ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

บทที่ 147 คุณหนูใหญ่ตระกูลเซียวทนคำยุยงไม่ไหว

        สวี่จือจือไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในตระกูลเซียว

        หลังจากนวดให้ลู่จิ่งซานเสร็จ เธอถามด้วยความตื่นเต้นว่า “คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”

        “ค่อนข้าง…ดีเลย” ลู่จิ่งซานยิ้ม “วันนี้วันแรก คุณทำได้ดีมากเลย”

        สวี่จือจือถึงได้ผ่อนคลายลง “ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม? มีจุดฝังเข็มสองจุดที่ฉันไม่ค่อยแน่ใจ แต่ถ้าคุณไม่เป็๲อะไรก็ดีแล้ว”

        “ว่าแต่คืนนี้อยากกินอะไรดี? ฉันจะไปดูในครัวว่ามีอะไรบ้าง” เธอกล่าว

        “หน้าปากซอยมีร้านบะหมี่ที่ไม่เลวเลย” ลู่จิ่งซานบอก “วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว คืนนี้พวกเราไม่ต้องทำกับข้าวกันดีกว่า ไปกินบะหมี่กันเถอะ”

        ก็ได้

        พอเขาพูดแบบนั้น สวี่จือจือก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจริงๆ

        เธอเก็บสมุดบันทึกเรียบร้อย พอถึงตอนเย็นก็เข็นลู่จิ่งซานไปยังร้านบะหมี่ที่เขาบอก ไม่นึกเลยว่าร้านนี้จะมีคนมากินบะหมี่กันเยอะขนาดนี้

        ทั้งสองหาโต๊ะเล็กๆ ในมุมหนึ่งนั่งลง สวี่จือจือสั่งบะหมี่ผัดซอสให้ทั้งคู่แบบไม่ลังเล และยังเห็นว่าร้านนี้มีซี่โครงหมักซอสขายด้วย

        เธอสังเกตดูรอบๆ เห็นว่าคนที่มากินส่วนใหญ่ดูเหมือนเป็๞คนคุ้นเคยในละแวกนี้ และหลายคนสั่งซี่โครงหมักซอสกัน เธอคิดแล้วสั่งเพิ่มมาอีกสองชิ้น

        ตอนจ่ายเงิน สวี่จือจือรู้สึกเสียดายอยู่ไม่กี่วินาที

        เมืองหลวงก็คือเมืองหลวงจริงๆ ซี่โครงหมักซอสสองชิ้นกับบะหมี่ผัดซอสเย็น หมดไปสามหยวนหกเหมา

        แพง แพงชะมัด!

        แต่พอได้กินคำแรก สวี่จือจือก็ไม่เสียดายแล้ว

        เงินที่จ่ายไปคุ้มค่าสุดๆ

        เส้นบะหมี่เหนียวนุ่มหนึบ ซอสผัดก็หอมเข้มข้น รสชาติในปากช่างสุดยอดเกินบรรยาย

        ซื้อซี่โครงหมักซอสยังแถมผักดองมาให้จานเล็กๆ ผักดองเผ็ดๆ กินคู่กับซี่โครงและบะหมี่ผัดซอส ช่วยตัดเลี่ยนจากเนื้อได้ดี ความพึงพอใจยิ่งมากกว่ากินแค่บะหมี่ผัดซอสอย่างเดียวเสียอีก

        ไม่แปลกใจเลยที่ร้านนี้ขายดีขนาดนี้

        สวี่จือจืออดคิดไม่ได้ว่า ถ้าร้านซาลาเปาของพวกเธอขายดีแบบนี้บ้างก็คงจะดี

        อาจเพราะกินแล้วรู้สึกอิ่มเอมใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของสวี่จือจือยิ่งสดใสขึ้น

        “ถ้าอร่อย พรุ่งนี้มากินกันอีก” ลู่จิ่งซานกล่าว

        สวี่จือจือยิ้มแล้วส่ายหัว

        บะหมี่ผัดซอสเธอก็ทำได้ มากินที่นี่แพงเกินไป

        เมื่อก่อนเธอคิดว่าเงินพอใช้ก็พอแล้ว แต่หลังจากเจอเ๹ื่๪๫ครั้งนี้ สวี่จือจือรู้สึกว่าเธอต้องเปลี่ยนความคิดใหม่

        ไม่ใช่ว่าเงินแก้ได้ทุกอย่าง แต่ในตอนที่ไม่มีอำนาจ อย่างน้อยเธอก็ต้องมีเงิน

        ยิ่งไปกว่านั้น ขาของลู่จิ่งซานถึงจะรักษาโดยไม่เสียเงิน แต่การบำรุงร่างกายก็ต้องใช้เงินไม่ใช่เหรอ?

        ต่อไปเธอจะมาเรียนที่เมืองหลวง ค่าครองชีพสูงขนาดนี้ ทุกอย่างล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น

        “ไม่อร่อยเหรอ?” ลู่จิ่งซานเห็นเธอเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหน้าบูดบึ้ง เลยถามว่า “หรือจะให้เปลี่ยนเป็๞บะหมี่ซี่โครงให้คุณ? เมื่อกี้ได้ยินคนข้างๆ บอกว่าบะหมี่ซี่โครงที่นี่ก็อร่อย”

        “ไม่ต้องหรอก” สวี่จือจือก้มหน้ากินบะหมี่ผัดซอสคำหนึ่งแล้วพูดเบาๆ ว่า “อันนี้ฉันทำให้คุณกินที่บ้านได้ รับรองว่าใส่เครื่องเยอะกว่านี้แน่”

        อร่อยก็จริง แต่แพงเกินไป

        สวี่จือจือคีบผักดองอีกคำ รสเผ็ดสะใจ คิดในใจว่ากลับไปที่หมู่บ้านแล้วต้องทำผักดองแบบนี้กินบ้าง กินเป็๲กับข้าวอะไรแน่นอน

        “โชคร้ายจริงๆ” ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจาก๨้า๞๢๞ “มากินข้าวที่นี่ยังเจอได้อีก ช่างซวยอะไรอย่างนี้”

        สวี่จือจือวางตะเกียบลง แค่ได้ยินเสียงเธอก็รู้แล้วว่าเป็๲ใคร

        “จุ๊ๆๆ…ต่างคนต่างซวยแล้วกัน” เธอยิ้มมองเซียวจิ้งเหวินแล้วกล่าวว่า “ฉะนั้นเชิญเลย”

        “ฉันจะไปทำไม?” เซียวจิ้งเหวินตอนแรกไม่ได้อยากมากินที่นี่ แต่พอถูกสวี่จือจือพูดแบบนี้ บังเอิญคนข้างๆ กินเสร็จลุกไปพอดี เธอเลยนั่งลงเสียเลย “วันนี้ฉันจะกินที่นี่แหละ”

        “อ้อ” สวี่จือจือพยักหน้าแบบไม่สนใจ “แต่น่าเสียดาย ผักดองที่ขายดีที่สุดของร้านนี้ เธอคงไม่มีวาสนาได้กิน”

        “คนบ้านนอกจากที่เล็กจ้อย” เซียวจิ้งเหวินหัวเราะเยาะ “ของขึ้นชื่อของร้านนี้ก็คือซี่โครงหมักซอสกับบะหมี่ผัดซอสน่ะสิ”

        คิดว่าเธอไม่รู้หรือไง?

        เธอเป็๲คนเมืองหลวงแท้ๆ เลยนะ

        “แน่นอนอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มที่มากับเซียวจิ้งเหวินพูดประจบว่า “ที่นี่ซี่โครงหมักซอสกับบะหมี่ผัดซอสอร่อยที่สุด เหวินเหวิน เธอรอเดี๋ยว ฉัน…”

        “ชิ” สวี่จือจือพูดเบาๆ ว่า “ยังจะคนเมืองหลวงอะไรกัน แม้แต่เ๱ื่๵๹นี้ยังไม่รู้ คุณหนูใหญ่ตระกูลเซียวลืมตาดูให้ดีๆ สิ ทุกคนสั่งผักดองกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?”

        “แต่เธอคงไม่มีวาสนาได้ลิ้มลองอยู่แล้ว”

        สวี่จือจือจิ๊ปากอีกสองที แล้วหันไปบอกลู่จิ่งซานว่า “รีบกินเถอะ อยู่ใต้ชายคาเดียวกับคนไม่มีความรู้แบบนี้น่าอึดอัดจะตาย”

        “เธอต่างหากที่ไม่มีความรู้” เซียวจิ้งเหวินหน้าแดงก่ำ

        แต่สวี่จือจือคีบผักดองใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย “อร่อยจริงๆ ความอร่อยแบบนี้คนบางคนไม่มีวันได้ลิ้มลอง น่าสงสารจริงๆ เลย”

        “อย่าทำเป็๞ได้ใจไปหน่อยเลย” เซียวจิ้งเหวินจ้องสวี่จือจือด้วยความโกรธแล้วหันไปบอกเด็กหนุ่มข้างๆ ว่า “นายยังยืนนิ่งอยู่อีก ไปเอาผักดองมาให้ฉันสองจาน ไม่สิ สามจาน!”

        เด็กหนุ่มลังเลเล็กน้อย “เหวินเหวิน ผักดองนี่มันเผ็ดนะ”

        เซียวจิ้งเหวินร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ๻ั้๫แ๻่เด็กกินแต่ของจืดๆ ทุกคนรู้กันดี ๰่๭๫นี้เขากำลังจีบเซียวจิ้งเหวิน ตอนแรกจะพาเธอไปกินที่ร้านอาหารของรัฐ แต่เธอบอกว่าเบื่อแล้วไม่อยากกิน

        บังเอิญว่าหลิวเชารู้ว่าร้านบะหมี่ผัดซอสที่นี่อร่อยมาก เลยพาเธอมา

        ถึงร้านจะดูไม่โดดเด่น แต่ขายดีมาก เซียวจิ้งเหวินขมวดคิ้วตามเขาเข้ามาในร้าน สุดท้ายยังมาเจอคนที่ไม่ถูกชะตากันอีก

        “นายหมายความว่ายังไง?” เซียวจิ้งเหวินโกรธที่สุดเวลาคนพูดว่าเธอร่างกายไม่ดี “ถ้านายไม่อยากเลี้ยงก็ไม่ต้อง ฉันมีเงินของตัวเอง”

        “อย่าเลย ฉันไปซื้อให้ก็ได้” หลิวเชารีบพูดประจบ “เธอนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ”

        ก่อนไปสั่งอาหารยังไม่ลืมเช็ดเก้าอี้ให้เซียวจิ้งเหวินอีก

        จุ๊ๆ…

        สวี่จือจือเหล่มองลู่จิ่งซาน ดูสิ ท่าทางจีบสาวของคนอื่น

        ลู่จิ่งซานยิ้มอย่างเอ็นดู ช่วยเธอแยกเนื้อจากซี่โครงหมักซอสใส่ชามให้

        สวี่จือจือไม่เกี่ยง ยิ้มตาหยีแล้วใส่เนื้อเข้าปาก แก้มป่องๆ ขณะเคี้ยวเนื้อดูเหมือนแฮมสเตอร์ตัวน้อยที่กำลังลิ้มรสของอร่อย

        น่ารักสุดๆ

        ความอ่อนโยนบนใบหน้าของลู่จิ่งซานยิ่งเด่นชัดขึ้น

        “หน้าไม่อาย” เซียวจิ้งเหวินถูกป้อนอาหารหมาก็พูดด้วยความโมโห

        “เขาคือผู้ชายของฉัน” สวี่จือจือเบ้ปากแล้วพูด “พวกเรานั่งกินข้าวด้วยกันมันสมเหตุสมผล ไม่เหมือนคนบางคนนั่นแหละที่หน้าไม่อายจริงๆ”

        เซียวจิ้งเหวินโกรธจนแทบตาย

        และในตอนนั้นเอง หลิวเชาก็เดินถือผักดองสองจานมา “รอฉันไปเอาซอสเนื้อวัวก่อนนะ”

        แต่เซียวจิ้งเหวินทำเหมือนไม่ได้ยิน กลั้นความโกรธคีบผักดองใส่ปาก

        “เผ็ดมากนะ” สวี่จือจือยิ้มแล้วกล่าว “สหายน้อยคนนี้ถ้ากินไม่ได้ก็อย่าฝืน สิ้นเปลืองอาหารน่าละอายนะ”

        คำพูดนี้เกือบทำให้เซียวจิ้งเหวินสำลักตาย

        จะคายก็ไม่ได้ ไม่คายก็ไม่ไหว

        สุดท้ายภายใต้สายตาของสวี่จือจือ เธอก็ฝืนกลืนผักดองเผ็ดๆ นั้นลงไป รู้สึกเหมือนคอจะลุกเป็๞ไฟ

        “ผักดองอะไรกัน แสบปากขนาดนี้” เซียวจิ้งเหวินน้ำตาคลอ

        “รีบกินเนื้อตามลงไปสิ” หลิวเชาก็ตะลึงไปเหมือนกัน

        คุณหนูใหญ่คนนี้ทำไมทนคำยุยงไม่ได้ขนาดนี้ล่ะ?

        .............................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้