เหตุการณ์สำคัญหลายเื่ที่เกิดขึ้นบริเวณมหาสมุทร สถานพำนักของคุนเผิง สร้างความตะลึงพรึงเพริด และประหลาดใจต่อกลุ่มอำนาจและแต่ละสำนักนิกาย ตลอดจนก่อให้เกิดให้ความสนใจเป็พิเศษต่อเหล่าตัวประหลาดเฒ่าทั้งหลาย
เื่แรกคือการซุ่มโจมตีของชนเผ่าสมุทรกับเผ่ามนุษย์ แต่ละสำนักนิกายใหญ่ประสบความสูญเสียอย่างหนัก แทบทุกสำนักนิกายล้วนมีการสูญเสีย ราชันาคือกระดูกสันหลัง เป็กำลังสำคัญของสำนักนิกาย ราชันาจำนวนมากเสียชีวิต ล้วนส่งผลกระทบสำคัญต่อแต่ละสำนักนิกายหลัก การจัดการกับชนเผ่าสมุทร แต่ละสำนักนิกายใหญ่ก็ไม่มีวิธีการที่ดีกว่าเช่นกัน กล่าวถึงที่สุดแล้วมหาสมุทรเป็ชัยภูมิที่ได้เปรียบของชนเผ่าสมุทรตลอดมา แม้ว่าแต่ละสำนักนิกายใหญ่จะเป็ัแข็งแกร่ง ก็ยากที่จะสะกดข่มชนเผ่าสมุทรที่เป็งูเ้าถิ่นจำนวนมากมายเช่นกัน
ในใต้หล้านี้ ราชันาสำเร็จเป็จักรพรรดิายากเกินไป ค่าตอบแทนในการบรรลุนิพพานทั้งร่างกายและพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้นั้นมากมายเกินไป อีกทั้งเมื่อบรรลุนิพพานไม่สำเร็จ จะต้องเสียชีวิตอย่างมิต้องสงสัย
ราชันาสูงสุดจำนวนร้อยคน มีเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่สำเร็จเป็จักรพรรดิา ถ้าสามารถผ่านเส้นทางพระนิพพานของจักรพรรดิา ขอเพียงไม่เสียชีวิต ก็สามารถที่จะเข้าร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ ร่วมการชำระล้างด้วยแสงพระนิพพาน บรรลุขั้นจักรพรรดิาเป็ผลสำเร็จ เพียงแต่ว่า เส้นทางพระนิพพานของจักรพรรดิานั้นยากลำบากแสนเข็ญ ทั้งยังโหดร้ายทารุณ ราชันาสูงสุดจากแผ่นดินต่างๆ ล้วนเข้าร่วมในเส้นทางสู่พระนิพพาน แต่แสงพระนิพพานมิใช่สิ่งที่ทุกๆ คนจะสามารถได้รับ เพื่อแข่งขัน่ชิงสิทธิ์ที่มีอยู่จำนวนจำกัด จึงต้องต่อสู้ฝ่าฟันท่ามกลางสายลม คาวเืและห่าฝนโลหิตอันน่าสยดสยอง บางครั้ง ราชันาทั้งหมดในแผ่นดินหนึ่งที่เข้าร่วมสู่เส้นทางจักรพรรดิาอาจเสียชีวิตจนหมดสิ้น
แผ่นดินพั่วเหยียนไม่เคยเปิดเส้นทางจักรพรรดิามานานหลายปีแล้ว แต่ครั้งนี้หวังเป็อย่างยิ่งว่าจะมีการเปิด เนื่องจากแผ่นดินพั่วเหยียนมีอัจฉริยะอย่างเช่นสิบราชันที่มีความสามารถพอจะต่อสู้แข่งขันกับราชันาของแผ่นดินอื่นได้
เื่ที่สองก็คือ มีคนพบซากปรักหักพังในสถานพำนักของคุนเผิง บนเกาะขนาดใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ใจกลางมหาสมุทรแห่งนี้ กล่าวกันว่า ประกายแสงสว่างอันเป็สัญลักษณ์ของสิริมงคลและลางดีเจิดจรัสรอบทั่วทิศทางบนเกาะ กลิ่นอายสมบัติวิเศษทะยานฟ้า บนนภากาศคล้ายดั่งมีเงามายาคุนเผิงสยายปีกพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า การสะกดข่มอันแข็งแกร่งทรงพลังดึงดูดสายตา ทำให้ผู้คนแทบจะคุกเข่าลง
มีคนคาดเดากันว่าเจตจำนงของคุนเผิงยังคงมีอยู่ แฝงอยู่กับเทพศาสตราวุธของคุนเผิงก่อนที่มันจะสิ้นชีวิต ดังนั้นแต่ละสำนักนิกายใหญ่ล้วนคลั่งแล้ว ถ้าสามารถทราบความลับของคุนเผิง ก็จะได้รับมรดกตกทอดที่เหนือกว่าเทพเ้าา หากสามารถได้รับสมบัติวิเศษอันเป็มรดกของคุนเผิง ก็สามารถกลายเป็ราชันทรราชที่น่าครั่นคร้ามที่สุดในใต้หล้า เป็เ้ายุทธภพที่ยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว
นึกถึงในปีนั้น ตอนที่คุนเผิงยังมีชีวิตอยู่ ด้วยคุณสมบัติและความสามารถอันไร้เทียมทาน แม้แต่แปดสำนักนิกายใหญ่ยังต้องค้อมกายก้มศีรษะให้ เป้าหมายของคุนเผิงคือการทำลายโซ่ตรวนของฟ้าดิน ทลายนภากาศออกไป ไม่มีความคิดที่จะเป็ใหญ่ปกครองโลกหล้า มิฉะนั้นด้วยพลังที่แสนแข็งแกร่งเทียมฟ้าของมัน มีโอกาสมากที่สุดที่จะกลายเป็ราชันทรราชคนแรกผู้ปกครองแผ่นดินแห่งนี้
แต่ละสำนักนิกายต่างส่งพลังซ่อนเร้นของสำนักออกไป ตัวประหลาดเฒ่าจำนวนมากไม่กังวลกับการสะกดข่มจากเจตจำนงของคุนเผิงอีกต่อไป เข้าสู่น่านน้ำมหาสมุทรสถานพำนักคุนเผิงด้วยตนเอง
สถานพำนักของคุนเผิงยังไม่เปิดออกเต็มที่ ดูเหมือนว่าจะถูกปิดผนึกไว้ด้วยพลังบางอย่าง ล่วงเลยตามกาลเวลาที่ผันผ่าน ตราประทับที่ปิดผนึกไว้ค่อยๆ คลายออก เพียงดูจากเจตจำนงที่เปิดเผยในสถานพำนักของคุนเผิงก็พอจะทราบ ตราประทับที่ปิดผนึกนั้นไม่สามารถยับยั้งสถานพำนักของคุนเผิงมิให้เปิดออกแล้ว เพียงขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น คุนเผิงได้สิ้นชีวิตไปเป็ระยะเวลายาวนานหลายหมื่นปีแล้ว ถึงแม้เจตจำนงของมันยังคงเหลืออยู่ แต่กลับมิสามารถดำรงคงอยู่ได้ตลอดไป สุดท้ายก็จะต้องสลายไปท่ามกลางฟ้าดิน
สถานพำนักของคุนเผิงยังไม่เปิด แต่ละสำนักนิกายใหญ่ยังมีเวลามากพอที่จะระดมมาจากทั่วทุกสารทิศ ทุกๆ วัน ผู้คนมากมายพากันหลั่งไหลเข้าสู่น่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้จากเมืองวันสิ้นโลกมิขาดสาย น่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้ครึกครื้นมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ยามนี้เอง ข่าวลือแพร่สะพัดออกมาจากน่านน้ำมหาสมุทร สถานพำนักของคุนเผิงว่า ราชันวายุและราชันกระบี่แห่งสิบราชันพั่วเหยียนกำลังตามหาศิษย์คนเล็กคนหนึ่งของสำนักบริบาลเดรัจฉาน ราชันแห่งอัจฉริยะผู้นั้นที่เคยตบหน้าสำนักกระบี่ิญญาอย่างรุนแรงในแคว้นมหาจักรพรรดิชางเหยียน
ราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยประกาศว่าขอเพียงจ้านอู๋มิ่งกล้าปรากฏตัว เขาจะต้องเลาะเนื้อตัดกระดูก ทำให้มันมีชีวิตอยู่อย่างมิสมหวัง ตายก็มิสมปรารถนา
คำพูดนี้ทำให้บรรดาศิษย์ของสำนักบริบาลสัตว์เดรัจฉานโกรธเคืองมาก และแล้ว บรรดาศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานและสำนักกระบี่ิญญาจึงเกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ในเวลาต่อมา เนื่องจากการเข้าร่วมของตระกูลหนานกง ศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานจึงเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวง ถูกสำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกงตามไล่ล่าสังหารเป็เวลานาน
กล่าวกันว่า การต่อสู้เ่าั้ล้วนเป็ราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยและราชันวายุ หนานกงเฉิงปลุกระดมขึ้นโดยเจตนา ดังนั้นศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกงจึงเกิดความมั่นใจ ควรรู้ว่า ลำพังตัวศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานเองก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว แถมยังมีสัตว์อสูรคู่หูเพิ่มขึ้นอีก ส่วนใหญ่ล้วนสามารถสู้ศึกหนึ่งต่อสอง หากมิใช่เฝิงอู๋เซวี่ยและหนานกงเฉิงลงมือ แม้ว่าบรรดาศิษย์สำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกงจะร่วมมือกัน ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถครองความได้เปรียบอันใด
หลายคนพากันคาดเดา ราชันสัตว์ร้ายแห่งสำนักบริบาลเดรัจฉานจะออกมาช่วยกู้หน้าของสำนักบริบาลเดรัจฉานกลับคืนมาหรือไม่ เวลานี้ ทุกคนมิสามารถติดตามค้นหาตัวราชันสัตว์ร้าย เฉวียนหรูเซินพบแล้ว และแล้วความขัดแย้งของสำนักบริบาลเดรัจฉานกับสำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกงก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากมิใช่สถานพำนักของคุนเผิงปรากฏขึ้น เกรงว่าสำนักบริบาลเดรัจฉานจะสูญเสียมากยิ่งกว่านี้
เื่ของจ้านอู๋มิ่งไม่จบลงเพียงแค่นั้น หลังจากราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยและราชันวายุ หนานกงเฉิงได้แสดงเจตจำนงในการฆ่าจ้านอู๋มิ่งตามลำดับก่อนหลัง นำมาซึ่งการต่อสู้ของสำนักบริบาลเดรัจฉานและสำนักกระบี่ิญญาแล้ว ราชันโอสถ สื่อรั่วหนานก็นำเสนอรางวัลใหญ่เช่นกัน ผู้ที่ค้นหาจ้านอู๋มิ่งพบ จะได้รับรางวัลเป็เม็ดโอสถทลายข้อจำกัด เม็ดโอสถที่ดึงดูดใจมากสำหรับนักบ่มเพาะ
เล่าลือกันว่า เม็ดโอสถทลายข้อจำกัด ทำให้ราชันาต่ำกว่าเจ็ดดาวสามารถทะลุทะลวงขึ้นไปสองระดับได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าโอสถนี้มีผลข้างเคียงอย่างหนึ่ง ผู้ที่ทานเม็ดโอสถทลายข้อจำกัดแล้ว ในอนาคตถ้า้ายกระดับการบ่มเพาะให้สูงขึ้น ก็จะทำได้ลำบากยากเข็ญแล้ว เป็ไปได้อย่างยิ่งที่อาจจะหยุดชะงักเพียงเท่านี้ตลอดไป ทว่าสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว เม็ดโอสถทลายข้อจำกัดยังคงเป็สิ่งเย้ายวนใจอันยิ่งใหญ่ชนิดหนึ่ง
ในใต้หล้าแห่งนี้ มิใช่ว่าทุกคนล้วนแล้วแต่เป็อัจฉริยะ ผู้คนจำนวนมากหยุดชะงักอยู่ที่ระดับปรมาจารย์นักยุทธ์ตลอดชีวิต ตลอดจนระดับอาจารย์นักยุทธ์ ผู้คนจำนวนมากที่บรรลุราชันาอย่างฝืดฝืนเต็มทีก็ถึงจุดสูงสุดแล้ว ตลอดชั่วชีวิตไร้ความหวังที่จะไปไกลกว่านี้ แต่เมื่อมีเม็ดโอสถทลายข้อจำกัดก็แตกต่างแล้ว หากสามารถทะลวงด่านจากราชันาห้าดาวบรรลุเป็ราชันาเจ็ดดาว ระยะห่างที่เป็ช่องว่างระหว่างกลางนั้นยังคงยิ่งใหญ่อยู่มาก ราชันาเจ็ดดาวผู้หนึ่งล้วนสามารถได้ตำแหน่งสูงภายในราชวงศ์ กลายเป็หัวหน้าตระกูลเล็กๆ ตระกูลหนึ่งแล้ว
ดังนั้น รางวัลของสื่อรั่วหนานสามารถกล่าวได้ว่าเป็หินก้อนเดียวที่ก่อเกิดระลอกคลื่นขึ้นนับพันลูก ผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกสิ้นหวังที่จะต่อสู้เพื่อสมบัติวิเศษของคุนเผิง เริ่มออกค้นหาร่องรอยของจ้านอู๋มิ่ง กล่าวถึงที่สุดจ้านอู๋มิ่งเป็เพียงปรมาจารย์นักยุทธ์ตัวน้อยๆ ผู้หนึ่งเท่านั้น ในน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้ ฐานบ่มเพาะนับได้ว่าระดับต่ำที่สุดแล้ว
ทุกคนพากันคาดเดาว่าจ้านอู๋มิ่งผู้นี้เป็คนเช่นไรกันแน่ เก่งกาจเกินไปแล้ว กลับสามารถดึงดูดราชันถึงสามคนให้ร่วมมือกันสังหาร นี่มิใช่เื่ตลกแล้ว ถ้าไม่มีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนั้น สิบราชันคงมิสนใจด้วยซ้ำไป คนทั่วไปส่วนใหญ่ไม่คู่ควรให้พวกเขาลงมือ ยามนี้ สามราชันแถลงการณ์ก่อนหลังว่า้าปลิดชีพจ้านอู๋มิ่ง จะเห็นได้ว่าจ้านอู๋มิ่งผู้นี้ก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ในสถานพำนักของคุนเผิงแห่งนี้ นอกจากสมบัติวิเศษที่ตกทอดของคุนเผิงแล้ว สิ่งที่ทุกคนสนใจจับตามองมากที่สุดก็คือจ้านอู๋มิ่ง และแล้วก็มีคนเริ่มเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับจ้านอู๋มิ่ง คนที่คิดมากถึงกับคาดเดาไปต่างๆ นานา จ้านอู๋มิ่งใช่คนลึกลับที่เคยทอดทิ้งสื่อรั่วหนาน บุตรีแห่ง์ผู้นั้นหรือไม่ ในปีนั้น ราชันโอสถ สื่อรั่วหนานก่อเื่ใหญ่ขึ้นมาเื่หนึ่ง เสาะแสวงหาบุรุษผู้หนึ่งไปทั่วหล้า สุดท้ายมิได้ผลลัพธ์ใดๆ
น่าเสียดาย ทุกคนล้วนผิดหวังแล้ว จ้านอู๋มิ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับบุรุษผู้ทอดทิ้งราชันโอสถ สื่อรั่วหนาน ถ้าเช่นนั้นไฉนราชันโอสถจึง้าฆ่าจ้านอู๋มิ่งด้วยเล่า?
ศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานรู้สึกขุ่นข้องยิ่งนัก ราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยและราชันวายุ หนานกงเฉิงไล่ล่าสังหารจ้านอู๋มิ่งนั้นยังพอมีสาเหตุอยู่ เพราะจ้านอู๋มิ่งเคยตบหน้าสำนักกระบี่ิญญาอย่างรุนแรง สำหรับตระกูลหนานกง จ้านอู๋มิ่งมิเพียงสังหารน้องชายของหนานกงเฉิงเสียชีวิต จักรพรรดิาสองคนของตระกูลหนานกงก็หายตัวไป เนื่องจากตามไล่ล่าสังหารจ้านอู๋มิ่ง จักรพรรดิาเป็สมบัติวิเศษของตระกูล จักรพรรดิาสองคนมีชีวิตอยู่มิเห็นคน ตายมิเห็นศพ ตระกูลหนานกงจะยอมละเว้นจ้านอู๋มิ่งง่ายๆ หรือ?
แต่ทว่าสื่อรั่วหนานแห่งสำนักหลอมโอสถมาเดือดร้อนอันใดด้วยเล่า มิเคยได้ยินว่าจ้านอู๋มิ่งกับคนของสำนักหลอมโอสถมีกรณีพิพาทกันมาก่อน จู่ๆ เ้าก็เสนอรางวัลแสนแพงเพื่อตามหาคน นี่มิใช่กลัวว่าใต้หล้าจะไม่วุ่นวายอีกหรือ?
ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจที่สุดก็คือ ราชันสัตว์ร้ายของสำนักบริบาลเดรัจฉานมิเคยแสดงท่าทีใดๆ ตลอดมา ถึงแม้บรรดาศิษย์ปรารถนายิ่งนัก ้าให้เขาออกหน้าแทนจ้านอู๋มิ่ง แต่จนใจที่ฐานบ่มเพาะต่ำเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากถูกสำนักกระบี่ิญญาร่วมมือกับตระกูลหนานกงโจมตีจนพ่ายแพ้แสนสาหัส ยามนี้กลับเพิ่มราชันโอสถของสำนักปรุงกลั่นโอสถเข้ามาอีกคน พวกเขาได้แต่กล้าโกรธเคือง แต่มิกล้ากล่าววาจาออกมาแล้ว
สำนักบริบาลเดรัจฉานเริ่มมีคนต่อว่าอย่างเปิดเผย ตัดพ้อที่ราชันสัตว์ร้ายเล่นบทหายตัวไปในเวลานี้แล้ว จ้านอู๋มิ่งศิษย์น้องเล็กคนนี้ แม้ว่ายามปกติจะไม่ค่อยเข้าท่านักก็ตาม แต่ก็เป็อัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งในสำนักบริบาลเดรัจฉาน ถึงแม้ในตอนแรกจะทำให้ภายในสำนักวุ่นวายปั่นป่วนไปหมด ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อื่นๆ ไม่ดีอย่างยิ่ง แต่่หลังก็สามารถเอาชนะใจของผู้อื่นไปเต็มๆ เป็ที่รักใคร่เอ็นดูของทุกคน
บรรดาศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานล้วนมุ่งหวังให้ราชันสัตว์ร้าย เฉวียนหรูเซินปรากฏตัวโดยเร็วที่สุด กู้หน้าคืนให้สำนักบริบาลเดรัจฉาน ช่วยศิษย์น้องเล็ก จ้านอู๋มิ่งให้รอดพ้นจากอันตรายภายใต้การร่วมลงมือสังหารของสามราชัน กลับคิดไม่ถึงว่าตอนนี้คนที่้าชีวิตของจ้านอู๋มิ่งมากที่สุดก็คือราชันสัตว์ร้าย เฉวียนหรูเซิน
……
ในแผ่นดินนี้ สัตว์อสูรจิติญญากอปรด้วยธาตุสองชนิดมักหมายถึงความสามารถและพร์ที่ไม่ธรรมดา พวกมันเป็สัตว์อสูรที่หายากยิ่งนักของฟ้าดิน สัตว์อสูรจิติญญาที่กอปรด้วยธาตุความมืดและธาตุวายุสองชนิดกลับหาได้ยากยิ่งกว่า
เฉวียนหรูเซินสามารถกลายเป็ราชันสัตว์ร้าย สาเหตุหลักเป็เพราะเขามีสัตว์อสูรเป็คู่หูที่ไร้ผู้ทัดเทียมตัวหนึ่ง สัตว์อสูรคู่หูก็คือการสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตนชนิดหนึ่ง
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกละโมบต่อวิฬาร์นรกานต์ตัวนี้ยิ่งนัก นี่คือธาตุความมืดเชียวนะ เขามิสนใจธาตุวายุ เพราะเขาได้ซึมซับจากคนของตระกูลหนานกงมามิน้อยแล้ว แต่เดิมสัตว์อสูรที่มีคุณสมบัติธาตุความมืดก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อยอยู่แล้ว และธาตุความมืดก็เป็หนึ่งในบรรดาพลังธาตุที่จับตัวยากลำบากและดูดซับยากเย็นที่สุดระหว่างฟ้าดิน ยามนี้ เฉวียนหรูเซินก็ส่งสัตว์อสูรที่มีธาตุความมืดตัวหนึ่งมาให้ในทันใด หากสามารถดูดซับธาตุแห่งชีวิตภายในผลึกของสัตว์อสูรตัวนี้สำเร็จ ธาตุแห่งชีวิตของตนก็สามารถเพิ่มเมล็ดพันธุ์ธาตุแห่งความมืดขึ้นมาอีกหนึ่งชนิด ย่อมมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อความสมบูรณ์แบบของชะตาชีวิตตน
จ้านอู๋มิ่งดูดซับธาตุวายุแล้ว หลังจากความทรงจำเกี่ยวกับจำนวนตัวเลขชีวิตของชาติภพที่แล้วเปิดออก เขาจึงได้ทราบว่าโม่เทียนจีคอยชี้นำและหลอกลวงตนตลอดมา ที่เรียกว่าดาววิบัติฟ้าเจ็ดพิฆาต ยังมิใช่การบรรลุจุดสูงสุดอันแท้จริง ที่แท้จริงคือเก้าพิฆาต ต่อให้เติมเต็มพลังธาตุทั้งเจ็ดชนิดของตนในชาติภพที่แล้ว จิติญญาชีวิตของตนก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ดี และสิ่งที่ขาดหายไปก็คือธาตุความสว่างและธาตุความมืดสองชนิด
พลังธาตุระหว่างฟ้าดินมิใช่มีเพียงแค่ธาตุทองคำ ธาตุไม้ ธาตุวารี ธาตุอัคคี ธาตุดิน ธาตุวายุ ธาตุอสนีสายฟ้า เจ็ดชนิดเท่านั้น ยังมีธาตุอีกสองชนิดที่เสาะแสวงหายากยิ่งนัก คือแสงสว่างและความมืด
ชาติภพที่แล้ว ถ้าหากตนเสริมเติมเต็มมิใช่พลังของธาตุทั้งเจ็ด แต่เป็ธาตุทั้งเก้า เช่นนั้นจำนวนตัวเลขชีวิตของตนก็จะบรรลุความสมบูรณ์แบบ ถึงแม้จะมิสามารถหลุดพ้นจากชะตาชีวิตก็ตาม แต่ก็ไม่ต้องหวั่นไหวว่าจะถูกชะตาชีวิตควบคุมเอาไว้ แต่ว่าสุดท้ายก็ยังคงบกพร่อง มีสิ่งที่ขาดหายไป
ชีวิตนี้ เขาได้พบวิฬาร์นรกานต์ตัวนี้ ธาตุความมืดมิใช่ปัญหาอีกต่อไป การแก้ไขชะตาชีวิตย้อนทวนฝืนฟ้า ก็ขอเริ่มต้นจากการ่ชิงชีวิตกันเถิด
หลังจากเขาใช้พลังอนัตตากลืนกินธาตุแห่งชีวิตของวิฬารนรกานต์แล้ว กลับไม่มีความทรงจำใหม่เปิดเพิ่ม สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกนอกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง จ้านอู๋มิ่งก็ตระหนักอย่างรวดเร็ว ชาติภพก่อน โม่เทียนจีใช้ธาตุทั้งเจ็ดเปลี่ยนชะตาชีวิตย้อนทวนฟ้าของตน ไม่มีความมืดและแสงสว่างสองชนิดนี้ ดังนั้น ความทรงจำของชาติภพก่อนจึงไม่มีส่วนที่สอดคล้องกับธาตุความมืด
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่า ธาตุแห่งชีวิตของตนเติมเต็มมากยิ่งขึ้นแล้ว ถึงแม้พลังธาตุความมืดที่ดูดกลืนจากวิฬาร์นรกานต์จะอ่อนแอมาก แต่มันกลับได้จุดประกายเชื้อไฟในธาตุแห่งชีวิตของจ้านอู๋มิ่งให้ลุกขึ้นมาแล้ว ขอเพียงพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาของเขายังคงโคจรอยู่ ก็สามารถดูดซับพลังแห่งความมืดจากฟ้าดินได้ตลอดเวลา เสริมเติมเต็มความบกพร่องของธาตุแห่งชีวิต จวบจนกระทั่งสมบูรณ์แบบ
ร่างของวิฬาร์นรกานต์เป็สมบัติวิเศษทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็หนังที่มีขนปกคลุมหรือว่าเนื้อและกระดูก ล้วนสามารถขายได้ในราคาที่ดีมาก หนังพร้อมขนที่มีธาตุความมืด ด้วยฝีมือของช่างฝีมือผู้ชำนาญสามารถทำเป็เสื้อคลุมล่องหนได้ นั่นคือสมบัติวิเศษที่สามารถซ่อนเร้นอำพรางตัว ฟันเขี้ยวและกรงเล็บที่มีคุณสมบัติด้านความมืดสามารถสร้างเป็อาวุธลับ ใช้ฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอย…
หลังจากสังหารวิฬาร์นรกานต์แล้ว จ้านอู๋มิ่งถอนหายใจยาวคราหนึ่งอย่างโล่งอก เวลานี้เฉวียนหรูเซินเฉกเช่นเสือที่ถูกถอดเขี้ยวเล็บออก ไม่น่าเกรงขามอีกต่อไปแล้ว ได้เวลาไปจัดการผู้ที่เรียกว่าราชันสัตว์ร้ายคนนั้นแล้ว
จ้านอู๋มิ่งสามารถคาดเดาอารมณ์ของเฉวียนหรูเซินในขณะนี้ได้ และทุกสิ่งทุกอย่างนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา