่บ่าย สวี่จือจือไม่ได้ไปทำงานที่ไร่ เมื่อลู่ซืออวี่ยังไม่ตื่น เธอเองก็นอนไม่หลับ ในหัวคิดวนเวียนแต่เื่การหาเงินหลังจากที่หย่ากับลู่จิ่งซานไปแล้ว
ถ้าเธอทะลุมิติมาได้ช้ากว่านี้สักสองปีก็คงดี เมื่อนโยบายเปิดกว้างแล้ว เธอจะได้ค้าขายของกินเล่นหรือขนมในโรงเรียนเหมือนชาติก่อน แล้วทำกำไรจากส่วนต่างราคาได้
ถ้าเธอได้รู้จักคนที่มีเทปและรูปดาราก็คงดี เธอจะได้เอาเทปมาขาย มันทำเงินได้มากกว่าการเป็แม่ค้าหาบเร่แน่นอน
สวี่จือจือคิดว่าเมื่อลู่จิ่งซานกลับมา เธอจะลองถามเขาดู เผื่อจะหาช่องทางทำมาหากินได้บ้าง
เมื่อลู่จิ่งซานกลับมา สวี่จือจือก็ปรับอารมณ์ได้แล้ว เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าต่าง มันคือหนังสือคณิตศาสตร์ระดับมัธยมปลาย
สวี่จือจือกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว เมื่อกำลังนั่งคำนวณโจทย์ในหนังสือ ประตูก็ถูกลู่จิ่งซานเปิดพรวดเข้ามา
ในใจของลู่จิ่งซานนั้นคิดง่ายๆ เขาอยากจะแยกบ้าน แต่หญิงชราไม่ยอม
สวี่จือจือรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของชายหนุ่มไม่ดีนัก
เธอไม่ได้ถามอะไร แล้วก็อ่านหนังสือต่อไป
“พวกนี้...คุณเป็คนคำนวณเองเหรอ?” ลู่จิ่งซานยืนดูเธออยู่ครู่หนึ่ง เขาค่อนข้างใ
“อืม” สวี่จือจือเงยหน้ามองเขาอย่างงงๆ “มันไม่ถูกเหรอ?”
“เปล่า” ลู่จิ่งซานกล่าว
โจทย์พวกนี้ดูแล้วค่อนข้างยาก แต่ไม่คิดว่าสวี่จือจือจะสามารถคำนวณมันออกมาได้
“เปล่า?” สวี่จือจือมองเขาอย่างสงสัย
ผิดเหรอ? มันถูกชัดๆ
“ผมหมายถึง มันถูกแล้ว” ลู่จิ่งซานรีบพูด “แค่ไม่คิดว่าคุณจะใช้วิธีแบบนี้”
“มันไม่ได้มีกฎว่าต้องใช้วิธีที่กำหนดนี่” สวี่จือจือพูดพลางก้มหน้า “ขอแค่คำนวณออกมาได้ก็พอ”
แมวดำแมวขาวจับหนูได้ก็คือแมวที่ดี
“คุณพูดถูก” ลู่จิ่งซานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูด “วิธีมีตั้งมากมาย ไม่จำเป็ต้องใช้วิธีเดียว”
สวี่จือจือ “...”
ผู้ชายคนนี้แปลกจริงๆ!
ได้ยินมาว่าผู้ชายก็เหมือนผู้หญิง คือมีวันนั้นของเดือน หรือว่า่นี้จะเป็วันนั้นของลู่จิ่งซานกันนะ?
ตัวอ่อนจักจั่นเมื่อกลางวันไม่ได้กิน ตอนเย็นจ้าวลี่เจวียนก็ใจดี ให้น้ำมันพืชและน้ำมันหมูแก่สวี่จือจือ เธอจึงนำตัวอ่อนจักจั่นไปผัดในกระทะ แต่สวี่จือจือไม่ได้ใช้น้ำมัน เพียงแต่เอาตัวอ่อนจักจั่นไปผัดในกระทะ
“จือจือ” จ้าวลี่เจวียนถึงกับไม่คุ้นชิน “หรือว่าเธอจะเอาน้ำมันหมูไปทอดอีกหน่อยไหม?”
“ป้าสะใภ้ใหญ่” สวี่จือจือพูดพลางยิ้ม “ไม่ต้องหรอกค่ะ”
หญิงชราไม่กินอาหารเย็น สวี่จือจือทำเส้นโจ๊กให้ลู่ซืออวี่กินคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ ก็กินตัวอ่อนจักจั่นที่เหลือจากเมื่อเช้า แล้วก็มีแตงกวายำอีกจาน มื้อเย็นก็จบลงเพียงเท่านี้
ส่วนเหอเสวี่ยฉินกับลู่หลิงซานนั้น ไม่ต้องรอใครเรียกก็ไปกินข้าวกันแล้ว
เมื่อเห็นสวี่จือจือ ลู่หลิงซานก็แค่นเสียงเ็าทีหนึ่ง และมองอย่างท้าทาย แต่ใครจะรู้ว่าสวี่จือจือไม่ได้สนใจเธอเลย
ลู่จิ่งซานเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ลู่หลิงซานก็เหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะรู ลมก็รั่วออกไปในทันที
คืนนี้ลู่ซืออวี่นอนอยู่ในห้องของสวี่จือจือ ส่วนลู่จิ่งซานไปนอนเบียดเสียดอยู่ในห้องของลู่จิ่งเหนียน
เมื่อเข้าไปแล้ว ลู่จิ่งเหนียนก็พูดกับเขาว่า “พี่สาม ผมนอนกรนตอนกลางคืน พี่นอนก่อนเถอะ พอพี่หลับแล้วผมค่อยนอน”
แต่ใครจะรู้ว่ากลางดึก เขาจะตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกรนของลู่จิ่งเหนียน
เช้าวันต่อมา เขาก็ออกมาพร้อมกับขอบตาดำคล้ำ
เสียงกรนของลู่จิ่งเหนียนไม่เหมือนคนทั่วไป มันเป็แบบมีจังหวะ เสียงดังบ้างเบาบ้าง พอถึงจุดที่เสียงดังมากๆ ก็ทำให้คนอื่นกังวลว่าเขาจะหายใจไม่ออกหรือเปล่า ทำให้ลู่จิ่งซานอยากจะะเิตัวเองตายอยู่ตรงนั้น
เมื่อวานลู่หวยเหรินไม่ได้กลับมา เมื่อเช้านี้เขากลับมาก็ถูกหญิงชราเรียกเข้าไปในบ้าน แล้วเล่าเื่เมื่อวานให้เขาฟัง
“ยังเด็กอยู่ ถ้าไม่สั่งสอน ต่อไปจะทำอะไรได้?” หญิงชราพูด “เื่นี้แกเป็ผู้ปกครอง แกจะว่ายังไง?”
“เด็กๆ ทะเลาะกันก็เป็เื่ธรรมดา” ลู่หวยเหรินยิ้มเอาใจ “หรือไม่ก็ให้หลิงซานขอโทษเสี่ยวอวี่ดีไหมครับ? แล้วเดี๋ยวผมจะไปอบรมสั่งสอนเหล่อนให้ดี”
“ลูกเอ๊ย” หญิงชรามองเขาด้วยความผิดหวัง “แม่แกคงมีชีวิตอยู่อีกไม่กี่วันแล้ว แกว่าแกทำแบบนี้จะไม่ผลักไสจิ่งซานออกไปให้ไกลกว่าเดิมหรือไง?”
“แล้วแม่ว่าจะทำยังไงดี?” ลู่หวยเหรินใจเสียแล้วพูดต่อ “แม่อย่าทำให้ผมกลัวสิ แม่ไม่สบายตรงไหนเหรอ?”
“เด็กหลิงซานคนนี้น่ะ” หญิงชราถอนหายใจ “ถูกเมียของแกเลี้ยงจนเสียคนไปแล้ว”
ไม่ขนาดนั้นมั้ง?
ลู่หวยเหรินคิดในใจพลางก้มหน้าลง
ลูกชายของตัวเองเป็คนยังไง เธอรู้ดีกว่าใคร
หญิงชรารู้สึกปวดใจ เธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาตลอด แต่ก็เคยมี่เวลาที่รุ่งโรจน์ แต่ลูกๆ ในรุ่นนี้กลับไม่มีใครเหมือนเธอเลยสักคน
ลูกชายคนโตเธอไม่เป็ห่วง ลูกๆ ทั้งสามคนถึงจะไม่เก่งกาจ แต่ก็เป็คนซื่อสัตย์ สิ่งที่น่าเป็ห่วงที่สุดก็คือลูกชายคนรองนี้ ดูเหมือนจะเก่งกว่าพี่ชาย เป็ถึงหัวหน้าในโรงงานหม้อแปลงไฟฟ้า แต่ความจริงแล้วเป็คนไม่มีความคิดเป็ของตัวเองและเชื่อคนง่าย ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำเื่ผิดพลาดแบบนั้นเมื่อหลายปีก่อน
ในบรรดาลูกๆ ของเหอเสวี่ยฉินนั้นดูไม่ได้เลย ลู่จิ่งซานเป็หลานชายที่เธอรักและเหมือนเธอมากที่สุด แต่ความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้ กลับไม่สนิทกันเท่ากับลูกชายคนโตกับลู่จิ่งซาน
หญิงชรากังวลใจ เดิมทีความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้ก็จืดจางอยู่แล้ว ถ้าลู่จิ่งซานรู้ถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงของกู้ฉิงโหรว บ้านหลังนี้...คงจะแตกแยกแล้วจริงๆ
เมื่อคิดถึงคำพูดของลู่จิ่งซานเมื่อเช้า แล้วมองดูความคิดของลูกชายคนรองในตอนนี้ หญิงชราก็กัดฟัน
“แยกบ้านเถอะ” เธอพูด
ลู่หวยเหรินงุนงง “คุณแม่จะทำอะไรครับ? ถ้าแม่คิดว่าแบบนี้ไม่ดี เดี๋ยวผมจะกลับไปตีหลิงซานให้หนักๆ แล้วผมจะให้เสวี่ยฉินไปขอโทษเสี่ยวอวี่ ดีไหมครับ?”
แค่ทะเลาะกัน ทำไมจะต้องแยกบ้านด้วย? ถ้าแยกบ้าน ตำแหน่งหัวหน้าของเขาจะมีอยู่ไหม? แล้วโควต้าครูของเหอเสวี่ยฉินจะไม่หายไปหมดหรือไง?
“แกฟังฉันพูดก่อน” หญิงชราพูด “การแยกบ้านที่ฉันพูดถึง ไม่ใช่แบบที่แกเข้าใจ”
“แล้วมันคืออะไร?” เสียงของลู่หวยเหรินดังขึ้น “คุณแม่บอกผมมาตามตรง นี่เป็เพราะเมียของจิ่งซานยุแยงหรือเปล่า?”
“ผมบอกแล้วไงว่าลูกสาวตระกูลสวี่ไม่ควรแต่งเข้า” ลู่หวยเหรินพูด “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ผู้หญิงอย่างหวังซิ่วหลิงเลี้ยงลูกจะออกมาเป็แบบไหนได้? ”
“แกมันไม่รู้อะไรเลย” หญิงชราคว้าไม้กวาดที่อยู่ข้างๆ มาตีลู่หวยเหริน “จือจือเป็เด็กดี ไม่เหมือนแม่ของหล่อน”
“เื่นี้เป็ความคิดของจิ่งซาน” หญิงชราพูดอย่างไม่พอใจ “ลูกชายของแกนิสัยเป็ยังไง แกไม่รู้เลยเหรอ? ถ้าเขายอมให้คนอื่นหลอกง่ายๆ เขาก็ไม่ใช่ลู่จิ่งซานแล้ว”
“แต่ก็ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบไม่ได้นะครับ” ลู่หวยเหรินพูด “คนอื่นจะมองครอบครัวเรายังไง!”
“แกฟังฉันพูดให้จบก่อน”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้