มู่จื่อหลิงอับจนวาจาไปแล้ว!
ยังรออยู่อีก? ขืนรอต่อไปได้ตายจริงๆ แน่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ท้องของนางก็หิวมากแล้ว
มู่จื่อหลิงลูบคางเกลี้ยงเกลา สายตาย้ายกลับมาที่ร่างของเย่จื่อมู่ นึกบางสิ่งขึ้นได้อย่างกะทันหัน “พ่อค้าหน้าเื ท่านคงไม่ได้รอให้ผู้อื่นมาช่วยพวกเราใช่ไหม?”
เย่จื่อมู่เพียงแย้มยิ้ม ไม่พูดจา ดวงตาค่อยๆ ปิดลง
มู่จื่อหลิงยิ่งคิดก็ยิ่งเป็ไปได้
เมื่อคืนนี้ถ้าพวกเฮยชีรู้ว่านางหายตัวไปจะต้องมาค้นหานางแน่
แม้ติงติงเด็กคนนั้นพูดว่าจะไม่ลงมือกับพวกเฮยชี แต่นางก็ยังกังวลใจ
และเสิ่นซือหยางก็พูดว่าให้ออกจากป่าสายหมอกไปรวมตัวกันแต่เช้าตรู่ ยามนี้นางไม่กลับไป คงส่งคนมาค้นหานางกระมัง?
ทว่า ป่าสายหมอกกว้างใหญ่เพียงนี้ เมื่อคืนนางหนีตายอย่างไม่สนทิศทาง ตอนนี้หนีตายมาถึงที่ไหนนางก็ไม่รู้เช่นกัน จะถูกค้นหาจนเจอดูเหมือนจะไม่ใช่เื่ง่ายๆ!
คิดถึงเมื่อคืนนี้ มู่จื่อหลิงก็นึกถึงตนเองใน่เวลาแห่งความเป็ตายเมื่อคืน ในเวลาวิกฤติที่กำลังจะล้มลงกับพื้น ก็คิดถึงเ้าคนใจร้ายใจดำอย่างหลงเซี่ยวอวี่ขึ้นมา!
แล้ว...แล้วยังคิดได้จากก้นบึ้งหัวใจว่านางชอบคนสารเลวผู้นั้น
เชอะ จะเป็ไปได้อย่างไรกัน? ไม่มีทาง นางไม่มีแนวโน้มว่า ‘ชื่นชอบความรุนแรง’ เสียหน่อย
มู่จื่อหลิงปฏิเสธความในใจของตนเองทันที
นางคิดว่า นางจะต้องวิ่งจนเลอะเลือนแน่ๆ สมองไม่แจ่มใสจึงได้นึกไปถึงเ้าคนที่ชอบเ้าชู้ใส่นางแล้วหาความชอบธรรมให้ตนเองผู้นั้น
ใช่ ต้องเป็เช่นนี้แน่
มู่จื่อหลิงลอบเตือนตนเองในใจ ‘ก็บอกแล้วว่าให้หลบหลีกไปให้ไกล เช่นนั้นก็ต้องหลบไปให้ไกลๆ อืม ต่อไปไม่อนุญาตให้คิดอีก’
ทว่า หัวใจมิอาจควบคุม เื่ในอนาคตใครจะพูดได้?
มู่จื่อหลิงมองเย่จื่อมู่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย พ่อค้าหน้าเืผู้นี้มีความสามารถเพียงนั้นจริงๆ หรือ? นึกไม่ถึงว่าจะสามารถมาช่วยชีวิตนางทันเวลาฉิวเฉียด ในป่าที่กว้างใหญ่ได้
มาได้ทันเวลาเกินไปนัก ช่างทำให้คนคาดไม่ถึงเหลือเกิน
พ่อค้าหน้าเืผู้นี้มิได้สะกดรอยตามนางมาทั้งทางกระมัง?
มู่จื่อหลิงครุ่นคิดแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
นี่ก็เป็ไปไม่ได้อีกเช่นกัน ถ้าเป็เช่นนี้ เขาคงจะช่วยนางั้แ่ตอนที่นางถูกฝูงหมาป่าไล่ตาม และคงไม่ถึงกับทำให้ตนเองได้รับาเ็
ถ้าถามพ่อค้าหน้าเืไปในตอนนี้ คำพูดที่พ่นออกมาจากปากเขา สิบประโยคก็ไร้สาระไปแล้วเก้าประโยค ส่วนอีกหนึ่งประโยคก็คงเป็คำโกหกแน่ๆ
มู่จื่อหลิงกลับไม่รู้เลยว่าเย่จื่อมู่นั้นตามนางมาจริงๆ เพียงแต่ภายหลังเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ถูกคนทำให้ไขว้เขว จนคลาดไป
เย่จื่อมู่ที่หลับตาอยู่ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่พุ่งมาทางเขาของมู่จื่อหลิง มุมปากเขายกขึ้นน้อยๆ เอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “เถ้าแก่มู่ ไม่จำเป็ต้องใช้สายตาเลื่อมใสมองข้าเพียงนี้ ข้าก็ร้ายกาจเพียงนี้ อยากจะบูชาเ้าก็บูชาไม่ได้หรอก”
“หลงตัวเองให้น้อยๆ หน่อย ใครจะบูชาท่านกัน” มู่จื่อหลิงกลอกตาใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย พ่อค้าหน้าเืผู้นี้หน้าหนาจนไม่มีใครเทียบได้แล้ว
“อืม คิดไปแล้วก็ถูก มีสามีแข็งแกร่งยอดเยี่ยมเพียงนั้น เถ้าแก่มู่ยังไม่ทันบูชาเขา แล้วจะมาบูชาข้าได้อย่างไร?” เย่จื่อมู่ถอนหายใจแ่เบา ในน้ำเสียงเจือความพ่ายแพ้เอาไว้
เอ่อ......
เมื่อได้ยินคำที่พ่อค้าหน้าเืผู้นี้พูด มู่จื่อหลิงก็สำลักขึ้นมาโดยพลัน ช่างหาเื่ให้ตนเองโดยแท้
สิ่งใดคือมีสามีแข็งแกร่งยอดเยี่ยม นางยังไม่เลื่อมใส? หลงเซี่ยวอวี่มีอะไรน่าเลื่อมใส
ต่อให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอีก ต่อให้ยอดเยี่ยมขึ้นอีก ก็เป็เื่ของเขา เกี่ยวอันใดกับนางหรือ?
มู่จื่อหลิงเอนหลังบนต้นไม้หลับต่อ เข้าไปสกัดยาในระบบซิงเฉิน นางตั้งใจจะไม่พูดกับเย่จื่อมู่แล้ว
ผ่านไปไม่ถึงครู่หนึ่ง เย่จื่อมู่ก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เย่จื่อมู่มองท้องฟ้าที่ถูกหมอกปกคลุม มุมปากยกขึ้นเป็รอยยิ้มที่ลับลมคมใน พึมพำกับตนเอง “รอมาทั้งเช้าแล้ว ข้าเองก็รอจนเกินพอแล้ว”
เขายกนิ้วกดจุดสลบของมู่จื่อหลิง ดึงเข็มขัดสีแดงออกมาจากเอว รัดบริเวณเอวของมู่จื่อหลิงให้ติดกับต้นไม้อย่างแ่า ไม่ให้นางตกลงไป
จากนั้น
เย่จื่อมู่ก็ทะยานกายลงไปอย่างรวดเร็วราวกับชั่วประกายไฟของหินจุดไฟ ไม่รอให้ฝูงหมาป่าตอบสนอง ในมือเขาก็หิ้วหมาป่าขึ้นมาหนึ่งตัวอย่างฉับไว
ในชั่วเวลาเพียงดีดนิ้วมือ หมาป่าในมือเย่จื่อมู่ก็ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา ลำคอของมันถูกบีบจนขาดทั้งเป็
เย่จื่อมู่ฉีกกระชากหมาป่าในมืออย่างง่ายดาย โลหิตสดๆ จากหมาป่าทั้งตัวก็ไหลรินลงไป โลหิตเหนียวเหนอะ กลิ่นคาวเืคละคลุ้งทิ่มแทงจมูก
ฝูงหมาป่าใต้ต้นไม้ เห็นเพื่อนร่วมฝูงตนเองถูกสังหารอย่างทารุณ พลันหงุดหงิดกระสับกระส่ายขึ้นมา สายตาดุร้ายจ้องไปบนต้นไม้ เขี้ยวที่คมกริบเปล่งประกายโเี้อำมหิต
ในชั่วขณะนั้นเอง เสียงหอนก็ดังขึ้นทั้งสี่ทิศทางต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย
เย่จื่อมู่มองลำตัวของหมาป่าในมือ สีแดงสดราวกับต้นเสา ปล่อยลงไปด้วยความบ้าคลั่งที่กดไว้ไม่อยู่ ดวงตาเฉลียวฉลาดทอประกายอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม!
“เพื่อเ้าแล้ว ข้าทุ่มเทยิ่งนัก!” ั์ตาของเย่จื่อมู่เจือรอยยิ้มขณะมองมู่จื่อหลิงที่หลับใหล จิ้มจมูกนางอย่างจนปัญญา ดวงตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู
เย่จื่อมู่ใช้โลหิตสดๆ ที่ไหลพรั่งพรูออกมาจากหมาป่า บรรจงแต่งแต้มลงบนกระโปรงสีขาวของมู่จื่อหลิงทั้งตัว
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
ชุดกระโปรงสีขาวของมู่จื่อหลิงที่ขาดวิ่น ก็ย้อมไปด้วยสีแดงสดจากคราบโลหิต แม้แต่บนใบหน้าและลำคอก็ล้วนเป็โลหิตสีแดงที่ทิ่มแทงั์ตา
นางที่หลับใหลในยามนี้ ทั่วทั้งตัวดูเหมือนถูกฝูงหมาป่ากัดทึ้ง ร่างกายาเ็สาหัส เสียเืมากจนเกินไปจนหมดสติ
“เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ หลังจากฟื้นขึ้นมา อย่าได้ซาบซึ้งข้ามากจนเกินไปเล่า!” เย่จื่อมู่ลูบคาง มองผลงานชิ้นเอกอย่างพึงพอใจ มุมปากยกเป็รอยยิ้มมีชัย
หากเขาไม่ได้ทำออกมาด้วยตนเองล่ะก็ เพียงให้เขาเห็นมู่จื่อหลิงที่มีาแนับไม่ถ้วนเช่นนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะใจนคลุ้มคลั่งก็เป็ได้
เพียงแต่ ไม่รู้ว่าหลังจากที่มู่จื่อหลิงเห็นผลงานชิ้นเอกของเย่จื่อมู่ที่เรียกว่า ‘ทุ่มเท’ แล้วไม่รู้ว่าจะโมโหจนอยากฆ่าคนหรือไม่
จากนั้น เย่จื่อมู่เพียงดีดนิ้ว ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมา แล้วหมาป่าตัวหนึ่งใต้ต้นไม้ก็ะเิเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฝูงหมาป่าภายใต้ต้นไม้เห็นเพื่อนร่วมฝูงะเิเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย พลันคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ มองคนบนต้นไม้ที่อยู่ไกลเกินเอื้อมอย่างกระหายเื
“บรู๋ว!”
าาหมาป่าถูกยั่วโทสะจนถึงที่สุด มันแหงนหน้าหอนเสียงยาว เสียงหอนสั่นะเืฟ้าจนผีสางร่ำไห้กรีดแหวกท้องฟ้า กึกก้องไปทั้งป่า
เย่จื่อมู่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เสียงดังเท่านี้เพียงพอแล้ว
สายตาเขากวาดไปยังป่าโดยรอบอย่างเ็า ยามนี้ในป่าดูเหมือนจะมีเสียงสวบสาบอย่างรางๆ
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าตัวของมู่จื่อหลิงถูกเข็มขัดรัดไว้อย่างแ่าแล้ว เย่จื่อมู่ก็คลายจุดสลบให้นาง
เย่จื่อมู่สะบัดแขนเสื้อสีแดงที่เป็เศษขาดวิ่น ผืนผ้าก็ลอยพลิ้วไหว ในชั่วเวลาเพียงลอยขึ้นลงไม่กี่ครั้งนั้น เงาร่างสีแดงก็หายไปในหมอกอันหนาทึบ
มู่จื่อหลิงที่สกัดยาอยู่ในระบบซิงเฉิน ไม่รับรู้ที่เย่จื่อมู่กลั่นแกล้งนางเลยแม้แต่น้อย และไม่รู้ว่าฝูงหมาป่าข้างนอกเพิ่มขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า
หมาป่าเกือบทั้งป่าสายหมอกล้วนมาแล้ว เคลื่อนกองทัพอย่างน่าหวั่นเกรงและแข็งแกร่ง!
เสียงหอนของหมาป่าโดยรอบนั้นยิ่งเหมือนเสียงร้องของฝูงม้าศึกนับหมื่นที่ห้อตะบึง หมาป่าหอนสนั่นแก้วหู ดังก้องไม่หยุด ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณโดยรอบก็ยิ่งสั่นะเืตามไปด้วย
หลังจากเย่จื่อมู่ไปไม่นาน ลำแสงสีม่วงก็ดีดตัวะโขึ้นมาร่อนลงบนตัวของมู่จื่อหลิงอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
ลำแสงสีม่วงรวดเร็วสายนี้ก็คือเสี่ยวไตกูที่วิ่งหนีเข้ามาในป่าอย่างรีบร้อน
เสี่ยวไตกูะโขึ้นลงหาเงาร่างของมู่จื่อหลิงในป่า ต่อมามันได้กลิ่นยาพิษที่มู่จื่อหลิงสกัด ถึงได้ตามหาจนเจออย่างราบรื่น
“โอ้กๆๆ” นายน้อย นายน้อย ในที่สุดเสี่ยวไตกูก็เจอท่านแล้ว
เสี่ยวไตกูมองมู่จื่อหลิงที่สลบไม่ได้สติทั้งตัวเต็มไปด้วยโลหิต ก็ใจนร้อนรนโดยพลัน ดวงตาเล็กๆ เต็มไปด้วยหยาดน้ำตายาพิษ นายน้อยของมันเป็อะไรไป?
“โอ้ก...”
เสี่ยวไตกูมองฝูงหมาป่าดุร้ายคลุ้มคลั่งที่กำลังตะกุยดินอยู่ใต้ต้นไม้ เป็หมาป่าฝูงนี้ที่ทำร้ายนายน้อย
หมาป่าอัปลักษณ์ฝูงนี้กล้าทำร้ายนายน้อยของมัน สมควร ตาย ทั้งหมด!
เสี่ยวไตกูเดือดดาลขึ้นมา มันแลบลิ้นสีแดงขนาดเล็กที่ภาคภูมิใจ ในชั่วขณะนั้น ลิ้นเล็กขนาดยาวก็เปลี่ยนเป็ลิ้นพิษที่มีไอสีดำหนาทึบอันน่าหวาดเกรง
เรียวลิ้นพิษยาวกว่าสิบเมตร!
เสี่ยวไตกูก้มหมอบอยู่บนกายมู่จื่อหลิง ยื่นลิ้นพิษขนาดเล็กลงไปใต้ต้นไม้อย่างง่ายดาย แตะถูกหมาป่าตัวหนึ่งที่เกะกะลูกตามันที่สุด
ทันทีที่แตะถูกตัวหนึ่ง ซึ่งหมาป่าตัวนี้คือาาหมาป่าที่กำลังแหงนหน้าส่งเสียงหอนเรียกรวมพลหมาป่าทั้งป่าสายหมอก
‘ฉี่ๆๆ’
าาหมาป่าถูกพิษย่อยสลาย
เพียงชั่วกะพริบตา เสียงร้องแหวกอากาศก็หยุดลงอย่างกะทันหัน าาหมาป่าก็กลายเป็กองเืสีดำราวกับฝูงมด...
การหายไปในชั่วพริบตาของาาหมาป่า ทำให้หมาป่าที่กำลังคลุ้มคลั่ง หวาดกลัวกระสับกระส่าย แต่ก็ไม่ลืมว่า้าเอาคนบนต้นไม้ที่ทำร้ายเพื่อนร่วมฝูงของพวกมันลงมา จึงยังคงขุดต่ออย่างสุดชีวิต
เสี่ยวไตกูสะบัดลิ้นด้วยความเร็วเป็ที่สุด จนทำให้หมาป่าใต้ต้นไม้ไม่ทันตั้งตัว พวกมันยังไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก็ลาโลกนี้ไปแล้ว
ดังนั้น เสี่ยวไตกูราวกับคนชี้เป็ชี้ตาย เสี่ยวไตกูแตะโดนผู้ใด ผู้นั้นก็กลายเป็กองเืสีดำในทันที
ถ้ามู่จื่อหลิงในยามนี้ฟื้นขึ้นมา แล้วได้เห็นฉากน่าเกรงขามของเสี่ยวไตกูนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะใจนตกลงไป ตบมือรัวร้องว่าเยี่ยม
และจะต้องเสียใจที่ก่อนหน้านี้นางดูถูกลิ้นเล็กสีแดงที่เพิ่มความยาวได้หลังการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวไตกู
กระทั่งต่อมา ฝูงหมาป่ารู้สึกได้ว่าเพื่อนร่วมฝูงค่อยๆ ลดน้อยลงไป จึงรับรู้ถึงอันตราย เตรียมจะหนีเอาชีวิตรอด
เสี่ยวไตกูไม่ให้โอกาสวิ่งหนีแก่พวกมัน เสี่ยวไตกูะโลงมา แสงสีม่วงละลานตาขึ้นๆ ลงๆ ลิ้นอาบยาพิษได้ทีขี่แพะไล่ ไม่ปล่อยหมาป่าตัวใดไปแม้สักตัว
ไม่นานนักฝูงหมาป่าฝูงใหญ่ก็ย่อยยับ พื้นดินเป็สีดำสนิทด้วยโลหิตที่เหมือนกับน้ำหมึกสีดำ ท่ามกลางโลหิตสีดำเหลือเพียงหมาป่าที่นอนร้องโหยหวนกับพื้น
เมื่อครู่เสี่ยวไตกูพบว่าในหมาป่ามีกู่ปรสิต มันจึงเหลือหมาป่าที่ในร่างกายมีกู่ปรสิตไว้อย่างชาญฉลาด
ถ้าไม่ใช่เพราะมาค้นหากู่ปรสิต เสี่ยวไตกูคงไม่ปล่อยให้หมาป่าตัวนี้รอดชีวิต
รอบกายในยามนี้เงียบสงัด ราวกับเสียงอึกทึกครึกโครมก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น
และเสี่ยวไตกูก็สงบลง ทันใดนั้นมันก็รู้สึกได้ว่ากลิ่นเืบนตัวมู่จื่อหลิง ล้วนเป็ของหมาป่า มิน่าเล่าถึงเหม็นเพียงนั้น
ที่แท้ก็เป็การตื่นใไปเอง นายน้อยไม่ได้รับาเ็เลยแม้แต่น้อย มันเดาว่ายามนี้นายน้อยคงสกัดยาพิษอยู่ในระบบซิงเฉินเป็แน่ จึงไม่ฟื้นขึ้นมา
เสี่ยวไตกูหมอบอยู่บนร่างของมู่จื่อหลิง รอให้นางฟื้นขึ้นมา
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงกีบม้าก้องกังวานมาจากไกลๆ......
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้