ที่สำนักหลิงชงิ (โรงเรียน) นี้มีลำธาร และ ูเาหลังสำนัก ซึ่งจะเป็สถานที่ผู้ฝึกตนจะมานั่งผ่อนคลาย แต่มีคนหารู้ไม่ว่า ลงไปด้านล่างอาณาเขตโรงเรียน ลึกเข้าไปมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ทึบลึกลับและด้านในมีบ่อน้ำโบราณ ซึ่งถ้าเป็คนทั่วไปที่ไม่มีพลังเซียนจะมองเห็นเป็เพียงบ่อน้ำธรรมดา แต่จริงๆ แล้วนี่คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จืออู่ตี้ (บ่อน้ำแห่งจินตนาการ) บ่อน้ำนี้คือต้นรากของน้ำพุ์และสิ่งที่ทำให้น้ำพุแห่ง์นี้กลับมาไหลอีกทีคือลูกแก้วจากัฟ้าวางกลางน้ำพุ เพื่อปลดผนึกบ่อน้ำศักดิ์สิทธ์จืออู่ตี้ จะคืนชีวิตให้น้ำพุและฉาบสิ่งรอบด้านกลายเป็อีกโลกที่งดงามเกินจินตนาการ นั่นคือสถานที่ลับของเ้าวั่งซูและฮวาเฟยฟา
“ข้าเบื่อ บรรยากาศในห้องประชุม ข้างในมีแต่คนกร่นด่าสกุลเ้า นี่เดี๋ยวซักพักก็พากันออกมาละ ข้าเหมือนไม่ที่ยืน” เ้าวั่งซูเอามือกอดอก และ บ่น
“พวกเราไป ชม ป่า ลำธาร ูเา หลังสำนักกันไหม ข้าว่าเ้าน่าจะชอบที่นั่น ที่นั่นสงบ และ ไม่มีคนล่วงล้ำเข้าไปหรอก” ฮวาเฟยฟาเอ่ยชวน
“มีที่แบบนั้นด้วยหรอ ได้สิเชิญเ้านำ” เ้าวั่งซูเอ่ย
ฮวาเฟยฟาผายมือในอากาศเปิดประตูสู่ที่แห่งหนึ่ง มาปรากฏที่ชายป่าหลังสำนัก ทั้งสองเดินเข้าไปยังบริเวณป่าลึกแห่งนี้หาที่เงียบสงบ ในขณะที่ยิ่งเดินลึกป่าก็ยิ่งเงียบสงัด และ มืดขึ้น มืดขึ้น ทั้งสองร่ายมนต์จุดดวงประทีปขึ้นเพื่อนำทาง ระหว่างนั้นพวกเค้าได้พบ ภูติตัวจิ๋วบินเปล่งแสงกลางป่า
“ข้าไม่เคยรู้ว่าภูติสามารถข้ามมายังภพนี้ได้” เ้าวั่งซูสงสัย
“จิตภูติ มาจากภพจิตภูติ เ้าภพคืออี้เฟิงเหวิน ข้าเคยได้ยินว่าจิตภูติคือสิ่งวิเศษ กายหยาบของพวกมันคล้ายโปร่งแสงผ่านทะลุ สามารถล่องลอยผ่านทะลุประตูภพคล้ายฑูตส่งสาส์น อย่างเช่นนำข่าวจากอีกภพมาสู่อีกภพ โดยผ่านการเข้าฝัน ไร้ร่องรอย ไร้การปะทะและสะกิดให้ประตูภพนั้นสั่นะเื แม้แต่มือปราบมารจากสำนักคุ้มภัย ก็ไม่อาจรับรู้ถึงการข้ามภพไปมาของพวกภูติ พวกภูติเป็สิ่งมีชีวิตที่เดินทางไปมาระหว่างภพได้ และอีกสิ่งหนึ่งจากภพเดรัจฉานคือผีเสื้อแห่งความตาย แต่ข้าไม่รู้ว่านั่นมันหมายถึงประโยชน์เพียงอย่างเดียวหรือโทษ แต่ก็เป็แบบนี้มาช้านาน และจากการรายงานพวกนั้นไม่เคยทำร้ายใคร” ฮวาเฟยฟาสาธยาย
“ถ้างั้น การที่พวกมันมาอยู่ตรงนี้ก็ต้องมีจุดมุ่งหมายงั้นสิ นั่น! พวกมันกำลังนำทางไปทางนั้น เราไปกันเฟยเฟย” ทั้งสองวิ่งกึ่งลอยตามเหล่าภูติไป สักพักจนเจอลักษณะบางอย่างเป็พุ่มคล้ายทางเข้าถ้ำ เมื่อทั้งคู่ขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นก็ค้นพบว่ามันคือต้นเถาวัลย์โบราณหนาใหญ่และขดพันกันไปมาโดยเปิดทางเข้าเหมือนถ้ำ พวกภูติพากันบินนำทางเข้าปากถ้ำ บางส่วนหยุดเกาะตามไหล่ทางทำให้ปากทางนี้และทางเข้าสว่างไสวระยิบระยับคล้ายการเดินทางเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง
ฮวาเฟยฟาและเ้าวั่งซูหันหน้ามองกันพยักหน้า และ พากันเดินตามแสงนั้นเข้าไป ตามผนังทางเดินนอกจากแสงจากภูติสว่างระยิบระยับแล้ว วั่งซูพึ่งสังเกตเห็นว่าตามขดกิ่งไม้ที่พันกันจนเป็ทางเข้าถ้ำนี้นอกจากมี ต้นไม้ ใบไม้ เถาวัลย์ พันเกี่ยว จิตภูติ
“นั่นคืออะไร!” กะโหลกมนุษย์
“เฮ้ย! เ้าดูนี่สิ” เสียงเรียกจากเ้าวั่งซู
“ทางนี้ก็มี!” มันคือใบหน้าปีศาจ ิญญาอาฆาต เหล่าสัตว์เดรัจฉาน ุ์ ภูติผี
“และเ้าดูนี่สิ คนนี้ข้ารู้จัก เค้าคือเทพโจววังซือ (เทพแห่งปัญญาที่อยู่ชั้นดางดึงส์) เทพองค์นี้หายตัวไปจากการประชุมสำคัญบน์เมื่อสามร้อยปีก่อนและไม่มีใครหาพบ นี่เค้ามาอยู่ตรงนี้”
“เพราะเหตุใดโพรงนี้ถึงมีสิ่งมีชีวิตจากทุกภพมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่”
“ข้าว่า มันเหมือนเป็ตาข่ายใยแมงมุมที่ดักจับทุกสิ่งที่แปลกปลอมที่เล็ดลอดเข้ามาหลุดลอดออกไป!” เ้าวั่งซูขนลุกและสงสัยปนขนาดไม่ต่างจากฮวาเฟยฟา
“ั้แ่ในอดีตมาไม่เคยมีภพไหน หรือ สิ่งมีชีวิตต่างภพมาอยู่ร่วมกันแบบสงบสุขได้ ในที่เดียวกัน ในเวลาเดียวกัน เพราะการย้ายข้ามภพนั้นจำต้องอาศัยร่าง และ พลังจากดวงจิตของผู้ที่อยู่ในภพนั้นๆ เพื่อให้ศัตรูหรือผู้ที่มาจากต่างภพสามารถดำรงอยู่ได้ แต่ก็เป็ไปไม่ได้ที่หลายๆ สิ่งมีชีวิตจากหลายๆ ภพจะมารวมกัน ณ จุดเดียว และ เสียชีวิตทั้งหมดด้วย”
“เฟยเฟยเ้าว่า จะมีสิ่งใดในโลก ที่สามารถนำพาพวกนี้มารวมตัวกันได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้” เ้าวั่งซูเอ่ยถามฮวาเฟยฟา ขณะที่กำลังยืนสังเกตร่างต่างๆ ที่ถูกยึดตรึงติดเรียงราย สภาพคล้ายถูกดูดิญญาออก สีหน้าซีดกลายเป็ ซูบผอม เหี่ยวย่น สีหน้าดูหวาดกลัวสุดขีด
“ฮะ! ข้าว่า ร่างพวกนี้ ร่างกายไม่เหมือนคนตายแต่เหมือนคนเป็ แม้สภาพจะน่าอดสูซูบผอมมาก แต่! อ่อ! ข้ารู้แล้ว ร่างพวกนี้ยังไม่ได้ตายไป เหมือนแค่โดนกระชาก ขโมยถอดจิติญญาออกจากร่าง และ ตรึงร่างกายนี้ไว้ แต่ข้าไม่แน่ใจว่าดวงจิตพวกนี้จะยังอยู่หรือสูญสลายไป แต่กายหยาบพวกเค้ายังอยู่ และ สามารถกลับมามีชีวิตในแบบพวกเค้าได้อีก”
“ใครกันนะ! ใครทำสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้! และทำไปเพื่ออะไร! ฮวาเฟยฟาสีหน้าเริ่มถอดสีแต่ยังนิ่งสงบและครุ่นคิดต่อไป
“อ่อ! ใช่! ใช่แล้ว!” ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน “กระจกใบที่สิบในตำนาน” กระจกบานนั้นบานเดียวที่สามารถเชื่อมเปิดและปิดประตูสู่ทุกภพได้
“เดี๋ยวนะแต่กระจกนั่นไม่มีใครเคยพบเจอ หลังจากที่มีการระบุไว้ใน “ตำรารวบรวมความรู้มหาสุดยอดทุกภพภูมิของ์” เปิดออก และมีการกล่าวถึงกระจกใบที่สิบนี้ ก็ได้มีการออกคำสั่งมีการค้นหาอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมในทุกภพภูมิ เพื่อนำมาเก็บรักษาที่หอจิ่งซือเย่เถวีย (หอมนต์ตรา์) เพื่อความปลอดภัยของทุกภพ เพราะถ้ากระจกมีอยู่จริง จะก่อให้เกิดหายนะ อย่างคาดไม่ถึง ทุกภพภูมิจะทะลุไปหากัน และ การเข้าสิงร่าง การขโมยร่าง และ ดวงจิตจะถูกทำให้เกิดและดับโดยไม่ผ่านการเวียนว่าย” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“แต่เคียวสู่ภพของตระกูลเ้าก็ทำได้ไม่แตกต่าง” เ้าวั่งซูเปรย
“ใช่! แต่ง้าวแห่งความตายนั่น สามารถใช้ได้แค่ผู้สืบทอดอย่างเป็ธรรมของสกุลเ้ารุ่นต่อรุ่น ไม่มีการข้ามสายในทุกหนึ่งร้อยเป็ของใครก็ของคนนั้น ง้าวจะไม่ฟังผู้ที่ไม่ใช่เ้าของที่แท้จริง และจุดมุ่งหมายของผู้เคียวแห่งความตายจากสกุลเ้านั้น เพื่อจุดหมายเดียวคือปกป้องภพมนุษย์ และ รักษาสมดุลแห่งภพ และการเหวี่ยงเคียวยมฑูตในแต่ละครั้งนั้นก็ทำไปเพียงเพื่อจุดหมายเดียว คือส่งสิ่งมีชีวิตจากภพที่ข้ามมากลับไปภพตัวเอง ไม่สามารถเปิดประตูสู่ภพเพื่อไปหลายๆ ภพพร้อมกัน หรือส่งสิ่งมีชีวิตนั้นกลับผิดภพภูมิก็ไม่ได้ ประตูนั้นจะไม่เปิด และ ที่สำคัญเคียวแห่งยมฑูตนั้น เปิดประตูเพื่อส่งกลับหาได้มีพลังในการเปิดเพื่อดึงสิ่งแปลกปลอมข้ามมา” ฮวาเฟยฟาร่ายยาว
“โห!” วั่งซูอ้าปากค้างตะลึง พร้อมปรบมือ และแสดงสีหน้าน้ำเสียงทึ่ง ในความรู้ที่มากมาย ครอบคลุมทุกภพภูมิ และ ความนิ่งในการเรียบเรียงและอธิบายรายละเอียดครบถ้วนของ ฮวาเฟยฟา
“เฟยเฟย เ้าช่างปราดเปรื่องนัก ข้าสงสัยว่ามีสิ่งใดในโลกที่เ้าหาคำตอบไม่ได้! ข้าว่าไม่มี นี่ขนาดเื่ราวตะกูลข้า เ้ากลับรู้รายละเอียดเยอะกว่าข้า ผู้สืบทอดมันมา แหะ!แหะ! ข้ายังไม่เคยรู้ถึงรายละเอียดและความสามารถของมันเลย” วั่งซ^พูด พร้อมล^บหัวไป แบบเขิลๆ อายๆ
“ไว้วันหนึ่ง เ้าก็จะรู้ว่าความสามารถและภาระที่เ้ามีนั้นมันยิ่งใหญ่และควรได้รับการเคารพนับถือขนาดไหน” ฮวาเฟยฟา พูด และหันมายิ้มอ่อนโยน
“แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ข้าเคยได้ยินว่า เคียวสู่ภพยังมีความสามารถอีกอย่างคือ “การทำลายทุกสิ่งให้คืนกลับสู่ความว่างเปล่าเพื่อรอการกำเนิดใหม่” แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะเรียกได้ว่าสมควรแก่การใช้มนต์ที่น่ากลัวและยิ่งใหญ่ขนาดนั้น” เฟยฟาเอ่ยเบาๆ
“ใช่! แต่เื่นี้ข้าเคยได้ยินเสด็จพ่อพูด แต่เ้าไม่ต้องห่วงหรอก เพราะหลายร้อยปีมานี้ ไม่เคยมีผู้สืบทอดคนไหนได้รับพรสววรค์พิเศษอันนั้นติดตัวมา ผู้ที่มาก่อนข้าสามารถทำได้แค่เปิดประตูภพ เท่านั้น และข้าก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่เลวร้ายขนาดที่ว่าต้องร่ายมนต์เพื่อทำให้ทุกสิ่งดับสูญไปทั้งหมดขนาดนั้น” วั่งซูพูดอย่างไม่กังวลและคิดว่าพลังนั้นไม่น่ามีอยู่จริง โดยที่ไม่รู้เลยว่าพร์ที่ว่านั้นหลับใหลอยู่สักที่ในร่างของเค้าเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้