เซี่ยยวี่หลัวผงะไป "เป็เพราะข้าเชื่อใจเ้าจึงให้เราสองคนเก็บรักษาเงินร่วมกัน! "
ตอนนี้มีแค่หนึ่งร้อยอิแปะต่อไปนางต้องหาเงินเพิ่มอีกมากมายแน่นอน!
เซียวจื่อเซวียนกำหมัดไว้แน่นเพราะ่นี้ได้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ใบหน้าจึงมีเนื้อเพิ่มขึ้นตอนนี้อัดอั้นจนใบหน้าเล็กขึ้นสีแดงก่ำ กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ "พี่สะใภ้ใหญ่ต่อไปเงินในบ้าน ท่านเก็บไว้เอง ไม่ต้องถามข้า และไม่ต้องปรึกษากับข้า"
เซี่ยยวี่หลัวผงะไป "เ้า… เชื่อใจข้าถึงเพียงนี้เชียว? ไม่กลัวว่าข้าจะนำเงินนี่ไปซื้อเสื้อผ้าไม่ใช้จ่ายเพื่อพวกเ้างั้นหรือ? "
ดวงตาของเซียวจื่อเซวียนสว่างสดใสมองเซี่ยยวี่หลัวโดยไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อยมีเพียงความเคารพเลื่อมใสจากเบื้องลึกจิตใจ "ข้าเชื่อพี่สะใภ้ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่เคยบอกไว้ ว่าจะให้พวกเราใช้ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ ข้าเชื่อท่าน! ท่านต้องทำให้เราได้ใช้ชีวิตที่ดีแน่! "
ขณะที่เซียวจื่อเซวียนกล่าววาจาเ่าั้แสงสีที่ฉายในแววตาไม่อาจหยุดได้เลย นอกจากนั้นเซี่ยยวี่หลัวไม่เห็นความกลัวในแววตาของเขา มีแต่ความจริงใจและเคารพนับถืออย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หลังจากมอบเงินทั้งหมดที่มีในบ้านให้เซียวยวี่เซี่ยยวี่หลัวก็พบว่าเซียวจื่อเซวียนปฏิบัติกับตนต่างจากเดิม แต่คราวนี้ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้จากปากเซียวจื่อเซวียน ก็ยังทำให้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตกตะลึง
"จื่อเซวียน..."
"พี่สะใภ้ใหญ่ข้ากับจื่อเมิ่งเชื่อใจท่านอย่างไม่มีเงื่อนไข! " เซียวจื่อเซวียนกล่าวย้ำด้วยความหนักแน่น
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้มนางเก็บลูกกุญแจไว้กับตัว "ได้ เช่นนั้นเราก็หาเงินให้มาก ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกัน"
นางจะทำให้ชีวิตที่แสนน่าเบื่อนี้กลายเป็การใช้ชีวิตในเรือนสวนไร่นาที่น่ารื่นรมย์ดุจความฝัน
มีดอกไม้ มีใบหญ้า มีน้ำ มีปลาฤดูใบไม้ผลิมีร้อยบุปผา ฤดูใบไม้ร่วงเห็นดวงจันทร์ ฤดูร้อนมีสายลมเย็นฤดูหนาวเคล้าหิมะ
สายตาของนางมองสวนหลังบ้านผ่านหน้าต่างแม้ว่าสวนหลังบ้านจะเต็มไปด้วยหญ้าขึ้นรก แต่นางเหมือนจะมองเห็นดอกไม้ผลิบานคนในครอบครัวนั่งกินขนมไหว้พระจันทร์อยู่ใต้ต้นดอกกุ้ยฮวาพร้อมชมพระจันทร์อย่างมีความสุข
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้มใบหน้าบ่งบอกความมุ่งมั่นและใฝ่ฝันเซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆมองรอยยิ้มบนใบหน้าเซี่ยยวี่หลัวด้วยอาการเหม่อลอยจากนั้นจึงยิ้มตาม
พี่สะใภ้ใหญ่เคยบอกไว้ว่าจะใช้ชีวิตให้ดีขึ้น เขาเชื่อว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะไม่ผิดคำพูดแน่นอน!
เซี่ยยวี่หลัวให้เงินเซียวจื่อเซวียนไปสี่สิบอิแปะให้เขาไปซื้อไข่ และข้าวสารจำนวนหนึ่งกลับมา
ขอเพียงเซี่ยยวี่หลัวมีเงินก็จะไม่ลดมาตรฐานอาหารการกินในบ้านเด็ดขาด
เซียวจื่อเซวียนรับเงินหิ้วตะกร้ามุ่งหน้าไปยังบ้านท่านป้าสี่
ที่บ้านท่านป้าสี่มีไก่และไข่เขาจึงไปซื้อที่นั่น
พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าให้ซื้อไข่ไก่สิบฟองเป็เงินสิบอิแปะ ที่เหลืออีกสามสิบอิแปะ สามารถซื้อข้าวสารได้หลายจินทีเดียว
มีไข่และข้าวกินทุกวันเซียวจื่อเซวียนรู้สึกดีใจ ฝีเท้าที่ก้าวเดินก็กว้างกว่าปกติเล็กน้อย
ที่พี่ใหญ่ก็ส่งเงินไปแล้วตอนนี้เขาไม่มีเื่อะไรให้กังวลใจอีก
เมื่อถึงบ้านท่านป้าสี่ท่านป้าสี่ไม่อยู่บ้าน ไปดูแลต้นกล้าผักในไร่นา เซียวิจูปักผ้าเช็ดหน้าอยู่บ้าน
เมื่อได้ยินว่ามีคนอยู่ข้างนอกเซียวิจูวางผ้าเช็ดหน้าลง มองผ่านหน้าต่างเห็นว่าคนที่อยู่ข้างนอกคือเซียวจื่อเซวียนเซียวิจูจึงแย้มรอยยิ้มที่มุมปากทันที “อาเซวียน...”
กล่าวจบ จึงรีบวิ่งออกไปเปิดประตูใหญ่ เชิญเซียวจื่อเซวียนเข้ามา “อาเซวียน วันนี้ทำไมเ้าถึงว่างมาได้? รีบเข้ามา ท่านพ่อข้าซื้อขนมกลับมา เ้าเข้ามากินด้วยกัน”
กล่าวจบจึงเอื้อมมือไปจูงมือเซียวจื่อเซวียน พาเขาเข้าไปในห้อง
ให้เขานั่งลงเซียวิจูไปหยิบขนมออกมาจากตู้ ใส่เข้าไปในมือเซียวจื่อเซวียน “มามามา รีบกินกินมากหน่อย ตอนกลับบ้านก็นำกลับไปให้อาเมิ่งจำนวนหนึ่งด้วย”
เซียวิจูต้อนรับอย่างเป็กันเองทั้งยังเทน้ำร้อนให้เซียวจื่อเซวียน “เ้ากินช้าๆ อย่าให้สำลัก”
เซียวจื่อเซวียนถือว่าคุ้นเคยกับเซียวิจูเมื่อก่อนตอนพี่ใหญ่อยู่ เซียวิจูมักจะไปเล่นที่บ้านเพียงแต่ในภายหลังพี่สะใภ้ใหญ่แต่งเข้ามา เซียวิจูก็ไม่ได้ไปบ่อยนัก
เซียวจื่อเซวียนเอ่ยเรียกพี่ิจูอย่างว่าง่ายจากนั้นจึงหยิบขนมมากินคำเล็ก กินทีเดียวสองชิ้น เซียวิจูนั่งเท้าคางมองเขาพร้อมกล่าวอย่างอ่อนโยน “เ้ากินช้าๆ ยังมีอีก”
เซียวจื่อเซวียนกินทีเดียวสามชิ้นดื่มน้ำในถ้วยจนหมด รู้สึกว่ากินจนอิ่ม จึงรีบบอกว่าไม่เอาแล้วเซียวิจูจึงปล่อยไป
“มีข่าวพี่ใหญ่ของเ้าหรือไม่? ”เซียวิจูรีบเอ่ยถาม
เซียวจื่อเซวียนเพียงคิดว่าเซียวิจูเป็ห่วงพี่ใหญ่จึงพยักหน้า “มี ครั้งก่อนท่านอาเซียวเหลียงไปในตัวอำเภอ ได้พบพี่ใหญ่ของข้าพี่ใหญ่ไปสอบในตัวมณฑลแล้ว”
เซียวิจูเอ่ยถามด้วยความรู้สึกเศร้าโศก“พี่ใหญ่ของเ้าผอมลงอีกแล้วใช่หรือไม่?อยู่ข้างนอกลำบากถึงเพียงนั้น ข้างกายไม่มีคนรู้ใจคอยดูแลพวกเ้าสองคนอายุยังน้อย พี่ใหญ่ของเ้าต้องไปสอบ ทั้งยังต้องคอยเป็ห่วงพวกเ้าคงเครียดมากแน่นอน ถ้าหาก… ถ้าหากพี่ใหญ่ของเ้าได้แต่งกับคนรู้ใจคนที่ดีกับพวกเ้า พวกเ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขพี่ใหญ่ของพวกเ้าก็ไม่ต้องเป็ห่วงพวกเ้าถึงเพียงนี้แล้ว...”
เมื่อเซียวิจูกล่าวจนะเือารมณ์น้ำเสียงของนางก็เริ่มสะอื้น
เซียวจื่อเซวียนรีบโต้แย้ง “พี่ิจู ตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่ดีต่อพวกเรามากวันนี้นางยังให้เงินข้า ให้ข้ามาซื้อไข่ไก่”
เซียวิจูเช็ดคราบน้ำตา “ปกติเซี่ยยวี่หลัวมักวางอำนาจตอนนั้นที่แต่งกับพี่ใหญ่ของเ้าก็ไม่ได้ยินยอมเต็มใจเ้าบอกว่านางกลายเป็คนดีแล้ว? นางเปลี่ยนไปจริงๆ หรือมีใจคิดเป็อื่น?เ้าไม่รู้เชียวหรือ?”
“มีใจคิดเป็อื่น? ” เซียวจื่อเซวียนได้ฟังเซียวิจูกล่าวเช่นนี้ก็ผงะไป
เซียวิจูกล่าวด้วยท่าทางโมโห “เด็กโง่บอกว่าเ้าโง่ เพราะเ้ายังเล็กเกินไป ถูกความอบอุ่นเพียงวันสองวันบดบังจิตใจเ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเหตุใดนางถึงเปลี่ยนไป? ไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ของเ้าไปสอบหรอกหรือนางคิดว่าพี่ใหญ่ของเ้าต้องสอบได้ ต่อไปนางจะได้เป็ภรรยาขุนนาง จึงทำดีต่อพวกเ้า! ”
เซียวจื่อเซวียนผงะไป “พี่ิจู...”
เซียวิจูกล่าวด้วยต่อท่าทางไม่พอใจ“เ้าเคยคิดหรือไม่เหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงได้แต่งกับพี่ใหญ่ของเ้า? ไม่ใช่เพราะท่านตาของนางอาศัยเื่รักษาอาการป่วยมาบีบคั้นขู่เข็ญพี่ใหญ่ของเ้าหรอกหรือหากพี่ใหญ่ของเ้าไม่ตอบตกลง เขาก็จะไม่รักษาอาการป่วยให้ท่านพ่อท่านแม่ของเ้าเดิมทีผู้เป็หมอก็ควรจะช่วยเหลือผู้ป่วยแบบไร้เงื่อนไขแต่เขากลับใช้ความสุขชั่วชีวิตของพี่ใหญ่เ้ามาขู่บังคับพวกเ้าผู้เป็ตาที่มีเล่ห์เหลี่ยมยากหยั่งถึงเช่นนี้ จะสอนสั่งหลานสาวให้มีจิตใจดีได้อย่างไร? ”
เซียวจื่อเซวียนกำหมัดแน่นร่างกายเกร็งจนเหยียดตรง ก้มหน้าลง ไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว
เซียวิจูคิดว่าเขาคิดเช่นเดียวกันจึงกล่าวต่อ “จื่อเซวียน เ้าเคยคิดหรือไม่ หากครั้งนี้พี่ใหญ่ของเ้าสอบไม่ติดเซี่ยยวี่หลัวกลับสู่สภาพร้ายกาจเหมือนเดิมอีก จะทำอย่างไร? ตอนนี้บ้านเ้าก็เป็เช่นนี้แล้วหากเซี่ยยวี่หลัวกลับไปร้ายกาจเหมือนเดิมอีก พวกเ้าสามพี่น้องจะแบกรับได้อย่างไร! ”
เซียวิจูกล่าวไปพลางร่ำไห้ไปพลาง
นางร่ำไห้อย่างหนักประหนึ่งหยาดน้ำฝนที่ร่วงหล่นน้ำเสียงสะอื้น ตอนกล่าวถึงเซี่ยยวี่หลัวก็แค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันราวกับเห็นล่วงหน้าว่าเซียยวี่หลัวเป็คนต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนั้น
ภายในใจเซียวจื่อเซวียนรู้สึกสับสนยิ่งนัก