แต่น่าเสียดายที่ใบหน้าของชายผู้นั้นเสียโฉม จนมิอาจคาดเดาใบหน้าเค้าเดิมได้อย่างสิ้นเชิง นี่อดไม่ได้ที่ทำให้ซูเฟยซื่อค่อนข้างผิดหวัง
เซ่าชิงชื่อนี้ ยังมีเงาหลังของเขา ทำให้นางรู้สึกว่าเขาเป็คนที่นางคิด
แต่โฉมหน้าของเขาดันถูกทำลายไปแล้ว จึงมิอาจมั่นใจได้ ตอนนี้เพียงสังเกตจากท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเขาเท่านั้น
นางกับเขาล้วนเติบโตมาด้วยกัน เรียกว่าเป็เพื่อนรักคู่ซี้ก็ว่าได้ ฝีมือของทั้งสองต่างเป็วิชาที่บิดานางสอนมา
ดังนั้นขอเพียงเขาลงมือ นางสามารถรู้ได้ทันที
“เ้ารู้จักคนคนนั้น?” จู่ๆ ข้างกายพลันมีเสียงอำมหิตเ็าดังขึ้นเสียงหนึ่ง
ซูเฟยซื่อใกลัวจนหนังศีรษะชาวูบ รีบปฏิเสธ “ไม่รู้จัก เพียงแต่นี่คือครั้งแรกที่เข้ามาที่นี่ ข้าจะรู้สึกแปลกๆ ไปบ้างก็เป็ธรรมดา”
“งั้นหรือ?” น้ำเสียงของอวี้เสวียนจีลึกลับยากจะเข้าใจ เหมือนจะเชื่อในสิ่งที่นางพูด ทั้งดูเหมือนไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง
ซูเฟยซื่อพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก เกรงว่ายิ่งพูด สถานการณ์จะยิ่งแย่ ไหวพริบและความช่างสังเกตของอวี้เสวียนจีคนนี้ เป็สิ่งที่นางได้ประจักษ์มาก่อน
ขณะที่พวกเขาสนทนากัน หลี่ต่านกับเซ่าชิงก็พุ่งปะทะกันในสนามประลอง เมื่อเซ่าชิงลงมือ ซูเฟยซื่อก็สั่นสะท้านทันที
เป็เขา เป็เขาจริงๆ ไม่ผิดแน่!
เมื่อยืนยันในเื่นี้ได้ นางก็ตื่นเต้นจนเกือบจะวิ่งไปกอดเขา เซ่าชิง กู้เซ่าชิงคนนั้นที่เป็เพื่อนฝึกวิทยายุทธ์ เล่นสนุก สู้รบ เติบโตไปพร้อมกับนาง
นางคิดว่าเขาเสียชีวิตพร้อมกับที่ตระกูลกู้ถูกล้มล้าง ทว่าคิดไม่ถึงว่าสามารถเห็นเขาที่นี่ในเวลานี้
นางคิดอยากเข้าไปถามเขา ่เวลานี้เขาใช้ชีวิตอย่างไร เด็กหนุ่มเ้าสำอางและร่าเริงคนนั้น เหตุใดจึงปล่อยให้ตัวเองเสียโฉมแบบนี้ได้
ดูกู้เซ่าชิงดิ้นรนเพื่อจะมีชีวิตอยู่ ท่วงท่าต่อสู้เอาชีวิตเข้าแลกในสนามประลอง ภาพตรงหน้าทำเอาซูเฟยซื่อรู้สึกว่าหัวใจแทบแหลกสลาย
ปวดร้าวจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
เป็นางทำผิดต่อเขา ถ้าไม่ใช่เพราะนางแล้ว เขาจะกลายเป็แบบนั้นได้อย่างไร
เขาในปีนั้น… ตอนนี้นางกระทั่งรำลึกความทรงจำก็ปวดใจไปหมด
อวี้เสวียนจีจับความรู้สึกของนางในสายตา ย้ำคำถามเมื่อครู่อีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงกลับยิ่งเย็นะเื “เ้ารู้จักคนคนนั้นไหม?”
ซูเฟยซื่อสะดุ้งเฮือกหนึ่ง แล้วสงบลงอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่รู้จัก”
สิ้นเสียงของนาง ดวงตาทั้งคู่ของอวี้เสวียนจีหรี่ลงทันที ไม่รอนางโต้ตอบ อวี้เสวียนจีบีบลำคอนาง แล้วดันร่างบางออกไป
เดิมทีที่นั่งของผู้ชมชั้นหนึ่งก็มีขนาดใหญ่กว่าที่อื่นๆ ทว่าวันนี้เป็อวี้เสวียนจีใช้เงินเหมาที่นั่งผู้ชมชั้นหนึ่งไว้ทั้งหมด สายตาของผู้ชมทั้งอัฒจันทร์ต่างจดจ่อกับการต่อสู้ในสนามประลอง ไหนเลยจะสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่หลังม่านผ้าไหม
ที่นั่งชั้นแรกอยู่สูงกว่าสนามประลองราวๆ สามจั้ง ขอเพียงอวี้เสวียนจีปล่อยมือ นางก็ตกลงไปได้ทันที ซูเฟยซื่อเกือบจะได้ยินเสียงเรียกของภูตแห่งความตาย
“ไม่มีใครสามารถหลอกข้าได้” เสียงเย็นะเืของอวี้เสวียนจีดุจน้ำค้างแข็งเดือนหก
ซูเฟยซื่อใจนในใจพลุกพล่านปั่นป่วน กระทั่งลมหายใจก็กลายเป็หอบถี่ เขามองออกตามคาด
ทำอย่างไรดี นิสัยของอวี้เสวียนจีเดี๋ยวคุ้มดีคุ้มร้าย นางเดาใจเขาไม่ถูกจริงๆ ว่าจะโยนนางลงไปไหม
ดวงหน้าซูเฟยซื่อค่อยๆ กลายเป็สีแดงก่ำ ถูกบีบคอจนแทบขาดอากาศหายใจ มือของอวี้เสวียนจีกลับไม่คลาย ทว่ากลับยิ่งบีบแน่นขึ้นหลายส่วน
หากเป็แบบนี้ต่อไป ต่อให้เขาไม่โยนนางลงไป ก็คงถูกเขาบีบคอตายทั้งเป็ ทำอย่างไรดี ควรตอบโต้อย่างไร?
ความสับสนในใจเพิ่มพูนแทบจุกอก นางควรบอกความจริงกับอวี้เสวียนจีไหม?
เมื่อชีวิตที่แล้ว นางเคยลอบสังหารอวี้เสวียนจีหลายครั้ง ทั้งยังเป็เพียงคนเดียวที่อวี้เสวียนจีสามารถเรียกนางว่าเป็คู่ต่อสู้ ถ้าอวี้เสวียนจีรู้ว่านางยังไม่ตาย เขาจะฆ่านางหรือไม่?
แต่ต่อให้นางโกหกก็ไม่สามารถหลอกอวี้เสวียนจีไปได้ ไม่ว่าจะถูกเปิดโปงหรือไม่ จุดจบมีแต่จะยิ่งแย่ นี่...
ซูเฟยซื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง พยายามให้ตนเองสงบลง เอ่ยปากพูดน้ำเสียงจริงจัง “ข้าไม่รู้จัก เพียงรู้สึกว่าเงาหลังของเขาเหมือนเพื่อนเล่นในวัยเด็กคนหนึ่งเล็กน้อยเท่านั้น”
ความคลุมเครือของวาจานี้เป็ไปได้สองทาง ทั้งฟังเหมือนว่าจริงหรืออาจฟังได้ว่าเท็จ
ความดุร้ายในดวงตาของอวี้เสวียนจีค่อยๆ เลือนหาย ออกแรงที่มือดึงซูเฟยซื่อกลับไปยังที่นั่ง เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อวาจาของซูเฟยซื่อแล้ว
แต่ก็เป็ขณะที่ซูเฟยซื่อลอบผ่อนลมปราณ วาจาต่อมาของเขา ยิ่งทำให้ผู้คนหวาดผวาจริงๆ “คนคนนี้ข้าอุปราชหมายตาไว้แล้ว”
หมายตา? หมายความว่าอะไร? หรือว่าอวี้เสวียนจีคิดเอาชีวิตของกู้เซ่าชิง?
คนที่ตกอยู่ในมือของอวี้เสวียนจีไม่มีใครมีจุดจบที่ดี หากไม่ถูกทรมานจนตายทั้งเป็ ก็ถูกทรมานจนต้องฆ่าตัวตาย
ไม่ได้ กู้เซ่าชิงถูกชั่วชีวิตที่แล้วของนางทำร้ายอนาถพอแล้ว นางไม่อาจปล่อยให้เื่แบบนี้เกิดขึ้นอีก
คิดถึงตรงนี้ ซูเฟยซื่อรีบเอ่ยปาก “ท่านอ๋องเก้าพันปี เขาเป็เพียงนักสู้คนหนึ่ง ทำไมถึงต้องโกรธเขาล่ะเ้าคะ?”
นัยตาหงส์ของอวี้เสวียนจีเบิกขึ้นน้อยๆ ก่อนจะกลับเป็ดวงตาเลื่อนลอยดุจคนเกียจคร้าน ซึ่งไม่มีใครคาดเดาได้ตามปกติ “คนที่ถึงกับทำให้คุณหนูสามแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีขอความเมตตา เป็เพียงนักสู้คนหนึ่งเท่านั้นหรือ?”
ร่างซูเฟยซื่อพลันแข็งทื่อ จิตใจรู้สึกสับสนว้าวุ่นดั่งเชือกปอ
คาดหวังถึงความห่วงใยจากฝ่ายตรงข้ามว่ายากแล้ว ทว่ายามนี้จะขอความเมตตาจากอวี้เสวียนจี นั่นก็แทบจะเป็การสาดน้ำมันลงบนกองไฟ
ขณะที่ซูเฟยซื่อกำลังครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไรเพื่อช่วยชีวิตกู้เซ่าชิงจากเงื้อมมือของอวี้เสวียนจี ในสนามประลองก็ได้เหลือเพียงกู้เซ่าชิงคนเดียวแล้ว ร่างของหลี่ต่านได้ถูกคนสองคนหามออกไปแล้ว
นี่เป็สัญญาณว่ากู้เซ่าชิงชนะแล้ว?
ซูเฟยซื่อก็เบาใจลงไปบ้าง นางรู้ดีว่า ไม่ว่าอย่างไรกู้เซ่าชิงต้องไม่มีทางแพ้อีกฝ่ายแน่!
เหมือนล่วงรู้ถึงสิ่งที่นางคิดในใจ น้ำเสียงเนิบเบาของอวี้เสวียนจีจู่ๆ ก็แว่วมา “อย่าเพิ่งดีใจให้มากนัก ที่ตามมาภายหลังจากนี้ต่างหาก จึงจะเรียกว่าเป็ละครเื่สนุกที่แท้จริง”
ละครสนุก? หมายความว่าอย่างไร!
ไม่รอให้ซูเฟยซื่อได้สติกลับมา ประตูเหล็กทั้งสองด้านได้เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ที่ออกมาไม่ใช่คน ทว่าเป็พยักฆ์ร้ายหิวโหยถึงสองตัว
เห็นแบบนี้ ใบหน้าซูเฟยซื่อกลายเป็ซีดขาวลงในชั่วพริบตา ต่อให้กู้เซ่าชิงร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่อาจเอาชนะเสือสองตัวได้ ถ้าไม่ทันระวังตัว ไม่เพียงแต่เขาจะตาย ทว่ายังถูกเสือขบกินเป็อาหาร กระทั่งซากศพก็ไม่เหลือกระดูกให้เห็น
หลังจากตระกูลกู้ถูกล้มล้าง วันเวลาของกู้เส่าชิงยากลำบากมากเพียงใด เพื่อหาเงินแล้ว คาดไม่ถึงว่ากระทั่งการประลองที่อันตรายอำมหิตขนาดนี้ก็เข้าร่วม คิดถึงตรงนี้ ความปวดร้าวในใจซูเฟยซื่อก็เกือบจะมิอาจควบคุม
เพียงเห็นเสือสองตัวย่างทีละก้าวๆ เข้าใกล้กู้เซ่าชิง เสียงโห่ร้องในสนามประลองยิ่งดังขึ้น โหมอารมณ์ของผู้คนให้ยิ่งตื่นเต้นระทึกใจ
อวี้เสวียนจียังคงหรี่ตามองอย่างเฉยเมยเหมือนเดิม เอ่ยปากเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “เ้าตัวเล็ก เ้าคิดว่าใครจะชนะ?”
ขณะที่เขากำลังพูด เสือหิวสองตัวพลันกระโจนเข้าหากู้เซ่าชิง
เป็คำที่ราวกับจะแช่แข็งร่างซูเฟยซื่อไปจนถึงกระดูกสันหลัง เสียงของนางสั่นเครือ สีหน้าแสร้งทำเป็แน่วแน่มั่นใจ “ในเมื่อคนนี้ถูกท่านอ๋องเก้าพันปีหมายตาไว้ ย่อมต้องไม่ตายง่ายๆ แน่”
คำพูดเหล่านี้กล่าวเพื่อต่อกรกับอวี้เสวียนจี ทั้งกล่าวเพื่อปลอบใจนางเอง
แม้คำพูดของอวี้เสวียนจีจะน่าหวาดหวั่น แต่คนในสนามประลองก็ใช่ว่าจะตายในตอนนี้ ถึงกระนั้นนางก็ไม่อาจดูกู้เซ่าชิงถูกสัตว์เดรัจฉานสองตัวเคี้ยวแทะกินเป็อาหารต่อหน้าต่อตาได้จริงๆ
อวี้เสวียนจีหัวเราะเบาๆ “นั่นก็ไม่แน่ แต่ไรมาข้าอุปราชล้วนไม่เคยยื่นมือช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอ ในเมื่อตนเองยังไม่อาจเอาตัวรอดได้ อย่างนั้นปล่อยให้ตายไปจะไม่ดีกว่าหรือ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้