สวีซื่อนอนอยู่บนเตียง พลางมองเพดานสีเหลืองสดใสอย่างเหม่อลอย ดูซีดเซียวไม่ต่างจากผู้ต้องพิษ
หนีจวิ้นหว่านรู้ว่ายามนี้ มารดาของตนกำลังเศร้าโศกเสียใจเพราะผู้เป็บิดา จึงได้แต่มองดูอีกฝ่ายน้ำตาคลอ พลางนั่งข้างๆ เตียง และจับมืออีกฝ่ายไม่ห่าง
“ท่านแม่ แม้ท่านพ่อจะทำไม่ถูก แต่อย่างไรเสีย ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปมิใช่หรือเ้าคะ? การทรมานตัวเองเช่นนี้ มีแต่จะทำให้เว่ยอี๋เหนียง ได้ใจไปเปล่าๆ
หากยังเป็แบบนี้ ตำแหน่งฮูหยินคงต้องเปลี่ยนมือแล้ว จากนั้น ผู้อื่นก็จะสำเริงสำราญกับสินสมรสของท่าน ยึดท่านพ่อเอาไว้ ทั้งยังรังแกบุตรสาวของท่านด้วย”
หนีจวิ้นหว่านพูดถึงสิ่งที่ทำให้สวีซื่อเจ็บใจที่สุดออกมาสองสามประโยค ผู้ที่มารดาเกลียดที่สุด ย่อมเป็เว่ยอี๋เหนียง แล้วนางจะยอมสละทุกสิ่งให้อีกฝ่ายได้อย่างไร
สวีซื่อหันมามองบุตรสาว สายตาเป็ประกายวาวโรจน์ด้วยความชิงชัง “ข้าจะไม่มีวันให้นางทำสำเร็จแน่ ตราบใดที่ฮูหยินอย่างข้ายังมีชีวิตอยู่ เว่ยอี๋เหนียงก็จะเป็เพียงอนุชั้นต่ำ ไม่อาจเทียบข้าได้”
นางหาได้อยากประชันขันแข่งเพื่อแย่งบุรุษ แต่ต่อสู้เพื่อตัวเอง เพราะ้ามีชีวิตที่ดียิ่งกว่าผู้ใด
หนีจวิ้นหว่านเช็ดน้ำตา แล้วบอกสาวใช้าุโที่ยืนอยู่ปลายเตียงว่า “หลินมามา[1] รีบไปเตรียมอาหารมาให้ท่านแม่เถอะ”
หญิงรับใช้ผู้นี้ เป็บ่าวที่ติดตามมาจากบ้านเดิม ย่อมไม่ต้องวิตกในเื่ของความซื่อสัตย์ที่มีต่อสวีซื่อ
“หว่านเอ๋อร์ เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” นางมองบุตรสาว ความเ็ปในดวงตา พลันแปรเปลี่ยนเป็ความกังวล
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ถอนพิษหมดแล้ว หมอบอกว่าแค่ดื่มยาวันละสองเวลาก็ไม่เป็ไรแล้ว แต่...” หนีจวิ้นหว่านกัดริมฝีปาก “เว่ยอี๋เหนียงยังมีอาการไม่สู้ดี ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่”
ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้สวีซื่อมีความสุข ไปกว่าการได้ยินว่าคนอย่างเว่ยอี๋เหนียง ผู้ซึ่งนางชิงชังที่สุดกำลังจะตาย นางจึงฉีกยิ้มกว้าง แล้วถามอย่างยินดี “จริงหรือ?”
เมื่อเห็นสีหน้ากลัดกลุ้มระคนหวาดกลัวของบุตรสาว สวีซื่อก็คาดเดาบางอย่างได้ นางหรี่ตา แล้วถามเสียงต่ำ “เ้าเป็คนวางยาไว้ในภาพวาดของสวีเพ่ยหรานหรือ?”
หนีจวิ้นหว่านจึงไม่อาจข่มกลั้นได้อีก นางกล่าวฟูมฟายด้วยความร้อนรน “ท่านแม่ จะทำอย่างไรดี? หากเว่ยอี๋เหนียงตายขึ้นมาจริงๆ ท่านพ่อคงไม่ปล่อยผ่านเป็แน่ ท่านพี่หรานย่อมต้องถูกตัดสินโทษ ท่านแม่ ข้าไม่อยากให้เขาถูกลงทัณฑ์ ทางออกเดียวก็คือ ต้องไปสารภาพผิดกับท่านพ่อ ว่าข้าเป็ผู้ลงมือ ไม่เกี่ยวกับท่านพี่หราน”
“เสียสติไปแล้วหรือ? เ้าดึงสวีเพ่ยหรานเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร ถ้าลุงของเ้ารู้ ในอนาคตแม่กับเ้าจะไปพึ่งใคร” สวีซื่อทั้งร้อนใจทั้งโกรธเคือง
นางมองออกไปนอกห้อง ก่อนลดเสียงลง “เ้าไม่ต้องทำสิ่งใดทั้งนั้น แม่จะจัดการเอง”
หนีจวิ้นหว่านพยักหน้า “เ้าค่ะ!”
หลังจากหลินมามานำสำรับอาหารมาให้ สวีซื่อก็บอกอีกฝ่ายถึงสิ่งที่ตนจะทำหลังจากนี้
เมื่อวางแผนกันอย่างถี่ถ้วน นางก็ไม่รอช้า ล้างมือเสร็จ ก็พาสาวใช้าุโไปที่บ้านหมอผู้นั้น และพยายามเกลี้ยกล่อมขู่เข็ญ พลางยัดเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้ เขาจึงยอมตกลงที่จะช่วยเหลือ
ขณะเดินทางกลับจวน ทั้งสามก็แวะไปยังตลาดมืด เพื่อซื้อหายาแก้พิษ และฉวยโอกาสที่หนีเจียเฮ่อกับนายท่านหนีกำลังรับประทานอาหารกลางวัน นำยาแก้พิษมาล้างพิษบนภาพวาด
พอเห็นว่าได้ผล จึงส่งคนไปเชิญหนีเจียเฮ่อ นายท่านหนีและโจวชิงหวา มายังห้องโถงใหญ่
เมื่อโจวชิงหวากับหนีเจียเฮ่อ พบว่าหมอก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงอดมองหน้ากันอย่างครุ่นคิดมิได้ ทว่า ยังคงทำความเคารพสวีซื่ออย่างพร้อมเพรียงกัน
“ท่านแม่”
“คารวะนายหญิง”
“ชิงหวา เจียเฮ่อ นั่งลงเถอะ รอนายท่านมาถึงค่อยคุยกัน”
หลังคนทั้งสองนั่งลง หลินมามาก็นำชามารับรองเงียบๆ
จิบชาไปหนึ่งจอก นายท่านหนีก็เข้ามาด้วยท่าทีเหนื่อยล้า เพราะกังวลจนมิได้พักผ่อนสองวันสองคืน จึงทำให้ดูชราไปสิบปีในชั่วข้ามคืน
เขาเอ่ยถามสวีซื่อด้วยน้ำเสียงเ็า “เ้ามีสิ่งใดจะพูดอีก?”
รอยยิ้มของสวีซื่อแข็งค้าง อดมิได้ที่จะทำหน้าบูดบึ้ง “ท่านทำผิดต่อเพ่ยหราน เมื่อวานที่พวกนางทั้งสามคนปวดท้อง หาใช่เพราะต้องพิษ หากแต่เป็เพราะมีอาการอาหารเป็พิษต่างหาก โปรดให้บ่าวปล่อยเพ่ยหรานไปเถิดเ้าค่ะ”
หมอที่มาตรวจผู้ป่วยเมื่อวาน ก้าวไปด้านหน้า พลางโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “นายท่าน ข้าต้องขออภัยอย่างยิ่งที่ประหม่าเกินไป จึงวินิจฉัยผิดพลาด จากการป่วยเพราะอาหารเป็พิษ กลายเป็ถูกวางยา”
นายท่านหนีมองไปยังหมอและคนสกุลสวี ด้วยสายตาเหยียดหยัน “ที่บอกว่าวินิจฉัยผิดพลาด เป็เพราะ้าลบล้างความผิดให้สวีเพ่ยหรานสินะ?”
มุมปากของหนีเจียเฮ่อ ยกขึ้นเป็รอยยิ้มเยาะ “ท่านคิดว่า พวกเราเป็เด็กอมมือหรืออย่างไร?”
ดวงตาของโจวชิงหวาฉายแววระแวดระวัง ขณะมองสวีซื่อด้วยความเคลือบแคลงใจ แต่มิได้แสดงความคิดเห็นอันใด
หมอจึงเสริมว่า “นายท่าน นายหญิงมั่นใจว่านายน้อยสวีคงมิได้วางยาพิษบนภาพวาดเป็แน่ เลยสงสัยว่าที่เว่ยอี๋เหนียงและคุณหนูทั้งสองปวดท้องนั้น น่าจะเป็อาการอาหารเป็พิษมากกว่า จึงส่งหลินมามาไปตามตัวข้ามา จากการสอบถาม ข้าน้อยพบว่าที่พวกนางป่วย เป็เพราะรับประทานปลาและชะเอมพร้อมกันขอรับ”
หนีเจียเฮ่อจำได้ว่า เื่นี้ถูกบันทึกในหนังสือแพทย์ที่ตนเคยอ่านจริงๆ ว่าปลากับชะเอมนั้น หากการรับประทานร่วมกัน จะทำให้เกิดอาการอาหารเป็พิษได้ จึงพยักหน้าให้นายท่านสกุลหนี
“ข้ารู้ ว่าท่านอาจจะไม่เชื่อ” สวีซื่อเหลือบมองบุรุษทั้งสาม จากนั้นก็หันไปบอกบ่าวรับใช้ “ใครก็ได้ ไปนำรูปนกกระเรียนมา ข้าจะพิสูจน์ให้ดู!”
“นี่...” คนรับใช้มองนายท่านหนีด้วยความลำบากใจ หากนายหญิงเป็อะไรไป จะอธิบายกับตระกูลสวีอย่างไร
นายท่านหนีชิงชังสวีซื่อ ที่กลั่นแกล้งรังแกเว่ยอี๋เหนียงมานาน ทั้งยังรู้ดี ว่าเื่นี้สุ่มเสี่ยงเกินไป แต่ถึงกระนั้น ก็ยังสั่งให้บ่าวรับใช้คลี่ภาพวาดออกมา
คนรับใช้ยื่นรูปนกกระเรียนให้สวีซื่อ นางถืออยู่เป็นาน แต่ก็มิได้มีอาการเ็ปใดๆ บุรุษทั้งสามจึงขมวดคิ้วพร้อมกัน
สวีซื่อยิ้มอย่างมีชัย เดินไปตรงหน้าโจวชิงหวาอย่างท้าทาย “ข้าพิสูจน์แล้ว ไม่เห็นว่าจะเป็ไร เ้าอยากลองดูหรือไม่?”
โจวชิงหวารับภาพมาเงียบๆ เป็อย่างที่คิด เขาไม่รู้สึกว่าตนจะได้รับพิษอันใด
เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองสบายดี หนีเจียเฮ่อจึงขอลองบ้าง แล้วค่อยส่งต่อให้นายท่านหนี
นายท่านหนีขมวดคิ้วครุ่นคิด หากหมอจะเปลี่ยนคำวินิจฉัย เพราะรับสินบนจากสวีซื่อ ก็เป็ไปได้ แต่เื่ที่จับภาพวาดแล้ว มิได้ถูกพิษอันใดเล่า จะอธิบายอย่างไร
เห็นเช่นนั้น สวีซื่อก็พูดว่า “นายท่าน ในเมื่อหมดข้อสงสัยแล้ว ก็ควรปล่อยหลานชายของข้าได้แล้วกระมัง”
แม้นายท่านหนีจะไม่พอใจในความอวดดีของนาง แต่ก็ไม่อยากสร้างความบาดหมางกับสกุลสวี จึงได้แต่ลอบถอนหายใจ “ได้ ปล่อยตัวนายน้อยสวีเพ่ยหราน!”
หนีเจียเฮ่อกับโจวชิงหวา พากันเดินผละจากมาทันที
โจวชิงหวาชำเลืองมองภาพวาดนกกระเรียน ดวงตาสีเข้มจับจ้องมันอยู่นาน ก่อนละสายตา แล้วรีบตรงไปยังเรือนของหนีเจียเอ๋อร์
หญิงสาวเพิ่งกลับมาจากเรือนของเว่ยอี๋เหนียง นางนั่งอยู่บนโขดหิน มองดูทิวทัศน์ด้วยท่าทีสงบนิ่ง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า จึงเงยหน้าขึ้นมามอง
โจวชิงหวายกมุมปากเป็รอยยิ้มอ่อนโยน “เ้าอยู่นี่เอง”
เขาขมวดคิ้วด้วยความกังวล ขณะโอบไหล่อีกฝ่าย “อย่ากังวลเลย เว่ยอี๋เหนียงเป็คนดี ต้องไม่เป็อะไรแน่”
------------------------------------
[1] มามา (嬷嬷) หมายถึง สาวใช้าุโ หรือสาวใช้คนสนิท ผู้ติดตามรับใช้มาเนิ่นนาน ั้แ่สมัยยังสาวจนสูงวัย จึงได้รับการยกย่องให้เป็ ‘มามา’ ผู้ควบคุมดูแลควบคุมสาวใช้รุ่นเล็กอีกทีนั่นเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้