เซี่ยโม่มองหมูป่าที่นอนสิ้นใจตรงหน้าอย่างปวดหัว เธอจัดการมันไม่เป็ด้วยสิ
คงได้แต่ต้องเอาไว้ในโกดังสินค้าก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง อย่างไรเสียเวลาในนี้ก็หยุดนิ่ง เก็บเอาไว้ก็ไม่เน่าแน่นอน
เธอต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เซี่ยโม่เดินหาส่วนที่ใช้เก็บเสื้อผ้า ในนี้มีแต่เสื้อผ้าสภาพใหม่เอี่ยม จะให้ใส่ไปขึ้นเขาก็อย่างไรอยู่
อีกอย่างหากใครมาเห็นเข้า เธอคงไม่รู้จะอธิบายที่มาของมันอย่างไร
เธอเจอชุดเครื่องแบบที่ถูกซักจนสีซีดภายในห้องของคนเฝ้าโกดัง เซี่ยโม่ถอดเสื้อผ้าเปื้อนเืออก ก่อนจะเปลี่ยนเป็ชุดที่เพิ่งเจอ
เ้าของชุดต้องเป็คนที่ตัวสูงพอสมควรแน่ เธอใส่แล้วดูหลวมโคร่ง เหมือนเอาชุดผู้ใหญ่มาใส่ไม่มีผิด แต่เพราะไม่มีชุดอื่นแล้ว คงต้องใส่แก้ขัดไปก่อน
คิดในใจว่าตอนนี้ต้องรีบออกจากโกดังสินค้า แล้วหาลำธารเพื่อซักชุดที่เปื้อนเื
หลุบมองสองมือที่เปื้อนเืสีแดงสดแล้วน่ากลัวเหลือเกิน
เธอหยิบขวดน้ำเปล่าออกมาจากชั้น คิดจะนำมาล้างเืที่เปรอะเปื้อนมือ
แต่ทำแบบนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าใดนัก เพราะต้องใช้มือหนึ่งถือขวดน้ำ แล้วจะล้างเืที่เปื้อนทั้งสองมือได้อย่างไร
เซี่ยโม่เลยวางขวดน้ำไว้บนก๊อกน้ำ เพื่อที่เธอจะได้ล้างมือทั้งสองข้างได้สะดวก
ไม่รู้ว่าขวดน้ำไปโดนที่ปิดเปิดเอง หรือก๊อกน้ำมันหมุนปิดไม่สนิทกันแน่ จู่ๆ น้ำก็ไหลออกมา
เธอมองน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่ผ่านมาเธอเข้าใจมาตลอดว่าเวลาในโกดังสินค้าหยุดนิ่ง แล้วน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกตอนนี้มันมาจากไหน?
ในเมื่อหาคำตอบไม่ได้ งั้นก็อย่าเพิ่งไปคิดเลย รีบล้างมือให้สะอาดก่อนดีกว่า เซี่ยโม่ตัดสินใจว่าจะซักเสื้อผ้าในนี้ด้วยเลย
ไม่กี่นาทีต่อมา มือทั้งสองข้างของเธอก็กลับมาสะอาดเหมือนเดิม ไม่เพียงแค่นั้น เสื้อผ้าที่เคยเปื้อนเืยังถูกซักจนสะอาดหมดจด
เมื่อก๊อกน้ำในโกดังสินค้ามีน้ำ เธอเลยลงมือล้างเืที่เปื้อนพื้นปูนโกดังสินค้าไปด้วย
จากนั้นก็ลากหมูป่าไปไว้ตรงมุมโกดังจะได้ไม่เกะกะ
ขณะที่กำลังคิดว่าจะจัดการเสื้อผ้าที่เปียกอย่างไรดี เซี่ยโม่พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ หากในโกดังสินค้ามีน้ำ เช่นนั้นก็น่าจะต้องมีไฟฟ้าด้วย
ภายในโกดังสินค้ามีเตารีดมากมายหลายแบบ เธอลองดูหน่อยดีกว่า
เซี่ยโม่นำเตารีดไปเสียบปลั๊ก รอให้เครื่องทำงานสักครู่ ไม่นานเตารีดก็ร้อนจนได้อุณหภูมิที่เธอ้า
เธอยิ้มดีใจ กำมือแน่นแล้วกระชากเข้าหาตัวเบาๆ โกดังสินค้าช่างสุดยอดไปเลย!
ในนี้มีทั้งน้ำ มีทั้งไฟฟ้า และอาหาร หากเกิดอะไรขึ้น เธอสามารถพาคนในครอบครัวเข้ามาหลบในนี้ได้
แต่ช้าก่อน เธอยังไม่รู้เลยว่าสามารถพาคนในครอบครัวเข้าโกดังสินค้าด้วยได้หรือไม่ เธอวางแผนอยู่ในใจ ไว้วันหลังค่อยลองพาน้องชายเข้ามาในนี้ดู
เตารีดอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ เด็กสาวใช้เตารีด รีดผ้าจนเรียบแห้ง
ในเมื่อในโกดังสินค้ามีไฟฟ้า เช่นนั้นเธอก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือได้ใช่หรือไม่
ชาติที่แล้ว เซี่ยโม่ แม่เลี้ยง และพี่สาวต่างมารดาทะเลาะกันในโกดังสินค้า เธอจำได้ว่าทำโทรศัพท์มือถือตกอยู่ในนี้
หลังจากชาร์จแบตเตอรี่ หากไม่มีงานอะไรทำ เธอสามารถอ่านข่าวและดูหนังจากโทรศัพท์มือถือได้ ชีวิตที่น่าเบื่อของเธอก็จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
ไม่แน่อาจจะเจอข่าวของเธอหลังจากกลับมาเกิดใหม่ในชาติที่แล้วก็เป็ได้
คิดได้ดังนั้น เซี่ยโม่เดินหาโทรศัพท์มือถือ เมื่อเจอก็นำมันไปชาร์จแบตเตอรี่ทันที
คำนวณดูแล้ว นับจากวันที่กลับมาเกิดใหม่ก็ผ่านมาได้เก้าวันแล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากที่เธอจากมา โลกที่เคยอยู่เป็อย่างไรบ้าง
เมื่อโทรศัพท์มือถือมีแบตเตอรี่พร้อมใช้ เธอเปิดข่าวดูอย่างอดทนรอไม่ไหว ไม่นานก็เจอกับข่าวท้องถิ่นข่าวหนึ่ง
“ประธานบริษัท เฉินเฟิง กรุ๊ป เสียชีวิตกะทันหัน แม่เลี้ยงหวางลี่ลี่และพี่สาวต่างมารดาเซี่ยอวิ๋นก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยเช่นกัน”
“พินัยกรรมของประธานบริษัท เซี่ยโม่ ระบุไว้ว่า หลังจากเสียชีวิต ้ายกมรดกทั้งหมดให้แก่ประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงกำลังเข้ารับมรดกหลายร้อยล้านที่ได้จากบริษัท เฉินเฟิง กรุ๊ป”
ด้านล่างยังมีข่าวเซี่ยฟู่กุ้ย เซี่ยเฉินซี และเซี่ยวฉางเซิง ที่กำลังแต่งตั้งทนายเพื่อสู้คดี
ทั้งสามคนเข้าใจว่าตัวเองมีหุ้นในบริษัท เพียงแต่ไม่มีหลักฐานเป็ลายลักษณ์อักษร เป็หุ้นที่ตอนมีชีวิตอยู่ เธอสัญญาว่าจะให้ทั้งสามคน
อ่านถึงตรงนี้เธอรู้สึกสะใจเหลือเกิน นึกไม่ถึงเลยว่าหวางลี่ลี่กับเซี่ยอวิ๋นจะเสียชีวิตเช่นเดียวกันกับเธอ
ขณะเดียวกันมุมปากพลันยกยิ้มเ็า บิดาของเธอเซี่ยฟู่กุ้ยช่างหน้าไม่อายเหลือเกิน
เงินที่ใช้สร้างบริษัทตอนนั้น เป็เงินที่เธอเก็บหอมรอมริบจากการขายอาหารเช้า หลังจากเกิดเื่ลักพาตัว ชื่อเสียงของเธอถูกทำลายย่อยยับ ถูกครอบครัวไล่ออกจากบ้าน
เซี่ยโม่เข้าไปทำงานในเมือง ห้าปีต่อมา จากธุรกิจเล็กๆ ก็ขยับขยายกลายเป็ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็ก
เมื่อบิดารู้ข่าวก็รีบแจ้นมาหา เห็นแก่ความเป็บุพการีเธอจึงซื้อบ้านให้อยู่ โชคดีที่บ้านเป็ชื่อเธอ หลังจากเซี่ยโม่เสียชีวิต มันเลยถูกบริจาคไปด้วย
ตอนนั้นคนที่บ้านคิดจะเข้ามายุ่มย่ามกับซูเปอร์มาร์เก็ตของเธอ หากถูกเธอขัดขวาง ต่อมาจึงให้คนช่วยหางานให้พวกเขาทำ ทั้งยังให้เงินหนึ่งหมื่นหยวนเป็ค่ากินอยู่แก่พวกเขา
ปีนั้นคือปี 1980 ค่าเงินในประเทศกำลังถูก แค่พันหยวนก็สามารถทำให้ทั้งครอบครัวกินดีอยู่ดีได้แล้ว เงินที่เหลือจึงเข้ากระเป๋าแม่ดอกบัวขาวหมด
เธอกลับไปที่นั่นน้อยครั้งมาก กลับไปเฉพาะ่ขึ้นปีใหม่ แค่เอาของฝากไปเยี่ยมพวกเขาเท่านั้น
ที่น่าหนักใจคือ พวกเขาไม่มีใครมีใจอยากจะทำงานเลยสักคน ทั้งยังหาเื่ได้ทุกวี่ทุกวัน
เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ไหนจะยุ่งเื่งาน เลยบอกกับบิดาว่า “ไม่ต้องทำงานแล้ว อยู่บ้านเฉยๆ ไปก็แล้วกัน”
หวางลี่ลี่กล่าวด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “พวกเราไม่ทำงานก็ได้ แต่เธอต้องให้เงินพวกเราเดือนละสองหมื่น”
เพื่อตัดปัญหา เธอกัดฟันยอมให้ตามที่อีกฝ่ายว่า
เป็แบบนี้อยู่หลายสิบปี จนพวกนั้นกลายเป็ตัวี้เี ดังนั้นเมื่อเห็นข่าวนี้ เธอเลยรู้สึกโมโห
นี่สินะคือธาตุแท้ของบิดากับน้องชายต่างมารดา
โดยเฉพาะผู้ชายสารเลวคนนั้น คงอยากได้สมบัติเธอจนตัวสั่น ด้วยความกรุ่นโกรธ เซี่ยโม่ลงชื่อเข้าสู่ระบบในกระดานสนทนาหนึ่ง แล้วพิมพ์ข้อความด่าทั้งสามคน
แต่ที่น่าเจ็บใจคือ มันกลับโพสต์ไม่ได้
เซี่ยโม่เพิ่งตระหนักได้ว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในโลกนั้นอีกแล้ว ตอนนี้เธอมีชีวิตอยู่อีกยุคหนึ่ง ถ้าโพสต์ข้อความได้สิแปลก แค่ได้เห็นได้รับรู้ก็นับว่าดีมากแล้ว อย่าโลภมากนักเลย
เธออ่านเนื้อหาข่าวต่อ พบว่างานศพตนเองหน่วยงานของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องรับเป็เ้าภาพ พนักงานในบริษัท เฉินเฟิง กรุ๊ป ต่างไปร่วมงานเพื่ออำลาเธอเป็ครั้งสุดท้าย
เซี่ยโม่จำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยอ่านเจอข้อความหนึ่งจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า น่าเสียดายที่ไม่อาจเห็นโลกที่เราเคยอยู่หลังจากเสียไปแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่า เธอที่กลับชาติมาเกิดใหม่จะได้ดูข่าวงานศพของตัวเองในชาติที่แล้ว
ในภาพข่าวคนมากมายที่มาร่วมงานศพของเธอ ทุกคนต่างมีสีหน้าเศร้าเสียใจกันถ้วนทั่ว
มีบางคนที่เธอคนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็อย่างดี เพราะเป็คนงานเก่าแก่ั้แ่สมัยเพิ่งเริ่มก่อตั้งบริษัท มีบางคนที่เธอจำชื่อไม่ได้ ได้แต่เคยพยักหน้าทักทายกันเวลาพบเจอ
นึกไม่ถึงเลยว่า ฐานะของเธอในใจทุกคนจะสำคัญถึงขนาดนี้
เซี่ยโม่เลื่อนสายตาไปที่ภาพบิดาและน้องชายต่างมารดา ซึ่งมีสีหน้าเ็าราวกับมีคนติดหนี้ตัวเองแปดล้านแล้วไม่ยอมคืนอย่างไรอย่างนั้น
ไม่ใช่สิ นี่มันเกี่ยวพันถึงทรัพย์สินมูลค่าหลายร้อยล้านต่างหาก แล้วแบบนี้ทั้งสองคนจะไม่เคร่งเครียดได้อย่างไร
ยิ่งมองก็ยิ่งสะใจ แต่เมื่อเห็นเวลาตรงมุมจอด้านขวาเธอก็ต้องใ พระอาทิตย์ด้านนอกโกดังสินค้าอยู่ตำแหน่งกลางศีรษะพอดี พาให้ตระหนกยิ่งกว่าเดิม
เที่ยงวันเข้าไปแล้ว ป่านนี้น้องชายเธอไม่ร้อนใจแย่แล้วหรือ คุณตาคุณยายที่ไปทำงานที่กองการผลิตก็คงจะกลับมาบ้านแล้วด้วย
เซี่ยโม่เปลี่ยนกลับไปใส่ชุดเดิม ก่อนจะออกจากโกดังสินค้าแล้วเดินลงเขาไป
เมื่อถึงบ้าน พบว่าคุณตาคุณยายกลับมาถึงบ้านแล้วเช่นกัน
น้องชายเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วงเมื่อเห็นเธอกลับมา “พี่ครับ ทำไมถึงเพิ่งกลับมา”
เธอได้แต่ตอบไปว่า “พี่มัวแต่เก็บสมุนไพรจนลืมเวลาน่ะ”
เซี่ยเฉินเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่ครับ ต่อไปตอนไปเก็บสมุนไพรอย่าลืมดูพระอาทิตย์บ่อยๆ นะ ถ้าแสงของพระอาทิตย์เป็เส้นตรงแสดงว่าเที่ยงแล้ว พี่ควรจะลงจากเขาได้แล้ว”
เธอไม่เคยสอนน้องชายเื่นี้ อย่าบอกนะว่าเรียนรู้ด้วยตัวเอง น้องชายของเธอช่างฉลาดและเก่งเหลือเกิน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้