โทสะของนางพลุ่งพล่านอยู่ในใจ แต่ความคิดจะลงโทษสองพี่น้องทำให้ต้องอดกลั้นไว้ เตะิเป่าจูไปทีหนึ่ง แล้วเดินออกไปข้างนอกต่อ
“เฮ้ๆ ตรงนี้ยังมีข้าอยู่ทั้งคน คิดจะพาคนไปก็ไป ไม่ถามความเห็นข้าสักคำเลยหรือ”
ท่อนขายาวของหลี่ไหวฺอวี้ยกขึ้นไขว่ห้าง นั่งกอดอกสบายๆ ท่วงท่าราวกับคนเสเพลไม่เป็โล้เป็พาย
ิเป่าจูไม่คลางแคลงแม้แต่น้อย หากปากเขาคาบต้นหญ้าอีกสักต้น จะต้องดูเหมือนพี่ใหญ่ในหนังร่วมสมัยเื่กู่หว่าไจ๋ [1] เป็แน่
“เ้านับว่าเป็อะไร...”
ปากของหวังซื่อไม่เคยละเว้นผู้ใด เคยชินกับการด่าคนจนเป็นิสัย
แต่เมื่อััได้ถึงจิตสังหารจากสายตาของหลี่ไหวฺอวี้ ก็หุบปากทันควัน
หลี่ไหวฺอวี้ยิ้มมุมปาก ทว่ากลางหว่างคิ้วกลับเต็มไปด้วยความเ็า ประหนึ่งว่าหากหวังซื่อพูดมากอีกคำ เขาจะชักดาบยาวหนึ่งหมี่มาฟันคอนางให้ขาด
“นี่เป็เื่ภายในครอบครัวข้า ต้องให้คนนอกอย่างเ้ามายุ่มย่ามด้วยหรือ”
ต่อให้เขาจะแข็งกร้าวน่ากลัวเพียงใด ก็เป็แค่เด็กโตครึ่งตัว [2] หวังซื่อพรั่นพรึงในใจ แต่เพียรฝืนชักสีหน้าโต้กลับ
“อ้อ? สุราอาหารนี้ข้าเป็คนออกเงิน เ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับข้ารึ”
หลี่ไหวฺอวี้ค่อยๆ เปลี่ยนท่าทาง ไม่รีบร้อนไม่เชื่องช้า ยกขาทั้งสองข้างขึ้นขัดสมาธิ วางศอกไว้บนเข่า พลางกำหมัดเท้าคางไว้ เนตรหงส์ [3] หรี่เล็กน้อย ทว่าเต็มไปด้วยความเฉยชา
“อย่างเ้าเนี่ยนะ” หวังซื่อมองหลี่ไหวอวี้อย่างพินิจั้แ่หัวจรดเท้า พลางย้อนถามด้วยความสงสัย
ทันใดนั้นก็นึกถึงถ้อยคำกำชับของิเถี่ยจู้ว่าอย่าพยายามไปยั่วยุคนผู้นี้
ตอนไฟไหม้บ้านวันนั้น หลี่ไหวฺอวี้ปรากฏตัวในชุดผ้าไหม ทั่วร่างดูสง่าผ่าเผย ไม่ใช่คนที่ชาวบ้านในชนบทอย่างพวกเขาจะเทียบเทียมได้
ซ้ำยังเอ่ยนามของพระเถระที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งหมดได้อย่างคล่องแคล่ว สร้างความพรั่นพรึงให้ิเถี่ยจู้อย่างล้ำลึก กลับมาถึงบ้านก็กำชับกับภรรยาของตนเป็พิเศษ แต่กลับไม่บอกรายละเอียดถึงสิ่งที่ตนเองคาดคะเนออกไป
“เห็นข้าเป็คนหลอกง่ายนักหรือ”
หวังซื่อไม่รู้ที่มาของเื่นี้ ตอนนั้นก็เพียงรับปากไปเพื่อตัดรำคาญ แต่ไม่เคยเห็นความสำคัญ
พอได้ยินคำกล่าวของหลี่ไหวฺอวี้เวลานี้ ย่อมจะถากถางดูแคลนอย่างอดไม่ได้
ราคาสุราอาหารโต๊ะนี้อย่างน้อยก็ต้องมีหนึ่งตำลึงเงิน ิเป่าจูสองพี่น้องมีสภาพเป็อย่างไร นางไหนเลยจะไม่รู้ พวกเขาไม่มีสหายในหมู่บ้านสักคน
เ้าหนุ่มนี่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน แต่คนที่มาคลุกคลีกับิเป่าจูทั้งวัน จะเป็คนมีเงินได้อย่างไร
“ไม่เชื่อหรือ เช่นนั้นเ้าก็ไปเลย คอยดูว่าถึงเวลาที่หัวหน้าหมู่บ้านตรวจสอบชัดเจนแล้วจะว่าอย่างไร จะบอกว่าเ้าเป็ผู้าุโที่กดขี่ข่มเหงบุตรของน้องชายสามีอย่างทารุณหรือไม่”
หลี่ไหวฺอวี้นอกจากจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ยังข่มขู่หวังซื่ออย่างไม่อินังขังขอบ
พอเขาเอ่ยมาเช่นนี้ นางก็จำชายหนุ่มสวมชุดผ้าไหมที่เห็นอยู่ไกลๆ คืนนั้นได้
คนที่สามารถสวมใส่อาภรณ์หรูหราราคาแพงเช่นนั้น ก็น่าจะสามารถซื้อสุราอาหารเหล่านี้ได้
หวังซื่อเริ่มเชื่ออยู่ในใจถึงเจ็ดแปดส่วน
“ใช่แล้ว ของเหล่านี้เดิมทีก็เป็พี่ไหวฺอวี้ที่ซื้อมา”
ิเป่าอวี้ดิ้นอย่างแรงอีกครั้งจนพ้นจากการควบคุมของหวังซื่อ ทั้งยังไม่ลืมลากพี่สาวออกมาพร้อมกัน
“เดี๋ยวนี้เก่งนักใช่หรือไม่ ทีเมื่อก่อนแค่ผายลมก็ยังไม่กล้า”
เมื่อครู่ยังพูดพี่สาวอย่างนั้นพี่สาวอย่างนี้ ทำเอานางเกือบเชื่อว่านางเด็กนี่มีความสามารถจริงๆ หากนางเป็สายแร่ทองคำแล้วล่ะก็ ตนเองก็จะไม่ปล่อยไปง่ายๆ
ิเป่าจูนิ่งงันไม่เอ่ยวาจา ท่าทีเช่นนี้ถือว่าเป็การยอมรับโดยปริยายในความคิดของหวังซื่อ
บัดนี้นางเชื่อเต็มสิบส่วนแล้ว ดังนั้นข้อกล่าวหาที่ว่าสองพี่น้องเป็ขโมยก็ไม่อาจเอามาใช้ได้อีก
หวังซื่อเป็คนโลภมาก แต่ขณะเดียวกันก็เป็คนรักหน้าตาเป็ที่สุด พอนึกว่าอาจมีข่าวแพร่งพรายออกไปว่านางทารุณผู้เยาว์ ก็หยุดความคิดที่จะไปพบหัวหน้าหมู่บ้านทันที
แผนการไม่สำเร็จ โทสะในใจก็ไร้ทางระบาย หวังซื่อรู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบอย่างยิ่ง
สายตาเลื่อนไปที่โต๊ะอีกครั้ง เบี่ยงเบนความคิดไปที่สุราอาหารบนโต๊ะแทน
“เอาเถอะ ข้าจะเชื่อเ้าก็ได้ เด็กอย่างพวกเ้ากินของเหล่านี้เดี๋ยวก็ท้องอืดอาหารไม่ย่อย ข้าจะฝืนใจเอามันไปก็แล้วกัน”
จากนั้นก็เริ่มห่อกระดาษน้ำมันทีละใบ คิดหมายจะเอาทุกอย่างกลับบ้านของตนเองให้หมด
ความหน้าหนาไร้ยางอายเช่นนี้แม้แต่หลี่ไหวฺอวี้ก็ยังอ้าปากตาค้าง รับมือไม่ถูกไปชั่วขณะ เขาไม่เคยพบเคยเจอคนพรรค์นี้มาก่อน
“บอกจะเอาไปก็เอาไปดื้อๆ เลยหรือ นี่คือของที่ผู้อื่นซื้อมาให้พวกเรา ไม่ใช่ของบ้านท่าน”
ิเป่าจูเข้าไปยื้อแย่ง
เงินที่นางได้มาจากการทำงานอย่างยากลำบาก ถึงจะแลกเปลี่ยนมาเป็อาหารแล้ว ก็จะยกให้ไม่ได้เป็อันขาด
พูดมาได้ว่าเด็กกินแล้วจะอาหารไม่ย่อย เห็นได้ชัดว่าปลิ้นปล้อนตลบตะแลง โลภมากอยากได้ของผู้อื่น คิดหมายจะฮุบเอาไว้เอง
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้”
นางหนูน้อยยังกล้าลงไม้ลงมือกับนาง หวังซื่อใช้ศอกกระทุ้งจนิเป่าจูกระเด็นล้มลงไปบนพื้น
“เ้ากินข้าวบ้านข้ามาหลายปี ยังไม่เห็นคืน”
อาหารห่วยๆ ไม่กี่อย่างไม่พอยาร่องฟันของนางด้วยซ้ำ ต่อให้ยกให้เพื่อแสดงความกตัญญู นางยังรังเกียจว่าน้อยไปด้วยซ้ำ นางเด็กชั้นต่ำนี่ยังไม่พอใจอีก ฮึ!
มือทั้งสองข้างของิเป่าจูครูดไปบนพื้น รู้สึกแสบเล็กน้อย น่าจะถลอกแล้ว
แต่เวลานี้นางกลับไม่สนใจอะไรมากมาย การกระทำของหวังซื่อกระตุ้นโทสะของนางอย่างแรง จึงลุกขึ้นยืนแล้วปราดเข้าไปยื้อแย่งฉุดกระชากลากถูกับหวังซื่ออีกครั้ง
“ปล่อยเดี๋ยวนี้ ห้ามเอาไป”
ิเป่าอวี้เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็เข้าไปร่วมผสมโรงด้วย
“เพ้ย! เ้ามีสิทธิ์พูดเสียที่ไหน” หวังซื่อทุบตีิเป่าอวี้มาโดยตลอด ยกเท้าถีบเขาออกไปอย่างช่ำชอง
ส่วนท้องเ็ปอย่างรุนแรง ิเป่าอวี้กุมท้องลงไปนั่งกองพลางขดตัวงอ เจ็บจนหน้าผากหลั่งเหงื่อกาฬออกมา
“เป่าอวี้”
ิเป่าจูใมาก วิ่งปราดเข้าไปดูอาการของน้องชายอย่างรวดเร็ว
เมื่อเปิดเสื้อออก ก็เห็นรอยบวมแดงปรากฏอยู่ที่ท้องส่วนบน นางลอบจับชีพจรดูเงียบๆ ก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เคราะห์ดี เคราะห์ดี...
ภายนอกแลดูเหมือนจะหนักหนา แต่ไม่าเ็หรือช้ำใน
แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ ิเป่าจูก็ยังตาแดงก่ำด้วยความโกรธ
หลี่ไหวฺอวี้ตกตะลึงเล็กน้อย รีบเข้าไปประคองิเป่าอวี้
“ช่วยพยุงน้องชายข้าเข้าไปในห้องที”
เสียงของนางเย็นะเืปานน้ำค้างแข็ง ราวกับจะเอาชีวิตคนได้
หลี่ไหวฺอวี้ก็คิดว่าควรรีบพาเขาไปนอน ไม่ควรมานั่งขดตัวงออยู่ตรงนี้
ทันทีที่หัวถึงหมอน ิเป่าอวี้ก็หมดสติ เป็ลมไปเพราะความเ็ป
หลี่ไหวฺอวี้ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ร่างกายเขาช่างอ่อนแอเหลือเกิน เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ชีวิตต้องประสบกับความยากลำบากอะไรมาบ้าง
“เพล้ง”
เสียงของแตกดังมาจากด้านนอก
แย่แล้ว!
หลี่ไหวฺอวี้วิ่งออกมาอย่างรวดเร็วราวกับเหาะเหิน เมื่อมาถึงห้องด้านนอกก็เห็นิเป่าจูถือเศษกระเบื้องจ่อที่ลำคอของหวังซื่อ และมีเืไหลออกมา
แขนของิเป่าจูเหยียดตรง เสื้อผ้าที่ไม่พอดีตัวเผยให้เห็นลำแขนเล็กจ้อยผอมบางและขาวซีด มีเส้นเืเขียวปูดขึ้นมา ความโกรธกริ้วสะท้อนออกมาจากร่างกายอย่างเห็นได้ชัด
“ยายหนูเป่าจู เด็กดี มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกัน นี่เ้าจะทำอะไร...”
นางเด็กบ้านี่ ถูกผีสิงหรืออย่างไร!
“อย่าขยับ”
ิเป่าจูตวาด มือกดลึกเข้าไปอีกหนึ่งชุ่น [4]
แตะต้องนางได้ แต่ห้ามแตะต้องิเป่าอวี้ วันนี้แม้ต้องสละชีวิต นางก็ต้องยุติเื่ราวของสองครอบครัวให้ได้
“ได้ ได้ ได้ ไม่ขยับ ไม่ขยับ” หวังซื่อโอนอ่อนผ่อนตาม เชื่อฟังราวกับแกะน้อยที่รอถูกเชือด
“เป่าจู”
ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วน หลี่ไหวฺอวี้ก็ไม่เอ่ยว่าผู้น้อย คุณหนู หรือผู้มีพระคุณอีกต่อไป แต่เรียกชื่อของนางโดยตรง
เชิงอรรถ
[1] กู่หว่าไจ๋ (Yong and Dangerous) เป็ภาพยนตร์ซีรีย์ในปี 1991 เป็ซีรีย์สัญชาติฮ่องกงแนวผจญภัย อันตราย แกงค์นักเลง ดัดแปลงมาจากการ์ตูนจีนเื่ Teddy Boy ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวตนของหลิวเต๋อหัว
[2] เด็กโตครึ่งตัว หมายถึง เด็กโตแล้วแต่ยังไม่เป็ผู้ใหญ่
[3] เนตรหงส์ ใช้อธิบายลักษณะของดวงตาที่เรียวยาว เฉียงขึ้นเล็กน้อยเหมือนดวงตาหงส์ เป็ลักษณะของดวงตาที่งดงามตามทัศนคติของชาวจีน
[4] ชุ่น หรือนิ้วจีน เป็หน่วยวัดของจีน มีค่าประมาณ 3.33 เิเ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้