ผู้ใหญ่ทั้งสามคนยิ้มรับ “ก็ได้ พวกเราเชื่อฟังโม่โม่ หลานกตัญญูดีจริงๆ งั้นขอพวกเราลองชิมหน่อย”
คุณยายนำผิงกั่วลูกใหญ่หนึ่งลูกไปล้างก่อนจะหั่นเป็ชิ้นๆ
เซี่ยโม่รู้ว่าสุขภาพฟันของผู้ใหญ่ทั้งสามคนไม่ค่อยจะดี เลยเลือกผิงกั่วเนื้อกล้วยคัดพิเศษจากในโกดังสินค้าออกมา
ผิงกั่วพันธุ์นี้จะมีเนื้อละเอียดเหมือนทราย รสชาติหวาน เหมาะสำหรับคนสูงวัย
มือที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นหยิบผิงกั่วมาลองชิมหนึ่งชิ้น คุณยายเคี้ยวพลางพยักหน้าอย่างถูกใจ “อร่อยเหลือเกิน ยายไม่เคยกินผิงกั่วที่อร่อยเท่านี้มาก่อนเลย”
เซี่ยโม่รู้สึกเสียใจทีหลังอย่างยิ่ง รู้เช่นนี้หยิบออกมาให้มากกว่านี้ก็ดี
“ยังมีอีกเยอะ หั่นกินหลายลูกหน่อยก็ได้ค่ะ” เธอบอกคุณยาย
“ช่างเถอะ พวกยายอายุมากแล้ว ชิมแค่นิดหน่อยก็พอ พวกหลานเก็บไว้กินดีกว่า” คุณยายเอ่ยอย่างปวดใจ
คุณตากับอาจารย์พยักหน้าเห็นด้วย เห็นผู้าุโพร้อมใจกันเสียสละ ในใจเซี่ยโม่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย หยาดน้ำตาจวนเจียนรินไหลรอมร่อ
เธอพยายามสะกดความรู้สึกทั้งหมดลงไป “ผิงกั่วกับเค้กพวกนี้หนูตั้งใจซื้อมาให้ทุกคนกินค่ะ ส่วนกองนี้เป็ของหนูกับน้อง ทุกคนไม่ต้องเก็บไว้ให้หนูกับน้องหรอกค่ะ ลองชิมเค้กด้วยสิคะ”
เซี่ยโม่แกะห่อขนมออก กลิ่นหอมหวานของเค้กพลันโชยออกมาทันที
เธอเล่าที่มาที่ไปของขนมในแบบเดียวกับที่เล่าให้เด็กชายทั้งสามคนฟัง ผู้าุโทั้งสามเชื่อสนิทใจแต่ก็ยังไม่วายกำชับ “อย่าลืมขอบคุณแม่ของเพื่อนคนนั้นด้วยล่ะ”
“ทราบแล้วค่ะ”
เธอรับคำพลางแบ่งขนมเค้กออกเป็ชิ้นเท่าๆ กัน ก่อนจะส่งให้คุณยายเป็คนแรก
คุณยายรับมา แบ่งเป็สองชิ้นแล้วยื่นอีกครึ่งให้คู่ชีวิต หลังจากกัดชิมไปหนึ่งคำก็ตาโตก่อนจะกล่าวอย่างตื่นเต้น “ตาแก่ แกรีบกินเร็ว อร่อยมากเลย”
คุณตามองขนมเค้กอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนำเข้าปาก เขาเคี้ยวด้วยสีหน้าพึงพอใจ “อร่อยมากจริงๆ ด้วย”
สองสามีภรรยายิ้มอย่างมีความสุข ทั้งคู่ไม่เคยรับประทานขนมเค้กที่อร่อยเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต
ส่วนคุณปู่จ้าวเอาแต่มองชามอาหารหมา[1]ตรงหน้า ขณะที่มือถือขนมเค้กค้างไว้
เห็นเช่นนั้นเซี่ยโม่จึงพูดเตือน “อาจารย์คะ รีบลองชิมขนมเค้กดูสิคะ”
ชายชราเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก หรี่ตามองเธออย่างจับผิด “อย่าคิดจะใช้ขนมเค้กมาติดสินบนฉันหน่อยเลย หลังจากกินข้าวเสร็จฉันจะทดสอบเธอ ฉันไม่มีทางอ่อนข้อให้แน่นอน”
อาจารย์คิดว่าเธอใช้ขนมเค้กติดสินบนหรือนี่?
เธออยากจะเอาขนมเค้กคืนมาเหลือเกิน ขณะที่กำลังจะลงมือ อาจารย์กลับส่งขนมเค้กเข้าปากไปเสียแล้ว
“อร่อยดี” แม้จะกลืนลงคอไปแล้วชายชราก็ยังชมไม่ขาดปาก “อร่อยจริงๆ”
อาจารย์ของเธอสมแล้วที่เป็นักกิน
“งั้นหนูไปทำอาหารเย็นก่อนดีกว่าค่ะ อย่ากินจนอิ่มเกินไปนะคะ” เซี่ยโม่ลุกขึ้นยืนพลางบอกกล่าว
เดิมทีคิดว่าวันนี้จะทำบะหมี่ แต่พอเข้าไปในห้องครัวกลับพบว่าแป้งสาลีหมดเกลี้ยงแล้ว พรุ่งนี้เธอค่อยเอาออกมาจากโกดังสินค้า ส่วนที่มาที่ไปของแป้งค่อยอ้างว่าพี่ซ่งให้ก็แล้วกัน
ถ้าไม่มีแป้งสาลี มื้อนี้คงต้องหุงข้าวแทน
เซี่ยโม่นำข้าวสารจากโกดังสินค้าใส่ลงไหในห้องครัว จากนั้นนำข้าวกับข้าวฟ่างไปต้ม ต่อด้วยหยิบเนื้อวัวออกมาหั่นเป็ชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า จัดแจงตั้งไฟใส่น้ำมันลงในกระทะ นำเนื้อวัวลงไปผัดพอสุกแล้วตักขึ้นมาพักไว้
บนพื้นห้องครัวมีหัวผักกาดแดงวางอยู่ คุณยายคงเก็บมันมาจากในสวน ผักจากสวนบ้านตัวเองย่อมเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
เธอนำมันไปล้างและหั่นเป็ทรงสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
นำเนื้อวัวกับหัวผักกาดแดงที่เตรียมไว้ใส่ลงหม้อที่ต้มข้าวกับข้าวฟ่าง เติมเกลือเพิ่มรสชาติเล็กน้อย ก่อนจะปิดฝาเพื่อต้มต่ออีกสักพัก
เซี่ยโม่เดินออกไปที่สวนเพื่อเด็ดแตงกวามาทำยำ เอาลูกพลับกับไข่ไก่มาต้มเป็น้ำแกง เพียงเท่านี้อาหารเย็นก็เสร็จเรียบร้อย
หลังจากรับประทานมื้อเย็นเสร็จ คุณปู่จ้าวเปลี่ยนท่าทีจากชายชราผู้ใจดีมาเป็อาจารย์ผู้เข้มงวดในทันที “ลูกศิษย์ ตามมา อาจารย์ขอทดสอบหน่อย”
แม้เมื่อคืนจะยังท่องไม่ค่อยคล่อง แต่เช้านี้เธอตื่นมาท่องแต่เช้าตรู่ เมื่อสมองปลอดโปร่งเลยสามารถจดจำได้ดี เธอจึงไม่กังวลแม้จะถูกทดสอบ
ไม่ว่าอาจารย์จะถามถึงชีพจรจุดไหน เซี่ยโม่สามารถตอบได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
การทดสอบผ่านไปได้ราวสิบนาที ใบหน้าเคร่งขรึมของชายชราถึงค่อยเผยรอยยิ้มออกมา
“เรานี่ความจำดีไม่เลว งั้นเดี๋ยวฉันสอนเคล็ดลับการฝังเข็มให้”
“เป็เพราะอาจารย์สอนดีต่างหากล่ะคะ ว่ามาได้เลยค่ะ ฉันจะตั้งใจฟัง…” เซี่ยโม่รู้สึกโล่งอกเป็อย่างมาก ในที่สุดก็ผ่านการทดสอบแล้ว
ชายชราเห็นเด็กสาวมีท่าทีมั่นอกมั่นใจก็ยื่นมือไปดีดหน้าผากไม่แรงนักหนึ่งที “จำเอาไว้ จะเรียนวิชาแพทย์ห้ามมั่นใจในตัวเองเกินไปเป็อันขาด”
เธอยกมือลูบที่หน้าผากป้อยๆ อย่างน้อยอกน้อยใจ
ทั้งที่จำได้แท้ๆ ทำไมเธอถึงยังโดนทำโทษอีกเล่า
ชายชราเหมือนจะรู้ทันความคิดของลูกศิษย์ จึงเอ่ยเตือนเสียงเข้มจริงจัง “เอาละ เลิกคิดอะไรไร้สาระได้แล้ว ตั้งใจฟังให้ดี”
อีกฝ่ายเป็อาจารย์ เธอเป็ศิษย์ย่อมต้องเชื่อฟัง เซี่ยโม่นั่งบนเก้าอี้อย่างสงบเสงี่ยม ตั้งหน้าตั้งตาฟังคำสอนสุดฤทธิ์
“ฟังเข้าใจไหม” เมื่อทำการสอนไปได้สักครู่ใหญ่ ชายชราก็เอ่ยถามอย่างเป็ห่วง
เซี่ยโม่พยักหน้า รีบรินน้ำใส่แก้วแล้วส่งให้อย่างเอาใจใส่ “เข้าใจค่ะ อาจารย์สอนต่อได้เลยค่ะ”
ชายชรารับแก้วน้ำไปดื่มด้วยสีหน้าพึงพอใจ ก่อนจะทำการสอนต่อ
“ไหนลองพูดมาสิว่าฉันสอนอะไรไปบ้าง ฉันจะได้รู้ว่าเธอเข้าใจมากน้อยแค่ไหน” หลังจากสอนไปจนเริ่มเหนื่อยจึงหยุดพักชั่วคราว
“ได้ค่ะ”
เซี่ยโม่นำความรู้ที่ได้รับถ่ายทอดจากชายชรามาเรียบเรียงในแบบตัวเองแล้วตอบออกไป
“วันหยุดสุดสัปดาห์ถ้าเธอมีเวลาฉันจะพาเธอไปดูของจริง แล้วก็จะให้เธอลองฝังเข็มให้คนป่วยด้วย” ชายชรายิ้มกว้างอย่างพึงใจ
“อาจารย์คะ เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ ฉันจะทำได้เหรอ”
“อะไรคือช้าอะไรคือเร็ว ถ้าไม่ลองทำเธอก็จะไม่กล้าแบบนี้ตลอดไป มีฉันอยู่ข้างๆ เธอจะกลัวอะไร”
“แต่ว่าคนไข้เขาจะยอมเหรอคะ” ลูกศิษย์ตัวน้อยยังคงถามด้วยความลังเล
คุณปู่จ้าวตอบกลับเสียงแข็ง “พวกเขาจะไม่ยอมได้ยังไง ฉันอุตส่าห์ฝังเข็มให้โดยไม่คิดเงิน ถ้าไม่ยอม ต่อไปฉันก็แค่ไม่รักษา“
เซี่ยโม่ค้นพบว่าอาจารย์เข้มแข็งขึ้นมาก ไม่เหมือนตอนเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านที่กลัวคนอื่นจะล่วงรู้เื่ราวหนหลัง ทั้งยังกลัวว่าตัวเองจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใหญ่บ้านและคนในบ้านเธอ
สองเดือนกว่าที่ผ่านมา อาจารย์รักษาคนไข้จนหายป่วยไปแล้วจำนวนไม่น้อย ขึ้นชื่อลือชาจนถึงขั้นกองการผลิตของหมู่บ้านใกล้เคียงดั้นด้นมาถึงที่นี่เพื่อให้อาจารย์ช่วยรักษา
ถึงแม้งานจะยุ่งเล็กน้อย แต่จิตใจของอาจารย์ดีขึ้นมาก เงามืดที่อยู่ภายในใจของชายชราค่อยๆ มลายไปทีละน้อย
ชาวบ้านบางคนออกปากชมอาจารย์กับผู้ใหญ่บ้านเลยทีเดียวว่า “ผู้ใหญ่บ้าน คุณนี่ตาแหลมจริงๆ หาหมอที่ดีแบบนี้มาประจำหมู่บ้านเราได้”
“โชคดีที่ได้เบื้องบนแนะนำมา” ผู้ใหญ่บ้านตอบพร้อมรอยยิ้ม
เรียกได้ว่าอาจารย์มีที่ยืนในหมู่บ้านได้อย่างมั่นคงแล้ว
เซี่ยโม่ดึงความคิดกลับมาสู่ปัจจุบัน ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ “อาจารย์ ฉันจะเชื่อฟังอาจารย์ค่ะ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้จะลองฝังเข็มดู”
“แบบนี้สิถึงจะถูก ถ้าว่างก็ไปซื้อเข็มเงินที่ร้านยาในตำบลด้วยล่ะ จะได้มาลองฝึกน้ำหนักมือเวลาลงเข็ม”
เธอพยักหน้ารับรู้ “ได้ค่ะอาจารย์”
เซี่ยโม่ทราบดีว่า อาจารย์กับเ้าของร้านยาหุยชุนถังในตำบลไม่ถูกกัน อาจารย์ยอมไปซื้อยาไกลถึงอำเภอดีกว่าซื้อยาจากร้านในตำบล
พรุ่งนี้ตอนเที่ยงเธอไม่ต้องเอาข้าวไปให้พวกน้องชาย เลยวางแผนไว้ว่าจะไปซื้อเข็มเงินและแวะร้านหนังสือสักหน่อย
กลางคืนระหว่างที่นอนอยู่บนเตียง จู่ๆ เซี่ยโม่ก็นึกถึงแม่ดอกบัวขาวขึ้นมา อีกเพียงครึ่งเดือนก็จะครบสามเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะถูกปล่อยตัวออกมาก่อนกำหนดหรือไม่
สถานีตำรวจในตำบลน่าจะพอรู้ข้อมูล ดังนั้นพรุ่งนี้ลองแวะไปถามดูดีกว่า
เธอจำได้ว่าคุณป้าที่อยู่แผนกทะเบียนเป็แฟนคลับของเธอ ครั้งก่อนไปแล้วไม่เจอ พรุ่งนี้เธอจะลองไปหาอีกที นำลูกอมนมไปฝากแล้วลองถามถึงเื่นี้ดู
พรุ่งนี้ตอนเที่ยงมีเื่ที่ต้องทำเยอะแยะมากมาย เธอคงต้องรีบทำเวลาไม่เช่นนั้นจะกลับไปเข้าเรียนคาบบ่ายสายเอาได้
-------------------------------
[1] ชามอาหารหมา คือคำสแลง มีความหมายว่า การต้องพบเห็นคู่รักกระหนุงกระหนิงกันต่อหน้า
