“เฟิงเฉียน ต่อไปนี้อย่ามาหาข้าอีก ข้าไม่ว่าง” หญิงสาวปฏิเสธเสียงเย็น
“อีกอย่าง เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น อย่ามาเรียกข้าว่าเยียนหรานอีก เรียกชื่อเต็มข้าก็พอ” หญิงสาวกล่าวต่อ ทำให้ชายหนุ่มในชุดจีนโบราณหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยในแววตาวาบประกายคมกริบ
“เอาเถอะ เ้าไปได้แล้ว ข้ายังต้องฝึกต่อ” หญิงสาวกล่าวอย่างหมดความอดทน จากนั้นนางหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านโดยไม่รอให้เฟิงเฉียนตอบกลับ
เมื่อเฟิงเฉียนถูกหญิงสาวคนนั้นเมินใส่ สีหน้าของเขาดูเย็นเยียบทันที ราวกับว่าการกระทำก่อนหน้านี้เป็การเสแสร้ง แต่ท่าทีของเขาในตอนนี้คือตัวตนที่แท้จริง
“ฉินเยียนหราน ไม่ช้าก็เร็วเ้าจะเป็ผู้หญิงของข้าเฟิงเฉียน ยามนั้นข้าจะทำให้เ้ามีความสุขอยู่ภายใต้ร่างข้า อยากเห็นนักว่าเ้าจะอวดดีอีกไหม!” เฟิงเฉียนกล่าวด้วยเสียงชั่วร้าย ก่อนจะออกไปจากที่พักของฉินเยียนหราน
“เฟิงเฉียน ผู้ฝึกยุทธ์รายนามขั้นบ่มเพาะกายาอันดับที่ห้า” เย่เฟิงมองแผ่นหลังของเฟิงเฉียนและรู้ตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันที
จากนั้นเย่เฟิงเตรียมตัวจะกลับเข้าบ้านเพื่อฝึกเคล็ดวิชาฝ่ามือภูผาพิฆาตต่อ ถึงอย่างไรไม่ว่าเฟิงเฉียนหรือฉินเยียนหรานก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาทั้งนั้น
ทว่าตอนที่เย่เฟิงกำลังก้าวเท้าเข้าบ้าน ประตูบ้านของฉินเยียนหรานก็ได้เปิดออกอีกครั้ง ก่อนฉินเยียนหรานจะปรากฏตัว จากนั้นนางหันมามองเย่เฟิงด้วยสายตาเผยประกายเยือกเย็น เย่เฟิงต้องประหลาดใจ สายตาเ็าที่ฉินเยียนหรานมองมาชวนให้ขนลุกเกรียว เพราะไม่มีเคยมีผู้หญิงคนใดมองเขาด้วยสายตาแบบนี้
“เมื่อครู่เ้ามองอะไร?” ฉินเยียนหรานส่งเสียงดังโดยที่เย่เฟิงไม่ทันตั้งตัว และเสียงนั้นก็เย็นะเืสุดขีด
“ไม่ได้มองอะไร” เย่เฟิงดึงสติแล้วตอบกลับไป
“กล้าสาบานไหมว่าเมื่อครู่เ้าไม่ได้มองข้า?” ฉินเยียนหรานกล่าว
“พวกผู้ชายก็เหมือนกันหมด หาดีไม่ได้สักคน ขอเตือนไว้เลยนะ ถ้าเ้ามองละก็ ข้าควักลูกตาเ้าแน่” ฉินเยียนหรานกล่าวโดยไม่รอให้เย่เฟิงพูด นี่ทำให้บนหน้าผากของเย่เฟิงอดเกิดรอยย่นไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ร้ายมากจริง ๆ เมื่อครู่นี้เขาเหลือบมองอีกฝ่ายแค่สองสามครั้ง แต่ผู้หญิงคนนี้ก็อยากควักลูกตาของเขาแล้ว
“ศิษย์พี่ฉู่พูดถูก ผู้หญิงคนนี้ขี้โมโหง่ายมาก” ตอนนี้เย่เฟิงรู้ซึ้งถึงคำเตือนของฉู่หานแล้ว จึงอดบ่นพึมพำไม่ได้
“เ้าว่าอะไรนะ?” แม้เย่เฟิงจะพูดเสียงเบา แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะได้ยิน จึงกล่าวถามเย่เฟิงด้วยเสียงเยือกเย็น
“ไม่มีอะไร” เย่เฟิงกลับเข้าบ้านตัวเอง แต่นิสัยโผงผางของฉินเยียนหรานกลับทิ้งความประทับใจให้เขา เขายังไม่เคยพบผู้หญิงสวยสง่าทว่าอารมณ์ร้ายเช่นนี้มาก่อน
เย่เฟิงสูดหายใจเข้าลึก พยายามทำให้ตัวเองสงบจิตสงบใจไม่คิดเื่อื่น จากนั้นเริ่มลองผสานพลังหอกเข้ากับฝ่ามือภูผาพิฆาตกระบวนท่าที่สอง ซึ่งรอบนี้ยากกว่ากระบวนท่าที่หนึ่ง แต่เย่เฟิงก็ลองพยายามอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเที่ยงวันจึงเริ่มการผสมผสานได้อย่างแท้จริง
เย่เฟิงไม่ประมาทแม้แต่นิดเดียว เพราะการผสานฝ่ามือภูผาพิฆาตกระบวนท่าที่สองเข้ากับพลังหอกมีความอันตรายยิ่งกว่ากระบวนท่าที่หนึ่งมาก หากไม่ระวังดี ๆ ย่อมอาจเกิดเื่ไม่คาดฝัน
เที่ยงวันของวันที่สองมาเยือน ในที่สุดขั้นตอนการผสานก็สิ้นสุดลง แต่ระหว่างนั้นก็เกิดความล้มเหลวหลายครั้ง
ฝ่ามือภูผาพิฆาตกระบวนท่าที่สองผสานกับพลังหอกมีอานุภาพร้ายแรงกว่ากระบวนท่าที่หนึ่ง มีพลังมากพอจะฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาได้อย่างง่ายดาย ทำให้เย่เฟิงมั่นใจการผสานฝ่ามือภูผาพิฆาตมากขึ้น
เย่เฟิงไม่ออกจากห้องนานถึงห้าวัน เขาเอาแต่ฝึกฝนเคล็ดวิชาฝ่ามือภูผาพิฆาตไม่หยุดหย่อน ในระหว่างนั้นชายหนุ่มนามว่าเฟิงเฉียนมาหาฉินเยียนหรานหลายครั้ง ส่วนฉินเยียนหรานก็หลบหน้าอีกฝ่ายตลอด แม้เย่เฟิงไม่เห็นกับตาตัวเอง แต่ความสามารถในการได้ยินของเขาเฉียบไวมาก เขาได้ยินทุกอย่างที่อยากได้ยิน
ขณะนั้นรังสีหอกอันคมกริบห้อมล้อมแขนของเย่เฟิง มันปีนป่ายขึ้นมาแล้วผสานกับพลังหยวนที่อยู่บนแขน พลางเย่เฟิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากไปด้วย
จากนั้นเย่เฟิงลุกขึ้นยืนช้า ๆ มองไปยังแขนของตัวเองที่เปล่งแสงแห่งการผสานนั่นพร้อมกล่าวว่า “ผสานฝ่ามือภูผาพิฆาตกระบวนท่าที่สามสำเร็จแล้ว ตอนนี้ก็เหลือลองพลังของมัน”
สายตาของเย่เฟิงทอประกายเฉียบคม จากนั้นปล่อยพลังฝ่ามือไปยังมุมหนึ่งของห้อง ตอนนี้เขาผสานสามกระบวนท่าของฝ่ามือภูผาพิฆาตกับพลังหอกเรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้นสายลมโหมกระหน่ำ ห้วงอากาศต้องแปรปรวนเพราะพลังฝ่ามือนั่น และเื่เช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ปัง!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นเย่เฟิงเห็นพลังฝ่ามือของตัวเองทะลวงอากาศ ก่อนมันจะพุ่งไปชนกับผนังห้อง
“นี่...” เย่เฟิงตะลึงงันพร้อมเดินออกไปดู เมื่อฝุ่นที่คละคลุ้งสลายหายไป เย่เฟิงก็เห็นห้องหนึ่งที่อยู่อีกฟาก ห้องนี้ดูโอ่อ่ากว่าห้องที่เขาอยู่มาก ทั้งยังมีกลิ่นหอมลอยมาแตะจมูก แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญ ภาพตรงหน้าดึงดูดสายตาของเขามากกว่า เพราะมีอ่างอาบน้ำไม้ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางห้อง ไอน้ำแผ่ออกจากในนั้น ทั้งยังมีกลิ่นหอมจากกลีบดอกไม้ แต่สิ่งที่ทำให้เย่เฟิงใไปกว่านั้นคือ ในอ่างไม้นั่นมีผู้หญิงกำลังอาบน้ำอยู่
มือเรียวงามเล่นกับกลีบดอกไม้ ส่วนเรือนร่างอันเย้ายวนแช่อยู่ในน้ำ เนินอกอวบอิ่มยังปรากฏวับ ๆ แวม ๆ ผมดำขลับที่เปียกสยายอย่างงดงามบนบ่าขาวเนียน ไอน้ำที่แผ่ออกราวกับว่านี่เป็ความฝัน คล้ายนางฟ้ากำลังอาบน้ำก็ไม่ปาน นี่ทำให้เย่เฟิงตาลุกวาว ช่างสวยงดงามยิ่งนัก
ฉากนี้เป็สิ่งที่เหล่าบุรุษปรารถนา เย่เฟิงก็ไม่มีข้อยกเว้น เขามองฉากนี้ไม่วางตา มิอาจดึงสติกลับมาได้ หนำซ้ำเืภายในกายยังสูบฉีดต่อเนื่อง
“แย่แล้ว!” แม้จิตใจจะสับสน แต่เย่เฟิงก็ได้สติกลับคืนมา พลังฝ่ามือของเขาทะลวงไปยังห้องของคนอื่น
ขณะที่ฉินเยียนหรานอาบน้ำอยู่นั้นก็รับรู้ได้ถึงแรงสั่นะเืจากการถล่มของผนังห้อง นางจึงหันไปมองทางด้านนั้น ก่อนจะเห็นเย่เฟิงกำลังมองมาทางนางพอดี
ฉินเยียนหรานหน้าแดงระเรื่อฉับพลัน เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน นางจึงมองเย่เฟิงด้วยสายตาเยือกเย็นและโกรธเกรี้ยว
“ไอ้คนสารเลว! ยังมองไม่พออีกรึไง?” ฉินเยียนหรานกัดฟันพูด ชายผู้นี้ช่างเลวทรามยิ่งนัก ทำเื่สกปรกโสมมอย่างไร้ยางอาย
เย่เฟิงตอบสนองต่อเสียงของฉินเยียนหรานทันทีทันใด จึงหมุนตัวไปอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่ามิอาจอธิบายได้ในสถานการณ์แบบนี้ ทำได้เพียงหาวิธีที่จะไม่ทำให้ฉินเยียนหรานเกลียดเขา
ฉินเยียนหรานทั้งอายและโกรธ วินาทีที่เย่เฟิงหันหลังไป นางก็ออกจากอ่างไม้ทันทีทันใด ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าที่อยู่ข้าง ๆ มาห่อหุ้มร่างกาย
จากนั้นเห็นฉินเยียนหรานเดินมาที่ห้องของเย่เฟิง แล้วกล่าวว่า “หน้าด้านไร้ยางอาย ข้าจะควักลูกตาเ้าบัดเดี๋ยวนี้!” ฉินเยียนหรานกล่าวเสียงเยือกเย็น ทำให้เย่เฟิงใ เขา้าอธิบาย แต่ฉินเยียนหรานปลดปล่อยพลังออกมาแล้ว ก่อนจะมีพลังฝ่ามือเข้าโจมตีเย่เฟิง
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9!” เย่เฟิงนิ่งงัน นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 เป็คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างมาก
เย่เฟิงไม่พูดพร่ำเพรื่อ แผนที่ดาวพลันสว่างไสวในหัวของเขา เส้นทางแห่งดวงดาวปรากฏชัดเจน จากนั้นพลังดาราหมุนโคจรรอบกาย
ตามเส้นทางแห่งดวงดาวบนแผนที่ เย่เฟิงก้าวออกมา ย่างก้าวนั้นเหมือนเชื่อมโยงกับดวงดาวบนท้องฟ้า อาศัยพลังดารา ทำให้ร่างเย่เฟิงจางลงเล็กน้อย
เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบฝ่ามือของฉินเยียนหราน ก่อนจะพุ่งตัวออกไปนอกห้อง
“จะหนีงั้นหรือ?” ฉินเยียนหรานแผดเสียงะโ ก่อนจะไล่ตามไป ระดับการบ่มเพาะของนางคือขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 แม้ไม่มีเคล็ดวิชาท่าร่าง แต่ความเร็วของนางก็ว่องไวใช่ย่อย
เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อพลางปลดปล่อยพลังดารา ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยความเร็ว แม้ฉินเยียนหรานจะไล่ล่าก็ไม่มีทางตามมาทัน
หลังจากไล่ล่ากันมาสักพัก ทั้งสองก็มาถึงตีนเขาแห่งหนึ่งในสำนักยุทธ์ ที่นี่เป็ป่าทึบ ไกลออกไปมีน้ำตกที่ไหลลงมาจากบนยอดเขา ช่างงดงามยิ่งนัก
“เ้าหนีไม่พ้นแล้ว!” เสียงฉินเยียนหรานดังมาจากด้านหลัง
เย่เฟิงขมวดคิ้ว คิดในใจว่า “ผู้หญิงคนนี้จ้องจะควักลูกตาข้าให้ได้เลยรึไง”
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ เย่เฟิงก็ยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนฝีเท้าจะหยุดชะงัก จากนั้นเขาหันหลังไป เห็นฉินเยียนหรานก็หยุดเช่นกัน แต่สายตาเย็นะเืของนางมองเขาไม่วางตา
“เ้าหนีไปไหนไม่รอดแล้ว เตรียมตัวให้ข้าควักลูกตาเสียดี ๆ” ฉินเยียนหรานกล่าวเสียงเย็นพร้อมเดินมาทีละก้าว ๆ
“ข้าเผลอทำลายกำแพงตอนบ่มเพาะพลังโดยไม่ได้ตั้งใจ สภาพก็เลยเป็เช่นนั้น ไม่ว่าข้าจะอธิบายยังไงเ้าก็โกรธอยู่ดี ข้าจึงพาเ้ามาขอโทษถึงที่นี่” เย่เฟิงกล่าวด้วยความจริงใจ ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะร้ายมากเพียงใด เย่เฟิงก็มีศีลธรรม มีความเป็สุภาพบุรุษที่ควรพึงมี ถึงอย่างไรเมื่อครู่นี้เขาก็เป็ฝ่ายทำให้อีกฝ่ายตื่นใก่อน
“เ้าคิดว่าขอโทษแล้วจะจบงั้นหรือ?” ฉินเยียนหรานกล่าวพลางคิ้วขมวดแน่น เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดจะปล่อยเย่เฟิงไปง่าย ๆ
“ข้าผิดเองที่ทำให้เ้าใ แต่ว่าข้าไม่เห็นอะไรเลย เ้าคิดไปถึงไหนกัน?” เย่เฟิงกล่าว ในเมื่อกล่าวขอโทษ เช่นนั้นก็ควรจบเื่ได้แล้ว
เย่เฟิงพูดอย่างสมเหตุสมผล ในสถานการณ์เช่นนั้นฉินเยียนหรานแช่ตัวอยู่ในน้ำ เย่เฟิงไม่มีทางเห็นเรือนร่างของฉินเยียนหรานแน่นอน
“คนเลวทราม!”
คำพูดของเย่เฟิงทำให้ฉินเยียนหรานโกรธยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าของนางถึงกับแดงก่ำ
“เ้าจะมองอะไรอีก? แอบดูผู้หญิงอาบน้ำสมควรโดนควักลูกตา!” ฉินเยียนหรานเสียงเย็น ทันทีที่สิ้นเสียง นางก็ลงมือโจมตีเย่เฟิงอีกครั้ง