ตอนที่ 10
ศัตรูบุก
ก่อนทีขบวนทัพจะทันได้ตั้งตัว เสียงแหลมของลูกธนูแหวกอากาศตรงเข้ามาได้ดังขึ้น
"หมอบลง!"
หลงเยี่ยนะโบอกเหล่าทหาร ก่อนที่ลี่เซียนจะบังคับม้าให้เบี่ยงตัวหลบลูกธนูนั้นทันควัน เธอเห็นลูกดอกปักลงกับต้นไม้ห่างจากเธอเพียงเส้นผม แค่พริบตาก็มีเสียงของศัตรูะโดังขึ้นจากบนหน้าผา
"ปล้น!"
เหล่าโจรหลายสิบคนกระโจนออกจากเงามืด พวกมันไม่กลัวตายกันเลยแม้แต่น้อย ควงดาบเข้าหากองทัพ ด้านทหารเองก็รีบตั้งแนวรับอย่างทันท่วงที หลงเยี่ยนกระโจนเข้าต่อสู้ทันที ดาบของเขาฟาดฟันศัตรูอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ไป๋ลี่เซียนได้สติรีบดึงดาบของตนเองออก ก่อนจะบุกเข้าปะทะศัตรูที่พุ่งเข้ามาหาเธอ ร่างเล็กหลบการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่วและตอบโต้กลับด้วยความเร็ว แม้ว่าจะไม่เคยลงสนามรบจริงจังมาก่อนแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยากกว่าที่คิดไว้
'ต้องขอบคุณอาจารย์ที่สอนการแสดงให้ ไม่ได้แตกต่างสักเท่าไหร่แฮะ'
เธอกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ มือหนึ่งบังคับม้าอีกมือตวัดดาบ แม้จะใจเต้นรัวด้วยความกลัวแต่ก็รู้สึกได้เลยว่าฝีมือที่เธอมีไม่ได้แตกต่างจากโจรพวกนี้สักเท่าไหร่
"เ้าสู้เก่งกว่าที่ข้าคิด"
หลงเยี่ยนเอ่ยขึ้นขณะฟาดศัตรูไปอีกคน เขาบังคับม้ามายืนข้าง ๆ พลางตวัดดาบจัดการโจรพวกนั้นไปด้วย
"แน่นอน! ข้าเป็ถึงพระชายาของแม่ทัพปีศาจเช่นท่านเชียวนะ จะให้มาแพ้โจรกระจอกพวกนี้ได้อย่างไร"
เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตวัดดาบใส่หน้าศัตรูที่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง หญิงสาวยืดตัวขึ้นด้วยความรู้สึกที่ภูมิอกภูมิใจ
"ท่านแม่ทัพดูข้าสิ.. ตอนนี้ข้าเท่หรือไม่"
เขาหันมามองเธอเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร ไป๋ลี่เซียนแอบเห็นว่าเขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ถกเถียงอะไรกันทั้งคู่ก็ต้องสู้กับโจรที่เหลือต่อ การต่อสู้ดำเนินไปไม่นานพวกโจรที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบหนีไป เหล่าทหารที่ต่อสู้ะโออกมาด้วยความยินดีที่ไม่มีผู้าเ็เท่าไหร่ แต่แม่ทัพกลับขมวดคิ้วเพราะความไม่ชอบมาพากล
"แปลก.. พวกมันโจมตีเราทั้งที่รู้ว่าเรามีทหารมากกว่า"
เขาขมวดคิ้วมองเหล่าทหารที่ได้รับาเ็เล็กน้อย
"หรือพวกมันแค่้าถ่วงเวลา"
ลี่เซียนเอ่ยขึ้ทำให้ทุกคนชะงัก แต่คำพูดของนางถือว่ามีโอกาสที่จะเป็ไปได้ ทำให้หลงเยี่ยนหันไปสั่งองครักษ์
"หานเจี้ยน หลิวหาน ให้ทหารตรวจสอบรอบ ๆ รักษาาแทหารให้เรียบร้อย เราจะเร่งเดินทางให้เร็วขึ้น!"
หลังจากนั้นกองทัพของแม่ทัพหลงเยี่ยนก็เดินทางไปอีกหลายชั่วยาม จนเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนตะวันลับขอบฟ้า ค่ายพักแรมถูกจัดขึ้นกลางป่า พร้อมกับเหล่าทหารที่จัดแจงเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยามให้รัดกุมขึ้น หญิงสาวนั่งอยู่ใกล้กองไฟดวงตากลมกวาดสายตามองหลงเยี่ยนที่กำลังพิจารณาแผนที่
"ท่านจะเฝ้ายามด้วยตัวเองงั้นหรือ"
"แน่นอน.. ข้าไม่ไว้ใจที่นี่"
"เช่นนั้นข้าจะอยู่เป็เพื่อนท่าน"
"เ้าจะทำได้หรือ ไปพักผ่อนเถอะที่ตรงนี้ข้าจัดการเองได้"
"ไม่.. ข้าเองก็ไม่ไว้ใจที่แห่งนี้เช่นกัน หากข้าหลับไปจู่ ๆ ถูกโจรพวกนั้นบุกมาปลิดชีพข้าจะทำอย่างไร"
หลงเยี่ยนหัวเราะแ่ ๆ สายตาของเขาละจากแผนที่มามองใบหน้าสตรีด้านข้างอย่างพิจารณา
"เ้าเป็สตรีที่ทำให้ข้าประหลาดใจได้ตลอดเวลาจริง ๆ"
"ข้าอาจจะมีอะไรให้ท่านประหลาดใจมากกว่านี้ก็เป็ได้"
สุดท้ายแล้วคืนนั้นทั้งสองก็นั่งเฝ้ายามข้างกัน หลงเยี่ยนยังคงอ่านแผนที่และกำลังคิดหาวิธีที่จะทำศึก ในขณะที่ลี่เซียนนั้นดวงตาเริ่มปิดลงเรื่อย ๆ ผ่านไปไม่กี่ชั่วยามที่จู่ ๆ นางก็เผลอพิงไหล่เขาโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มเหลือบสายตามองนางแล้วถอนหายใจ
"เ้าช่างเป็สตรีที่.. อวดดีเสียจริง"
แม้จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่ดวงตาของเขากลับละมุนขึ้นเมื่อมองหน้าเธอ มือหนาเลื่อนไปััใบหน้าของนางอย่างแ่เบา เรียวนิ้วััข้างแก้มพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะรีบดึงมือลงเมื่อเห็นว่าหลิวหานนั้นเดินเข้ามาใกล้
"รายงานการลาดตระเวนขอรับท่านแม่ทัพ"
"อะแฮ่ม!"
รุ่งเช้า กองทัพได้เร่งเดินทางต่อโดยหวังว่าจะออกจากหุบเขามู่หยางให้เร็วที่สุด แต่เมื่อข้ามเนินเขาไปถึงป่ารกทึบกลับพบเข้ากับสายหมอกสีขาวซีดก็ลอยปกคลุมไปทั่วผืนป่า ทุกอย่างดูแปลกตาและเงียบงันจนน่าขนลุก แต่หากจะไปที่ชายแดนพวกเขาจำเป็ต้องเดินผ่านเส้นทางนี้
"นี่มัน.."
หานเจี้ยนองครักษ์หนุ่มมือซ้ายขมวดคิ้วแน่น เขาขี่ม้าตามแม่ทัพและพระชายาไม่ห่างนัก ถัดไปเป็องครักษ์หนุ่มมือขวาอย่างหลิวหานที่มีท่าทีกังวลกับสภาพอากาศตรงหน้า
"หมอกนี่แปลกเกินไป"
"อาจเป็แค่หมอกธรรมดา"
องครักษ์ทั้งสองพูดคุยกันด้วยท่าทางที่ซีเรียส กองทัพหยุดลงชั่วขณะหลังจากที่หลงเยี่ยนนั้นส่งสัญญาณ
"ไม่ใช่"
ไป๋ลี่เซียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ นางสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะขมวดคิ้ว แม้ว่าจะไม่ได้รู้เื่ดีเลิศอะไร แต่กลิ่นที่ลอยคลุ้งในอากาศนี้มีกลิ่นจาง ๆ ของสมุนไพรบางอย่าง นั่นหมายความว่าไม่ใช่แค่หมอกที่เกิดจากธรรมชาติเท่านั้น
"กลิ่นมันแปลก.. ข้าว่ามันอาจมีพิษ"
ทุกคนใแต่ก็ยังถือว่าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ แม่ทัพหลงเยี่ยนเห็นดังนั้นจึงหันไปสั่งการทันที
"ทุกคนปิดจมูกไว้อย่าเพิ่งเดินลึกเข้าไป"
"ข้าพอมีความรู้เื่ยา"
นางเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะลงจากม้า คว้ากิ่งไม้ตามนั้นขึ้นมาก่อกองไฟเล็ก ๆ ก่อนจะนำสมุนไพรจากถุงของนางมาเผา
"ไฟจะช่วยลดพิษในอากาศได้บ้าง"
"เ้ารู้เื่นี้ได้อย่างไร"
"ข้าก็.. มีความรู้ด้านพิษพอสมควร และข้าก็เคยอ่านตำราเกี่ยวกับพิษอยู่บ้าง"
หลังจากเผาสมุนไพรไม่นาน หมอกที่หนาตัวเริ่มจางลงทีละน้อย ทหารบางนายที่เผลอสูดพิษเข้าไปก็ถูกลี่เซียนฝังเข็มและให้ยาถอนพิษจนพวกเขาฟื้นตัวได้ในเวลาไม่นาน
"เ้าทำได้ดีมาก"
หลงเยี่ยนหันมาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง
"เห็นข้าเป็แบบนี้ ข้าก็เก่งพอตัวนะ"
'โชคดีตอนที่อยู่มหาลัยศึกษาเื่ตำราฝังเข็มเปิดลมปราณมาบ้าง ไม่งั้นได้ตายกันยกกองทัพแน่'
ลี่เซียนยกยิ้มอย่างภาคภูมิก่อนจะเอียงคอถามในสิ่งที่สงสัย
"แต่ข้าสงสัยว่าหมอกพิษแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองแน่ ๆ เ้าคิดว่าอย่างไร"
"ข้าคิดว่ามีคนจงใจวางกับดักพวกเรา"
"หรือว่ามีคนจงใจทำให้พวกเราต้องเดินทางมาเส้นทางนี้ั้แ่แรก"
"ก็อาจจะเป็ไปได้"
เมื่อผ่านพ้น่เวลาน่าหวาดเสียวไปได้ กองกำลังเองก็เริ่มหมดแรง หลงเยี่ยนจึงตัดสินใจสั่งพักแรมในที่แห่งนี้ แม้เขาจะรู้ว่าอันตรายแต่หากฝืนไปต่อกองทัพของเขาต้องแย่กว่านี้แน่
ค่ำคืนนี้เงียบสงัด พอให้ได้ยินลมเย็นพัดผ่านยอดไม้ ได้ยินเสียงกองไฟที่ถูกจุดแตกเปรี๊ยะ ๆ เป็เสียงเดียวที่ขับไล่ความเงียบ ชายหนุ่มยืนกอดอกมองออกไปในความมืด ั์ตาของเขาคมกริบและเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เช่นเดียวกับเหล่าทหารที่แม้จะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่ก็ไม่มีใครกล้าหลับสนิท
ไป๋ลี่เซียนเดินออกจากเต็นท์ในชุดคลุมหนาพลางหาวเบา ๆ
“ท่านกำลังเฝ้ายามอยู่หรือ”
“อืม”
หลงเยี่ยนตอบโดยไม่หันมา ดวงตาของเขายังกวาดมองออกไปรอบ ๆ โดยไม่พูดอะไรต่อ
“เ้ากำลังระแวงอะไรอยู่”
“ข้ารู้สึกแปลก ๆ”
“อ๋อ.. ถ้าเื่นี้ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน”
เพราะเธอเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติจึงได้เดินออกมา ทุกอย่างที่นี่ดูเงียบเกินไป เงียบในชนิดที่แม้แต่เสียงแมลงกลางคืนก็แทบไม่มี
ฉึก!
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะพูดอะไรต่อ ก็มีลูกธนูพุ่งผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็วปักเข้าที่หน้าอกของทหารที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ศัตรูบุก!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้