ต่อมาโหยวเสี่ยวโม่ใช้ข้ออ้างในการรักษาอาการาเ็ จึงไม่ค่อยได้ไปรับหญ้าเซียนที่เรือนหญ้าเซียน
เป็เช่นนี้ลากยาวเป็เวลาหนึ่งเดือน อาการ ‘เจ็บขา’ ก็หายในที่สุด ระหว่างนั้น เขารับหญ้าเซียนมาทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยต้น เบื้องหน้าเขาดูเหมือนหลอมยาได้แค่สี่ร้อยเม็ด แต่ความเป็จริง เขายุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวหญ้าเซียนในห้วงเวลา
ั้แ่รู้ว่าน้ำในทะเลสาบเร่งการเจริญเติบโตหญ้าเซียนให้ไวขึ้น โหยวเสี่ยวโม่ก็คอยวางแผนการแบ่งใช้น้ำพลังปราณในการเพาะปลูกหญ้าเซียน
หลังการทดสอบหลายรอบ ในที่สุดโหยวเสี่ยวโม่ก็คลำทางบางอย่างได้
เริ่มจากหญ้าเซียนขั้นหนึ่งนั้นสุกเร็วกว่าขั้นสองมาก หากไม่ใช้น้ำพลังปราณอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะโต ทว่าถ้าใช้น้ำนั่นจะใช้เวลาเพียงครึ่งวัน หญ้าเซียนต้นนั้นก็จะเปลี่ยนจากเมล็ดพันธุ์เป็ต้นหญ้า
ผลลัพธ์ดีเยี่ยม แต่เพราะดีเยี่ยมเกินไป ฉะนั้นโหยวเสี่ยวจึงคิดว่าสิ้นเปลือง
แม้ว่าทะเลสาบนั้นจะกินพื้นที่ไปหนึ่งในห้าส่วน แต่ใครจะรู้ว่าน้ำในทะเลสาบจะผุดออกมาต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าหากใช้หมดจะทำเช่นไร
เมื่อพิจารณาถึงข้อนี้ เขาจึงทดลองผสมน้ำเปล่ากับน้ำพลังปราณเข้าด้วยกัน
ผลปรากฏว่าน้ำที่ผสมจากน้ำพลังปราณแม้ประสิทธิภาพจะไม่เท่าน้ำพลังปราณบริสุทธิ์ ทว่ายังคงการเร่งการเติบโตอยู่ เพียงแต่ช้ากว่า ถ้าอิงจากความเข้มข้นในการผสม เขาสามารถวางแผนเบื้องต้น ถึงระยะการเติบโตของหญ้าเซียน
เมื่อค้นพบจุดนี้ โหยวเสี่ยวโม่แอบทดสอบในห้วงเวลาหลายสิบรอบ เพราะเหตุนี้จึงได้ขอร้องหลิงเซียวเป็พิเศษให้ลงเขาช่วยซื้อถังน้ำไม้ห้าสิบอัน เพราะเดือนนี้เขาใช้โอกาสหมดสองครั้งแล้ว อีกอย่างการลงเขาบ่อยจะเป็จุดสังเกตเอาได้
หลิงเซียวรู้ว่า่นี้เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการเพาะปลูกหญ้าเซียน แม้จะไม่ได้รับปากทันที แต่ก็หาซื้อถังไม้น้ำมาวันนั้นให้เขาทันที โหยวเสี่ยวโม่คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้ เพราะพึ่งขอไปไม่ถึงสองชั่วยาม เขาก็จัดการซื้อมาให้แล้ว ดีใจจนเกือบเพิ่มจำนวนเม็ดยาให้เขาสิบกว่าเม็ด แต่ดีที่ยั้งปากทัน
หลิงเซียวก็หาได้ขออะไรตอบแทน เมื่อเห็นเขายุ่งๆ จึงกลับไป
เวลาที่โหยวเสี่ยวโม่จดจ่อกับสิ่งใดอยู่ก็มักจะละเลยคนรอบข้างอย่างง่ายดาย จึงไม่รู้ว่าหลิงเซียวออกไปั้แ่เมื่อไร เมื่อเอาถังไม้เก็บเข้าไปในห้วง เขาก็จัดการเทน้ำที่ผสมไว้แล้วแบ่งลงถัง
จากน้ำพลังปราณสำหรับหญ้าเซียนทั้งสามขั้น เขาแบ่งน้ำที่ผสมออกเป็สองแบบ
แบบที่หนึ่งคือสำหรับรดหญ้าเซียนขั้นหนึ่ง เพราะมันโตไว โหยวเสี่ยวโม่ไม่มีเวลาเข้ามาเก็บเกี่ยวทุกวัน กลัวสิ้นเปลือง เขาจึงผสมอัตราส่วน 1:100 แบบนี้ หญ้าเซียนก็จะโตเต็มไวในห้าวัน แต่การรดน้ำนั้นสำคัญห้ามขาดตอน ต้องรดอย่างน้อยวันละครั้ง
แบบที่สองคือสำหรับรดหญ้าเซียนขั้นสอง เพราะขั้นสองจะโตช้ากว่าขั้นหนึ่ง ฉะนั้นส่วนผสมจะเข้มข้นกว่ามาก ทว่าโหยวเสี่ยวโม่ไม่อยากใช้เวลากับการเก็บเกี่ยวมากนัก หญ้าเซียนขั้นสองจึงจะโตประมาณหนึ่งเดือน ส่วนหญ้าเซียนขั้นสามยังไม่ได้ใช้เร็วๆ นี้ จึงต้องรอดูไปก่อน
ถังน้ำไม้ห้าสิบอัน เขาใช้สิบห้าอันกับการจุน้ำที่ผสมน้ำพลังปราณ ที่เหลือจุน้ำเปล่าธรรมดาไว้เผื่อใช้งาน
เมื่อเสร็จธุระทั้งหมด เขาวางหญ้าเซียนที่โตเป็รูปเป็ร่างวางไว้บนราว ดีที่มองรูปการณ์ไว้ล่วงหน้า จึงซื้อราวไม้เตรียมไว้สิบกว่าอัน หญ้าเซียนที่เก็บเกี่ยวมาก็ตากไว้บนราว เมื่อ้าใช้ก็สามารถหยิบจากราวได้เลย
ทว่าตอนที่เก็บเกี่ยว โหยวเสี่ยวค้นพบอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก
เขาพบว่าหญ้าเซียนที่โตเต็มขั้นแล้วนั้นไม่ว่าจะเป็ลำต้นหรือใบล้วนอัดแน่นไปด้วยพลังปราณ ความอุดมสมบูรณ์นี้เป็ลักษณะของหญ้าเซียนคุณภาพสูงเท่านั้นถึงจะมี
ภายใต้ความตื่นตาตื่นใจ เขาตรวจสอบหญ้าเซียนขั้นสองและขั้นสามอีกรอบ ่ที่เขาทดสอบเื่น้ำพลังปราณ หญ้าเซียนสองขั้นนี้ก็โตเต็มขั้นแล้ว บนแปลงหญ้าเซียนตอนนี้ที่ปลูกไว้คือชุดที่สอง
หญ้าเซียนพวกนี้ล้วนเป็คุณภาพระดับสูง เทียบกับที่เขาเห็นในเรือนหญ้าเซียนของทัพพิภพนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
โหยวเสี่ยวโม่คิดได้อย่างเดียวว่ามันต้องเกี่ยวกับน้ำพลังปราณเป็แน่ ถ้าน้ำพลังปราณนี่มาจากการแรงกดพลังปราณในอากาศที่บีบอัดจนกลายเป็ของเหลวจริง แสดงว่าหญ้าเซียนที่ใช้น้ำพลังปราณรดล้วนคุณภาพระดับสูง
ถึงโหยวเสี่ยวโม่จะยังสงสัยแต่ก็ค่อนข้างมั่นใจ
เพราะตอนที่เขาเก็บเกี่ยวนั้นได้ตรวจสอบหญ้าเซียนทุกต้นแล้ว เป็แบบคุณภาพระดับสูงอย่างไร้ข้อกังขา
โหยวเสี่ยวโม่ตื่นเต้นดีใจกับหญ้าเซียนคุณภาพมากมายเช่นนี้ ถ้าเอามาหลอมยา ก็ต้องเป็ยาเซียนตันคุณภาพสูงทุกเม็ดเป็แน่
ลงเขาสองรอบ เขาสืบข้อมูลพอสังเขปเกี่ยวกับยาเซียนตัน ถ้าคุณภาพระดับสูงไม่ว่าขั้นไหน ก็จะถูกแย่งซื้อกันจนหมด ฉะนั้นหากเป็ยาเซียนตันขั้นสูงและคุณภาพระดับสูงด้วยแล้ว จะถูกจัดขายแบบประมูลราคา
สำหรับยาเซียนตันขั้นต่ำคุณภาพสูง หากมีจำนวนมากก็จะขายแบบประมูลเช่นกัน
แม้จะดีใจ แต่โหยวเสี่ยวโม่ก็ไม่ได้ใช้หญ้าเซียนพวกนี้หลอมยาทันที
ไหนจะดูแลเพาะปลูกหญ้าเซียน ไหนจะหลอมยาให้หลิงเซียว ไหนจะต้องคอยรับมือกับการโผล่มาของศิษย์พี่ใหญ่ทุกเมื่อ เขาจึงดูยุ่งกว่าทุกคน
จนเขาจัดการธุระทุกอย่างเสร็จสิ้น รวมถึงรักษาาแที่ขาถึงออกจากห้องไป ยังไม่ทันได้บอกกล่าวกับหลิงเซียว ศิษย์พี่ใหญ่ฟางเฉินเล่อก็มาหาก่อน บอกว่าอาจารย์เรียกหาให้พวกเขาไปหา
แม้ว่าจะเป็ศิษย์ของขงเหวินแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ได้พบอาจารย์อีกเพียงไม่กี่หน ส่วนใหญ่จะเป็ศิษย์พี่ใหญ่มาแจ้ง ทว่าครั้งนี้มีข่าวดีเพิ่มมาคือศิษย์พี่รองฝูจื่อหลินที่โหยวเสี่ยวโม่ไม่เคยเจอในที่สุดก็กลับมาเสียที
ฝูจื่นหลินกลับมาแล้วก็เท่ากับว่าเขาเจอหญ้าเซียนที่ตามหาแล้ว
สำหรับศิษย์พี่รองอัจฉริยะน้อยที่ผู้คนกล่าวถึง โหยวเสี่ยวโม่เองก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน
ว่ากันว่าอายุห่างกับศิษย์พี่ใหญ่ไม่กี่ปี ทั้งยังเข้าสำนักพร้อมกัน ซึ่งขงเหวินพบเจอและรับทั้งสองเป็ศิษย์ก่อนที่จะเข้าร่วมสำนัก ขงเหวินเห็นว่าคุณสมบัติทั้งสองไม่ธรรมดา จึงรับเป็ศิษย์โดยตรง
หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่ทำให้ขงเหวินผิดหวัง ใช้เวลาเพียงสองปีครึ่งในการไต่ขึ้นเป็นักหลอมโอสถขั้นสาม
จากที่รู้กัน คนทั่วไปจะเลื่อนจากขั้นสองขึ้นขั้นสามนั้นใช้เวลาไม่ใช่แค่เพียงสองสามปีแน่นอน
อย่างเช่น จ้าวต๋าตัน อายุเท่ากับทั้งสอง แต่ตอนนี้ยังเป็แค่นักหลอมโอสถขั้นสอง แม้จะเลื่อนขั้นในเร็ววันนี้ แต่ว่าระหว่างนั้นก็เสียเวลาไปเกือบห้าปี อีกทั้งเขายังเติบโตมาในสำนักเทียนซินด้วย
นอกจากนี้ จากขั้นสามขึ้นขั้นสี่ก็ยากพอสมควร ฟางเฉินเล่อและฝูจื่นหลินก็ใช้เวลาหลายปีกว่าจะเลื่อนขั้นสมบูรณ์ เพียงแต่ทั้งสองนั้นบุคลิกนิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว ศิษย์พี่ใหญ่ผู้มีใบหน้าอ่อนโยน อีกคนก็ศิษย์พี่รองผู้ที่มีใบหน้านิ่งเฉย จะแสดงสีหน้าอารมณ์อื่นกับศิษย์พี่ใหญ่แค่คนเดียว คงเป็เื่ของความสัมพันธ์
จุดนัดพบคือโถงประชุมของทัพพิภพ เมื่อทั้งสองไปถึง ทุกคนก็อยู่กันครบหน้าแล้ว
ผิดจากที่โหยวเสี่ยวโม่คาดไว้ นึกเพียงว่าเป็การนัดพบศิษย์ แต่ทุกคนกลับอยู่กันครบหน้า แม้แต่จ้าวเจิน พ่อของจ้าวต๋าตันก็อยู่ด้วย ดูจากสถานการณ์ ถ้าเขายังคิดว่านี่เป็การพบปะพูดคุยกับลูกศิษย์ธรรมดาละก็ เขาคงบื้อมากๆ
โหยวเสี่ยวโม่กวาดตามอง แต่ยังไม่เห็นเงาของศิษย์พี่รอง ส่วนศิษย์คนอื่นนั้นมาครบหมดแล้ว