ท่ามกลางหิมะโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ทั่วทั้งผืนป่าและแผ่นดินถูกปกคลุมด้วยสีขาวโพลน ฤดูเหมันต์เพิ่งเริ่มต้นขึ้นไม่นาน แต่ความหนาวเหน็บ ทำให้สัตว์ป่าต่างหลบเข้าจำศีลทุกอย่างเงียบสนิท เหลือเพียงละอองสีขาวร่วงโรยลงมา ท่ามกลาง หญิงสาวในชุดชมพูอ่อน ทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า พร้อมเอื้อมมือลูบป้ายหลุมศพบิดาเบา ๆ ด้วยความโศกเศร้า
“ท่านพ่อ ไม่ต้องห่วงข้ากับท่านแม่ ข้าสัญญาว่าจะดูแลท่านแม่อย่างดี ต่อให้พวกเราสองแม่ลูกลำบากเช่นใด ข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งท่านแม่เป็อันขาด ส่วนเื่ที่ท่านเคยถามถึงความใฝ่ฝันของข้า จนถึงตอนนี้ ข้าก็ยังยืนยันคำเดิม และข้าสัญญาว่าจะต้องทำมันให้สำเร็จ รอดูความสำเร็จของข้าด้วยนะ!” หวังฟางเหมยบุตรสาวใต้เท้าหวัง ขุนนางระดับล่าง เป็เพียงผู้ช่วยนายอำเภอเล็ก ๆ ที่พึ่งเสียชีวิตไปเพราะโรคร้ายรุมเร้า กำลังยืนมองป้ายหลุมศพของบิดาอย่างเงียบ ๆ พร้อมความคิดมากมายไหลวนไปมาในสมอง ก่อนมือของใครบางคน เอื้อมมาจับไหล่นางเบา ๆ
“พ่อเ้าไปสบายแล้วล่ะ ข้าเชื่อว่าใต้เท้าหวัง จะคอยเฝ้ามองความสำเร็จของเ้าจากข้างบน ตอนนี้หิมะตกหนัก พวกเรากลับกันเถอะ เ้าจะไม่สบายเอาได้” เสียงของหลี่ซินหยาง ที่สวมชุดหนาหลายชั้น อาภรณ์และเครื่องประดับบนตัวนางบ่งบอกฐานะความมั่งคั่งของอีกฝ่ายได้เป็อย่างดี
ก่อนหวังฟางเหมยจะหันไปยังป้ายหลุมศพบิดาเป็ครั้งสุดท้าย พลันยกมือขึ้นปาดน้ำตาเบา ๆ ไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอ พลันหันมายังเพื่อนรักด้วยกิริยาราบเรียบ
“ซินหยาง ตอนนี้ในชีวิตของข้า ไม่เหลืออะไรแล้ว เ้าจะดีต่อข้าเช่นนี้ตลอดไปใช่หรือไม่?” คำพูดของหวังฟางเหมย ทำให้คุณหนูสกุลหลี่พยักหน้ารับ แล้วดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามาสวมกอด ท่ามกลางหิมะโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย
แม้มาจากตระกูลที่แตกต่าง ทว่ามารดาทั้งสองเป็ศิษย์สำนักเดียวกัน ทำให้สืบทอดความสัมพันธ์อันดีมายังรุ่นลูก ทั้งซินหยางและฟางเหมย ผูกพันกันแแ่มา นับจากเด็กจนถึงปัจจุบัน การสูญเสียบิดาของฟางเหมยในวันนี้ ทำให้ซินหยางรู้สึกเ็ปไม่ต่างกัน
สกุลหลี่เป็ที่นับหน้าถือตาของชาวบ้าน ด้วยใต้เท้าหลี่เฉินตง รั้งตำแหน่งเป็ถึงเสนาบดีกรมโยธา ซื่อสัตย์ต่อราชสำนัก และเป็ขุนนางที่ได้รับความไว้วางใจจากเบื้องบน จวนสกุลหลี่ใหญ่โตกว้างขวาง มีบ่าวไพร่นับร้อยคอยดูแล หลี่ซูซินเป็ฮูหยินที่แม้จะมีอายุแล้ว แต่ก็ยังคงความงามให้สามีหลงใหลได้ทุกวัน จนเป็ที่กล่าวขานว่านางมีบุญวาสนาที่ได้ใต้เท้าหลี่มา แตกต่างจากศิษย์ร่วมสำนัก ที่ได้ครองคู่กับขุนนางระดับล่าง!
ทว่า...วันนี้ทุกอย่างดูแปลกจากเดิม เมื่อใต้เท้าหลี่ เดินทางกลับมายังจวน พบว่าทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีเสียงต้อนรับจากฮูหยินและบุตรสาวดังเดิม ชายกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย พลันก้าวเท้าเดินเข้ามาในจวน ก่อนจะพบว่ามีคนหน้าตาคุ้นเคย นั่งอยู่ในโถงรับแขก เมื่อหลี่ซูซินเห็นสามี นางจึงรีบเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางร้อนใจ
“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว พวกเรารอท่านอยู่ตั้งนาน” ใต้เท้าหลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเลื่อนสายตามองทุกคนอย่างเงียบ ๆ
“น้องหญิง มีอะไรงั้นรึ” ชายกลางคนเอ่ยถาม พลันถูกภรรยาจูงมือมานั่งยังเก้าอี้ แล้วรินชาให้ดื่ม ก่อนนางจะเอ่ยบางอย่างออกมา
“ท่านพี่ ข้ากับซินหยาง ปรึกษากันแล้ว ว่า อยากรับเซิ่นหลานกับฟางเหมยมาอยู่ที่จวนของเราด้วย” ใต้เท้าหลี่ที่กำลังยกชาขึ้นดื่มชะงักนิ่ง แล้วเลื่อนสายตาไปยังสองแม่ลูก เข้าใจได้ว่าหวังเซิ่นหลาน เป็ศิษย์ร่วมสำนักของฮูหยินมาั้แ่เด็ก ความผูกพันนี้ ส่งทอดมายังซินหยางกับฟางเหมยด้วยเช่นกัน เขาค่อย ๆ วางถ้วยชาลง แล้วจำใจพูดบางอย่างออกมา
“ข้าเห็นว่าไม่เหมาะ พวกเ้าสองแม่ลูก แม้สามีจะตายไป ก็ใช่ว่าจะไม่มีที่พักอาศัย หากข้ารับพวกเ้ามาอยู่ที่จวน คนอื่นจะครหาเอาได้ เ้าเป็แม่หม้าย อีกทั้งแม่นางฟางเหมยก็ยังสาว ข้าไม่อยากเป็ขี้ปากชาวบ้าน” สิ้นเสียงของใต้เท้าหลี่เท่านั้น เซิ่นหลานและฟางเหมยก็ก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง ใต้เท้าหลี่วางถ้วยชาลงด้านข้าง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเบี่ยงตัวเดินจากไป
“ท่านพี่ โปรดเห็นใจพวกนางด้วย ตอนนี้พวกนางอยู่ในความยากลำบาก หากข้าไม่ช่วยเหลือ แล้วพวกนางจะทำเช่นใดย้อนไปในตอนเด็ก เซิ่นหลานคอยช่วยเหลือข้าหลายอย่าง นางดีต่อข้ามากกว่าศิษย์คนอื่น ๆ ถึงตอนนี้แล้ว ข้าอยากช่วยเหลือนางบ้างเป็การตอบแทน” สิ้นเสียงของซูซิน ร่างของซินหยางจึงลุกขึ้น แล้วเดินเข้ามาหาบิดา พลันช่วยพูดอีกแรง
“ท่านพ่อ ไม่เพียงแต่ท่านน้าเซิ่นหลาน จะเป็เพื่อนสนิทของท่านแม่ แต่ฟางเหมย นางก็เป็เพื่อนสนิทของข้าด้วยเช่นกัน ั้แ่เด็ก นางดีต่อข้ามากมายหลายอย่าง ตอนนี้บิดาของนางตายแล้ว ท่านพ่อโปรดรับพวกนางให้อยู่ที่จวนของเราก่อนได้หรือไม่” สิ้นเสียงของลูกสาว ทำให้ใต้เท้าหลี่ชะงักนิ่งพลันทบทวนทุกอย่างเงียบ ๆ ความจริงแล้วสองแม่ลูกไม่ใช่คนร้ายกาจ เขารู้จักพวกนางมานาน ไม่เคยนำความเดือดร้อนมาให้สักครั้ง ก่อนหวังเซิ่นหลานจะลุกขึ้น แล้วเดินมาน้อมกายลงเคารพ