห้เข้ามา “ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้ขโมยของของหล่อน แม่ฉันก็ไม่ใช่แบบนั้นเหมือนกัน”

        “เด็กดี” สวี่จือจือลูบศีรษะอีกฝ่ายด้วยความสงสาร “พี่สะใภ้รู้ มา ให้พี่สะใภ้ดูหน้าเธอหน่อย”

        ใบหน้าเล็กๆ บวมแดงขึ้นมาแล้ว

        “เธอตบ?” สวี่จือจือถามลู่หลิงซานด้วยสีหน้าบึ้งตึง

        “หล่อนขโมยของฉัน ฉันตบหล่อนแล้วมันทำไม” ลู่หลิงซานพูดอย่างมีเหตุผล

        “ฉันเปล่านะคะพี่สะใภ้” ลู่ซืออวี่ส่ายหน้าอย่างแรง “ของพวกนี้พี่สะใภ้ให้ฉันมา ไม่ได้ขโมยเลย ฉันไม่ได้ขโมยของเธอ”

        ลู่ซืออวี่ร้องไห้พลางส่ายหน้า “แม่ฉันก็ไม่เคยขโมยของพวกเธอเหมือนกัน ทำไมเธอต้องพูดแบบนี้กับฉัน”

        “เธอก็ไม่เคยเจอแม่ฉัน ทำไมต้องพูดถึงแม่ฉันแบบนี้ด้วย”

        “ไปตบกลับสิ”

        .............................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้