เ่ิูสูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอดอยู่ยาวนาน
ครู่ต่อมา เขาร่วงหล่นสู่พสุธา ยืนตระหง่านบนยอดเขาหิมะ
เมื่อมองทั่วทิศ จะเห็นแต่ยอดเขาหิมะสีขาวเสียดแทงละลานตา สามารถอนุมานคร่าวๆ ได้ว่ายังคงอยู่ที่ภูร้อยพัง ทว่าห่างจากป้อมปราการไกลมากเป็แน่ เ่ิูไม่มีแผนที่เส้นทางของป้อมปราการทหาร เขาจึงไม่รู้ว่าควรไปทางไหนดี
“ด่านโยวเยี่ยนอยู่ทางเหนือ หากข้าเดินทางไปทางเหนือ คงถึงด่านไม่ช้าก็เร็วกระมัง?”
เ่ิูหัวเราะขมขื่น ราวกับใช้ได้เพียงแค่วิธีโง่ๆ นี้เท่านั้น
เขากำลังจะเหาะขึ้นฟ้าตรงไปยังทิศเหนือ ทว่าก็มีการเปลี่ยนแปลงไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสียก่อน
“ใคระโเมื่อกี้น่ะ?”
เสียงะโราวกับฟ้าร้องในหน้าร้อน ดังจากที่ไกลๆ ไม่ขาดสาย อบอวลทั่วทิศทาง ความแข็งแกร่งของเนื้อเสียงทำให้ทะเลเมฆโดยรอบกลิ้งหลุนอย่างรุนแรง สายลมพลอยหยุดไปชั่วขณะ
เสียงตะเบ็งยังไม่ทันหาย ก็มีเสียงหนึ่งผ่าอากาศเข้ามาหา
ฟิ้ว!
ชั้นเมฆถูกความคมผ่าออกเป็รูโหว่ั์
ร่างๆ หนึ่งราวลูกศรอัสนีแหวกผ่าฟากฟ้า มาโรยตัวลงอากาศหน้าเ่ิูไปห้าสิบเมตร
“เมื่อกี้เ้าใช่ไหมที่ร้องเรียกเป็บ้าเป็หลังน่ะ?...เอ๊ะ? เ้าเองเรอะ...” ร่างนั้นเดิมทีสีหน้านิ่งเย็น แต่เมื่อมองเห็นหน้าเ่ิูเข้าก็เปลี่ยนเป็ตื่นเต้นในทันที “บ้าเอ๊ย ไอ้เด็กตัวเหม็นนี่เอง ไปตายอยู่ที่ไหนมาหา หาเื่จนพ่อวิ่งวุ่นหามานานแล้วนะโว้ย”
ว่าพลางหายตัวมาโผล่อยู่ตรงหน้าเ่ิู
ปึ้ง!
ชายคนนี้ต่อยหมัดใส่อกเ่ิูทีหนึ่ง
เ่ิูเห็นหน้าเขาแล้วก็ดีใจมาก เด็กหนุ่มร้องถามลั่น “เ้าเวิน? เ้า...เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
บุรุษผู้จู่ๆ ก็ปรากฏตัวนี้คือเวินหว่านตัวจริงเสียงจริง
เ่ิูนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาบังเอิญเจอกับเวินหว่านที่นี่เสียได้
“ข้ามาที่นี่ได้อย่างไรงั้นหรือ? ไม่ใช่เพราะโดนเ้าหาเื่มาให้หรอกเรอะ พอได้ยินว่าเ้าเกิดปัญหาที่ป้อมข้าก็รีบถ่อมาจากด่านโยวเยี่ยน บ้าเอ๊ย เ้ารู้บ้างหรือเปล่าว่าข้าตามหาเ้ามาหนึ่งเดือนเต็ม แทบจะพลิกภูร้อยพังหาอยู่แล้วนะโว้ย...” เวินหว่านยิ้มโมโห “สรุปเกิดอะไรขึ้น? ป้อมปราการพังแล้ว พวกเ้าเจออะไรเข้าล่ะ?”
“เื่มันยาวน่ะ” เ่ิูหัวเราะขื่น เขาบอกเล่าทุกอย่างที่พบเจอมาให้เวินหว่านฟังรอบหนึ่ง
กระนั้นก็ปิดบังเื่คัมภีร์ทองแดงและหม้อทองเหลืองยอดเมฆาจำพวกนั้นเอาไว้ด้วย
“ที่แท้ก็หมาแก่สองตัวนั้นนั่นเอง” เวินหว่านฟังจบแล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ดีที่พวกมันชิงตายไปก่อน ไม่งั้นพ่อจะเล่นให้รู้เื่เลย...ฮ่าๆ แต่จะว่าไป เ้านี่ก็เจอเื่ซวยได้เื่ดีมาเสียอีกนา พลังเพิ่มไวปานนี้ เฮยๆ ดีๆๆ ทีนี้ข้าก็วางใจฝึกทหารเ้าในด่านโยวเยี่ยนได้แล้ว”
ว่าพลางมีคลื่นพลังปรี่มาจากอากาศไกลๆ
มีคนหลายคนเหาะตามมา
“ใต้เท้า!”
ชายคนแรกสวมเกราะเงินทั้งตัว ร่างกายกำยำ ใบหน้าคมสันเหลี่ยมมุมชัดเจน มีความสง่างามไม่หยอก คนที่เหลือก็สวมหมวกเกราะและเสื้อเกราะสีเงิน เห็นได้ชัดว่าเป็คนของกองทัพ เข้ามารายล้อมเวินหว่าน ดูท่าน่าจะเป็ลูกน้อง
เวินหว่านปัดมือหัวเราะ “เอาล่ะ หาตัวเจอแล้ว อู่ก้วนหลง เ้าไปรายงานคนของกองทัพพวกนั้น ให้พวกเขาแยกตัวไปได้แล้ว บอกให้รู้คร่าวๆ ก่อน เดี๋ยวข้าค่อยส่งคนไปอธิบายภายหลัง”
นายทัพใบหน้าหล่อเหลารับคำอย่างนอบน้อม เขากลายเป็ลำแสงมุ่งสู่ทิศใต้
“เอาล่ะ พวกเรากลับ ถึงด่านโยวเยี่ยนก่อนค่อยว่ากัน”
เวินหว่านตบบ่าเ่ิูพลางหัวเราะเป็การใหญ่
ผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ สังเกตเ่ิูด้วยแววตาประหลาดใจ
เ้านายของพวกเขาเป็แม่ทัพที่ชอบใช้กำลังที่ขึ้นชื่อแห่งด่านโยวเยี่ยน นับั้แ่รับตำแหน่งมา นอกจากคำสั่งการของทางกองทัพแล้ว ไม่เคยขายหน้าใครแม้แต่คนเดียว แล้วก็ไม่รู้ไปสั่งสมบารมีมาจากไหน เหล่าพี่น้องชนชั้นสูงที่เสนอตัวชิงความชอบ ล้วนไม่เคยเห็นเวินหว่านให้ความสำคัญกับชั้นผู้น้อยขนาดนี้มาก่อน ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เอาแต่ะโเรียกชื่อเด็กที่ชื่อเ่ิู แทบจะพลิกภูร้อยพังตามหา เด็กหนุ่มนามว่าเ่ิูผู้นี้ เป็ใครมาจากไหนกันแน่ ถึงทำให้แม่ทัพจอมใช้กำลังเป็ห่วงขนาดนี้ได้?
“ทุกท่าน ลำบากพวกท่านแล้ว”
เ่ิูน้อมมือขอบคุณ
...
...
สามวันต่อมา
เ่ิูมาถึงด่านโยวเยี่ยนในที่สุด
ด่านตะเข็บชายแดนแนวหน้าที่สุดของอาณาจักรเสวี่ยกับเผ่าปีศาจแดนหิมะ มีประวัติยาวนานใกล้ร้อยปี ผ่านการบริหารจัดการอย่างยากลำบากของชายชาติทหารของอาณาจักรนับรุ่นไม่ถ้วน ตั้งอยู่บนยอดเขาหนึ่งในสามยอดเขาใหญ่แห่งเทือกเขากวางตัด ด้านนอกมีตำหนัก ป้อมปราการ ด้านในขุดเจาะบ้านถ้ำและอุโมงค์ เทือกเขาส่วนมากถูกขุดเจาะเป็รูจนหมด กระบวนอักขระจำนวนไม่แน่ชัด แ่าเหมือนกับป่า...
ถูกหิมะปกคลุมนานนับปี ด่านโยวเยี่ยนราวกับเมืองแช่แข็ง
เพราะรอยแผลแห่งการกระทำของมนุษยชาติ กลางนภามีเมฆหมอกหนาล่องลอยราวกับสถานที่แห่งดวงิญญา ว่ากันว่าได้ชื่อด่านโยวเยี่ยนมาก็เพราะเหตุนี้
แวบแรกที่มองเห็นด่านโยวเยี่ยน เ่ิูก็ะเืไปทั้งร่าง
ยามยืนอยู่บนอากาศธาตุสูงหลายพันเมตร ก้มหน้ามองลงมา ทั้งด่านโยวเยี่ยนเสมือนัฟ้าที่หลับใหลอยู่บนพสุธา ร่างกายใหญ่โตมโหฬาร เป็ความไพศาลปกปักทวารใหญ่ทิศอุดรแห่งอาณาจักรอย่างเข้มแข็ง กันจิติญญาแห่งปีศาจของพวกเผ่าปีศาจไว้ภายนอก
เนื่องมาจากเป็พื้นที่สำคัญทางการทหาร การป้องกันจึงเข้มงวดยิ่งนัก
เ่ิูเพิ่งเข้ามาใกล้ด่านโยวเยี่ยนได้สิบลี้แท้ๆ กลับโดนทหารลาดตระเวนกลุ่มน้อยสอบสวนมาสี่กลุ่มติด ยานบินอักขระลอยตรวจการณ์กลับไปกลับมา ดีที่เวินหว่านเป็แม่ทัพใช้กำลังที่โด่งดังในด่านโยวเยี่ยนแห่งนี้ ขั้นตอนสอบสวนจึงผ่อนปรนขึ้นมาก
หลังผ่านป้อมสังเกตการณ์ยี่สิบแห่ง เ่ิูก็มาเหยียบด่านโยวเยี่ยนสมใจ
เป็เมืองบนูเา
เมืองูเากลางหิมะและน้ำแข็ง
ยามเหมันต์ สภาพอากาศของที่นี่จะโหดร้ายกว่านครลู่ิหลายเท่าตัว สิ่งปลูกสร้างภายนอกเมืองส่วนมากสร้างขึ้นจากน้ำแข็งเย็น ผู้คนสัญจรไปมาบนถนนหนทางล้วนสวมเสื้อผ้าไหมทับด้วยเสื้อคลุมหนัง ทว่าเหมาะสมกับอากาศหนาวเหน็บนี้เป็อย่างยิ่ง ไม่ได้ถูกความหนาวแช่แข็ง กลับกันยังมีชีวิตชีวามากเพราะปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ดียิ่ง
“เ้าต้องไปที่สำนักเ้าด่านก่อน ไปรายงานตัวบอกชื่อกับเ้าด่านลู่ จากนั้นค่อยไปรับเอาเกราะกับป้ายประจำตัวที่ป้อม”
เวินหว่านพาเ่ิูนั่งรถบินัหิมะ โจนทะยานสู่สำนักเ้าด่าน
ัหิมะเป็สัตว์อสูริญญากำเนิดขึ้นที่ด่านโยวเยี่ยน ความสามารถรับภาระแข็งแกร่ง ข่าวว่าเป็ลูกหลานรุ่นหลังของัดินโบราณ ส่วนหัวราวกับั เหลี่ยมมุมแหลมคมดั่งกระบี่ดาบ ขาหลังแข็งแกร่ง รับน้ำหนักได้หมื่นจิน สองขาออกวิ่งรวดเร็วราวกับสายฟ้า สามารถโลดโผนไปมาบนผืนหิมะ ขาหน้าดั่งกรงเล็บมนุษย์ สามารถหยิบจับอาวุธต่อสู้ ัหิมะชั้นสูงสามารถพ่นสายฟ้าและฟ้าร้องออกมาได้
ทว่าัหิมะที่นำมาลากรถนั้น ระดับขั้นค่อนข้างต่ำ
ระหว่างทาง เวินหว่านแนะนำสภาพการณ์ปัจจุบันของด่านโยวเยี่ยนมากมายให้เ่ิูฟังอย่างไม่นึกรำคาญหรือเกลียด เน้นเื่โครงสร้างรูปแบบใหญ่ๆ ของด่านและระบบลำดับขั้นของทหารเป็หลัก แนะนำว่าพอถึงเวลาควรระวังเื่อะไรบ้าง คนพวกไหนไม่ควรเข้าไปแหยม คนพวกไหนต้องเคารพแต่อยู่ให้ไกลไว้ เื่ไหนทำได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เื่ไหนห้ามคิดเป็อันขาด...
“ทำไมมาอยู่ที่นี่ไม่ถึงปี เ้าถึงบ่นเป็แม่ไปได้นะ?” เ่ิูหัวเราะ
ไม่ได้เจอกันมานาน แน่นอนว่าต้องคิดถึง
พอเจอหน้ากันแล้ว นอกจากความคุ้นเคยก็ยังอดต่อปากต่อคำกันบ้างไม่ได้อยู่ดี
บางทีนี่ก็คือมิตรภาพลูกผู้ชายกระมัง
“เ้าเด็กนี่มีความสุขแต่ไม่รู้ว่าตัวเองสุขเสียจริงเลยนะ” เวินหว่านถอนหายใจเศร้า เขาว่า “ตอนแรกที่ข้าเพิ่งมาถึงก็ไม่ชินหรอก โดนพวกตาหมาดูถูกคนแหย่เล่นเป็เื่ตลกไม่น้อย เกือบโดนตัดหัวเพราะฝ่าฝืนกฎอัยการศึกอยู่แล้ว...เ้ามาที่นี่แล้ว มีข้าคอยระวังหน้าระวังหลัง คอยชี้ทางสว่างให้อยู่นะ เ้ายังไม่รู้สำนึกอีก”
เ่ิูหัวเราะฮ่าๆ
เวินหว่านเอ่ยไม่พอใจ “ข้าเพิ่งรู้ว่ามาที่นี่ก็เพื่อกรุยทางให้กับเด็กอย่างเ้านี่เอง”
ระหว่างทางก็พบเจอกองลาดตระเวนติดอาวุธไม่น้อยผ่านมา
ไม่เหมือนกับเมืองลู่ิ สิ่งปลูกสร้างทุกอย่างของด่านโยวเยี่ยนเน้นความแข็งแรงทนทานเหมาะกับทำา ต่อให้เป็บ้านของประชาชนก็ยังสร้างเหมือนป้อมปราการ ถนนทุกหนทุกแห่งทั้งกว้างขวางและตรงดิ่ง คนส่วนมากเป็ทหาร หรือไม่ก็ครอบครัวของแม่ทัพนายกอง พวกพ่อค้าและคนธรรมดายังมีอยู่ แต่น้อยเหลือใจ
ทหารประจำการที่ด่านโยวเยี่ยนของอาณาจักรเสวี่ยมีสองแสนนาย ที่แหลมคมจริงๆ น่าจะมีประมาณหนึ่งแสน
ยิ่งใกล้สำนักเ้าด่านมากเท่าไร การป้องกันก็แ่าขึ้นเท่านั้น
รถบินัหิมะผ่านอักขระยี่สิบสาย เข้าสู่ตัวเมืองแล้วเดินทางไปอีกยี่สิบกว่านาที ในที่สุดก็เห็นสำนักเ้าด่านตั้งประหนึ่งตำหนักเซียนยอดเมฆาอยู่รำไร
“รัศมีพันเมตรจากสำนักเ้าด่าน ขุนนางต้องลงจากม้า ขุนศึกต้องลงจากรถ”
องครักษ์เกราะเงินะโก้อง
“ลงรถ”
เวินหว่านส่งสายตาให้ เขานำเ่ิูลงรถ จัดการเสื้อผ้าอาภรณ์แล้วเดินนำหน้าไปก่อน
เ้าด่านแห่งโยวเยี่ยนนามว่าลู่เฉาเกอ ได้รับสมญานามว่าเ้าแห่งแดนเหนือ เป็หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ที่สนิทสนมกับราชสำนักเสวี่ย เป็บุคคลในตำนานอีกคนหนึ่ง
กล่าวกันว่าลู่เฉาเกอเป็สหายของพระจักรพรรดิสมัยยังทรงพระเยาว์ มีความสัมพันธ์อันดีกับองค์จักรพรรดิ เป็ผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดของวรยุทธ์ที่แท้จริง เป็หนึ่งคนหนึ่งดาบ ขยายอาณาเขตเข้าไปในเขตของเผ่าปีศาจถึงพันลี้ ทำลายองครักษ์ระดับเทพของเผ่าหนึ่งหมื่นตนจนราบคาบ ฟาดฟันเทวรูปปีศาจชั้นสูงสุดหน้าวังปีศาจแล้วนำกลับมา เรืองอำนาจะเืเผ่าปีศาจ เขานำทหารรักษาด่านโยวเยี่ยนมานานสามสิบปี ทัพปีศาจไม่อาจผ่านยอดโยวเยี่ยนได้แม้แต่ก้าวเดียว
ในด่านโยวเยี่ยนนี้ ลู่เฉาเกอดำรงตำแหน่งเป็เ้าด่านควบกับราชครูกองทัพโยวเยี่ยน สอดส่องสิทธิทางการทหารและการปกครอง เรียกได้ว่าเอ่ยคำเดียวะเืไปเก้าตลบ
และในสายตาของแม่ทัพนับคนไม่ถ้วนในด่านโยวเยี่ยนนี้ เ้าแห่งแดนเหนือผู้ขับไล่ปีศาจเป็ดั่งเทพตัวเป็ๆ สถิตอยู่กระนั้น
เขามีบารมีสูงส่งเกินใครจะเทียบได้ ทหารและแม่ทัพทุกนายล้วนยินยอมสู้จนตัวตายเพื่อเขา
แม้แต่เวินหว่าน แม่ทัพผู้ชอบใช้กำลังและไม่ยอมอ่อนข้อ ยามมาอยู่ตรงหน้าสำนักเ้าด่านแล้วยังไม่วายกิริยาเป็การเป็งานขึ้นเยอะ เขาจัดการเสื้อเกราะและเครื่องแบบของตัวเองก่อนแล้วจึงเดินเข้าไป
ปากประตูสำนักเ้าด่านมีองครักษ์เกราะเงินพิทักษ์อยู่
เ่ิูส่งป้ายสลักนามและให้ แล้วจึงถูกอนุญาตให้เข้าได้
เวินหว่านยืนรออยู่นอกสำนัก
หัวหน้าองครักษ์เกราะเงินพาเ่ิูเดินตรงไปยังตำหนักใหญ่ว่าราชการ
เวินหว่านเคยชินกับทุกอย่างที่นี่นานแล้ว เขาเข้าไปนั่งในศาลาตรงหน้าอาคารตามใจชอบ พิงตัวแอบกับเก้าอี้ มือทั้งสองปิดขมับรอเ่ิูออกมา
ด่านโยวเยี่ยนแปลตรงตัวว่ารังิญญานะคะ
ไม่ได้ทักทายกันนาน เอาเป็ว่าขอบคุณที่ติดตามอ่าน ลุ้นกับเื่ราวไปพร้อมๆ กันไปเลย...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้